+++++++ ข้อมูลนี้ มาจากกระทู้พันทิพย์ที่เราเคยเขียนไว้ ตอนปี 2019 ค่ะ ++++
ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่ทริปเริ่มต้นปี 2019 ที่ประเทศจีน จางเจียเจี้ย หุบเขาอวตารจ้า
จริงๆในพันทิพย์มีหลายคนรีวิวไว้เยอะมากอยู่แล้ว แต่ว่าหลายคนนั้นจะไปช่วงที่อากาศปลอดโปร่ง ต้นไม้เขียวขจี
แต่วันนี้เราจะขอแชร์อีกมุมของธรรมชาติที่มีแต่หิมะขาวโพลน ปกคลุมทั่วเขาให้ได้ชื่นชมกันจ้า
หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใดท่านขออภัยไว้ ณ ที่นี่ล่วงหน้า นะคะ
การเดินทางเรียงตามลำดับของเรา คือ Changsha--->Fenghuang--->Wulingyuan---->Zhangjiajie
ช่วงที่เราเดินทางคือเดือนมกราคมหลังปีใหม่ไม่กี่อาทิตย์อากาศกำลังหนาวได้ที่ ก่อนไปก็ส่องสภาพอากาศล่วงหน้าทุกวัน นอกจากหิมะตกลงมาหลายวันติดต่อกันแล้ว ฝนก็ตกสลับกันไป ก่อนไปเพื่อนคนจีนบอกว่าตอนนี้มันหนาวมากนะระวังมือลอก ตอนแรกก็เฉยๆกลับมาลอกจริงๆจ้ากว่าจะหายตั้งหลายวัน
เอาหล่ะค่ะ ขอนุญาติเล่าการเดินทางแบบโดยรวบรัดเพราะหลายกระทู้มีรวบรวมการเดินทางไว้อยู่แล้ว แต่เราอยากจะแชร์ให้ดูว่าหน้าหนาว ก็น่าเที่ยวเหมือนกัน สวยต่างกันไปอีกแบบ และมันก็มีข้อดีด้วยเหมือนกันนะ เพราะบางสถานที่หิมะตกหนัก ก็เลยลดราคาตั๋วค่าเข้า อย่างเช่นอู่หลิงหยวนจ้า
ลงเครื่องจากฉางซา หารถต่อไปเฟิ่งหวง ได้ความว่าซื้อตั๋วแล้วออกไปรถท่ารถที่ป้ายรถที่ 5 นั่งมาสักพักใหญ่ก็มาถึงเฟิ่งหวง คือสภาพอากาศตอนนั้นคือฝนตกแถมหลงทางจ้า เอาเวลาเริ่มต้นและและรอบสุดท้ายมาฝากจ้า
ถึงที่พักวันนี้ก็ดึกแล้ว เราเลยเดินไปหาของกินและถามหารถเพื่อจะไปอู่หลิงหยวน เลยเอาตารารถมาฝากกันจ้าจะได้จัดเวลาถูก
ไปมาหลายวันบอกเลยว่าที่เฟิ่งหวงหนาวที่สุด หนาวแบบเปียกฝน ชิ้นเท้าเปียกจนต้องซื้อถุงกันน้ำมาใส่กันรองเท้าเปียกน้ำ หาซื้อได้ตามร้านทั่วไป เฟิ่งหวงเป็นเมืองเล็กๆ ที่เดินได้ทั้งวัน มีอะไรน่ารักๆ ตอนเช้ากับกลางคืนไม่เหมือนกันด้วย สวยคนละแบบ ที่นี่หนาวเดินได้นิดหน่อยก็ต้องหาร้านเข้าเพื่อทำให้ตัวอุ่น เลยได้ชิมอาหาร กาแฟ ชานมไข่มุก
เพื่อนเดินซ้ายเราเดินขวา จริงๆคนจะเยอะมาก แต่ว่าเราตื่นออกไป พนักงานบอกว่าเขาหนาวกันไม่ค่อยมีใครไปเดินหรอกฝนตกด้วย เราเลยไม่ต้องแย่งใครจ้า
มุมแนวที่ทุกคนควรจะมี เดินไปเดินมาเดี๋ยวก็เจอ ว่าอยู่ตรงไหน
เดินไปเดินมามืดจ้า ตอนกลางคืนคือทุกคนออกมาเดินกันเยอะกว่ากลางวัน ทั้งเพลงทั้งแสง สนุกสนานมาก ส่วนเราขอแวะชิมชานมไข่ทุกร้อนหน่อยและกัน คือหอมและดีมากกก ส่วนความหนาวก็ยังมาไม่ลดละ ที่นี่หนาวจนที่พักเราเครื่องทำน้ำอุ่นสู้อากาศวันที่ไปไม่ไหว พังไปแปปนึงจ้า
หลังจากอิ่มเอมจากความสวยงามแบบทัศนียภาพริมน้ำ เมืองต่อมาที่เราจะไปนั่นคือ อู่หลิงหยวน
มีการหลงทางเล็กน้อยเพราะว่า ก็คนจีนเรียกให้ลงตรงจางเจียเจี้ย แต่ว่าเราวางแผนว่าจะกลับมาทีหลังเพราะว่าจะได้ไม่วกไปวนมา
พอลงมาแปปนึงเห็นกระเช้า เลยรู้เลยว่านี่เราลงผิดแล้ว นี่เราอยู่จางเจียเจี้ย เลยต้องหารถต่อไปอีกรอบ
ที่นี่เริ่มมีชางต่างชาติให้เห็นแล้ว เราเดินไปหาที่พัก กว่าจะถึงก็เย็นแล้ว เราสามารถซื้อตั๋วเข้าอุทยานได้จากที่พัก
ส่วนใหญ่เขาจะมีขายแทบทุกโรงแรมค่ะ วันนี้ไม่ทันเข้าอุทยานเลยไปเดินเล่นในเมืองก่อน
อีกวันคุยกับพนักงานที่โรงแรมบอกว่าจะไปอุทยานพรุ่งนี้ตอน 8 โมง เขารีบบอกว่า เธอไปไม่ได้นะ ต้องไปหลัง 9 โมงกว่าๆ เพราะมันมืดมาก หนาวมาก ไม่มีใครเลย อะเชื่อคนพื้นที่นะ ตื่นมา เก้าโมง ออกมา คนไม่มีเลยจ้า หนาวจริง กลายเป็นว่าเราเป็นคนแรกๆที่นั่งรถอุทยานคันแรกพร้อมจ้าหน้าที่เข้าไปทำงานจ้า ลิฟท์ดังๆ Bailong คือเราไปเช้ามาก มีแต่หมอก มองไม่เห็นอะไรเลย แต่ว่าข้อดีคือไม่มีคนนะ
เมืองข้างล่างยังไม่มีหิมะให้เห็น แต่พอขึ้นลิฟท์ไปเท่านั้นแหละ ของจริงและจ้า หิมมะที่อยากเจอ มันหนาว มันลื่น มันสวย และมันไม่ค่อยมีคนเพราะเรามาคนแรกๆ
หนาวและสวย ไม่เขียวขจีเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ได้อารมณ์อีกแบบ มือนี่หนาวจนแข็ง เลยจ้า สวยไปอีกแบบ ขาวโพลน
เดินไปเรื่อยๆหน้าหนาวไม่เหนื่อยเลยแค่ระวังลื่นหน่อยและกันจ้า
หน้าหนาวไม่ดีตรงที่หมอกเยอะ แต่พอหมอกพัดไปเท่านั้นความงามอลังการ ทำให้เราเห็นว่าธรรมชาตินั่น ใหญ่มาก
จริงๆที่นี่มีที่ให้เที่ยวเยอะกว่านี้ถ้าหิมะไม่ตกหนัก แต่ว่าก่อนไปหิมะตกหนักมาก รถวิ่งไม่ได้บางช่วง ค่าบัตรเลยลดราคาด้วยจ้า
สิ่งที่รู้สึกอินมากตอนเดินไปเรื่อยๆนั่นคือบ่อเต่า กับ บ่อน้ำมังกรคู่ ต้องไปอยู่จุดนั้น และนึกถึงหนังจีนนิยายจีนที่อ่านมาด้วย คืออินมาก
มีภูเขาหิมะขาวโพลนเบื้องหน้า มีต้นไม้ที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง แต่ยังมีน้ำไหลออกมา ปลาสีส้มไหว้น้ำนิ่งๆ นี่สำนักไหนเนี่ย 55
ได้เวลากลับไปที่ที่เราผ่านมาแล้ว จางเจียเจี้ย
ที่นี่กระเช้าผ่านกลางเมืองเลยจ้า ไม่มีการหลงเพราะเดินตามเคเบิ้ลได้เลย
อยากจะแนะนำทุกคนว่าที่นี่ มีร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนึง ตรงใกล้ๆท่ารถไฟ คือดีงามพระรามสี่มาก
ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อใกล้ๆกับร้านเบเกอรี่ ตอนดึกเราเดินไปจองตั๋วรถไฟ เพื่อไปฉางซา เลยไปกินตอนดึกก่อนรอบนึง
ก็มีคนเข้ามาบอกว่าขอก๋วยเตี๋ยวหน่อย ทำให้หน่อยไม่ได้หรอชามนึง คือเขาเก็บหม้อก๋วยเตี๋ยวไปแล้ว สักพักคนที่สามคนที่สี่ก็บอกแบบนี้เรื่อยๆ
เลยบอกเพื่อนว่าร้านนี้กับข้าวอร่อย พรุ่งนี้เราลองมากินก๋วยเตี๋ยวกัน
พอตอนเช้าเดินเข้ามาลุงจำได้เลยจ้า
อร่อยมากก๋วยเตี๋ยวถึงว่าละ อาหารการกิน คือว่าดีมากชอบกว่ามณฑลอื่นๆที่เคยไปมา
เอาหล่ะได้เวลาแล้ว ให้โรงแรมจองให้เหมือนเดิม แค่เอาเลขไปยื่นพร้อมพาสปอร์ต กระเช้าถึงสามารถนั่งได้ 8 คน
ขาไปเรานั่งแปดคน ขากลับ นั่งสองคนเองจ้า กระเช้าสูงใหญ่อลังการ ผ่านเมฆหมอก อยากรู้จังทำได้ยังไงเนี่ย ผ่านเมืองผ่านแม่น้ำ ภูเขา
สายเล็กๆขวามือนั้นกระเช้าที่ขึ้นมา ข้างล่างจางเจียเจี้ย ที่นี่คืออุ่นมากเมื่อเทียบกับหลายเมืองที่ผ่านมา แต่พอประตูกระเช้าเปิดเท่านั้นแหละ ลมตีเข้าหน้า เหมือนในการ์ตูนเลยจ้า 55 รีบวิ่งเข้าตึก คนจีนหลายคนก็ไม่รู้ใส่มาหนาไม่พอ ยังต้องซื้อผ้าคลุม หมวกใหม่เลย เรียกว่า จัดเต็มได้ต้องจัดนะที่นี่ เพราะข้างหน้าที่กำลังจะไปเจอคือของจริงๆ 55
มองหน้ากับเพื่อน คือ รองเท้าพวกเรากับพื้นน้ำแข็งเราคงไม่ไหวแน่ ซื่อเลยจ้า เหล็กใส่กันลื่น คือดีมาก เห็นเด็กๆลื่นกันเต็ม ก็ลองดูสภาพอากาศดูนะคะ ว่าควรซื้อไหมของเราน้ำแข็งกำลังละลาย ด้วยมีทั้งน้ำและน้ำแข็ง ลื่นมาก
วันที่พวกเราไปประตูสวรรค์ ที่เขาเรียกว่าต้องมาต้องไปดู หิมะตกหนักมาก ลองดูที่บันไดในรูปได้จ้า แต่ว่าเราอยู่ข้างบน เลยนะ
อลังการดาวล้านดวง คือ ตอนหมอกค่อยๆหายไป ทำให้เห็นว่าเราขึ้นมาสูงแค่ไหน คนสร้างกระเช้าทำได้ไงเนี่ย ..?
อย่างกับสำนักฝึกวรยุทธในหนังจีน ที่อยู่ใกล้ๆสวรรค์ 555
ตอนที่เราไปเวลามีแสงแดดออกมานิดๆหิมะจะละลาย เรียกได้ว่ากิ่งไม้หักตกลงมาเยอะมากเพราะรับน้ำหนักน้ำแข็งตรงปลายไม้ไม่ได้ หลายคนต้องใส่ทั้งเสื้อกันฝน ทั้งร่มกันกิ่งไม้ตกลงมา มันก็อันตรายนิดๆนะคะ เพราะว่าขนาดนั้น ยังโดนกิ่งไม้หักลงมาใส่มือ เลือดไหลเลย
หลังจากลงกระเช้ามาตอนเย็นๆ เราก็ไปต่อฉางซาเลยจ้า ตอนเช้าเดินเอากระเป๋ามาฝากที่สถานนีรถไฟก่อน เสีย15 หยวน โอเคจะได้ไม่ต้องแบก55
สักพักมาถึงแล้วฉางซา เรามาลองรถไฟฟ้าใต้ดินของจีนกันได้ข่าวว่าพึ่งเปิดใช้ไม่นานมากเท่าไหร่
คือลงมา ตกใจมาก ที่นี่มันเมืองคนแต่งตัวอย่างกับเกาหลี ทันสมัยกว่าทุกที่ๆไป เรียกว่าแฟชั่นเลยจ้า
การเดินทางในฉางซาก็ใช้รถไฟฟ้าใต้ดินเป็นหลัก ตอนดึกๆอยากไปหาอะไรกิน ก็นั่งรถไฟฟ้าไป ถูกใหม่ และดีกว่าบ้านเราอีกจ้า
อยากแนะนำถนนกลางคืน Wuyi คือดีมากจนต้องไปซ้ำ 555
แผนเราก็มีแค่ไป เกาะส้ม โดยที่บนเกาะมีรถไฟปู้นๆคูณปู่บริการด้วย เสียเงินไปนั่งกับเขา แต่พอเอาเข้าจริงเดินได้บรรยากาศมาก คนเดินกันเต็มเกาะ ตอนแรกนึกว่าจะรูปปั้นเล็กๆ พอมาเจอ โอ้โหสวยกว่าที่คิด
เดินเล่นไปมาก็ต้องกลับมาซ้ำที่นี่ ถนน Wuyi วันนี้คือเดินหลงไปหลงมา เจอถนนอาหาร คือเข้าทาง ถนนที่นี่เดินไปเรื่อยละลานตาเต็มไปหมด ห้าง IFS คือใหญ่ โอ่งโถงมาก มีหมด ขานมไข่มุก KOI ทาร์ตไข่เจ้าดังในจีน รวมของกินดังๆในนี้ตรึม เสื้อผ้าสวยๆเพียบ ของแบรนด์เต็ม
แต่ที่เน้นคือ ออกมาด้านนอก เจอถนนเส้นอาหาร คือเหมาะมากสำหรับสายกิน แต่ที่นี่สวยใหญ่จะเน้นอาหารทะเลนะคะ รถชาติถือว่าดีเลย ที่แน่ๆ เพื่อนบอกว่า ต้องกิน กุ้ง ต้องลองกุ้งเครฟิช เมืองไทยได้ข่าวว่าแพงมาก ที่นี่คือไม่แพงเท่าเรามีให้เลือกตามแบบที่อยากกินเลยจ้า จะนึ่งซีอิ๋วเค็มๆ หรือผัดเผ็ดๆ ก็ได้ตามเมนูเลยจ้า
อาหารทะเลเน้นๆ อยากกินแบบไหนก็ส่องๆเอาก่อน เขามีหลายร้านหลายแบบนะจ๊ะ เขาก็จะถามว่าเธอมากี่คน และก็เลือกขนาดให้แลยจ้า
เพิ่มเติมรูปภาพ เผื่อว่าใครกำลังติดสินใจว่าจะไปเที่ยวตอนหน้าหนาวดีไหม ในส่วนของเทียนเหมินซาน จะว่าสวยก็สวย อันตรายก็อันตราย เพราะว่าตอนน้ำแข็งเริ่มละลายมันลื่นมากจริงๆ
ต่อให้กระทู้จะหลายปีไปสักหน่อย แต่เชื่อว่า ก็ยังสามารถเป็นข้อมูลการตัดสินใจของใครหลายๆคนได้ว่าจะไปเที่ยวตอนหน้าหนาวดีไหม
Mallibell
วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เวลา 00.02 น.