เข้าสู่หน้าฝนกันแล้ว เป็นช่วงที่ชุมชื่นเขียวชอุ่มที่สุด ผมเลยตัดสินใจออกไปเที่ยวที่ไหนสักที่ เป้าหมายมีเยอะแยะ แต่ไปสะดุดตากับสะพานมอญ ที่อำเภอสังขละบุรี กาญจนบุรี เมื่อแน่นอนแล้วว่าจะไปที่นี้ กา(ญ)ร ผจญภัยก็เริ่มขึ้น

ก่อนเริ่มเดินทาง เข้าไปชมที่เที่ยวอื่นๆ และกดไลค์ให้กำลังใจกันได้ในเพจ เที่ยวไปทั่ว ได้เลย https://www.facebook.com/tiewpaitour/

ตัดกลับมาที่นาที 0 ของการเดินทาง ตั้งต้นที่อนุสาวรีย์ชัยตั้งแต่ตีห้ากว่าๆ ง่วงกันเลยทีเดียว เรากะจะถึงกาญราวๆเก้าโมงไม่เกินนั้น เพราะเดี๋ยวจะถึงสังขละเย็นเกินไป



เรานั่งรถสาย กทม กาญจนบุรี ด้วยความง่วง หลับยาวๆใช้เวลาสองชั่วโมง ก็มาถึง ที่บขส กาญจนบุรีแล้ว พอลงรถปุ๊ป ก็ดิ่งตรงไปยังท่ารถตู้ กาญจนบุรีสังขละเลยอยู่ตรงหลับ บขส เลย ได้ตั๋วมาแล้วก็ นั่งทานข้าว รอรถเที่ยว 10 โมงเช้า อ้อ ก่อนขึ้นรถใครคาดว่าจะเมารถ ซื้อยา ทานยา เตรียมกันไว้เลยนะะะ

เมื่อรถออกปุ๊ป เราก็หลับต่อปั๊ป ด้วยที่ตื่นเช้ามากกกกก รถออกสิบโมง ใช้เวลาเดินทาง ร่วม 4 ชม ก็มาถึงที่สังขละบุรี ราวๆบ่ายสอง เป็นระยะทางที่โหดมาก ไกลโฮกกกก นั่งกันจนก้นช้ำกันเลยทีเดียว เมื่อลงรถเหยียบเมืองสังขละปุ๊ป เราก็มุ่งหน้าไปที่พักก่อนเลย แต่ปรากฎว่าหลงจ้าาา ไปโผล่ที่แลนด์มาร์คแบบงงๆ ได้ไงก็ไม่รู้ แต่ก็เป็นภาพแรกที่ประทับใจมา กดชัตเตอร์มา 1 แชะ

ฟ้าใสๆตัดกับทิวเขา ต่อด้วยผืนน้ำ แล้วมาที่สะพานมอญ สวยมากกกก นี้ขนาดหน้าฝนนะเนี่ย ยืนงงๆอยู่สักพักนึงขึ้นได้ว่ายังไม่รู้ว่าที่พักอยู่ที่ไหน เลยลองโทรหา ปรากฏว่าต้องเดินย้อนไปอีกราวๆครึ่งก็โลจ้าาา เดินวนไปครัช สำหรับที่พักนั้น ราเลือกที่นี่ "Coffee berry" บ้านพักน่ารักๆ ที่ด้านหน้าเปิดเป็นร้านกาแฟ นั่งชิวๆดีจริงๆ


มาถึงที่พักแล้วพร้อมด้วยร่างที่ชุ่มด้วยเหงื่อ หนีเข้าไปตากแอร์ดีกว่า สำรวจห้องพักกันหน่อยย

เราได้ห้องพักสีเขียวห้องเล็กๆน่ารักกรุบกริบ เมื่อเปิดประตูห้องน้ำไปถึงกับตกใจ เอ้าท์ดอร์จ้า แต่ยังดีที่ปิดหลังคาได้ ได้บรรยากาศไปอีกแบบนะเนี่ยย

หน้าบ้านพัก

มีระเบียงหน้าบ้านให้ด้วยสั่งกาแฟมานั่งกินได้


เมื่อล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้ว จึงมุ่งหมายที่จะออกไปสำรวจสถานที่ทันที แต่ปรากฏว่า....................

ฝนตกจ้าาาา ตกแบบไม่ลืมหูลืมตา เราจึงได้แต่นั่งจิบกาแฟรอ ฟังเสียงฝนตก กาแฟหอมๆ ร้านสวยๆ มันเป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลายจริงๆเลย



มุมร้านกาแฟสวยๆ ระหว่างรอฝนหยุด


ระหว่างรอฝนหยุดที่ร้านมีหนังสือให้อ่านเพียบเลย หยิบแล้วก็เก็บเข้าที่ด้วยละกันน้าาา



เมื่อฝนซาและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก เราจึงออกเดินทางไปสำรวจสะพานมอญกันก่อนเลย อย่างที่บอกว่าร้านห่างจากสะพานมอญราวๆครึ่งกิโล ให้เดินตอนฝนตกนี่สบายเลย อากาศกำลังดีทีเดียว เดินชมวิวไปเรื่อยๆ และทันใดนั้นเอง เราได้รับการต้อนรับสุดเซอร์ไพร้ นั้นคือ

รุ้งกินน้ำจ้า ลงมาตรงข้างสะพานเลย ดีใจมาก ไม่เคยเห็นใกล้ขนาดนี้มาก่อน แค่วันแรกของทริปนี้ก็คุ้มแล้ว ยืนชมกันพักใหญ่ ในขณะที่ฝนยังคงตกปรอยๆ เราก็ชมวิวไปเรื่อยๆ

เมื่อดูทีท่าแล้วว่าฝนตกต่อแน่ๆ เราจึงตัดสินใจลุยฝนชมสะพานซะเลยเปียกก็ช่างมันละ ไหนๆมาทั้งที และนี้คือสิ่งที่ได้จากการตัดสินใจครั้งนี้


ไม่คิดว่าสะพานมอญตอนฝนตกนี้มันดูสดชื่นเสียจริงๆ เมื่อสำรวจที่ทางสำหรับการตักบาตรในวันพรุ่งนี้แล้ว เราจิงเดินกลับ ฝนก็ยังตกอยู่ ปรากฏว่าโชคดีอีกแล้ว วันนี้ฟ้าระเบิด ตัดสินใจตั้งขากล้องเลยครัชคราวนี้ ปักหลักกันจนหมดแสงไปเลยย สิ่งที่ผมได้ในวันของทริปนี้มันตอบทุกอย่าง ว่ามาที่นี่ ไม่ผิด ที่เลือกจะมา


เก็บแสงเย็นจนชื่นใจ เราจึงโบกมือหยอยๆ เรียกพี่วินไปส่งที่ตลาด หรือ ถนนคนเดินสังขละนั้นแหละ แต่ถนนคนเดินจะเปิดจริงๆจังๆก็ช่วงหน้าหนาว ราวๆพฤศจิกานะ แต่ช่วงนี้ก็มีของขายๆนะ พอสมควรเลย แม้ฝนจะตกก็เหอะน้า ร้านที่เรามุ่งตรงไปเลยนั้นคือร้านหมูจุ่ม ขายกันเป็นไม้ ไม้ละสองบาทหรือห้าบาทนี้แหละกินแค่ร้านเดียวก็อิ่มแล้ว


กินกันจนอิ่มท้องแล้วก็เรียกพี่วินพามาส่งกลับที่พัก เก็บแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ ซึ่งที่เป้าหมายอีกหลายยยทีเลย ว่าแล้ก็นอนพัก ตืนมาอีกทีราวๆตีห้า เตรียมพร้อมสำหรับการไปตักบาตร ใครที่ไม่ได้เตรียมของไว้ไม่ต้องกลัว ที่สะพานมาร้านของชาวบ้านมาขายเป็นชุดเตรียมไว้ให้เราแล้ว สะดวกดี จากนั้นเราก็ไปต่อแถวรอพระมา ไม่คิดว่าคนจะเยอะเหมือนกันนะเนี่ย


พระมาแล้ววว


ตักรบาตรเสร็จเราก็หาอะไรรองท้องร้านแถวๆนั้น มื้อเช้าก็ต้องเป็นโจ๊ก


อิ่มท้องแล้ว เราไปต่อกันเล้ยยย เป้าหมายแรกคือโบสถ์จมน้ำ ไปช่วงเช้าๆนี่ดีนะ แดดไม่แรง แถมมีหมอกให้ชมด้วยเราใช้วิธีการเหมาเรือหางยาวไปเลย 300 บาท ไปกลับราวๆ 1 ชม ที่เหมาเพราะว่าสะดวกดีไม่รบกวนใคร แต่ใครจะรอเรือเต็มก็ได้นะ ประหยัดดี ระหว่างไปโบสถ์เราก็ชมวิวกันไป


ถึงแล้วโบสถ์กลางน้ำ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ เข้าไปไหว้พระก่อนเลย



จากนั้นเราก็เดินชมความงามรอบๆ จริงๆแล้ววัดนี้เมื่อก่อนก็เป็นวัดตามปกตินี่แหละ แต่หลังจากสร้างเขื่อนก็เลยต้องย้ายขึ้นไป เพราะพื้นที่ตรงนี้จะกลายเป็นพื้นที่จมน้ำ


ใช้เวลาราวๆ 40 นาที เราก็นั่งเรือกลับจ้า กลับมาเตรียมพร้อมเพือไปแว๊นฝั่งพม่ากัน คราวนี้เราเช่ามอเตอร์ไซค์ของพี่ที่ที่พัก นี่แหละเช่ามา 1 วัน สำหรับการแว๊นครั้งนี้ จากนั้นก็แว๊นไปที่ชายแดนกันเลย เป้าหมายแรกคือ ด่านเจดีย์สามองค์ ถ่ายรูปก่อนเลย


จากนั้นเราก็ซื้อทัวร์นำเที่ยวไปฝั่งพม่า ราคา 200 บาท ใช้แค่บัตรประชาชนน้า ไม่ต้องมีพาสปอร์ต ก็ได้ การเดินทางก็จะเป็นรถตู้ข้ามไปฝั่งพม่า ใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมง ในการเที่ยว สถานที่ที่พาไปมีสามที่หลักด้วยกันคือ

- วัดเจดีย์ทอง

- วัดเสาร้อยต้น

- ตลาดขายของฝาก

ไปที่แรกกันเลยคือ ที่วัดเจดีย์ทอง พอเข้าไปฝั่งพม่าก็เริ่มเปลี่ยนเลนถนนใหม่ ใครไม่ชินนี่งงไปเลย แปปเดียวก็ถึงแล้ว วัดเจดีย์ทอง เราใช้เวลาใหว้พระไปราวๆครึ่งชั่วโมง


วัดฝั่งพม่านี่ก็สวยไปอีกแบบนะเนี่ย


จากนั้นเราก็มุ่งหน้าต่อไปยังวัดเสาร้อยต้น แต่ๆเราโชคดีอีกแล้ว มีงานที่วัดจ้า คล้ายงานทอดผ้าป่า ทอดกฐินบ้านเรานั้นแหละ จะมีการแสดงพื้นบ้านใหเดู ชาวบ้านหุงขาวมานั้นกินกันเต็มโบสถ์ บรรยากาศแบบนี้ไม่คิดว่าจะได้มาสัมผัส สำหรับการติดสินใจมาครั้งนี้ และก็แปลกใจว่า แม่ชีที่นี่ สวมชุดสีชมพู ดูแปลกตาไปอีก

ชาวบ้านสวมชุดพื้นเมืองมานั่งล้อมวงกินข้าวกัน แถมชวนเราไปนั่งกินอีก แหะๆ เสียดายเวลาน้อย ไม่งั้นได้แจมด้วยซะหน่อย


ชุดแม่ชีที่นี่ก็ดูสวยแปลกตา


จากนั้นเราก็มุ่งหน้าต่อไปยังตลาดขายของ แต่ระหว่างทางเราได้สะดุดตากะไฟแดงของที่นี่ แปลกดี


เมื่อถึงตลาดเราก็เดินชมตลาดไปเรื่อยไม่ได้จะซื้ออะไรเป็นพิเศษ ราคาก็ไ่ม่แพงจะซื้ออะไรก็ตรวจสอบกันก่อนน้าา บางอย่างถูกจำกัดจำนวนตอนข้ามแดนเดี๋ยวจะกลับบ้านช้ากันอีก


ข้ามกลับมาฝั่งไทย เราก็ถ่ายรูปกับป้ายซะหน่อย


ก่อนกลับเราเจ้ากับเจ้าตัวน้อยขายถั่วทอดอยู่ น่ารักเชียว อุดหนุนน้องได้นะครับ


เราขับรถกลับมาสังขละ ด้วยคามหิว แวะเติมพลังที่ตลาดสังขละ แล้วแวะไปไหว้พระกันต่อที่วัดวังวิเวกข์การาม สิ่งที่เราต้องไม่พลาดคือเข้าไปกราบสักการะ หลวงพ่ออุตมะ เพื่อความเป็นศิริมงคล


จากนั้นเราไปต่อกันที่เจดีย์พุทธคยา ไหว้พระและชมวิวกันอีกสักครั้ง ก่อนกลับไปยังที่พักพร้อมความสุข


เช้าสุดท้ายผมตื่นขึ้นมาเพื่อจะไปชมวิวที่สะพานชองกาเลีย แต่วันนี้ฟ้าไม่เป็นใจ แต่บรรยากาศก็ดีจริงๆ เก็บเกี่ยวความสดชื่นให้เต็มที่ก่อนกลับ กทม ไปเจอเรื่องราวต่างๆอีกมากมาย


แล้วฉันจะกลับมา "สังขละบุรี"

ติดตามรีวิวอื่นได้ต่อในเพจ เที่ยวไปทั่ว น้าา แล้วจะมารีวิวกันอีกจ้าาา



เที่ยวไปทั่ว

 วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 21.59 น.

ความคิดเห็น