คิดแล้วก็รู้สึกขำ เพราะเมื่อหลายปีก่อนไปตุรกี เราใช้บริการสายการบินอียิปต์แอร์ โดยไปเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินกรุงไคโร แต่พอมาครั้งนี้จะไปเที่ยวอียิปต์ แทนที่จะเลือกใช้สายการบินอียิปต์แอร์ เรากลับบินด้วยสายการบินโอมาน ซึ่งต้องไปต่อเครื่องที่กรุงมัสคัท แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรมากนัก เพราะการรอต่อเครื่องแค่ 2 ชั่วโมงเศษ กับการได้ตั๋วเครื่องบินที่ราคาถูกกว่าบินตรงเกือบครึ่งนั้นแสนจะคุ้ม อีกทั้งเวลาที่ประเทศอียิปต์นั้นช้ากว่าเวลาไทยถึง 5 ชม. เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 15.15 น. รวมเวลาบินและเวลาต่อเครื่องก็ไปถึงสนามบินกรุงไคโรในเวลาเที่ยงคืน 

เวลาเที่ยงคืนนี้แหละคือตัวแปรว่าเราควรเริ่มต้นการท่องเที่ยวที่กรุงไคโร ซึ่งก็จะมีปัญหาว่าต้องเช็คอินโรงแรมในเวลาดึกดื่น นอกจากจะไม่ค่อยได้นอนแล้วยังเสียค่าที่พักอีก 1 คืน หรือเราควรจะหารถแล้วออกเดินทางไปเริ่มต้นการท่องเที่ยวกันที่เมืองอเล็กซานเดรีย ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือสุดของประเทศ ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ไปถึงก็ใกล้รุ่งพอดี เมื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและการใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดแล้ว เราจึงตัดสินใจเหมารถแท็กซี่จากสนามบินกรุงไคโรเพื่อเดินทางสู่เมืองอเล็กซานเดรียตั้งแต่วันแรกที่เหยียบแผ่นดินอียิปต์ 

แต่ช้าก่อน เรายังไปไหนกันไม่ได้ เพราะแต่ละคนนั้นไม่มีเงินปอนด์อียิปต์ติดตัวกันเลย เนื่องจากไม่สามารถแลกได้จากเมืองไทย คั้นจะจ่ายค่าแท็กซี่เป็นดอลลาร์สหรัฐก็คงโดนโกงอัตราแลกเปลี่ยนที่มากเกินงาม โชคดีที่ร้านแลกเงินในสนามบินกรุงไคโรเปิด 24 ชั่วโมง เราจึงแลกเงินปอนด์อียิปต์ติดตัวกันแค่ประมาณ 200 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าด้วยเงินจำนวนไม่มากนี้เราสามารถท่องเที่ยวประเทศอียิปต์ได้จนเกือบถึงวันสุดท้ายของการเดินทาง

เป็นที่เลื่องลือในทางไม่ค่อยดีเรื่องราคารถแท็กซี่ในประเทศอียิปต์ที่คนขับจะตั้งราคาไว้สูงจนน่าตกใจ แถมยังตุกติกเรื่องการจ่ายเงิน ที่เมื่อถึงจุดหมายมักจะเรียกให้ผู้โดยสารจ่ายเงินมากกว่าที่ตกลงไว้ อีกทั้งเรามีกัน 5 คน จึงมีปัญหาค่อนข้างมากในการจ้างรถแท็กซี่ เพราะรถแท็กซี่คันหนึ่งรับผู้โดยสารได้ 4 คน ทีแรกพี่น้องทรงบอกว่าไม่มีปัญหา มากัน 5 คน ก็เหมาแท็กซี่แบบ 7 ที่นั่งสิง่ายจะตาย 

แต่เอาเข้าจริงๆ รถแบบ 7 ที่นั่งนั้นราคาพอๆกับการเหมาแท็กซี่ถึง 2 คัน เราจึงใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะได้แท็กซี่ที่เรียกราคาที่สมเหตุสมผล จากคันแรกๆที่แสดงตารางราคาที่สูงถึง 1,600 ปอนด์ โดยที่ไม่ยอมลด เราได้แท็กซี่ที่ราคาถูกลงถึง 1,000 ปอนด์ แถมคนขับยังบอกว่ารถเขาเป็นรถใหม่แบบ 7 ที่นั่ง ได้ยินเช่นนั้นพี่น้องทรงดีใจจนเนื้อเต้น จนแทบจะกระโดดล็อคคอคนขับไม่ให้หนีไปไหน และเพื่อความมั่นใจโอยังให้คนขับเขียนราคาที่ตกลงกันไว้บนกระดาษจะได้ไม่มาตุกติกเรื่องราคาภายหลัง แต่เอาเข้าจริงๆเราก็พลาดท่าตั้งแต่วันแรกที่มาถึง

เราเดินฝ่าสายฝนที่โปรยปรายและอากาศที่ค่อนข้างหนาวจากอาคารผู้โดยสารไปยังลานจอดรถ ซึ่งระยะทางค่อนข้างไกล เมื่อไปถึงจากที่คนขับบอกว่ารถเขาเป็นแบบ 7 ที่นั่ง เอาเข้าจริงๆก็เป็นรถแท็กซี่ปกติที่ผู้โดยสารนั่งได้แค่ 4 คน อีกทั้งยังมีสภาพค่อนข้างเก่า ไม่มีอะไรที่ตรงกับที่บอกเลยสักนิด เรามองหน้ากันว่าจะเอาอย่างไงดี ครั้นจะให้เดินฝ่าสายฝนกลับไปยังอาคารผู้โดยสารเพื่อไปตั้งต้นหาแท็กซี่กันใหม่คงไม่ไหว จึงพร้อมใจกันยอมรับสภาพ โดยโอนั่งเบาะหน้าข้างคนขับแล้วหลับอย่างสบาย ในขณะที่ผม พี่น้องทรง น้องเนและน้องหมีนั่งเบียนกัน 3 ชั่วโมง ที่เบาะหลัง หลับๆตื่นๆ สลับพงกจนหัวชนกันจนถึงเมืองอเล็กซานเดรีย

เรามาถึง Alexotel โรงแรมที่จองไว้ในเวลาตี 5 ซึ่งเช้าเกินกว่าที่จะสามารถเช็คอินได้ แต่เราก็สามารถฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้วออกท่องเมืองอเล็กซานเดรียได้ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น

ช่วงเวลาที่มาอียิปต์เป็นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นรอยต่อในการเข้าสู่ฤดูร้อน แต่สำหรับเมืองอเล็กซานเดรียซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือสุดของประเทศติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนั้น อากาศยังคงเย็นสบาย ยิ่งช่วงเช้ามึดเช่นนี้อากาศจึงค่อนไปทางหนาว ซึ่งนั่นเป็นเพียงหนาวเดียวที่เราสัมผัสได้จากอียิปต์ เพราะหลังจากวันนี้เราจะได้ร้อนมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อการเดินทางได้เคลื่อนลงใต้

เราเดินไปตามเส้นทางที่มีแสงไฟส่องให้เห็นพอสลัวๆ สู่ริมถนนที่ทอดยาวเลียบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก่อนที่พระอาทิตย์จะเผยโฉมให้เห็นและส่องสว่างให้เห็นความงามของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จะขอเล่าประวัติการเกิดขึ้นของเมืองนี้พอคร่าวๆ อเล็กซานเดรีย (Alexandria) เมืองที่ปัจจุบันใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศอียิปต์นี้ แต่เดิมเป็นแค่เพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ นามว่า ราคอนดาห์ (Rocondah) จนเมื่อเมื่ออเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซีโดเนีย ซึ่งเป็นชนชาติกรีก สามารถพิชิตเปอร์เซียที่ปกครองอียิปต์เมื่อราว 335 ปีก่อนคริสตกาลลงได้ อียิปต์ก็ตกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรมาซีโดเนียโดยปริยาย อเล็กซานเดอร์ชื่นชอบพื้นที่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้มาก จึงพัฒนาหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆให้กลายเป็นเมือง โดยตั้งชื่อเมืองให้สอดคล้องกับชื่อพระองค์ว่า อเล็กซานเดรีย

เมื่ออเล็กซานเดอร์สวรรคต อาณาจักรมาซีโดเนียก็ถึงกาลล่มสลาย เหล่าขุนพลคู่ใจได้แบ่งดินแดนกันปกครอง ดินแดนอียิปต์ตกอยู่ใต้การปกครองของขุนพลปโตเลมี ปโตเลมีสถาปนาตัวเองเป็นฟาโรห์ปโตเลมีที่ 1 จึงเป็นฟาโรห์พระองค์แรกของราชวงศ์ปโตเลมี ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายที่ผู้ปกครองสูงสุดของอียิปต์เป็นฟาโรห์ โดยมีเมืองอเล็กซานเดรียเป็นเมืองหลวง ฟาโรห์แห่งราชวงศ์ปโตเลมีปกครองอียิปต์สืบต่อกันมาจนถึงปีที่ 36 ก่อนคริสตกาล อียิปต์ก็ตกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมัน เมื่อพระนางคลีโอพัตราซึ่งเป็นฟาโรห์หญิงคนสุดท้ายของอียิปต์ได้พ่ายแพ้ต่ออาณาจักรโรมัน ถือเป็นการสิ้นสุดของการมีฟาโรห์ไปตลอดกาล

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 13.48 น.

ความคิดเห็น