สวัสดีค่ะ ไม่ได้เขียนรีวิวสักพักแล้ววันนี้กลับมาเลยขอรีวิวอีกหนึ่งสถานที่ที่เราชอบมากนั่นคือ "เบตง" จังหวัดยะลาค่ะหนึ่งในจังหวัดสามชายแดนใต้ของไทย ก่อนหน้านี้เราเคยมาที่เบตง 2 ครั้ง ทั้งมาคนเดียวและมากับเพื่อน เราอยากบอกว่าเบตงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายๆคนเข้าใจนะคะ ทุกครั้งที่มาก็รู้สึกประทับใจมาก ทั้งผู้คน สถานที่ท่องเที่ยว อาหารต่างๆที่มีให้เลือกกินเยอะมาก และที่เราชอบมาก็คงจะเป็นช่วงที่ทุเรียนออกค่ะ ทั้งถูกทั้งอร่อย ว่าแล้วเราก็ไปเที่ยวเบตงกันเถอะค่ะ (ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ช่วงท้ายนะคะ)
ทริปนี้เราเริ่มต้นการเดินทางด้วยการนั่งเครื่องจากสุวรรณภูมิ ไป ลงที่หาดใหญ่ค่ะ หลายคนอาจสงสัยว่าเราทำไมไม่นั่งเครื่องไปลงที่เบตงเลย เพราะมีสนามบินแล้ว พูดตามตรงนะคะ สู้ราคาตั๋วไม่ไหวค่ะ ฮ่าๆๆๆ
พอถึงสนามบินหาดใหญ่แล้ว เราก็เดินออกมาหน้าสนามบินเพื่อขึ้นรถ 2 แถวสีฟ้าไป บขส.หาดใหญ่ แต่ถ้าใครรีบไม่แนะนำให้ขึ้นรถสองแถวนะคะหวานเย็นมาก จอดรับคนเรื่อยๆค่ะ แนะนำเป็นรถตู้ หรือมินิบัส ดีกว่าค่ะ
พอมาถึง บขส.หาดใหญ่เราก็ไปรับตั๋วและจ่ายเงินค่ะ เราโทรมาจองที่นั่งไว้ล่วงหน้าหนึ่งวันนะคะ (เราสามารถแจ้งรถตู้ให้ไปรับเราที่สนามบินได้นะคะคิดราคาเพิ่ม 200 บาท) รถบริษัท เบตง โพธิ์ทอง ไม่ได้วิ่งเข้ามาเลเซียนะคะ
ระหว่างทางก็จะมีจอดพักรถค่ะ ให้เราเข้าห้องน้ำ ซื้อขนม และหากใครที่เมารถแนะนำให้กินยาแก้เมารถด้วยน๊า ใช้เวลาเดินทานประมาณ 4 ชั่วโมงกว่า ช่วงระหว่างยะลาเข้าเบตงทางค่อนข้างโค้งเยอะมากค่ะ พอพักรถเราก็ได้กาแฟเย็นมาราคา 30 บาท อร่อยมากๆ
ในที่สุดเราก็ถึงเบตงค่ะ เราเลือกพักที่โรงแรมแจ็คกี้ชาน ห้องที่เราพักเป็นห้องพัดลมจองผ่าน อาโกด้า มาราคา 350 บาทค่ะ ห้องสะอาดมาก ห้องน้ำส่วนตัว ของใช้ในห้องครบ แต่ห้องไม่ค่อยเก็บเสียงนะคะ อยู่ใกล้หอนาฬิกาสามารถเดินเที่ยวได้สบายๆเลยค่ะ ถ้าหากจะเช่ามอร์ไซค์ก็สามารถติดต่อกับทางโรงแรมได้เลยนะคะ
หลังจากเก็บของเสร็จเราก็ออกแว้นค่ะ เริ่มต้นด้วยการไปหาข้าวกินก่อนเลยนั่งหิวในรถตู้มานานมาก หิวจนจำชื่อร้านชื่อเมนูไม่ได้ แต่จำได้ว่าอร่อย ผั่นถั่วเนี่ยมาถึงเบตงต้องได้กินนะ ขอโทษจริงๆ จำชื่อเมนูไม่ได้
อิ่มท้องแล้วเราก็ออกแว้นไปเก็บแลนด์มาร์คต่างๆ กันค่ะที่แรกเลยต้องป้ายนี้เลยค่ะไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึง ฮ่าๆ
ที่เบตงช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ทุเรียนจะออกเยอะมากและราคาถูกมาก ถ้าใครชอบทุเรียนที่นี่คือสวรรค์เลยเด้อ
เราแว้นขึ้นไปที่จุดชมวิวของเบตงกันต่อเลยค่ะ นี่คงเป็นสนามกีฬาที่สวยที่สุดแห่งนึงของไทยเลยก็ว่าได้
ถ่ายจากจุดชมวิว เราจะเห็นเบตงทั้งเมืองเลยน๊า บรรยากาศดีและสวยมาก
สวยยยยยยยย เบตงเนี่ย ใช้คำว่าสวยเปลืองมาก
เรามาช่วงหน้าฝนเนอะ เดี๋ยวฝนก็ตก เดี๋ยวฝนก็หยุด อากาศครึ้มๆ เราขับรถไปด่านตรงคนเข้าเมือง ไทย-มาเลเซีย ต่อค่ะ ระหว่างทางมีจุดชมวิวด้วยนะ สวยอีกแล้ว
ตรงนี้เป็นจุดชมวิวอีกจุดนึงนะอยู่ระหว่างทางไปด้านตรวจคนเข้าเมืองค่ะ
ตรงนี้เลยจ้าเส้นแบ่งไทย-มาเลเซีย มาถึงถิ่นจะไม่เช็คอินได้ไงเนอะ อะสักหน่อย เราสามารถข้ามไปซื้อของฝั่งมาเลเซียได้นะ แต่เราไม่ได้ข้ามไปจ้า
ช่วงเย็นเรามาเดินเล่นหาอะไรกินแถวหอนาฬิกา ถ่ายรูปกับตู้ไปรษณีย์ เข้าไปเดินเล่นในอุโมงค์
อุโมงค์ทำใหม่ค่ะ แสงดีถ่ายรูปสวย
ตู้ไปรษณีย์ ใหญ่มาก ถ่ายไม่ถ่ายรูปคู่ตู้ไปรษณีย์แปลว่ามาไม่ถึงเบตงนะ
ตัดภาพมาดูทะเลหมอกที่สกายวอร์คอัยเยอร์เวงกันเลย เราแว้นมอร์ไซค์มาอยู่ห่างจากเบตงประมาณ 30 กิโลนะเผื่อเวลาออกจากโรงแรมกันด้วยเด้อ มาถึงก็จอดรถไว้ที่จุดจอดแล้วนั่งวินมอร์ไซค์ของชาวบ้านขึ้นไปคนละ 30 บาทต่อเที่ยว หรือจะนั่งรถสองแถวก็ได้แต่ต้องรอคนเต็มก่อน
พอขึ้นมาถึง ด้วยความที่เป็นเสาร์-อาทิตย์ นักท่องเที่ยวเยอะมากทั้งไทยและมาเลเซีย เราเลยเดินไปถ่ายรูปตรงจุดชมวิวเก่า
เช้านี้หมอกปังมาก สวยกว่าทุกรอบที่เรามาเลยจ้า
เราถอดใจจะไม่ขึ้นสกายวอร์คเพราะคนเยอะมาก เลยไปนั่งกินติ่มซำร้านข้างๆสกายวอร์ครออร่อย กาแฟก็ดี ราคาไม่แพง ถ้าไปอย่าลืมกินนะ
กินเสร็จหันมาทางสกายวอร์คอีกที อ้าวววว คนไม่ค่อยมีแล้วหมอกก็ยังพอมี งั้นเราขึ้นสกายวอร์คกันเถอะ
แกเอ้ย ฉันเกือบพลาดจ้า สวยมากกกก มันอลังการเหลือเกิน มาถึงแล้วต้องขึ้นให้ได้นะ เตือนแล้วนะ ฮ่าๆ
หลังจากชื่นชมความปังของหมอกที่อัยเยอร์เวงแล้ว เราก็ลงมาเที่ยวนน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งอยู่ก่อนถึงทางขึ้นอัยเยอร์เวง น้ำตกสวย บรรยากาศดีสุดๆ
ไปต่อกันอุโมค์ปิยมิตรแบบไม่มีพักเลย เพราะเราเวลาน้อย เราตั้งใจไปถ่ายรูปกันต้นไม้พันปีจ้า ถ้ามีเวลาหน่อยก็แวะฟังเรื่องราวหรือดูพิพิธภัณฑ์ของอุโมค์ปิยมิตรกันก่อนนะ พอดีเรารีบและเราเคยมาฟังแล้วรอบนี้เลยไม่ได้แวะ มุ่งหน้าไปต้นไม้พันปีเลย แฮ่ๆ
แล้วก็ถึงเวลากลับกรุงเทพฯ รอบนี้เราไม่ได้แวะสวนดอกไม้เมืองหนาวค่ะ บ่อน้ำร้อนและร้านวุ้นดำก็นักท่องเที่ยวเยอะมากเลยไม่ได้แวะค่ะ ระหว่างรอเวลารถตู้ออกเราก็ไม่ลืมที่จะกินข้าวมันไก่เบตงนะ ซิกเนเจอร์ ร้านนี้อยู่ตรงข้าม TOT นะคะ รีบหน่อยนะร้านคนเยอะและหมดเร็วมาก
สำหรับค่าใช้จ่ายทริปนี้นะคะ
ค่าตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ไป/กลับ 2400 บาท (ถ้าช่วงโปรโมชั่นจะถูกกว่านี้นะ)
ค่ารถสองแถวสนามบิน-บขส 60 บาท
ค่ารถตู้หาดใหญ่-เบตง ไป/กลับ 560 บาท (ขาละ 280บาท ถ้าให้ไปรับที่สนามบินบวกเพิ่ม 200 บาท)
ค่าเช่ารถมอร์ไซค์วันละ 300 บาท
ค่าน้ำมัน 145 บาท
ค่าโรงแรม 350 บาท
ค่าวินมอร์ไซค์ขึ้นสกายวอร์ค ไป/กลับ 60 บาท
ค่ารองเท้าใส่ขึ้นสกายวอร์ค 40 บาท
ค่าตั๋วเข้าอุโมค์ปิยมิตร 40 บาท
ค่าอาหารไปประมาณ 1000 บาทเผื่อกินเก่งจ้า ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ที่เราจ่ายไปนะ เผื่อเป็นประโยชน์ในวางแผนและคุมงบกันเด้อ
แค่ทิ้งความกลัวไปบ้างก็ใช้ชีวิตสนุกขึ้นเยอะ
รัก :)
ลองเป็นโสดแล้วจะเป็นสุข
ลองเป็นโสดแล้วจะเป็นสุข
วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.04 น.