มาต่อกันที่ Part2 ค่ะ ความเดิมตอนที่แล้วเราลงมาจาก Tilicho lake แล้วนอนที่ Hotel New Tilicho Base Camp & Restaurant
DAY 11 : (02.05.65) วันนี้เราจะเดินไปที่ Seeri Kharka ระยะทาง 6 กิโลเมตร
เริ่มเดิน 8.10 น. - 10.57น. วันนี้เดินน้อยและไม่ไกลมาก
วันนี้แดดดีเหลือเกิน
ทางที่เดินย้อนกลับไปวันนี้ช่างสวยเหลือเกิน
วันนี้เดินถึงที่พักไว เลยมีให้ซักผ้า ทุกคนต่างซักผ้าของตัวเอง
ตากแปปเดียวก็แห้งแล้วค่ะ ที่ลมแรงแดดแรง แต่อากาศเย็นและแห้ง
หลังจากนั้นไม่นานฝนก็ตกปรอยๆ
ตัวอย่างเมนู ส่วนใหญ่ทุกร้านจะเมนูเหมือนกันหมด แต่หน้าตาจะไม่เหมือนกัน แม้แต่ซอสมะเขือเทศยังรสชาติไม่เหมือนกันสักร้านเลย
แนะนำว่าควรพกพวก แม็กกี้ น้ำจิ้มต่างๆ น้ำพริกต่างๆ อาหารเกือบจะทุกร้านจะไปทางจืดๆ + เค็ม ยิ่งสูงเนื้อสัตว์ยิ่งหายาก ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารพวกแป้งและเส้น
ในภาพคือข้าวผัดไข่ ที่มีไข่เจียวโปะอยู่ด้านบนข้าว ไม่มีเนื้อสัตว์ บางร้านมีไก่ แต่ตั้งแต่ที่ 4พันเมตรไม่ค่อยมีให้กินแล้ว
มื้อเย็นแยกย้ายกันไปนอน
DAY 12 : (03.05.65) เดินไป Yak Kharka 4018 m. ระยะทาง 10.5 กิโลเมตร
เริ่มเดิน 7.40-13.19 วันนี้ทางขึ้นลงเขาตลอดเส้นทางอากาศร้อนขึ้นแต่ลมยังแรงเหมือนเดิม
วิวเขาหน้าที่พัก
เริ่มเดินแล้ว
เดินผ่านมาขี้วัวเป็นน้ำแข็งเลย ^ ^
เส้นทางนี้มีคนปั่นจักรยานเสือภูเขาด้วยนะบางช่วงไม่สามารถปั่นผ่านไปได้ก็เข็นเท่านั้น
วันนี้วิวแปลกตากว่าทุกๆวันเลย มีความแล้งๆ แต่มีต้นไม้สูงกว่าที่อื่น แต่ก็ยังมีวิวเขาหิมะอยู่ สวยดี
ตลอดเส้นทาง acc จะมีสัญลักษณ์ ขาวแดง และ ขาวฟ้าแบบนี้ตลอดเส้นทาง
สีฟ้าขาว คือ เดินไป tilicho lake
สีแดงขาว คือ เส้นหลัก Circuit
ถึงที่พักแล้ว ที่นี่ไม่มีไวไฟ รู้สึกว่าตั้งแต่ขึ้นสี่พันเมตรมายังไม่เจอร้านที่มีไวไฟเลย
ตอนนี้ไม่มีเน็ทมาแล้ว 4 วัน - - แต่ที่นี่ดีมีห้องน้ำในตัว
วันนี้เดินมากินมื้อเที่ยง ที่พักเลย
อาหารร้านนี้คือดีมากกกกก ฟิลคนไทยมากกกก รสชาติเผ็ดได้ใจ
เมนูแนะนำคือ Chicken Chili คือรสชาติแบบไก่ผัดพริกเผาใส่พริกหยวกเขียว
Chicken Sizzler เหมือนสเต็กไก่นุ่มๆ หมักมาดีมากๆ พร้อมเสิร์ฟ มาบนกระทะร้อนๆ
บรรยากาศรอบๆหมู่บ้าน
กลางคืนอากาศหนาวค่ะ หนาวมาก
คืนนี้ได้ดูทีวี เนื่องจากไม่มีอินเทอร์เน็ต สิ่งเดียวที่ให้ความบันเทิงยามค่ำคืนนี้ แม้ทุกคนจะฟังไม่ออก แต่เชื่อไหม ไม่มีใครละสายตาไปจากทีวีเลย
แต่กลางคืนก็ยังออกมาถ่ายดาวกัน ^ ^
DAY 13 : (04.05.65) High Camp 4925 m.
ระยะทาง 8 กิโลเมตร เริ่มเดิน 7.46-14.30 น.
พักกินมื้อเที่ยงกันก่อน
จากนั้นคือดันขึ้นแบบ ดั้น ดัน สุดๆเลย ช่วงบ่ายลูกเห็บเล็กๆตกด้วยบวกกับหิมะตกเล็กน้อย
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เหนื่อยสุดๆ ให้เพื่อนๆนึกถึงเขาหลวงสุโขทัย ดันขึ้นแบบนั้น ยาวไป
ค่าความชัน 915 เมตร วันเดียวขึ้นเกือบพันเมตร โอ้ยย ฉันอยากตาย
โคตรเหนื่อยเลย
ที่พักของเราคืนนี้ Thorong High Camp View Hotel
นี่คือวิวรอบๆ High Camp
ตอนนี้เราอยู่ที่ความสูง 4925 ไม่ต้องบอกเลยว่าหนาวแค่ไหน หายใจลำบากแค่ไหน ช่วงบ่ายหิมะตกแรงมากกกกกกก แต่ดีที่เราเดินมาถึงก่อนหิมะตกแรง
ช่วงเย็นกินข้าวตอน 6 โมงเย็นแล้วก็แบกย้ายกันไปนอนตอน 1 ทุ่ม วันนี้ไม่ได้ออกไปถ่ายดาวนะ เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า เดินข้ามพาส 5416 เมตร จะรอดไหม ฮือ
DAY 14 : (05.05.65) เดินไปMuktinath 3760 m.
และข้ามThoroung la pass 5416 m. เริ่มเดิน 03.00 - 13.00น.
ระยะทางทั้งหมดของวันนี้ 14.3 กิโลเมตร
วันนี้เป็นอีกวันที่แสนโหด เดินขึ้น 500 เมตร เดินลง 1722 เมตร เดินให้เข่าพังไปเลยจ้า
วันนี้เตรียมตัวดีกว่าวันที่เดินไป Lake เพราะรู้แล้วว่ามันจะหนาวแค่ไหน เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วใครที่ไม่สามารถเดินข้ามไปได้ ทางเดียวที่คุณจะรอดคือเดินลงกลับทางเดิน รวมระยะทางก็เกือบ 100 กิโลเมตร ซึ่งไกลมากๆ ฉะนั้นวันนี้ต้องรอดและต้องข้ามพาสไปให้ได้
เดินมาสักพักมีจุดให้แวะเข้าห้องน้ำ หนาวมากกกกกกกกก
โคตรเหนื่อย หายใจลำบากมาก
ฟ้าเริ่มสางแล้วอยากให้พระอาทิตย์ขึ้นไวๆจัง หนาว
แสงมาแล้ว โคตรสวยวะ บอกไม่ถูกเลยมันสวยมากจริงๆ
น้ำจากสายถุงน้ำที่อยู่ในเป้ แข็ง ไม่สามารถดูดกินได้ ไม่รู้เลยว่าตอนนี้อากาศกี่องศา น้ำในขวกก็กินไม่ได้เพราะเป็นน้ำแข็งหมดเช่นกัน
อื้มฟ้าโปร่งมาตลอดทาง แต่พอถึงจุดป้าย Thorang la pass ฟ้าดันปิดสะงั้น - -
ด้านขวามือ คือ โรงน้ำชา ทุกคนเข้าไปนั่งอัดกันในนั้น จิบชา นมร้อน หรือกาแฟกัน มันดีมากจริงๆ
เมื่อถึงจุดนี้นั่นหมายความว่าต่อจากนี้จะเดินลงอย่างเดียวแล้ว เดินลง 1722 เมตร
ระยะทางวันนี้ทั้งหมด 14.3 กิโลเมตร
ลงยาวๆ
จุดพักกินข้าวเที่ยงของเราเห็นอยู่ไกลๆแล้ว เมื่อไหร่ที่เรามองเห็นปลายทางนั่นหมายถึงว่าเราจะเดินไปถึงจุดนั้นได้ต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 40 นาที
จบไปสำหรับมิ้อนี้
เดินลงไปอีกเรื่อยๆ
ถึงป้าย จุดลงเขาเข้าหมู่บ้านแล้ว
เป็นหมู่บ้านที่เจริญที่สุดในเส้นทางนี้เลย เนื่องจากจะมีรถสามารถเข้ามาถึงได้
คืนนี้พักที่ Hotel Best inn Restaurant
มีไวไฟ มีห้องน้ำในตัวและน้ำอุ่นในห้อง สวรรค์ จะได้อาบน้ำสระผมแบบสบายใจแล้ว
บรรยากาศโดยรอบ
ตอนนี้อากาศ 8 องศา สบายๆเลย
ช่วงเย็นก็กินข้าวแล้วแยกย้าย
DAY 15 : (06.05.65) นั่ง Jeep ไป Ghorepani 2880 m.
จุดนี้เป็นเหมือนศูนย์รวมรถทัวร์ รถบัส รถจิ๊บ หรือท่ารถนั่นเอง
วิวระหว่างทาง
ตอนนี้ถึงเมือง tatopani แพลนเดิมของเราคือนอนที่นี่ แต่เนื่องจากการเดินทางไวกว่าที่คิด เลยทำให้เราเลือกไปต่อถึง Ghorepani
มื่อเที่ยง ดาบัด ง่ายๆ
ถึง Ghorepani ตอน 16.22 น. ฝนตก ถึงจิ๊บจะไปส่งไม่ถึงที่พักต้องเดินต่อเข้าไปนิดหน่อย
ที่พักมีไวไฟ ห้องน้ำในตัว ไม่มีลิฟท์ พวกเราพักชั้น 4 - -
ตอนนี้อากาศ 10 องศา
และมื้อเย็นของเรา
DAY 16 : เดินขึ้น Poon hill 3139 m. เริ่มเดิน 04.00น.
เช้านี้อากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เมฆเยอะ
ตอนนี้ต้องรีบเดินลงแล้ว เพราะฝนกำลังมาแล้วจ้า ลงเม็ดแล้ว
ลงมาถึงก็รีบเก็บของ กินมื้อเช้า แล้วเตรียมตัวไปต่อ
เดินไปขึ้นรถ
หลังจากเดินไปสักพักรู้สึกว่าเริ่มไกลมากไม่ถึงสักที
สรุปเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันคือตอนแรกพวกเราคิดว่าเดินไปขึ้นรถนิดเดียว แต่จริงๆแล้วไกด์บอกว่าเราต้องเดินข้ามเขาไปอีกหมู่บ้าน
สรุปทุกคนไม่ได้เตรียมใจมาเดินและไม่พร้อมมากๆในเช้าวันนี้
Trek to Ulleri
ให้ฟิลป่าไทยมากกกกกกกก
เส้นทางนี้จะทับซ้อนกับเส้นของ ABC มีหมู่บ้านคนอาศัยอยู่ตลอดเส้นทาง
และบันไดเยอะมากกกกกกกก
ถึงจิ๊บแล้วก็นั่งต่อไปอีก ไม่นานแล้วก็เดินต่ออีก 10 นาที
จากนั้นก็ย้ายไปต่อจิ๊บอีกคันนึง
พักกินข้าวกันที่นี่เลย แล้วยิงยาวไป Pokhara
ทางไม่ดีตลอดทาง
ถึง Pokhara ตอน 4.30 น. ถ่ายรูปรวมทุกคนที่ไปเดินด้วยกันในทริปนี้แล้วแยกย้ายกันไปเดินเล่นในเมือง หาข้าวกิน
มาลอง KFC ที่เนปาล
ราคาทั้งหมดนี้ 1227 รูปีเนปาล หรือ 345 บ. มีข้าวไก่ 1ถ้วย กับไก่ 1ชิ้นใหญ่ 2 ชิ้นเล็ก น้ำ 2 แก้ว ราคาสูงกว่าถ้าเทืยบกับไทย
รสชาติจะออกไปทางเค็มกว่าไทย ตัวแป้งกรอบเหมือนกันเลย เซ็ทข้าวน้ำราดจะคล้ายๆแกงกระหรี่
DAY 17 : วันนี้นั่งเครื่องบินเล็กจาก Pokhara ไป Kathmandu
ช่วงบ่ายวันนี้แวะซื้อของฝากต่างๆที่ทาเมล
ช่วงเย็นๆ นัดกินข้าวรวมกันกับไกด์และพี่บิ้ลเจ้าของ บ.Heaven on Nepal ที่เราใช้บริการ
ขอบคุณทาง บ.Heaven on Nepal ที่อำนวยความสะดวกให้ทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเรื่องการเดินทาง ที่พัก อาหาร และเป็นกันเองมากๆ และให้คำปรึกษาตลอดมา
ขอบคุณไกด์ที่น่ารักที่ดูพวกเราทุกคนเป็นอย่างดีพาพวกเราทั้ง 6 คน ผ่านเส้น ACC มาได้
ขอบคุณเพื่อนๆ อีก 5 คนที่ช่วยเหลือและดูแลกันมาจนจบทริปนี้
ขอบคุณรูปสวยๆจากเพื่อนๆ พี่โม มิก พี่หน่อง วอม อุ๋ม ที่ทำให้รีวิวสมบูรณ์และครบถ้วน
ของใช้ทั้งหมดในทริปนี้
เสื้อผ้าและของใช้จำเป็น
1. Base Layer ควรมี 2 ชุด
2. Fleece มิ้นท์เลือก แบบหนา 1 แบบบาง 1 ตัว
3. เสื้อดาวน์ 1 กางเกง 2
4. เสื้อกันลม 1 ตัว
5. ถุงมือ (ควรมีถุงมือ Fleece ดีๆเลย) 1 ถุงมือ กันลม 1
6. ถุงเท้าสำหรับเดิน 3 คู่ ถุงเท้ากันน้ำแบบหนา 1 คู่
7. หมวก (อันนี้ห้ามขาดเลย) แนะนำหมวกทรงบักเก็ตใส่สำหรับกันแดด หมวกบีนนี่สำหรับนอน
8. ครีม (โคตรสำคัญเลย) ยิ่งที่สูงอากาศยิ่งแห้งมากๆ ครีมที่เนื้อหนาหนักๆไปเลย
9. ลิปมัน วาสลีน (จำเป็นมาก)
10. ผ้าบัฟ 3 ผืน
11. แว่นกันแดด (จำเป็น)
12. คอนเทคเลนส์
13. ไม้ Trekking Poles
14. ขนมติดเป้ แนะนำเป็นพวกช๊อคโกแลต และ เอนเนอจี้บาร์
15. ขวดใส่น้ำร้อน/เย็น
16. ยาต่างๆ และแผ่นประคบร้อน
17. ทิชชูเปียกและแห้ง
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่า Trek คนละ 1200 USD 41,112 บาท(ราคานี้รวม อาหารบนเขา ที่พักบนเขา ไกด์)
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 15,400 บาท
- ประกันการเดินทาง 2600 บาท (แบบแทงโก้ รวมฮอร์)
- ค่า Visa แบบ 30 วัน 1650 บาท
- ค่า Tip รวม ขั้นต่ำ 120 USD (สำหรับคนขับรถ ไกด์ Porter )
- เงินติดตัว 15000-20000 บาท (อันนี้แล้วแต่ละคน)
รวมทั้งหมดโดยประมาณ 84,874 บาท/คน
Mint Septidkhao
วันพฤหัสที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 11.11 น.