เราเดินกันต่อสู่พีระมิดเคเฟร (Khafre) ซึ่งเป็นพีระมิดอันเป็นสุสานของฟาโรห์เคเฟร ผู้เป็นพระราชโอรสของฟาโรห์คูฟู อาจเพราะเป็นพระราชโอรส พระองค์จึงสร้างพีระมิดของตัวเองให้เตี้ยและเล็กกว่าพีระมิดของพระบิดา โดยฐานแต่ละด้านกว้าง 215 เมตร สูง 143.5 เมตร ปัจจุบันถูกกระแสลมกับกาลเวลาทำให้สึกกร่อนลงเหลือ 136 เมตร แต่เพราะตำแหน่งที่ตั้งนั้นอยู่บนเนิน มองไกลๆจึงรู้สึกว่าพีระมิดองค์นี้มีความสูงที่สุดในมหาพีระมิด

นอกจากตั้งอยู่ตรงกลางของมหาพีระมิดแล้ว พีระมิดเคเฟรยังมีจุดเด่นอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือ เป็นพีระมิดเดียวที่ยังหลงเหลือยอดที่ถูกฉาบด้วยปูนขาว ทำให้เราได้รู้ว่า ในอดีตพื้นผิวของพีระมิดแต่ละด้านคงไม่ได้เห็นหินโล้นๆแบบปัจจุบัน แต่น่าจะเป็นพื้นผิวที่เรียบ อย่างที่ 2 คือ ด้านหน้าพีระมิดนี้ เป็นที่ตั้งของสฟิงซ์ ซึ่งเป็นสฟิงซ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการค้นพบ โดยมีความสูงถึง 20 เมตร ยาว 72 เมตร ด้วยองค์ประกอบนี้เองที่ทำให้พีระมิดเคเฟร เป็นพีระมิดที่ดูโดดเด่นที่สุดในมหาพีระมิดทั้ง 3

ไม่แน่ใจนักว่าด้วยความร้อนแรงของแสงแดด ระยะทางที่ค่อนข้างไกล หรืออายุที่ใกล้หลัก 5 ทำให้พี่น้องทรงตัดใจไม่ไปเยือนพีระมิดเมนเคอเร (Menkaure) แต่ขอเดินกลับไปนั่งพักในร่มบริเวณทางเข้า ปล่อยให้เราที่เหลือ 4 คน เดินเที่ยวชมพีระมิดภายใต้ความร้อนแรงของแสงแดดกันต่อไป

บนพื้นทรายที่ไม่เวิ้งว้าง หากแต่มากไปด้วยอูฐจำนวนมากที่เจ้าของเชิญชวนเหล่านักท่องเที่ยวให้ลองใช้บริการเพื่อท่องทะเลทราย หรือไม่ก็เป็นเหมือนอูฐแท็กซี่ที่พาไปชมพีระมิดแต่ละอัน ในเวลานี้แขกอียิปต์สามารถหว่านล้อม โอ น้องเน และน้องหมีให้ใช้บริการ ซึ่งทั้ง 3 คนนี้ยังไม่เคยขี่อูฐมาก่อน ส่วนตัวผมเองนั้นไม่ค่อยสน เพราะเคยขี่เป็นชั่วโมงจนหลับคาอูฐแล้วที่รัฐราชสถาน ในอินเดีย

แขกที่ว่าแน่ แต่เจอฝีปากในการต่อของคนไทยอย่างโอก็มีอันสะดุด งานนี้ฝีปากในการต่อของโอชนะขาดอย่างเห็นๆ เพราะจากราคาเริ่มต้นคนละ 50 ปอนด์อียิปต์ สุดท้ายจบลงที่พาไปพีระมิดเมนเคอเร พร้อมจุดชมวิวที่มองเห็น 3 พีระมิด ด้วยราคา 20 ปอนด์อียิปต์ ต่ออูฐ 1 ตัว โดยมีเงื่อนไขว่าอูฐ 1 ตัวต้องนั่งซ้อนกัน 2 คน เฉลี่ยคนละ 10 ปอนด์อียิปต์ หรือประมาณ 20 บาทเท่านั้น

ทีแรกคิดว่าเราจะจับคู่แบบเฉลี่ยน้ำหนัก โดยโอนั่งคู่กับน้องหมี และผมนั่งกับน้องเน แต่กลายเป็น 2 สาวจับคู่กันอย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมให้ชายหนุ่มได้มีโอกาสใกล้ชิดด้วยการนั่งซ้อนท้ายอูฐ ผมจึงต้องนั่งกับโอ ด้วยที่นั่งบนหลังอูฐนั้นสุดแสนแคบ โอนั่งข้างหน้า ผมนั่งต่อมาด้านหลัง การขี่อูฐของผมจึงทุระทุเรเต็มทน เพราะนั่งไปก้นก็เสียดสีกับโครงที่นั่งด้านหลังไป

เจ้าของอูฐจูงจมูกอูฐไปบนเส้นทางแห่งทะเลทราย จากพีระมิดเคเฟร สู่พีระมิดเมนเคอเร ซึ่งเป็นพีระมิดที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดามหาพีระมิดทั้ง 3 แต่ถึงเล็กที่สุดอย่างไรก็ตาม พีระมิดนี้ก็มีความสูงถึง 66 เมตร โดยปัจจุบันความสูงลดลงเหลือ 62 เมตร ฐานแต่ละด้านกว้าง 105 เมตร จุดเด่นของพีระมิดนี้คือ มีพีระมิดขนาดเล็กอีก 3 อันตั้งเรียงกันอยู่ด้านหน้า และหากมองย้อนกลับไปจะพบภาพมหาพีระมิดทั้ง 3 องค์เรียงซ้อนกันได้อย่างน่าชม ท่ามกลางทะเลทราย ที่ทอดตัวจนหายลับไปในขอบฟ้า จนกลายเป็นภาพที่พบเห็นได้มากสุดภาพหนึ่งจากบรรดาสื่อต่างๆ ซึ่งเราก็ต้องการชมภาพนี้ด้วยสายตาตัวเองเช่นกัน แต่ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามที่คิด

ศึกการต่อรองราคาระหว่างแขกอียิปต์กับคนไทยจากที่คิดว่าจบแล้ว แต่มันยังไม่จบ เพราะเจ้าของอูฐไม่ยอมปล่อยให้เราลงจากอูฐเพื่อถ่ายภาพมหาพีระมิดในมุมมหาชน โดยบอกว่าที่ตกลงราคาเมื่อครู่เป็นค่าขึ่นอูฐ ไม่ได้รวมค่าลงจากอูฐ ฉะนั้นหากต้องการลงจากอูฐก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 10 ปอนด์อียิปต์ !

เฮ้ย...คิดได้อย่างไงเนี่ย สมแล้วที่มีสำนวนว่า หากเจองูกับเจอแขก ให้ตีแขกก่อน เจอมุขแบบนี้เข้า ทำเอาเรา 4 คนไปไม่เป็น จึงได้แต่มองหน้ากันพร้อมทำตาปลิบๆว่าจะเอาอย่างไงดี จริงๆเงินแค่ 10 ปอนด์อียิปต์นั้นไม่ได้มากมายอะไร แต่เรื่องศักดิ์ศรีที่กินไม่ได้นี่สิเรื่องใหญ่ เป็นไงเป็นกันเราก็ไม่ยอมจ่ายเงินเพิ่มสำหรับการโกงราคาเช่นนี้ ในเมื่อไม่ให้ลง เราก็นั่งอยู่บนหลังอูฐอย่างนี้ไปเรื่อยๆ วัดใจกันว่าใครจะทนได้มากกว่ากัน เพราะหากเราไม่ลงจากหลังอูฐ เจ้าของอูฐก็ไม่สามารถเอาอูฐไปหาลูกค้ารายใหม่ได้เช่นกัน

ศึกวัดความอดทนจบลงที่ แพ้ด้วยกันทั้งคู่ เราหมดโอกาสลงจากหลังอยู่ในตำแหน่งบนเนินทรายที่สามารถถ่ายรูปมุมมหาชนของมหาพีระมิดทั้ง 3 ได้ตามที่คิด แต่ก็สามารถถ่ายรูปได้จากบนหลังอูฐ เพียงแต่รูปนั้นไม่มีเราไปยืนอยู่ในนั้น ส่วนเจ้าของอูฐก็ไม่ได้เงินเพิ่ม โดยต้องพาเรากลับไปส่งที่จุดเดิม แต่สำหรับผมนี่สิ อยากลงจากอูฐใจแทบขาด ไม่อยากนั่งเขย่มบนหลังอูฐอีกต่อไปแล้ว เพราะการเสียดสีของก้นกับโครงที่นั่งเริ่มรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นแผลถลอกที่ทำให้การเดินทางในอียิปต์ของผมทรมานทุกครั้งที่ต้องนั่งไปตลอดทริป

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.28 น.

ความคิดเห็น