สวัสดีครับ และถือโอกาส สวัสดีปีใหม่ กับเพื่อนสใาชิคชาวพันทิปทุกท่านนะครับ



ปี 2015 นี้ ผมนาย tummeng travel ขอเปิดรีวิวแรกด้วยการรีวิว บ้านเกิดของตัวเอง อีกครั้งนะครับ



ครั้งนี้ผมได้ร่วมกับ ททท เชียงราย เดินทางไป ไปเปิดเส้นทางท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่อำเภอเวียงแก่น ซึ่งเป็นอำเภอที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามไม่แพ้ที่ใดในประเทศไทยเลยก้ว่าได้ ครับ



และยัง เป็นจุดชม ดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่มีมากมาย อีกด้วย



สำหรับ วันนี้ผมจะพาเที่ยว 3 สถานที่ สำคัญของ อำเภอเวียงแก่น คือ ดอยผาตั้ง ภูชี้ฟ้า และ ภูชี้ดาว จุดท่องเที่ยวใหม่ๆซิงๆ ที่เพิ่งเปิดให้ขึ้มชม ไม่นานนี้เองครับ จะมีความสวยงามขนาดใหน ลองไปชมกันได้ ครับ



เพื่อเป้นกำลังใจในการรีวิว



ฝากติชม และ โพสข้อความทักทายกันไว้ด้วยนะครับอำเภอเวียงแก่นเป็นอำเภอซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดเชียงราย มีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นทั้งที่ราบลุ่มมีแม่น้ำงาวไหลผ่าน และเป็นภูเขาสลับซับซ้อนของดอยยาวและดอยผาหม่น มีชายแดนติดต่อกับประเทศลาวและมีแม่น้ำโขงเป็นพรมแดนธรรมชาติ เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญ ได้แก่ เมืองโบราณสถานดงเวียงแก่น แก่งผาได และดอยผาตั้ง ภูชี้ฟ้า และล่าสุดคือ ภูชี้ดาว อำเภอเวียงแก่นเป็นอำเภอที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหลากกลุ่มชาติพันธุ์ ทำให้มีประชากรมีวิถีชีวิตเฉพาะแบบพหุวัฒนธรรม นอกจากนี้อำเภอเวียงแก่นยังเป็นแหล่งผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ ส้มโอ ซึ่งมีชื่อเสียงทั้งในระดับจังหวัดและประเทศ



และหลังจากดูกระทู้นี้แล้ว ท่านจะรู้จักเวียงแก่นมากขึ้น



หากพูดถึง เวียงแก่น ด้านการท่องเที่ยว สิ่งที่ทุกท่านจะต้องรู้จักก็คือ ภูชี้ฟ้า ใช่แล้วครับ ภูชี้ฟ้า สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศเลยด้วยซ้ำแต่น้อยคน ที่จะรู้ว่า จริงๆแล้ว ภูชี้ฟ้านั้น อยู่เวียงแก่น เพราะ ทุกคนอาจจะรู้ว่าภูชี้ฟ้า อยู่ ที่ ต.ตับเต่า อ. เทิง ซึ่งก็ไม่ผิดนัก เพราะ ทางขึ้นหลัก ของภูชี้ฟ้า นั้นอยู่ อ.เทิง จ.เชียงราย แต่จริงๆแล้ว ยังมีทางขึ้นอีกจุดหนึ่ง ทาง อ.เวียงแก่น ครับและกระทู้นี้ผมจะเน้นรูปและเขียนถึงภูชี้ฟ้า ทาง อ.เวียงแก่นนะครับ


หลายคยอาจจะมีคำถามว่า ในเมื่อ คนอื่นก็ไปขึ้นภูชี้ฟ้าที่ อ.เทิง แล้ว ทำไม ต้องมาขึ้น ที่อำเภอเวียงแก่น



จริงๆแล้ว เหตุผลหลักๆ ที่ผมแน่นำให้มาขึ้นภูชี้ฟ้า ที่อำเภอเวียงแก่นนั้น ไม่มีอะไรหรอกแค่ ที่นี่ เป็นที่ตั้งของ หน่วยจัดการต้นน้ำ หงาว-งาว ซึ่งเป็นสถานที่ ที่มี ดอกนางพญาเสือโคร่ง บานสพรั่งทุกปี ในช่วง ปลายเดือน ธันวาคม ถึง ปลานเดือน มกราคม

ที่หน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว มีการปลูดต้นนางพญาเสือโคร่ง จำนวนมาก กว่าพันต้น


ทางขึ้นภูชี้ฟ้า ด้าน อ.เวียงแก่น จะอยู่ที่ หมู้บ้าน ร่มโพธิ์ทอง เป็นทางปูนขึ้นไป ประมาณ 2โล และเดินท้าวอีกประมาณ 400 เมตร เท่านั้น ถือว่าไกล้กว่าทางขึ้นที่ ต.ตับเต่า เพียงแต่ไม่ครึกคัก เท่าด้านโน้น เหมาะสำหรับคนชอบ ความสงบ มีรีสอร์ท และ ลานกางเต้นท์ของเอกชน ให้บริการหรือถ้าใคร อยากมาพักในหน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว ก็สามารถทำได้ โดยการนำเต้นท์มากางเอง ทางหน่วย จัดห้องน้ำ และ ลานกลางเต้นท์ให้ โดยไม่เก็บเงินครับ ดังนั้นใครมาพักด้านนี้ก้จะเจอบรรยากาศ สีชมพูดังในรูปครับ



เมื่อชมความงามของ พญาเสือโคร่งที่ หน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว แล้ว ก็พาตัวเองปีนขึ้นไปชมความงามของยอดภูชี้ฟ้า ในยามเช้ากันครับ



การมาชมแสงเช้าที่ภูชี้ฟ้านั้น ต้องอาศัยดวง ด้วยนะครับ เพราะ บางคน มาแล้ว จะไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น เพราะฟ้าจะมัวหม่นไปด้วยหมอก ที่หนามาก ลอยขึ้นมาจากลุ่มแม่น้ำโขงที่อยู่ด้านล่าง ในชีวิตผม ที่ขึ้นภุชี้ฟ้า กว่า 50 ครั้ง นั้น มีไม่กี่ครั้ง ที่ จะเจอ แสงสวยๆ ครับ



ผมตื่นตั้งแต่ ตีห้าครึ่ง เพื่อปีนไปให้ถึงจุดถ่ายรูป จุดแรก เพื่อให้ได้ ภาพมุมนี้ ก่อนพระอาทิตยืจะโผล่พ้นขอบฟ้ามา

วันนั้นถือว่าดชคดีที่หมอกไม่ฟุ้ง ทำให้เห็นเป้นทะเลหมอก ที่สวยงามสุดตา


เมื่อความสว่างมาเยือน พร้อมกับเสียงท่องอาขยาน สำเนียงไทยฟังไม่ชัด จากน้องๆ ชาวเขา ที่เรียกให้นักท่องเที่ยว แวะมาถ่ายรูป เพื่อแลกกับเงินเล็กๆน้อยๆโดยเป้นคำพูด ที่ ท่องขึ้นใจว่า " พี่คะ ถ่ายรูปกับเด็กชาวเขามั๊ยคะ ถ่ายเสร็จแล้วขอเงินแล้วแต่พี่จะให้ ค่ะ"


ทุกครั้งที่ไปผมไม่ลืม ที่ แวะแซวเล่นกับน้องกลุ่มนี้ บางทีก็ถ่ายรูปด้วย พร้อมให้เงินค่าขนมไป 20 บาท



ยืนรอแสงพระอาทิตย์ก็เก็บรูป ไปพลาง หยอกล้อกลุ่มน้องๆไปพลาง จนเวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับ อากาศที่หนาวเย็น ต่ำกว่า 10 องศา


ไม่นานนัก ฟ้าก็สว่างจนเห็นรอบๆข้างอย่างชัดเจน


เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้ามา มือที่แข็งจากอากาศหนาว ก็ไม่ว่างซะแล้ว เพราะต้องกดชัตเตอร์ เก็บภาพประทับใจ ที่ไม่รู้ว่า ขึ้นมาอีกกี่ครั้ง จะเห้นภาพแบบนี้


เก็บภาพพระอาทิตย์จนพอใจก็หันมามาเก็บบรรยากาศโดยรอบบ้าง



ก่อนจะสายไปกว่านี้ก็เก็บบรรยากาศหมอกไหลๆ ที่ภูชี้ฟ้าสักนิด


หลังจากลงไปที่พักที่หน่วยจัดการต้นน้ผมก็ปีนขึ้นมาเก็บภาพบนภูชี้ฟ้าอีกครั้ง


ในตอนบ่าย

และตอนเย็น


โดยคืนนั้นผมนอนที่หน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาวอีกคืนหนึ่งเพื่อในตอนเช้า ผมจะได้เดินทางไปยัง ภูชี้ดาวที่เป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 7 kmภูชี้ดาว เป็นยอดเขาที่อยู่ระหว่าง ภุชี้ฟ้า และ ผาตั้ง โดยมีความสุง 1760 เมตร ซึ่งสูงกว่า ภูชี้ฟ้า และผาตั้ง



โดยทางขึ้นอยู่ที่ บ้าน ร่มโพธิ์เงิน ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย สามารถขึ้นได้โดยการนำรถ 4x4 ขึ้นไปเอง หรือ จ้างรถจากชาวบ้านผู้ชำนาญทางขึ้นไปครับ

ผมเดินทางออกจากที่พักตอนตีห้า โดยมีรถของผู้ใหญ่บ้าน มารับ เพื่อจะขึ้นไปชมภูชี้ดาวตอนพระอาทิตยืขึ้นให้ทัน



หลังจาก นั่งหวาดเสียว โดยการยั่ง กะบะ ขึ้นไป เป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร และเดินปีนเขาที่ชันกว่าทางขึ้นภูชี้ฟ้า หลายเท่านัก



ผมก็มายืนอยู่ สันเขาลูกหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่าภูชี้ดาว

ภาพแรกที่ผมเห็น เต็มไปด้วยความมืด เพราะ ตอนนั้นไม่มีนักท่องเที่ยวอยู่เลย นอกจากกลุ่มผม ปนะมาณสิบกว่าคนเท่านั้น

เมื่อแสงเริ่มสว่างขึ้นมาอีกนิด ทำให้ผมเห็นว่า ที่ภูชี้ดาวในวันนั้น มีทะเลหมอกที่สวยงามมากๆ


ผมเกิดคำถามว่า สถานที่สวยๆแบบนี้ ทำไมเพิ่งมารู้จัก ผมก็ได้รับคำตอบ จาก กำนัน ว่า เนื่องจากภูชี้ดาว เคยเกิดกรณัพิพาท เรื่องเขตแดน กับประเทศลาว และเคยเป็นจุดที่มีการสู้รบกันมาช้านาน เพิ่งทำการปักปันเขตแดน เสร็จ เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง โดยประเทศไทย เอาฮอลิคอปเตอร์ขนวัสดุต่างๆขึ้นมาทำเป็นหลักเขตประเทศไทยบนนี้


ทำให้ภูชี้ดาวกลายเป็นของไทยและจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่เร็วๆนี้ๆ


ผมเกิดคำถามขึ้นมาอีกครั้งแล้วทำไมถึงเรียกว่าภูชี้ดาว มีอะไรเป็นจุดบ่งชี้ เหมือนภูชี้ฟ้ารึป่าว



แต่เมื่อผมหันไปดูโดยรอบก็เข้าใจในทันที เพราะ จะมียอดเนินลูกหนึ่งที่ มีลักษณะชี้ขึ้นตรงๆ ไปบนฟ้า โดดๆ เห็นชัดเจน

ที่ภูชี้ดาว อยู่ไกล้กับแม่น้ำโขงมากกว่าภูชี้ฟ้า ทำให้หมอกค่อนข้างจะหนากว่า


ความสวยของทะเลหมอกที่ภูชี้ดาวนอกจากหมอกหนาแล้ว ยังมียอดเขาที่เสียดแทงทะลุหมอกขึ้นมา หลายลูก ทำให้เกิดเกาะแก่งต่างๆ กลางทะเลหมอก สวยไปอีกแบบ ไม่เหมือนทะเลหมอกที่มีแต่หมอกยาวเป็นปื้น



พระอาทิตยืขึ้นที่ภูชี้ดาวก็สวยไม่แพ้ที่ใหนๆ

เมื่อแสงสว่างมากพอ ผมก้พยายามปีนขึ้นไปยังจุดสูงที่สุด บนยอดภูชี้ดาว



การเดินบนยอดภูชี้ดาว ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป้นการเดินบนไหล่เขา บนยอดภูชี้ดาว รองรับคนได้ไม่เกิน 50 คนเท่านั้นครับ เพราะ ไม่มีพื้นที่ให้ยืนมากนัก


เมื่อเดินขึ้นมาถึงบนยอดภูชี้ดาว ก็จะเห็น วิวนี้ ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นยอดภูชี้ฟ้า อยู่ลิบๆตรงนั้น



ลองมองย้อนกลับไป จากทางขึ้น


การมาชมทะเลหมอก และพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ ถือว่าบรรยากาศดีมากๆ เพราะ อย่างน้อยไม่มี หัวคนมาบังวิวแน่นอนเพราะ ผู้คนน้อยมากที่ขะขึ้นมาบนนี้ได้ ด้วยเหตุผลที่บรรยายมาทั้งหมด ถือว่าหากใครยังมีแรง ก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงที่จะมาพิชิตภูชี้ดาวสักครั้ง


หลังจากลงจากภูชี้ดาว ผมลงไปทานอาหารเช้า และเดินทางไปยัง ดอยผาตั้ง จุดท่องเที่ยวอีกแห่งของอำเภอเวียงแก่น เพราะช่วงนี้ที่ดอยผาตั้งนั้น จะมีดอกนางพญาเสือโคร่ง บานทั่วดอย อีกครั้ง โดยจุดหมายหลักคือ ตรง โรงเรียนบรรพตวิทยา ที่มีเยอะที่สุด



แต่ระหว่างทางก้ยังพอมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ

เมื่อไปถึง โรงเรียนบรรพตวิทยา ภาพที่เห้น แทบจะทำให้ทุกคนในรถ ร้องกรี๊ดออกมา คว้างกล้องวิ่งลงรถอย่างรวดเร็ว


ที่โรงเรียนบรรพตวิทยา ถือว่าเป้นแหล่งปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งแห่งแรกๆ ของประเทศก็ว่าได้ โดยปลูกมากว่า 20 ปี แล้ว ทำให้ ต้นพญาเสือโคร่งที่นี่เป็นต้นที่แก่ และมีสีชมพูสด มากๆ


คำบรรยายใดก็คงไม่สามารถมาเทียบได้ ผมจึงปล่อยให้ภาพ มันบอกด้วยตัวเองดีกว่าครับ


ผมเลือกที่จะขึ้นไปเก็บภาพดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่นี่ทุกปีตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทุกปี ดอกจะบานไม่เหมือนกัน และช้าเร็วต่างกัน



ดังนั้น แล้วแต่ดวงของใครของมันที่จะเจอ ความสวยงามแบบใหน



โรงเรียน บรรพตวิทยา ดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย คงเป็นโรงเรียน ที่มีบรรยากาศดีที่สุด ในช่วงนี้ของทุกปี เพราะมีดอกนางพญาเสือโคร่งบาน ทั่วบริเวณโรงเรียน ช่วงพักเที่ยง นักเรียน จะพากันมานั่งเป็นกลุ่มๆใต้ต้นดอกพญาเสือโคร่ง พูดคุยหยอกล้อกัน เป็นที่สนุกสนาน



หากนักท่องเที่ยวท่านใดไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่นี่ โปรดอย่าลืมว่าเป็นสถานศึกษา ควรแต่งกายด้วยความสุภาพ ไม่ส่งเสียงดังรบกวนการเรียนการสอน และ อย่าทำลายข้าวของของราชการนะครับ หากใครจะใจดี ติดไม้ติดมือขนม เสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียนไปด้วย จะยินดียิ่งครับ



นอกจากดอยผาตั้งจะมีดอกนางพญาเสือโคร่งแล้วยังมี จุดชม ทะเลหมอก และ พระอาทิตย์ขึ้น และ ตก ที่สวยงาม ไม่แพ้กันครับ



โดยเย็นนี้จะพาไปชมความงามของพระอาทิตย์ตก ที่จุดชมวิวเนิน 103 ก่อนครับ



เนิน 103 นั้น ต้องเดินเป็นระยะทาง 900 เมตร จากจุดจอดรถหากใครไม่สามารถเดินได้ ก็มีม้าไว้คอยบริการด้วยครับ

เมื่อเดินไปถึงเนิน 103 จะเห็นวิวภูเขาสลับซับซ้อน และมีแม่น้ำโขงไหลผ่านอยู่ด้านล่าง


แน่นอนหากยังมีแรงก้ควรมาให้ถึงสักครั้ง


ออกมาเหยียบฟ้าสักครั้ง ปลดปล่อยทุกสิ่งไว้ที่บ้านมองหาแต่สิ่งสวยงามเบื้องหน้า


ก่อนลงไปทานข้าวเย้น อาจจะแวะเก็บมุมไฮไลท์ของดอยผาตั้งสักภาพ


หลังจากชมพระอาทิตย์และกลับไปพักผ่อน ทานอาหารจีนยูนานที่หมู่บ้านชาวจีนแล้ว ก้ตื่นเช้ามาเก็บบรรยากาศ ยามเช้า ของดอยผาตั้งที่เนิน 102 อีกครั้งครับ


และอีกหนึ่งมุมไฮไลท์ ของดอยผาตั้ง ก็คือ มุมนี้ ช่องผาขาด



จุดที่ผาหิน ถูกแบ่ง เหมือนโดนใครเอามีดมาฟันทิ้งไว้ และเมื่อเดินเข้าไป ในช่องดังกล่าง



เบื้องหลังช่องนั้น จะเป็น ทะเลหมอก ที่สวยงาม ซ่อนอยู่

หากคุณเป็นนักเดินทาง ที่ชอบการถ่ายภาพ คุณต้องไม่พลาดมุมนี้สักครั้งในชีวิต

สุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกกับทุกคนว่าปีนี้ 2015ใครที่ยังไม่มีแพลนไปเที่ยวใหน หรือ คิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ลอง มองไปรอบๆตัวดุครับ อาจจะมีสถานที่สวยๆ ซ่อนอยู่ไกล้ๆตัวท่านก้ได้หรือ ไม่งั้น ท่านอาจ มาตามรอยรีวิว นี้ มาเที่ยว บ้านผม ผมและคนอำเภอเวียง และ คนเชียงราย ทุกคนยินดีต้อนรับ นักท่องเที่ยว ทุกท่าน เสมอครับ



ออกไปกอดเมืองไทยกันเถอะครับ



หากต้องการข้อมูล หรือติดตามข่าวสาร เพื่อการอัพเดตต่าง สามารถแวะไปได้ ที่เพจผมนะครับ



https://www.facebook.com/TummengMagazine



สำหรับคืนนี้ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชม รีวิวแรกของปีนี้ครับ



ขอบคุณทุกกำลังใจ ที่ให้มาครับ และผมสัญญาว่าจะพาทุกท่านไปเที่ยวยังที่ต่างๆอีกเช่นเคยในรีวิวต่อไปครับ

แบกเป้เท่ทั่วโลก

 วันพฤหัสที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.11 น.

ความคิดเห็น