update Promotion & Review สดใหม่ได้ตลอดที่ https://www.facebook.com/reviewnowz
DC Restaurant
“Fruits de Mer” 7-course menu
สวัสดีครับ
ตอลดเวลา 9 ปีที่ ดีซี เรสเตอรองท์ ตั้งใจมอบประสบการณ์ความประทับใจในมื้ออาหารจนได้รับรางวัลต่างๆมากมาย จนล่าสุดกับการประกาศรางวัลครั้งแรก มิชลินไกด์มาเลเซีย (MICHELIN Guide Kuala Lumpur and Penang 2023) ที่โด้ได้มีโอกาสไปร่วมงานนี้ด้วยกับงาน Michelin Star Revelation 2023 Kuala Lumpur | Penang [ชมรีวิว] ซึ่งทาง ดีซี เรสเตอรองท์ ก็ได้เป็น 1 ใน 2 ร้านอาหารของกรุงกัวลาลัมเปอร์เท่านั้นที่ได้รับมิชลิน 1 ดาว (1 Michelin Star Restaurant) รวมไปถึงรางวัล MICHELIN Sommelier Award อีกด้วยครับ
เจ้าของมิชลิน 1 ดาว Chef Darren Chin, 1 Michelin Star Chef
และคุณ Mahamad Hafiz Bin Abdullah เจ้าของรางวัล MICHELIN Sommelier Award จะเป็นผู้ดูแลในมื้อนี้
ครั้งล่าสุดที่มาคือปี 2019 ทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนภายในร้านที่มีความสวยงามและหลากหลายขึ้นมากๆ โดยภายในจะถูกแบ่งเป็นส่วนๆ โดยบริเวณประตูทางเข้ายังคงต้อนรับด้วย “Le Comptoir”- by Darren Chin เค้าเตอร์บาร์ขนาดใหญ่สำหรับการนั่งดื่มก่อนจะเริ่มทานอาหาร ชั้นต่อมาจะต้อนรับด้วยครัวแบบเปิดและบาร์ขนาดกระทัดรัดและสัมผัสได้ถึงความหรูหราอย่างมีสไตล์
รวมไปถึงในส่วน DC 2.0 “Salon” dining ที่สามารถรองรับการมาเป็นกลุ่ม และยังปรับให้รองรับกับการจัด event พิเศษต่างๆได้อีกด้วย ชั้นบนสุดกับห้อง DC 3.0 Louis Xiii Special Red rooms ห้องแดงเพื่อสื่อถึงคอนยัคหลุยส์ 13 สุดเอ็กซ์คลูซีฟ แต่เนื่องจากมีผู้เข้ามาใช้บริการแล้วเลยไม่สามารถเข้าไปถ่ายมาให้ชมกัน
และสำหรับมื้อนี้จะนั่งกันในส่วน DC 1.0 “la Salle” dining ห้องโถงหลักซึ่งออกแบบให้สามารถปรับใช้งานรองรับจำนวนผู้มาใช้บริการได้หลากหลายแต่โดยปรกติจะจัดเป็นโต๊ะแบบส่วนตัวสำหรับ 1-4 ท่านและมีม่านกั้นทำให้รู้สึกเป็นส่วนตัว ในบรรยากาศเรียบหรู
สำหรับอาหารในมื้อนี้จะเป็นชุดอาหาร Le Menu “Fruits de Mer” 7-course menu
‘Caviar butter with assortment of breads and pastries’
พนักงานจะมาโรยเกลือบนเนยที่โต๊ะ
หลากหลายเมนูขนมปังที่ให้เยอะทีเดียว ทานแล้วมีเนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนที่สำคัญอร่อยทุกตัว เชื่อแล้วว่าเชฟเป็นคนที่ชอบทานขนมปังจริงๆ เสริมความอร่อยสุดๆด้วยเนย
‘Amuse bouche’
เมนูต้อนรับจากเชฟที่ให้ความอร่อยที่แตกต่างกันทั้ง 4 เมนู
‘Charles Ellner Champagne Carte Blanche Brut’
แชมเปญฝรั่งเศสเย็นๆในอุณหภูมิที่ถูกต้อง กลิ่นรสเบาสบายสำหรับแก้วแรก
‘Cured Amaebi’
กุ้งหวานที่หมักด้วยชิโอะโคจิ เนื้อกุ้งนุ่มเด้งและความหวานที่ชัดเจน เสริมมิติของรสชาติขึ้นไปอีกขั้นด้วยโฟมจากการดองและอารูกูล่าพูเรหอมๆ
‘Maru-emon Hokkaido oyster AL-ajillo’
ใช้หอยนางรมฮอกไกโดย่างตัวใหญ่ล้นคำ
ทานแล้วนุ่มลื่นกลิ่นรสไม่มีสะดุด ปรุงให้มีรสชาติที่แตกต่างด้วยกระเทียมซันโจพริกไทยญี่ปุ่น และน้ำมันมะกอกจาก Tuscan ออกมาเข้มข้นแต่นุ่มนวลสุดๆ
มันเนื้อเนียนนุ่มผสมไปกับควาหอมของเห็ดทรัฟเฟิลที่ให้เต็มที่และราดด้วยซอส ทานแล้วสัมผัสถึงความเรียบง่ายแต่ชัดเจนในแต่ละวัตถุดิบได้อย่างน่าประทับใจ
‘Tanaka Rokujugo Junmai (田中六五 : Tanaka 65)’
สาเกระดับจุนไมจากฟูกูโอกะใช้พันธุ์ข้าวยามาดะนิชิกิที่ถูกขนานนามว่าเป็นราชาพันธุ์ข้าวสาเก กลิ่นรสที่กลมกล่อมชัดเจนและเข้ากับอาหารทะเลได้อย่างราบรื่น
‘Hokkaido scallops’
หอยโฮตาเตะวางด้วยแผ่นพสาต้าที่ปราศจากกลูเตน
หอยเชลล์ฮอกไกโดตัวใหญ่หนาล้นคำ เนื้อนุ่มหวาน ทานพร้อมกับแฮมเนื้อเซซิน่าหนึบหนับ และถั่ว (autumn peas) เนื้อนุ่ม เสริมรสด้วยซอส Marinière และบัลซามิกขาว ทานทุกอย่างในคำเดียวจะได้ความหลากหลายที่เน้นไปที่ความเนียนแต่ตัดด้วยความหนึบหนับของแฮม
รสชาติที่มีความเป็นถั่วและครีมฟองเบาๆ ให้ความรู้สึกหรูหราทีเดียวสำหรับเมนูนี้
‘2014 Domaine FL Fournier-Longchamps Roche aux Moines’
เป็นไวน์ขาวจากฝรั่งเศสกับองุ่นพันธุ์เชนิน บลอง (Chenin Blanc) ที่จะมาช่วยสนับสนุนหอยเชลล์ฮอกไกโดให้มีความสมบูรณ์ขึ้นในเรื่องของความรื่นไหล
‘Live South Africa abalone’
เป๋าฮื้อทั้งตัวหั่นชิ้นพอดีคำเนื้อหอมนุ่มหนึบหนับ ส่วนตัวชอบมากๆกับตัวน้ำซุปที่รองเพราะมีความหอมและรสชาติเสริมรสของเนื้อเป๋าฮื้อได้อย่างกลมกล่อมนุ่มนวล ละมุนมากๆสำหรับเมนูนี้
‘Junmai Kimoto (純米生酛)’
สาเกที่มีประวัติยาวนานกว่า 270 ปีจากประเทศญี่ปุ่น ดื่มต่อจากทานหอยเป๋าฮื้อแล้วรู้สึกว่าความเข้มข้นของสาเกนั้นเคลียร์ทุกอย่างได้หมดจดดี
“Echo of the sea” – (original)
แม้เชฟจะมีเมนูใหม่ๆมานำเสนอตลอด แต่ก็ยังคงรักษาเมนูซิกเนเจอร์นี้อยู่ กับเส้นแองเจิ้ลแฮร์เส้นเล็กๆเนื้อนุ่มที่ทานในแบบเย็น คลุกเคล้าด้วยซอสทรัฟเฟิลที่หอมเด่น รสชาติจัดจ้านแต่นุ่มนวล เสริมกลิ่นรสด้วยไข่หอยเม่นจากฮอกไกโด กุ้งหวานที่ผ่านการปรุง เนื้อปู (snow carb) สาหร่าย ไข่ปลาแซลมอน ไข่กุ้ง และวาซาบิ ทุกคำคือความเข้มข้นชัดเจนในทุกมิติแบบมีพลังซึ่งยังคงชัดเจนอยู่ อร่อยสดชื่นเหมือนเดิมสำหรับเมนูนี้
‘Morgon Vieilles Vignes Guy Breton 2020’
ไวน์แดงจากโบโฌเลส์ (Beaujolais) ของฝรั่งเศส ใช้องุ่นกาเมย์ (Gamay) ที่มีบอดี้ไม่หนักเพื่อรักษาสมดุลย์ของอาหารที่มีรสชาติเข้มข้นและเย็นสดชื่นให้ยังสมบูรณ์ครบถ้วนอยู่
ล้างปากด้วยซอร์เบทส้มที่มี จินคา-รูน (Caorunn) เหล้าจินระดับพรีเมียมของสก็อตแลนด์ในหลอดเป็นส่วนผสม
บีบหลอดที่ใส่จินก่อนทาน เกล็ดน้ำแข็งเนื้อละมุน รสชาติเปรี๊ยวหวานผสมกับความเป็นจินทั้งกลิ่นและรสชาติที่ออกมาอย่างชัดเจน
พนักงานนำชุดมีดมาให้เลือกสำหรับทานเมนูจานหลัก
เลือกเป็นชุดมีดของลากิโอ (Laguiole) ของฝรั่งเศส จับแล้วมีความเล็กเรียวเบากระชับมือและแน่นอนว่าคมมาก
‘Local Cherry-Valley dry aged duck supreme’
เนื้อเป็ดเชอร์รี่ดรายเอจ เสริมรสด้วยลูกพลัม ทานคู่กับมันฝรั่ง (anna potato) และหน่อไม้ฝรั่ง ทานแล้วตัวเสริมรสและเครื่องเคียงต่างๆทำได้ดีลงตัวไม่มีทีติ
แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าเนื้อเป็ดนั่นทำได้ยอดเยี่ยมจริงๆ โดดเด่นทั้งแต่หนังที่กรอบหอม ทานแล้วนึกถึงเป็ดปักกิ่งกันเลยทีเดียว มันหอมๆนุ่มๆแทรกระหว่างหนังกับเนื้อกำลังดี เนื้อระดับความสุกกำลังสีสวยมีความฉ่ำนุ่มแน่นและเกล็ดเกลือที่สร้างสีสันได้โดดเด่น ทำได้ประทับใจดีมากๆ
‘La Rioja Alta Viña Ardanza Reserva 2015’
ไวน์แดงฟูลบอดี้ที่ใช้องุ่นเทมปรานีโญ่ (Tempranillo) และการ์นาช่า (Garnacha) จากริโอฆาประเทศสเปน
‘2017 Casanova di Neri Brunello di Montalcino DOCG’
ไวน์ซานโจเวเซ่จากแค้วนมอนตาลชิโน่ ประเทศอิตาลี มีบอดี้ออกดรายและแทนนินที่เหมาะกับเนื้อสัตว์
‘Monsieur Darren’
เป็น Pre-dessert
ขนมหวานโดย Chef Hazel Chan
‘The White Rose’
กลิ่นหอมอ่อนๆของพีชและเอสพูม่าชามะลิ เมอแร็งก์ส้มจี๊ด ครีมไวท์ช็อกโกแลต ซอร์เบทรสพีชและมินท์
‘Dow’s Fine White Port’
คู่กับไวน์หวานจากปอร์โตประเทศโปรตุเกส
ทานเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นมาต่อกันที่ DC 3.0 Moonbar dining, cocktails and tapas เป็นส่วนบาร์ที่สวยงามโดดเด่นด้วยพระจันทร์เต็มดวงท่ามกลางดวงดาว ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งสบายใจ
หลากหลายเครื่องดื่มมาตรฐานต่างๆและค็อกเทลที่ชงได้เข้มข้นกลมกล่อมปิดมื้อได้อย่างสมบูรณ์
บรรยากาศมีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการมีตั้งแต่ความเรียบหรูไปจนถึงความหรูหรา รองรับตั้งแต่การมาทานคนเดียวไปจนถึงกลุ่มใหญ่ การบริการดีเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด และใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารหมดห่วง อาหารมีความซับซ้อนมีมิติ แต่จับวางให้ออกมาให้ได้อร่อยแบบเรียบง่ายและราบรื่น รสชาติของแต่ละเมนูมีความแตกต่างทำให้สนุกสนานในการทาน การจับคู่กับเครื่องดื่มค่อนข้างเซอร์ไพรส์กับการนำสาเกเข้ามาใช้ ซึ่งก็เข้ากับเมนูที่เลือกที่มีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว แต่ถ้าใครไม่ถนัดกับสาเกก็แจ้งกับทางพนักงานได้ โดยรวมไม่ผิดหวังเลยกับมื้อนี้แถมยังรู้สึกเกินคาดเมื่อเทียบกับอาหารที่ได้ทานเมื่อ 3 ปีก่อนซึ่งเป็นการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีมากๆ กล้าบอกได้ว่า ดีซี เรสเตอรองท์ คู่ควรกับมิชลิน 1 ดาวของ มิชลินไกด์มาเลเซีย (MICHELIN Guide Kuala Lumpur and Penang 2023) อย่างแท้จริง และไม่ลืมสำรองที่นั่งก่อนมาทุกครั้งนะครับ.
ขอบคุณมากครับ
โด้
รายละเอียดอาหาร
– LE MENU EMPEREUR อาหารชุด ราคา RM 1,148++ และ อาหารชุด + ไวน์ ราคา RM 1,648++
– SAKE PAIRING MENU อาหารชุด + สาเก ราคา RM 1,188++
– DC’S SEASONAL TRUFFLE MENU อาหารชุด ราคา RM 648++ และ อาหารชุด + ไวน์ ราคา RM 1,048++
– LE MENU “FRUITS DE MER” อาหารชุด ราคา RM 548++ และ อาหารชุด + ไวน์ ราคา RM 948++
– VEGETARIAN MENU (PRE-ORDER) อาหารชุด ราคา RM 438++ และ อาหารชุด + ไวน์ ราคา RM 788++
รายละเอียดร้านอาหาร
ร้าน ดีซี เรสเตอรองท์ / DC Restaurant
44, Persiaran Zaaba, Taman Tun Dr Ismail, 60000 Kuala Lumpur, Wilayah Persekutuan Kuala Lumpur, Malaysia [Malaysia] [มาเลเซีย]
18:00-23:00 (หยุดวันจันทร์)
โทร. +60 3 7731 0502, +60 1 2223 2991
website : www.restaurant-dc.com
update Promotion & Review สดใหม่ได้ตลอดที่ https://www.facebook.com/reviewnowz
Do is On The WAY
วันพฤหัสที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 16.49 น.