หลังจากพระอาทิตย์เริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง ผมก็ออกมายืนทักทายกับสฟิงซ์และมหาพีระมิดอีกหน จากนั้นจึงลงมายังชั้น 3 อันเป็นที่ตั้งของห้องอาหารของเกสต์เฮ้าส์ บรรยากาศนั้นเงียบมาก เพราะยังไม่มีแขกคนไหนตื่น มีแต่แขกอียิปต์ซึ่งเป็นเจ้าของเกสต์เฮ้าส์เดินออกมาทักทาย พร้อมบอกว่าอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะสามารถกินได้ทั้งหมดเท่าที่ต้องการ ซึ่งอาหารส่วนใหญ่ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วหลายวัน เพราะเป็นพวกกาแฟ 3 in 1 แยมรสต่างๆ กับขนมปัง แม้จะเป็นอาหารเรียบง่าย แต่กินไปชมมหาพีระมิดไปก็มีความสุขไม่ใช่น้อย

วันนี้เรายังไม่รีบอำลาเมืองกีซ่าให้เร็วนัก เพราะมีแผนที่จะซื้อตั๋วเข้าพื้นที่มหาพีระมิดอีกครั้ง เจ้าหน้าที่เริ่มจำหน่ายบัตรเวลา 8 นาฬิกา พวกเราเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกที่ซื้อบัตร อย่างไรวันนี้เราก็ต้องซื้อบัตรเข้าชมภายในพีระมิดคูฟูให้ได้ แต่เอาเข้าจริงๆเราก็ยังไม่สามารถซื้อได้อยู่ดี โดยซื้อได้แค่เพียงบัตรเข้าชมภายนอกเหมือนเมื่อวาน โดยเจ้าหน้าที่บอกว่าบัตรเข้าชมภายในพีระมิดให้เข้าไปซื้อข้างใน เราจึงเริ่มงง เพราะเมื่อวานที่หน้าทางเข้าพีระมิด เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องไปซื้อบัตรที่ห้องจำหน่ายบัตรด้านนอก เอาอย่างไงดี ซื้อบัตรเข้าไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที

บรรยากาศยามเช้าเช่นนี้แตกต่างจากเมื่อวานช่วงบ่ายอย่างเห็นได้ชัด เพราะผู้มาเยือนยังบางตา จนเราสามารถถ่ายรูปคู่กับพีระมิดและสฟิงค์ได้อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่มีผู้อื่นมายืนร่วมถ่ายรูปด้วย นี้ถือว่าเป็นทริปแกรนด์อียิปต์จริงๆ เพราะจะมีสักกี่คนที่ซื้อบัตรเข้าชมมหาพีระมิดติดต่อกันถึง 2 วันเหมือนเรา

เราเดินตรงสู่พีระมิดคูฟูอันเป็นจุดหมาย เพื่อหาซื้อบัตรเข้าชมภายใน แต่หาอย่างไงก็เหมือนเมื่อวาน คือหาไม่พบ แต่โชคดีที่ในเวลานี้เริ่มมีกรุ๊ปทัวร์เข้ามาบ้างแล้ว ผมจึงเดินไปสอบถามหัวหน้ากรุ๊ปทัวร์จึงได้ความว่า เราต้องออกไปซื้อบัตรเข้าชมภายในพีระมิดจากห้องจำหน่ายบัตรที่ประตูทางเข้า แต่ประตูทางเข้ามหาพีระมิดนั้นไม่ได้มีแค่ประตูเดียวแบบที่เราคิด เพราะนอกจากประตูหน้าเกสต์เฮ้าส์ที่เราพักแล้ว ยังมีอีก 1 ประตูซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าพีระมิดคูฟู และประตูนี้ต่างหากที่เป็นประตูทางเข้าหลัก ได้ความกระจ่างเช่นนี้ เพื่อนๆจึงมอบหมาย 1 คนไปซื้อบัตร คนๆนั้นจะเป็นใครที่ไหนได้ถ้าไม่ใช่ผม

แล้วเราก็ได้บัตรเข้าชมภายในพีระมิดคูฟูตามที่หวังไว้ แค่ได้บัตรมาก็รู้สึกตื่นเต้นจนบอกไม่ถูกว่าอีกไม่กี่นาทีนี้เราจะได้ไปอยู่ภายในพีระมิดอายุ 5 พันปีที่ใหญ่ที่สุดในโลกกันแล้ว ยิ่งได้เห็นป้ายแสดงโครงสร้างภายในพีระมิดยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก เพราะทางเดินภายในนั้นสุดแสนซับซ้อน จนรู้สึกทึ่งในภูมิปัญญาของชาวอียิปต์โบราณที่มีความรู้ทางวิศวกรรมขั้นสูงขนาดนี้

จากด้านหน้า เราเดินขึ้นสู่ทางเข้าพีระมิด ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับฐานขึ้นไปหลาย 10 เมตร ทางเข้านี้ไม่ใช่ทางเข้าหลักจริงๆที่ถูกออกแบบในสมัยแรกสร้าง แต่เป็นทางเข้าที่ถูกขุดเจาะขึ้นจากคนยุคปัจจุบัน เมื่อเข้าสู่ภายในแล้ว สิ่งที่สายตามองเห็นคือ ทางเดินดิ่งลงด้านล่างที่ยาวเหยียด โดยมีความกว้างราว 1 เมตรเศษ สองข้างโอบขนานด้วยก้อนหินขนาดมหึมาที่ถูกตัดเรียบวางซ้อนกัน ซึ่งว่ากันว่าแม้แต่เข็มเล่มเล็กๆยังไม่สามารถลอดผ่านรอยต่อนี้ได้

เราเดินดิ่งไปตามขั้นบันไดถึงระดับหนึ่งก็ต้องหยุด เพื่อรอให้คนจากด้านล่างขึ้นมาก่อน เพราะจุดนี้ทางเดินยิ่งแคบลงไปอีก จนไม่สามารถเดินสวนกันได้ ที่สำคัญบริเวณนี้มีทางแยกที่จะสามารถไปยังห้องฝังพระศพของฟาโรห์คูฟู โดยเป็นทางเดินที่ไต่ขึ้นไปในพีระมิด ซึ่งพีระมิดคูฟูนี้เป็นพีระมิดเพียงหนึ่งเดียว ที่ห้องเก็บพระศพไม่ได้อยู่ใต้ดินเหมือนพีระมิดองค์อื่น หากแต่อยู่สูงจากระดับฐานพีระมิด 43 เมตร รู้เช่นนี้จึงอยากเข้าไปชมใจจะขาด แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะทางถูกปิด ไม่ให้นักท่องเที่ยวทั่วไปอย่างเราเข้าชม ในเวลานั้นจึงรู้สึกแป่วๆนิดหน่อย เพราะคิดว่าราคาบัตรที่แพงลิบนี้สามารถเข้าชมได้ถึงห้องเก็บพระศพตามป้ายแสดงเส้นทางภายในพีระมิดที่แสดงไว้ด้านหน้า เอ้าไม่เป็นไร อย่างไงเสียทางเดินดิ่งลงในพีระมิดก็ยังอีกยาวไกล และที่สำคัญถึงเราจะรู้ว่าห้องเก็บพระศพนั้นปิด แต่เราก็คงซื้อบัตรลงสู่พีระมิดอยู่ดี

เราเดินไต่บันไดอันยาวไกลลงสู่ห้องใต้ดิน ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่และอยู่ลึกที่สุดในพีระมิดแห่งนี้ ความกว้างประมาณ 5 เมตร ยาว 10 เมตร สูง 6 เมตร นักประวัติศาสตร์สัณนิษฐานว่า เดิมห้องนี้น่าจะถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ฝังพระศพของฟาโรห์คูฟู แต่ก็ยังไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่า เหตุใดห้องฝังพระศพจริงๆจึงไม่ใช่ห้องนี้ แต่กลับเป็นห้องที่อยู่สูงขึ้นไป ซึ่งข้อสัณนิษฐานหนึ่งคือเพื่อป้องกันการบุกรุกและโจรกรรมทรัพย์สมบัติขององค์ฟาโรห์ จึงมีการสร้างห้องฝังพระศพหลอกขึ้นมา หรือบางตำราก็ระบุว่าเดิมฟาโรห์คูฟูคิดจะใช้ห้องนี้เป็นห้องฝังพระศพของตนเอง แต่เกิดเปลี่ยนใจจะปล่อยให้ห้องนี้เป็นห้องโถงโล่งอย่างที่เห็น แล้วสร้างห้องฝังพระศพใหม่ให้อยู่เหนือขึ้นไป ซึ่งจนถึงทุกวันนี้แม้วิทยาการด้านวิทยาศาสตร์จะก้าวล้ำไปไกล แต่นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ก็ยังไม่สามารถไขความลับภายในพีระมิดได้ โดยคาดกันว่าภายในพีระมิดแห่งนี้น่าจะยังมีทางเดินที่ซับซ้อนและห้องที่ยังซ่อนตัวอยู่อีกหลายแห่ง ความลับจึงยังคงเป็นความลับกันต่อไป

แม้ว่าห้องที่เรายืนอยู่นี้จะไม่ใช่ห้องที่ถูกใช้ฝังพระศพจริงๆ แต่การได้มาเยือนก็ทำให้ยิ่งรู้สึกทึ่งในความสามารถของชาวอียิปต์โบราณ เพราะแม้สภาพหินภายนอกที่ใช้สร้างพีระมิดจะสึกกร่อนจากธรรมชาติและกาลเวลา แต่หินที่เป็นโครงสร้างและผนังของห้องนี้ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ยิ่งนัก แผ่นหินขนาดมหึมาแต่ละก้อนทั้งเรียบและพื้นผิวมันแผ็บ รอยต่อนั้นเรียบสนิท จนสัมผัสแล้วแทบไม่รู้สึกถึงรอยต่อ และที่สำคัญแม้จะอยู่ลึกลงไปใต้ดินหลายสิบเมตร แต่การถ่ายเทอากาศภายในห้องนี้ดีมาก จนไม่รู้สึกเลยว่าห้องนี้อยู่ภายในการโอบล้อมของก้อนหินขนาดมหึมานับหมื่นนับแสนก้อน

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.35 น.

ความคิดเห็น