19th April 2023
จริง ๆ ที่นี่จะเป็นที่เที่ยวแรกของเราในวันที่ 17 ก่อนจะเข้าไปหาโฮสที่บ้านพัก
แต่... วันที่ 16 การบินไทยดันดีเลย์เกือบ 4 ชั่วโมงทำให้เราถึงสนามบินฟุกุโอกะช้าไปร่วม 4 ชั่วโมงเช่นกัน
คือแทนที่จะถึงราว 8 โมงเช้า ดันถึง 10 กว่า และกว่าจะรับกระเป๋า ผ่านตม. เดินทางออกจากสนามบินไป Kuko Line ก็เที่ยงกว่า หมดแรง
แพลนเลยเปลี่ยนเป็นเข้าบ้านพักเพื่อพบโฮสก่อน แล้วดันให้ทริปย่านนันโซอิน จากวันแรกเป็นวันที่ 3
เราตื่นกันแต่เช้าตามเคย แต่งตัว พกเป้ใบเก่งขึ้นหลังแล้วก้าวออกบ้านพัก
เปิด Japan Navitime พ่วง Google map หาทางไปนันโซอิน
วิธีเดินทางของ จขบ. ( ใครสะดวกเริ่มสถานีไหนลองของตัวเองนะคะ ) Kuko Line Fujisaki => Hakata => JR Kidonanzoin-mae
แต่นักรบย่อมมีบาดแผล ใช่ค่ะ เพราะกระโปรงยาวและความรีบร้อน
และเจ้าพื้นปุ่มเหลือง ๆ ที่มีไว้สำหรับคนพิการทางสายตานั่นแหล่ะ เราล้มจร้า แต่ 80 % เป็นความซุ่มซ่ามของตัวเองล้วน ๆ
ภาพที่ได้นี่กล้องลั่นเอง คาดว่าไม่ศอกก็แขนตัวเองนี่แหล่ะกดโดน มือถือก็ถ่ายไว้ได้นะ
ขอบคุณพระเจ้าที่ทั้งกล้อง มือถือ เข่าและหลังไม่เป็นไร คือล้มแรงมาก
แรงจนคุณยายที่เดินผ่านมาตกใจ แล้วถามว่า Daijoubu?
ตอนนั้นไม่ได้ห่วงตัวเองนะ ยังห่วงรถไฟที่วิ่งออกไปนั่นแหล่ะ 5555 สถานีฮากะตะที่ฉันล้ม
ไม่เป็นไร
ถ่ายรุปเช็คกล้องไป ระหว่างรอรถไฟขบวนต่อไป
ขึ้นรถไฟได้แล้ว ได้มีเวลาวางของ
ขร่ะ
แผลเต็มศอก เข่าสองข้าง และเท้าเป็นรอยแดง
แต่ก็ดีที่ไม่เป็นอะไรมากกว่านี้นอกจากรอยฟกช้ำ นี่ถ้าเกิดแขน ขาหัก
ทริปนี้ไม่โอเคแล้วล่ะ "ขอบคุณพระเจ้า"
จำได้ว่ากระโปรงตัวนั้นทริปนั้นใส่ครั้งเดียวและพยายามไม่ใส่มันอีก
ก็นั่งขำ กับเพื่อนสาวต่อไป
จนถึงปลายทาง คือเลย sasaguri แล้วเตรียมลง
ลงที่สถานี Kodonanzoin Mae Station แล้วเดินหาทางออกจากสถานี
เป็นทางเข้าหมู่บ้าน ต้องเดินข้ามสะพาน ผ่านลำธารเล็ก ๆ
สะพานเล็ก
ๆ แห่งนี้มีความพิเศษตรงที่มีแท่งโลหะเมโลดี้ให้นักท่องเที่ยวเคาะด้วย
เราก็ลองเล่นกัน ไม่เป็นเพลงหรอก คาดว่าชาวบ้านคงหนวกหูพอสมควร
เปล่าหรอก เราไม่ได้เล่นเพลง Furusato อะไรหรอก เราอ่านโน๊ตไม่เป็น
เคาะเรื่อยเปื่อย 555
หันไปอีกที
อ้าวเพื่อนสาว สมาธิสั้นไปแล้วหนึ่ง
จากสะพานข้ามลำธารเล็ก ๆ แต่พอได้ยินเสียงน้ำไหลเสียงดังพอสมควร
เราเดินเท้ามาอีกนิดเดียวจะเจอสามแยก
ที่สามแยกจะเห็นร้านขายของชำประจำย่านนี้เป็นร้านสีส้ม
ข่าวว่ามีเจ้าจิบะน่ารัก ๆ ช่วยเจ้าของขายของด้วย
เราถามเจ้าของร้านว่าจิบะจังอยู่ไหม นางส่ายหน้าไม่พอใจนัก
เรากับเพื่อนเลยไม่ได้มีโอกาสเข้าไปซื้อของฝาก
เพราะดูแล้วเจ้าของคงกำลังยุ่ง ๆ กับการเปิดร้านอยู่
จากร้านให้ชิดทางขวาไว้นะคะ เพราะวัดนันโซอินอยู่ด้านนี้ เดินไปอีกสัก 20 เมตรจะมีทางม้าลายให้ข้ามค่ะ
คือเป็นวัดติดวัดค่ะ ทั้งวัด และ ศาลเจ้าอยู่ในบริเวณวัดนี้ค่ะ
ทางทีดีควรเข้าไปขอแผนที่วัดที่ประชาสัมพันธ์ก่อนนะคะ ส่วน จขบ. ด้วยความเดินดุ่ม ๆ นั่นแหล่ะ สำรวจทุกอย่างแล้วถึงมาขอทีหลัง เหอ ๆ ๆ
ต้นไม้ที่ถูกฟ้าผ่า
จากตรงนี้เรากับเพื่อนเดินขึ้นไปด้านบน เป็นพุทธรูปมากมาย มีรูปปั้นเทพเยอะแยะด้านบน มีน้ำตกด้วยค่ะ ความถ่ายมาแต่วีดีโอค่ะ ^^
พอรู้สึกตัวว่าเมน ๆ แล้วมาตามหาพุทธรูปปางนอนนี่นา เลยลงมา
ในวัดมีหลายจุดห้ามถ่ายรูปค่ะ คือถ้าจะมาหาพุทธรูปปางนอนให้ลอดทางที่เหมือนถ้ำไปค่ะ แล้วจะเจออย่างรูปข้างล่าง เจอแล้วเดินตรงไปค่ะ
เหมือนรู้เนาะ เราก็ถามลุง ๆ ป้า ๆ แถวนั้นเอาน่ะ ยังรู้สึกขอบคุณที่ป้า ๆ ลุง ๆ ยังอุตส่าห์เข้าใจภาษาญี่ปุ่นง่อย ๆ ของเรา
ที่ลานพุทธรูปปางนอนจะมีร้านไอติมอยู่ร้านนึง
350 Yen ไอติมเย็น ๆ กับอากาศช่วงฤดูใบไม้ผลิ 10 ต้น ๆ ก็เข้ากันได้อยู่นะคะ
หลังกินไอติมชาเขียว และเก็บรูปจนหนำใจแล้ว คิดว่าใช้เวลาพอสมควรแล้วที่นี่
เราวกออกทางเดิม ไปที่เสาโทริอิสีแดงที่ Nantan Inari Shrine ที่ขาเข้ามาเราก็เห็นแล้วล่ะว่ามีบันไดและเสาไฟสีแดงตามทางขึ้นเขาไป สวยนะ แต่ตอนเดินเข้ามาดันเหลือบไปเห็นป้ายห้ามถ่ายรูป แต่ความไหน ๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว (ล้มด้วย) จะให้พลาดได้ไง?
ไปค่ะ
ซึ่งถามว่าสูงไหม ก็ไม่เท่าไหร่นะ สัก 100 เมตรถึงเปล่ายังไม่แน่ใจ
แต่เดินไปสักพักก็เจอศาลเจ้าเล็ก ๆ อยู่ด้านบนค่ะ ละก็วกกลับทางเดิม
ขากลับกลับทางเดิมค่ะ กดไฟ ข้ามถนนเล็ก ๆ
เดินผ่านสะพานเมโลดี้กลับเข้าสถานี เพื่อรอรถไฟกันค่ะ
รอรถไฟกลับสถานีฮากะตะเพื่อหาข้าวเที่ยงกินกัน แล้วต่อไปสถานีโอฮาชิ เพราะตอนบ่ายมีคลาสเป็นครูผู้ช่วยทำอาหารญี่ปุ่นกับเด็กประถมกันค่ะ
ขอบคุณที่แวะมา
Mariabamboo
วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เวลา 09.56 น.