สวัสดีเราแจ๊คไง วันนี้ขอพาเพื่อนๆเดินทางท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ กับสถานที่ท่องเที่ยวของ จ.กาญจนบุรี
หลังจากทริปลุยฝน ไปคนเดียวแบบเหงาๆ ที่ทองผาภูมิ สัปดาห์ต่อมาก็ถึงคิว ลุยกับเพื่อนๆชาวพันทิป
ขอเล่าที่มาที่ไปของทริปนี้ก่อนนะคะ
16-18 กรกฎาคม59 เราได้มีโอกาสไปเที่ยวกับเว็ปพันทิปและททท. และพี่ๆไกด์ที่น่ารัก บ.หนุ่มสาวทัวร์
เดินทางท่องเที่ยว 5เส้นทางของจ.กาญจนบุรี แจ๊คเลือกเส้นทางที่ 4 ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวใน ต.สหกรณ์นิคม อ.ทองผาภูมิ
แคมเปญ ชื่อ " 2 คืน 3 วันอัศจรรย์เมืองกาญจน์"
ฟรีตลอดงาน ขอบคุณมากๆค่ะ ที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี กลับมาน้ำหนักขึ้นกันไปอีกจ้ะ
สถานที่ท่องเที่ยวคือ จุดชมวิวเนินสวรรค์, อุโมงสามมิติ,เขาเอเวอร์เรสต์แห่งทองผาภูมิ,เที่ยวป่าชุมชน,ชมน้ำตกผาสวรรค์
แต่ละชื่อ แจ๊คไม่เคยรู้จักมาก่อน เลยต้องออกไปหาคำตอบ
แจ๊คมาด้วยคำถาม มีภารกิจในใจ ที่ต้องมาหาคำตอบ ว่าสถานที่ชื่อแบบนี้คืออะไร เป็นยังไง
ที่รู้ๆ ททท.และพันทิป พาไป เส้นทางต้องนั่ง 4 WD ต้องเด็ดแน่ๆ
ถ่ายคลิปทางเข้าน้ำตกผาสวรรค์มาแปะไว้นะคะ เพื่อนๆจะรับรู้ได้ถึงความสนุกของการเดินทางในครั้งนี้ค่ะ
เดี๋ยวๆๆๆๆ ขอโฆษณาแฝงก่อน
รู้จักกันมากขึ้น อยากทักทาย พูดคุย ขอคำแนะนำ ได้หมดค่ะแต่ห้ามขอยืมตังค์
ที่นี่นะคะ เพจท่องเที่ยว ถ่ายภาพของแจ๊คค่ะ My journey by นักเดินทางตัวน้อย
https://www.facebook.com/jackrockerphotographer
แถวบ้านไม่เรียกโฆษณาแฝงนะ เรียกว่าขายกันตรงๆเลย 5555 ป่ะๆๆๆๆ เดินทางกันต่อ
Unseen กาญจนบุรี บทที่ 1 : ชิลๆริมแม่น้ำแคว
ในวันแรกมีวิทยากรให้ความรู้ เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวของกาญจนบุรี เรื่องการเขียนรีวิวและการถ่ายภาพรีวิว งานนี้ได้ความรู้เพียบค่ะ
สถานที่จัดกิจกรรมวันแรก คือ โรงแรมเฟลิกซ์ ริเวอร์แคว (felix river kwai hotel)
กลางคืนจัดงานเลี้ยง มีวงดนตรี แจกของที่ระลึก ก็สนุกสนานกันไปค่ะค่ำคืนแรก
แต่มี 2 กลุ่มไปพักที่ เดอะ กลอรี่ ริเวอร์แคว โฮเต็ล (The Glory River Kwai Hotel)คือกลุ่มเราไง
ชอบมากๆ วิวจากระเบียงห้องสวยมาก เป็นวิวแม่น้ำแควทุกห้อง
ทุกอย่าง ดีงาม
ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหาร เห็นไฟสวยดี ขอเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆค่ะ
สวัสดีเช้าวันใหม่ ประตูหลังห้องค่ะ
Unseen กาญจนบุรี บทที่ 2 : ออกผจญภัย
การผจญภัยเริ่มขึ้นแล้ว ทิ้งกายที่เนินสวรรค์ อัศจรรย์อุโมงค์สามมิติ พิชิตเอเวอร์เรสต์เมืองไทย ไปเก็บหน่อไม้ป่าชุมชน
บทที่ 2.1 : ออกตามหาสวรรค์บนดิน
ตอนเช้ารถบัสพาพวกเรามุ่งหน้าสู่บ้านผาสวรรค์ รีสอร์ท(ทีพักของเรา) ต.สหกรณ์นิคม
ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 135 กิโลเมตร
วิ่งตามทางหลวงหมายเลข 323 กาญจนบุรี – ทองผาภูมิ
ความสุขเกิดขึ้นระหว่างทาง ฟ้าใสมากๆ
เลยร้านโรงนากาแฟไปนิดเดียว จะเจอทางเข้าอยู่ขวามือ มีป้ายบอกทางไปบ้านผาสวรรค์ และน้ำตกผาสวรรค์
เราเลี้ยวขวาเข้าไป ไม่ไกล ประมาณ 15 กิโลเมตร ก็จะถึงที่พักของเรา แต่ยังไม่เข้าห้องนะ
เราเปลี่ยนรถบัส เป็นนั่งรถ 4 WD เพื่อไปจุดชมวิวเนินสวรรค์ เดี๋ยวนะนี่เรื่องจริงใช่มั้ย นั่งหลังรถ 4WD เวลา 10 โมงกว่าๆ
ท้าแดด ท้าลม แล้วดูฟ้านะ เย็นสบายค่ะ 5555 สายลุยอย่างพวกเราเตรียมใจมาจากบ้านแล้วค่ะ
เส้นทางตอนนี้ยังชิลๆ โค้ง และชันหน่อย แต่ผิวทางดี เรถเก๋งไปได้จ้ะ ชมวิว ชมฟ้าข้างทางไปเรื่อยๆ
ไม่นานพี่โชเฟอร์ก็นำพาพวกเราไปยังจุดชมวิวเนินสวรรค์
คือฟ้าเป็นใจมากอ่ะวันนี้ แดดแรง แต่เราไม่เกี่ยงเลยถ้าเจอฟ้าแบบนี้ แดดก็แดดเหอะ ไม่กลัว ถ้าได้ภาพสวยๆ
ด้วยความที่เป็นคณะทัวร์ แน่นนอน พี่ทีมงานพันทิปต้องจับพวกเราถ่ายภาพหมู่ก่อน เย้ๆๆๆๆมาถึงแล้วเนินสวรรค์
นี่มันสวรรค์บนดินชัดๆ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราคือวิวล้านแปด มองเห็นเทือกเขาสลับซับซ้อน สุดลูกหูลูกตา
มองเห็นที่พักของพวกเราด้วย เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมวิวได้แบบเต็มอิ่ม ไม่มีต้นไม่บดบัง เป็นแบบพาโนรามาเลย
ฟ้าใสๆ ป่าเขียวๆ ลงตัวที่สุดแล้ว ว่ามะ
พี่วินเนอร์ไกค์สาวสวยอารมณ์ดีผู้นำสาระและความบันเทิงมาสู่พวกเรา อิอิ
เรากินข้าวกลางวันกันที่นี่ค่ะ เดี๋ยวเราต้องไปลุยอีกยาวๆ ตรงนี้ชิลสุดเหมาะกับการนั่งกินข้าว
คิดดูนะ ข้าวเรามันก็ธรรมดาๆนะ แต่ข้าวมื้อนี้พิเศษตรงที่บรรยากาศนี่แหระ
ลมเย็น วิวสวย อยากผูกเปลนอนเลย
มีมอไซค์ 2คัน ขี่ขึ้นมา ดูลุยมาก คนขี่มอไซค์คันแรกถอดหมวกกันน็อคออกมา อึ้งเลยจ้ะ
เป็นคุณตาหนวดขาว ผมขาว แต่ดูยังแข็งแรง
มอไซค์อีกคันเป็นคนหนุ่ม ทราบว่าขี่มาจากด่านช้างจ.สุพรรณบุรี สายลุยจริงๆ
เก็บภาพกันต่อค่ะ
ขอถ่ายกับสุดยอดพาหนะของเราหน่อยค่ะ
เราได้ข้อมูลว่า ที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินด้วย วิวแบบนี้นะ แล้วมีแสงทไวไลท์นะ หน้าหนาวเช้าๆมีทะเลหมอกค่ะ
โห จินตนาการไปอีก มันต้องสวยมากแน่ๆ จนเราสังเกตุที่แท็กกระเป๋าเรา นี่มันรูปทะเลหมอกจุดชมวิวเนินสวรรค์นี่นา
อยากจะกรีดร้อง เฮ้ยมันใช่เลยที่นี่ ต้องกลับไปอีกแน่ๆ
ที่นี่สามารถกางเต๊นท์ได้ แสดงว่า นอกจาก ชมวิว ชมพระอาทิตย์ตกดิน
ชมหมอก ยังมานอนดูดาวได้อีกด้วย ไม่เอาอะไรแล้วชีวิตนี้ ที่เดียวจบ
ซึ่งมีพื้นที่รองรับเต๊นท์ได้มากพอสมควร กว่า 50 เต็นท์ มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ
ไม่มีร้านค้าและร้านอาหาร เตรียมอาหารเตรียมเต๊นท์ไปให้พร้อมนะคะ ลานเขียวๆที่เราเห็นนี่แหระ กางเต๊นท์กันได้เลย
ณ ปัจจุบัน การไปกางเต๊นท์ ถามข้อมูลมาจากพี่ไกค์ค่ะ สามารถไปกางได้เลย ยังไม่มีค่าบริการ ไม่ต้องติดต่อใคร
ออกแนวดูแลตัวเอง แต่ปลอดภัยค่ะ เพราะมีจุดตวรจอยู่บริเวณนี้
แจ๊คคิดว่าถ้าแหล่งท่องเที่ยวแถวนี้บูมขึ้นมาอาจมีการบริหารจัดการที่เป็นระบบขึ้น
ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยน๊า สถานที่จะได้ไม่เสื่อมโทรมค่ะ
ฝากจุดชมวิวเนินสวรรค์ไว้ด้วยนะคะ นับเป็นสถานที่น่าสนใจอีกที่หนึ่งเลยทีเดียวค่ะ
บทที่ 2.2 : คำตอบที่ใช่ อุโมงค์ 3 มิติ คืออะไร????
ไปกันต่อค่ะ สถานที่ต่อไปคือ ไปหาคำตอบว่าอุโมงค์สามมิติเป็นยังไง
ลงจากจุดชมวิวเนินสวรรค์ ไกล้ๆกันจะเป็นทางเข้าอุโมงค์ สามมิติ
ต้องไขกุญแจเปิดก่อนค่ะ
ทันทีที่มองเห็นทางเข้า ต้องร้องโอ้โห!!!!! มีแต่ป่า นี่รถเข้าได้ใช่มั้ย??? ความตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกแล้ว
ได้กลิ่นของการผจญภัยนิดๆ
เข้าป่าไม่นานก็ถึงทางเข้าอุโมงค์ค่ะ ข้างในนั้นจะเป็นยังไงนะ
เรารู้กันว่าข้างในมืดมาก เราจะมองเห็นได้จากแสงสว่างของไฟรถ และทำใจไว้ว่าคงไม่ได้ถ่ายอะไร
แต่เอาเข้าจริงก็ได้ภาพมาฝากอยู่ค่ะ ใช้แฟรชหัวกล้องง่อยๆนี่แหระ
นี่เราจะขับรถเข้าไปจริงๆหรอคะ มันเข้าได้ใช่มั้ย
เมื่อเข้าไปข้างใน สัมผัสได้ถึงความเย็นค่ะ สิ่งแรกที่เจอคือ
นี่ค่ะ ในอดีตมันคือร้านขายของชำ
จริงๆแล้วที่นี่คือเหมืองแร่เก่า ชื่ออุโมงค์ ดร.ผล กลีบบัว ในส่วนของกาญจนบุรี
เพื่อนๆอาจเคยได้ยินชื่อเหมืองเก่าที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม คือเหมืองปิล๊อค เหมืองสมศักดิ์
เพื่อนๆทราบหรือไม่ว่า ที่สหกรณ์นิคมนี้ ก็มีเหมืองเก่าที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้วยเหมือนกัน
อุโมงค์ขุดเจาะโดยแรงงานคน เป็นเหมืองตะกั่วเก่า ที่มีมากว่า 3 ชั่วอายุคน ตัวอุโมงค์มีขนาดใหญ่
รถบรรทุกสามารถขับเข้าไปด้านในได้ ในอดีตใช้สำหรับลำเรียงขนแร่ที่ขุดเจาะได้จากในภูเขาออกมา
ปัจจุบันนี้ไม่มีการทำเหมืองแล้ว (เนื่องจากหมดอายุสัมปทาน)
ทางเทศบาลตำบลสหกรณ์นิคม เล็งเห็นว่า บริเวณเหมืองเก่าและอุโมงค์เหล่านี้มีความน่าสนใจ
เหมาะสมที่จะจัดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัยได้ รวมทั้งอยากส่งเสริมให้ชาวบ้านในพื้นที่มีรายได้จากการท่องเที่ยว
จึงได้ทำเรื่องขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ โดยมีการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการขอใช้พื้นที่
เพื่อพัฒนาและเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว และให้ชาวบ้านในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร
มีทั้งหมด 3 อุโมงค์ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งพวกเราก็เข้าครบทั้ง3 อุโมงค์เลยค่ะ
อุโมงค์ที่ลึกที่สุด มีความลึกประมาณ 2 กิโลเมตรเศษ คืออุโมงค์แรกที่เรากำลังจะเข้าไปผจญภัยกันค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจากพี่เจน ททท.ด้วยค่ะ
ข้างในเราจะพบร่องรอยอะไรบ้าง ตามมาค่ะ
ถ้าเพื่อนๆอ่านแล้วชอบ รบกวนกดโหวตกระทู้เพื่อเป็นกำลังใจให้แจ๊คด้วยน๊าาาาาาเมื่อเข้าไปข้างในเราจะเห็น ร่องรอยการทำเหมือง สำหรับทางก็เปียก ชื้น แฉะค่ะ มีน้ำไหลแต่ไม่มาก
สัญลักษณ์ต่างๆ hopperสำหรับลำเลียงแร่ หินงอกหินย้อยเริ่มเกิดขึ้น ว๊าวววววววว
น้ำไหลเป็นน้ำตกน้อยๆๆๆๆๆ
ร่องรอยต่างๆ
ไปกันต่อเลย
พีคไปอีกคือ เราเจอค้างคาว
มีค้างคาวอาศัยอยู่ในนี้ด้วย
แล้วพวกเราก็โคตรตื่นเต้น เก็บภาพได้บ้างไม่ได้บ้าง
ตลอดทางมีแยกเล็กๆที่ขุดเข้าไปหาแร่แต่เป็นอุโมงค์ตันค่ะ บางช่วงก็เป็นที่พักแร่ บางช่วงกว้าง สามารถกลับรถได้
และตลอดทางเราจะเจอน้ำหยดจากเพดานเป็นช่วงๆ ใครเห็นก่อนก็คอยส่งเสียงบอกสมาชิก
เพื่อเตรียมหลบ หลักๆคือป้องกันกล้องจากน้ำค่ะ 555 มีหินหล่นบ้างแต่ไม่มาก แต่ก็ต้องระวังค่ะ
ปิดท้ายด้วยชุดใหญ่ เป็นม่านน้ำเลยจ้าาาา พวกเราหาได้กลัวไม่
นี่แหระภาพอันโอชะของเรา รอแสงไฟจากรถคันที่ 2 คันเราก็ตั้งกล้องรอเลย
ต้องบอกเลยว่าทีมงานพันทิป และ ททท. น่ารักมาก จอดให้พวกเราเก็บภาพในจุดสำคัญๆ
หรือในจุดไหนที่พวกเราคิดว่า เฮ้ยภาพสวย เราก็ขอให้จอดได้ ตลอดทาง ก่อนจะเคลื่อนรถ
ต้องมีคำหนึ่งที่ติดหูเลย พี่ทิมงานจะถามว่า "ทุกคนได้ภาพแล้วนะคะ?"
คือถ้าโอเคเราก็ไปกันต่อ น่ารักมาก ขอบคุณจริงๆค่ะ
ไม่นานเราก็เจอทางออก ใช้เวลาราวๆ 45 นาที นี่ค่ะ ออกมาเราก็จะเจอป้ายอุโมงค์แบบนี้
ออกมาแล้วเราจะรู้สึกว่า การที่เข้าไปชมอุโมงค์ เหมือนได้ย้อนอดีตกลับไปในยุคที่มีการทำเหมืองแร่เลยค่ะ
อยากให้เพื่อนๆมาสัมผัสด้วยตัวเองนะ
****การเข้าเที่ยวชมอุโมงค์เหมืองแร่นั้น เทศบาลตำบลสหกรณ์นิคม “ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปเที่ยวเอง" ต้องใช้รถยนต์ และผู้นำชมของทางชุมชนในการเข้าเที่ยวชมเท่านั้น
เนื่องจากเส้นทางในอุโมงค์เหมืองมีความสลับซับซ้อน อาจเกิดการพลัดหลง และเกิดอันตรายได้
นักท่องเที่ยวที่สนใจจะเข้าเที่ยวชมอุโมงค์เหมืองเก่า สามารถติดต่อนัดหมายวันเวลาได้ที่
เทศบาลตำบลสหกรณ์นิคม โทรศัพท์ 034 685038,
คุณสำรวม ใจซื่อ (นายกเทศมนตรีตำบลสหกรณ์นิคม) โทร.081 995 4997,
คุณวารี ผาภูมิเกริก (รองนายกเทศมนตรีตำบลสหกรณ์นิคม) โทร. 084 717 5185
บทที่ 2.3 : คุณครูสังคมคะ ที่ทองผาภูมิ มีเขาเอเวอร์เรสต์ด้วยเหรอคะ????
ออกจากอุโมงค์ 3 มิติเราก็มองหายอดเขา แล้วคุยกันว่าเขาไหนนะ คือเอเวอร์เรสต์แห่งทองผาภูมิ
ไปตามทาง ระหว่างทาง จอดแป็ปปปป
พี่คนนำทางบอกเห็นขนุนสุก พี่หายเข้าป่าไปพักหนึ่ง ออกมาพร้อมขนุน1เสี้ยว
เพระโดนสัตว์แทะไปแล้ว อดกินเลย
ไปตามทางไม่นาน เราก็เห็นเขาลูกหนึ่งน่าจะใช่ นี่ไงๆๆๆๆ เอเวอร์เรสต์ทองผาภูมิ
ใช่ป่าววววววว เหมือนมั้ย ยังไม่ให้ดูภาพ 55555
พี่โชเฟอร์ขับเข้าใกล้เขาไปทุกทีๆๆๆ แล้วพี่ก็ขับขึ้นเขา พวกข้างหลังก็ เฮ้ยยยยยพี่จะขับขึ้นไปจริงๆเหรอ
ทางชันนะ เอาอีกแล้ว ตื่นเต้นปนเฮฮาตลอดอ่ะทริปนี้ แล้วพี่ก็ขับพาเราเข้าอุโมงค์อีก นี่อุโมงค์ที่ 2 นะ
อันนี้ค้างคาวเยอะ ตื่นเต้น หวาดเสียว เพราะอุโมงค์เล็ก พื้นไม่เรียบ รถก็มีเด้งบ้าง
เราเลยต้องก้มหัวกันตลอด เป็นอุโมงค์สั้นๆ แป๊ปเดียวก็ถึงทางออก ตอนจะออกจากปากอุโมงค์ดิ่ ทางชันค่ะ ถไลเล็กน้อย
ออกมา เฮ้ยยยยยย เราขึ้นมาประมาณครึ่งหนึ่งของเขานะ
นับเป็นจุดชมวิวที่มีวิวสวยยยยยมากอีกที่หนึ่งเลยค่ะ
แล้วพวกเราก็เดินขึ้นค่ะ แต่ไม่ถึงยอดนะ 5555 พิชิตเอเวอร์เรสต์ตอนบ่ายโมง แดดจัดๆเนี่ยนะ ม่ายยยยยยยย
มีคนเคยพิชิตนะ มีธงปักอยู่ด้านบนด้วย
เดินสำรวจพื้นที่ค่ะ หามุมเก็บภาพ
สมาชิกนำไปก่อนแล้วค่ะ
ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นนนนน ลงมาๆๆๆ 555
แต่ละคน เท่จริงๆ
วันนี้พิชิตแค่ครึ่งเขาพอนะ ได้เวลาต้องไปขึ้นรถแล้ว
น้องโดถ่ายให้ ภาพสวย ชอบเลย
จับมาใส่แค็ปชั่นซะเลย คือเห็นภาพตัวเองอยู่บนเขา แค็ปชั่นลอยมาในหัวทันที
ชอบมากอันนี้ 5555
พอๆๆๆๆ เลอะเทอะ เที่ยวต่อดีกว่าค่ะ
เดินกันมาร้อนๆ รอสมาชิกเพื่อขึ้นรถ แวะหลบร้อนกันในอุโองค์ดูรอยเท้าสัตว์กันก่อน ในอุโมงค์เย็นมาก
หายร้อนแล้วก็ไปกันต่อค่ะ ลงไปหามุมเก็บภาพรวมๆ ด้านล่าง ขาลงนี้เราก็เข้าอุโมงค์เหมือนเดิม
แล้วก็ไปเข้าอุโมค์ใหญ่ (ครบ3 อุโมงค์ละ) ออกไปเพื่อเก็บภาพให้เห็นเขาแบบมุมกว้างๆ
มาดูกันว่าตกลงเหมือนเอเวอร์เรสต์หรือไม่
ดูๆแล้วก็ไม่ค่อยเหมือนเอเวอร์เรส แต่ถามว่าฟินมั้ย ฟินค่ะ
แล้วอยากรู้ป่ะ ทำไมถึงเรียกชื่อนี้ ต้องอ่านข้อมูลนี้ค่ะ
ข้อมูล:เขาเอเวอร์เรสต์ เป็นเขาลูกหนึ่งในจำนวนเขาในบริเวณนี้ และเขาลูกนี้เป็นเขาที่มีสินแร่มากที่สุด
ในบรรดาเขาในเขตสัปทานเหมืองแร่บ่อใหญ่ ชาวเหมืองเรียกว่า เขาลูกสอง
ชาวกะเหรี่ยงเรียกว่าเขาเครื่องบิน เพราะทางเหมืองเคยนำเครื่องบินมาลงจอด
ตอนมาส่งนายช่างวิศวกร และผู้จัดการเหมือง
เขาลูกดังกล่าวนี้ได้ทำการขุดเจาะเป็นอุโมงค์มากมาย การขึ้นไปต้องปีนเขาดึงเชือกดูแล้วมันแสนยากเย็น
และลำบากมาก เหมือนกับการขึ้นเขาเอเวอเรสต์ เทือกเขาหิมาลัย ประเทศเนปาล
จึงได้ตั้งชื่อเขาลูกนี้ว่า "เขาเอเวอเรสต์"
โอเค เข้าใจละ หนูเข้าใจแล้วววว
เอเวอร์เรสต์ทองผาภูมิยังรอทุกท่านมาพิชิตอยู่นะคะ แต่อย่ามาตอนเที่ยงนะ เดี๋ยวละลาย 5555
บทที่ 2.4 :ป่าชุมชนตำบลสหกรณ์นิคมมีความสำคัญกับชาวบ้านยังไง
ข้อมูลค่ะ
ป่าชุมชน ตั้งอยู่ที่ บ้านป่าไม้สะพานลาว ตำบลสหกรณ์นิคม อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
ได้รับการพิจารณาอนุญาตจากกรมป่าไม้ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557อยู่ในพื้นที่แหล่งต้นน้ำชุมชนห้วยดินโส
มีการทำฝ่ายถาวรชะลอน้ำ มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอย่างมากมาย เช่น หญ้าถอดปล้อง 400 ล้านปี ปูร้อยสี
จักจั่นงวงช้าง ต้นไทรขนาดใหญ่ ดงตาว ดงจันผา และสัตว์ป่ามากมาย
นี่ค่ะ ทางเข้า เมื่อเข้ามาเราต้องมีคำถามอีกครั้ง เข้าได้ด้วยเหรอ ป่าอีกแล้วค่ะ
ทางบางช่วงเป็นน้ำ
ตลอดทางเราจะเจอกับอุปสรรคคือ ต้นไม้ กิ่งไม้ ต้องคอยส่งสัญญาณบอกเพื่อนสมาชิก ให้หลบกัน อยู่เรื่อยๆ
พอเข้าไปลึก อุปสรรคเยอะขึ้น กิ่งไม้ใหญ่ๆขวางทาง
พี่คนนำทางต้องคอยตัด เปิดทางให้ ตลอดเส้นทาง เราจึงเข้าไปกันอย่างช้าๆ
ตลอดเส้นทางเราก็จะเจอต้นไม้หลากหลาย
ซึ่งทำป้ายบอกชื่อไว้อย่างดี เด็ดสุดของวันนี้คือ
หน่อบง เป็นหน่อไม้ขนาดใหญ่ แทงหน่อขึ้นอายุกำลังพอดีสำหรับนำไปประกอบอาหาร
ได้มาเยอะเลย ที่นี่ชาวบ้านสามารถเข้ามาเก็บผลิตผลเหล่านี้ได้ค่ะ
เก็บหน่อไม้เสร็จก็ยังต้องบุกป่าฝ่าดงกันต่อ
ไปจนสุดทาง
เราต้องเดินแล้วนะ ตรงนี้คือฝ่ายชะลอน้ำ มีผีเสื้อกลุ่มเล็กๆให้เราได้ตื่นเต้นเล็กๆ
ด้วยความสงสัย ว่าน้ำไปไหนยังไง เพราะจำข้อมูลไม่ได้ กลับมาเปิด google map ไล่ดูว่า
สายน้ำคลองดินโส ไหลไปไหน น้ำสายนี้ จะไหลไปลงแม่น้ำแควน้อย
แล้วแม่น้ำแควน้อยจะไหลไปบรรจบกับแควใหญ่ เป็นแม่น้ำแม่กลองนั่นเอง
เดินเข้าไปด้านใน จะมีต้นไทรต้นใหญ่ และต้นไม่อื่นๆมากมาย
บริเวณนี้มีที่โต๊ะ ม้านั่ง ให้คนที่มาเยี่ยมชม นั่งพักได้ค่ะ สามารถนำอาหารมานั่งทานตรงนี้ได้
ป่าชมชนน่าจะเป็นแหล่งต้นน้ำ แหล่งอาหารที่อุดมสมบูร์ของชาวบ้านเลยก็ว่าได้
จบจากตรงนี้ เราก็ออกจากป่ากัน เข้าที่พัก หมดแรงแล้วค่ะวันนี้
ตรงป่าชุมชนนี้ ข้อมูลประมาณนี้ค่ะ ขออภัยด้วยแจ๊คเก็บรายละเอียดได้น้อย เพราะมัวแต่ถ่ายรูป ไม่ได้ฟังผู้นำทางเท่าไร 5555
การเข้าไปศึกษาธรรมชาติในพื้นที่นี้ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการป่าชุมชนก่อน เกรงว่าเมื่อเข้าไปแล้วอาจหลงทางได้
จึงจะต้องมีผู้นำทางให้จึงจะปลอดภัยจากอันตราย
สรุป
การเที่ยวเส้นทางในบทที่ 2 นี้ เป็นเส้นทางต่อเนื่องกัน
บทที่ 2.1 สามารถเที่ยวเองได้เลยไม่ต้องติดต่อใคร
แต่บทที่ 2.2-2.4 ต้องมีคนพาไปนะ อาจจะติดต่อที่ ที่พักก็ได้ ที่พักส่วนใหญแถวนี้ก็จะมีบริการนำเที่ยว อย่างพวกเรามากันครั้งนี้พี่ไกค์บอกว่าก็ติดต่อรถที่บ้านผาสวรรค์ รีสอร์ทให้พาพวกเราเที่ยว
หรือถ้าเพื่อนๆอยากไปเอง ไม่ได้พักที่ไหน ขอย้ำอีกที่ ไม่ให้เข้าไปเองนะคะ อาจเกิดอันตรายได้
นักท่องเที่ยวที่สนใจจะเข้าเที่ยวชมอุโมงค์เหมืองเก่า สามารถติดต่อนัดหมายวันเวลาได้ที่
เทศบาลตำบลสหกรณ์นิคม โทรศัพท์ 034 685038,
คุณสำรวม ใจซื่อ (นายกเทศมนตรีตำบลสหกรณ์นิคม) โทร.081 995 4997,
คุณวารี ผาภูมิเกริก (รองนายกเทศมนตรีตำบลสหกรณ์นิคม) โทร. 084 717 5185
อาจจะเที่ยว เส้นทางนี้ แล้วไปกางเต๊นท์ที่จุดชมวิวคืนหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นโปรแกรมที่ดีค่ะ
จากการเล่าเรื่องแบบ ทักษะรีวิวง่อยๆของแจ๊ค ทำให้เพื่อนๆอยากไปลองเปิดประสบการณ์ใหม่ๆกันบ้างมั้ยน๊า
ถ้าพวกเราเข้าไปเที่ยวกันเยอะๆก็จะเป็นการกระจายรายได้ไปถึงของชาวบ้านอีกด้วย
แต่ฝากไว้ได้วยนะคะ ในฐานะนักท่องเที่ยวขอให้ช่วยกันรักษา ไม่ทำลาย ความสวยงามจะได้อยู่กับเราไปนานๆ
เก็บมาแต่ภาพถ่าย ทิ้งไว้แค่ความทรงจำนะคะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Unseen กาญจนบุรี บทที่ 3 : สายย่อขอมาเล่า น้ำตกผาสวรรค์ เราพบว่าต้นเหตุของความสนุกอยู่ที่เส้นทางสุดโหด พวกเราจะผ่านไปได้ยังไง!!!!!!
เช้าวันที่ 3 ตามแผนคือ เช็คเอ้าท์จากบ้านผาสวรรค์ รีสอร์ท แล้วไปลุยน้ำตกผาสวรรค์ กลับมาขึ้นรถบัสที่รีสอร์ท
ไปกินข้าวกลางวันที่ร้านโรงนากาแฟ และรับกลุ่มเส้นทางที่ 5 ที่นั่ง4WDมาจากเหมืองปิล๊อค แล้วกลับกทม.พร้อมกัน
โอเค ตามนั้น พวกเราต้องรักษาเวลา เพราะพวกสาย 5 จะได้ไม่ต้องรอเรานาน
ทานอาหารเช้า แล้วก็ออกเดินทางสู่น้ำตกผาสวรรค์กัน ลุย!!!!!!
จากทางเข้าบ้านผาสวรรค์ มองไปทางขวา เราก็จะเห็นทางเข้าน้ำตกผาสวรรค์เลย ไปตามทางเรื่อยๆ ข้างทางจะเป็นสวนผลไม้ของชาวบ้าน
ไปเรื่อยๆทางจะเริ่มโหดขึ้นเป็นช่วง สองข้างทางส่วนใหญ่เป็นป่าไผ่
ไม้ไผ่จะโน้มกิ่งขวางทางอยู่เป็นระยะๆ ใครเห็นก่อนก็ต้องบอกสมาชิก เตือนให้หลบกัน
กิ่งไม้ค่ะ หลบค่ะ ย่อค่ะ คันเราเลยเรียกกันว่าสายย่อ
รถคนอื่นจะไม่มีเบาะนั่ง เป็นนั่งพื้นกะบะ เลยไม่ค่อยมีปัญหามากกับกิ่งไผ่
คันเราเป็นเบาะนั่ง แบบรถ 2 แถว และคันเรามีพี่เจมส์ ไกค์ผู้เชี่ยวชาญ พี่เจมส์เล่าเรื่องราวต่างๆ พูดคุยกันเรื่องเที่ยว
แต่พี่นั่งท้ายรถไง เรานั่งหน้า คือต้องหันหน้าไปด้านหลัง บางทีฟังพี่เจมส์เสร็จหันกลับมา กิ่งไผ่ ใบไผ่ เต็มๆจ้ะ 555 เผลอไม่ได้เลย
ทางเป็นลูกรัง หน้าฝนก็เละค่ะ
มีสะพานไม้เล็กๆ ตรงนี้ต้องลงจากรถค่ะ ให้รถเปล่าข้ามสะพาน สะพานรับน้ำหนักมากไม่ได้
แต่ข้างๆมีทางคู่กัน เป็นทางอ็อฟโรด ร่องลึกมาก รถพวกเราไม่สามารถค่ะ เราไปทางธรรมดาๆก็ได้เนอะ
ข้ามสะพานแล้วก็ไปต่อ
เราจะเจอป้ายอีก บอกทางไปน้ำตกผาสวรรค์ 4 กม. ว๊าวววววววว ไกล้แล้ว
แต่ดูทางก่อนมั้ยคะ
เห็นทางแล้วใช่มั้ย นี่แหระปัญหา
รถผ่านไป 2 คัน คันที่ 3 บีบแตร ส่งสัญญาณ ปรากฏว่ารถติดหล่ม
บันเทิงสิ่คะ ขอตัดภาพไปที่สมาชิกคันที่ติดหล่ม ป้ายทะบงทะเบียนหลุดเลยทีเดียว
แจ๊คบอก อยากมีประสบการณ์ร่วม ขอถ่ายด้วยค่ะ 5555
รถคันเราจึงรับหน้าที่ลากค่ะ รอบแรกไม่ขึ้น
รอบสองขึ้นแล้ว เย้ๆๆๆๆ
ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่พวกเราประทับใจมาก 55555555 เจออุปสรรคอะไร สายเราสนุกไปกับมันได้ตลอด
ไปต่อ ไม่นานก็ถึงน้ำตก
ไปถึงน้ำตก เราได้พบกับ กลุ่มนักท่องเที่ยว สายลุยทั้งนั้น กางเต๊นท์ เป็นแก๊งค์ๆ มีมอไซค์วิบากกำลังกลับออกไป
จริงๆก็มีคนมาเที่ยวเหมือนกันนะ อนาคตถ้าทางดีๆ แถวนี้คงอุดมไปด้วยเต๊นท์ ไม่รู้ว่าธรรมชาติจะเป็นยังไง
มารู้จักน้ำตกผาสวรรค์กันก่อนค่ะ
ข้อมูลจาก sahakornnikom.go.th
น้ำตกผาสวรรค์ เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ และมีความสวยงามมาก อยู่ในป่าลึกท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
เต็มไปด้วยต้นไม้หนาแน่นโดยรอบ นอกจากความยิ่งใหญ่สวยงามของน้ำตกที่ดึงดูดให้คนมาค้นหา
เส้นทางมายังน้ำตกผาสวรรค์ เป็นอีกหนึ่งสิ่งเร้าใจที่ท้าทาย คนที่ชอบผจญภัย พิชิตความลำบาก
ต่างอยากจะมาพิสูจน์ความอึด ด้วยการลุยป่า ฝ่าโคลน จึงเป็นสถานที่เที่ยวที่เหมาะสำหรับขาลุย รักการเที่ยวน้ำตก
ชอบผจญภัย และการเดินป่า เส้นทางรถที่เข้าไปยังน้ำตกยังเป็นที่ถูกใจสำหรับนักท่องเที่ยวแบบออฟโร้ด
คนขับรถประเภทลุยป่า และโฟวิว เพราะเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างวิบาก โหดต่อการเดินทาง
ท้าทายผู้กล้ามากมายให้มาหาประสบการณ์ น้ำตกผาสวรรค์ ตั้งอยู่ในเขตหน่วยพิทักษ์ป่าน้ำตกผาสวรรค์
ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อำเภอทองผาภูมิ
เป็นน้ำตกที่มีต้นน้ำจากเทือกเขากะลา ซึ่งน้ำที่ไหลไปทางฝั่งตะวันออกจะต่อไปเป็นห้วยแม่ขมิ้น
ส่วนฝั่งตะวันตกไหลมาเป็นน้ำตกผาสวรรค์ และไหลต่อเป็นน้ำตกผาตาด ตัวน้ำตกผาสวรรค์ถูกโอบล้อมด้วยป่าที่สมบูรณ์
ใช้เวลาเดินชมน้ำตกจากชั้นล่างไปยังชั้นบนสุดประมาณ 40 นาที
น้ำตกผาสวรรค์เป็นหินปูนขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็นชั้นๆ มีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น
แต่ละชั้นได้ถูกตั้งชื่อไว้อย่างวิจิตรตามภาพป่าหิมพานต์ในวรรณคดี เรียงตามลำดับชั้นคือ
ธารสวรรค์ อ่างหินกินรี อ่างถ้ำแก้ว ผาคนธรรม์ ผาเทพบุตร ผาพิรุณ และผาสวรรค์
ที่นี่ยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก มีเฉพาะบ้านพักเจ้าหน้าที่ บริเวณที่ทำการหน่วยพิทักษ์ป่าน้ำตกผาสวรรค์
อยู่ท่ามกลางป่าที่มีความเป็นธรรมชาติสวยงาม มีลำธารใสไหลผ่าน ร่มรื่น มีลานกางเต็นท์ แต่ไม่มีร้านค้า
หรือร้านอาหารให้บริการ มีโรงครัวเจ้าหน้าที่แบบเปิดโล่งให้ได้ทำอาหาร
ซึ่งนักท่องเที่ยวต้องเตรียมอาหารและน้ำไปเอง
จากจุดกางเต็นท์ขึ้นไปยังตัวน้ำตกผาสวรรค์ ต้องเดินไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จึงจะถึงน้ำตกชั้นแรก
เส้นทางเดินไม่ลำบากมาก ป่าโดยรอบส่วนใหญ่เป็นป่าไผ่
แจ๊คทราบข้อมูลมาอีกว่ามีทางจากน้ำตกผาตาดมาที่ผาสวรรค์นี้ด้วย แต่ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ค่ะ
เริ่มเดินกันเลยค่ะ
เส้นทางน้ำตกผาสวรรค์เป็นป่าเบญจพรรณกึ่งดิบ มีลักษณะโปร่ง ส่วนมากเป็นป่าไผ่ จากทางราบ เส้นทางจะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไป
บางช่วงเป็นบันไดไม้ บางช่วงเป็นหิน เป็นโคลน ทางลื่นมากๆ ต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ และควรสวมใส่รองเท้าที่เหมาะสม
บอกก่อนนะ ภาพเซ็ทนี้ แจ๊คอาจจะถ่ายได้ห่วยมาก เพราะ ไม่มีฟิวเตอร์ แสงก็เลยโอเวอร์กันไป ถ่ายมือเปล่าบ้าง
ใช้ขาตั้งบ้าง พื้นก็ ตั้งได้บ้างไม่ได้บ้าง เรียกว่าถ่ายตามยถากรรม ตั้งแต่ชั้นที่1-6 รีบถ่ายรีบไปต่อ
มีเวลาถ่ายภาพน้อยค่ะ แต่เราจะไปใช้เวลานานอยู่ที่ชั้น 7 ค่ะ
ไม่นานเราก็เจอ ชั้นที่1 ธารสวรรค์
น้ำตกในชั้นต้นๆ จะมีสายน้ำลดหลั่นกันลงมาเป็นแอ่งตื้นๆ
ชั้นที่ 2 อ่างหินกินรี
จริงๆแจ๊คต้องไปยืนในน้ำมุมจะสวยกว่านี้ แต่ใส่ผ้าใบค่ะ เลยได้แค่นี้
รีบถ่าย รีบเดินค่ะ ไปต่อเลยค่ะ
ทางเดินค่ะ
ชั้นที่ 3 อ่างถ้ำแก้ว
แสงโอเวอร์มาก 555
ชั้นที่ 4 ผาคนธรรม์
ชั้นที่4 คือภาพที่โอเคสุดละ
เมื่อขึ้นไปยังชั้นสูงขึ้นไป ทางชันขึ้นเยอะ
ตั้งแต่ชั้น 5 ผาเทพบุตร น้ำตกจะแรงขึ้น เพราะตกมาจากผาที่สูงชันขึ้นเรื่อยๆ
แต่เราไม่เจอน้ำเลยสักหยดในชั้นนี้ แต่ดูนะ ถ้ามีน้ำคงสวยมาก
แล้วก็เกิดลังเลว่าเราควรขึ้นต่อไปมั้ย ต้องขึ้นดิ่ สายลุยอย่างพวกเรา
ทั้งๆที่ขาเริ่มออ่นแรง แต่ด้วยความที่เรามาถึงแล้วๆๆๆๆๆๆ ต้องไปต่อ
ไปถึงชั้นที่ 6 ผาพิรุณ เป็นหน้าผาใหญ่ เช่นกัน มีน้ำแค่นี้
ไหนๆก็ไหนๆละ เสี่ยงไปชั้น 7 กัน มาแล้วต้องไปให้สุด
ชั้นบนสุดคือชั้นที่ 7 ผาสวรรค์ เป็นหน้าผาสูงที่สุด
ทางเดินเป็นบันไดสั้นๆ ที่ชั้นมาก เดินไปเเหงนหน้าขึ้นมองน้ำตกที่อยู่ตรงหน้า กรี๊ดเลย มีน้ำด้วย
และภาพที่อยู่ตรงหน้าคือ สายน้ำไหลลงมาจากหน้าผา สูงมากๆ และเป็นชั้นที่สวยงามอลังการที่สุด
มีความสูงราว 80 เมตร ความจริงช่วงที่พวกเราไปกันน้ำน้อยนะ แต่ขนาดน้ำน้อย ยังสวยขนาดนี้
เก็บภาพเยอะมาก
น้ำใส และเย็น จนอดใจไม่ไหว ขอเดินลงลงไปสัมผัสบ้าง ลงไปแค่ครึ่งแข้งค่ะ แค่นี้ก็สดชื่นละ
สำหรับน้ำตกผาสวรรค์นะ เหนื่อยมาก ถามว่าฟินมั้ย ฟินค่ะ 555 อยากกลับไปอีกในวันที่น้ำเยอะๆ
แต่คงยาก หนทางลำบากเกิน
ได้เวลาต้องลงแล้วค่ะ
จริงๆพวกเรา ช้ามากละ เกินเวลาค่ะ ลงมาด้านล่าง รอสมาชิกครบเพื่อเตรียมเดินทางกลับ
เจอเหล่าผีเสื้อกลุ่มเล็กๆอีกแล้ว
ตอนนั่งรถกลับเพิ่งเห็นว่ามีอยู่หลายกลุ่มค่ะ
กลับมาตรงสะพานที่เดิมที่เราต้องลงรถกัน มีสายลุยมาค่ะ วิ่งทางออฟโร๊ดเลย พวกเราก็ตั้งกล้องรออีกแล้ว
สวยงาม
กลับไปเปลี่ยนขึ้นรถบัสที่บ้านผาสวรรค์ แล้วเราก็ไปทานข้าวกลางวันกันที่โรงนากาแฟ ตามแผนเป๊ะ
แต่ผิดตรงที่พวกเราช้ามาก สาย 5 ที่มารอขึ้นรถบัสกับพวกเรา มาถึงนานแล้ว ทานข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อย 5555
จบทริปดีๆ ลุย มันส์ ฮาแล้วค่ะ ขอบคุณเว็ปพันทิปและททท.ค่ะ ที่พาพวกเราไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ
ขอบคุณเพื่อนร่วมทริป ผู้ที่มีความชอบและหลงไหลการเดินทางเหมือนๆกัน
ความพิเศษของทริปนี้เกิดขึ้นตลอดทาง ถ้าเรามองให้มันเป็นเรื่องสนุก
"ความสุขเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง"
หวังว่ารีวิวนี้ จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆบ้าง ไม่มากก็น้อยนะคะ
My journey by นักเดินทางตัวน้อย
https://www.facebook.com/jackrockerphotographer
นักเดินทางตัวน้อย
วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.28 น.