เมื่อพูดถึง จังหวัดกาญจนบุรี ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า..เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก และมีความหลากหลายของสถานที่เที่ยว ทั้ง ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ให้ได้เลือกไปเที่ยว ไปพักผ่อนได้ตามความต้องการ กาญจนบุรี จึงเป็นจังหวัดที่ได้มีโอกาสไปเยือนบ่อยมากๆ และคิดว่าหลายๆ คนก็คงเคยไปบ่อยๆ เช่นกัน เพราะนอกจากความสวยงามของธรรมชาติแล้ว ยังอยู่ใกล้ กทม. อีกด้วย เดินทางก็ไม่นาน สามารถไปเที่ยวได้ในระยะเวลาสั้นๆ อย่างเช่น เสาร์-อาทิตย์ ได้อย่างสบายๆ

ด้วยความสะดวกในการเดินทาง และปัจจัยหลายๆ อย่าง "กาญจนบุรี" จึงเป็นจุดหมายในการรวมตัวไปเที่ยวกันในครั้งนี้ ของเพื่อนร่วมเรียนสมัยมหาวิทยาลัย ที่ห่างหายการพบเจอกันมาได้สักระยะ ทุกคนต่างมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ก็คือ "อยากไปล่องแพ" ก็เป็นอันตกลง และนัดหมายวันเดินทางกันล่วงหน้า ซึ่งการล่องแพจะให้สนุก ก็ต้องไปหลายคนแบบนี้แหละครับ!



DAY 1

10.00 น. ออกเดินทาง!


เมื่อถึงวันที่ออกเดินทาง สมาชิกทั้ง 10 คน ต่างคน มาจากต่างที่ ต่างมุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี โดยบางส่วน ออกจาก กรุงเทพฯ ซึ่งก็ใช้เวลาเดินทางไม่นานกับระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร ใช้เวลาในการขับรถส่วนตัวไม่เกิน 2 ชั่วโมง ก็ถึงตัวเมืองกาญจนบุรี แต่ถ้านับระยะทางให้ไปถึงจุดหมายคือ การไปล่องแพไทรโยค นั้น ก็เหมือนว่ามาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น เพราะจากตัวเมืองกาญจนบุรี ต้องขับไปต่อตามเส้นทาง หมายเลข 323 อีกประมาณ 100 กิโลเมตร เพื่อให้ไปถึง "อุทยานแห่งชาติไทรโยค" (น้ำตกไทรโยคใหญ่) รวมใช้เวลาการเดินทางทั้งหมดก็ร่วม 4 ชั่วโมง


15.00 น. อุทยานแห่งชาติไทรโยค(น้ำตกไทรโยคใหญ่)

เดินทางมาถึง "อุทยานแห่งชาติไทรโยค" ก็เป็นเวลาช่วงบ่ายๆ อากาศกำลังดี แม้สถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดกาญจนบุรี แต่พวกเราก็เพิ่งจะเคยมากันเป็นครั้งแรก บรรยากาศโดยรอบเมื่อเข้ามาภายในเขตอุทยานก็รู้สึกสดชื่นดี ต้นไม้เยอะ เหมาะกับการมาพักผ่อนสบายๆ เราจัดการชำระ ค่าธรรมเนียมอุทยาน(คนละ 100 บาท) ให้เรียบร้อย

และ เตรียมของเพื่อลงแพ ซึ่งแพก็อยู่ไม่ไกลจากลานจอดรถ เนื่องจากต้องนอนบนแพหนึ่งคืน เราจึงต้องเตรียมเสบียงทั้งอาหารและเครื่องดื่มไปให้พร้อม ส่วนของบางอย่างทางแพอาจจะมี เช่น น้ำดื่ม น้ำแข็ง ฯลฯ ก็ลองสอบถามดูก่อนครับ จะได้ไม่ต้องขนกันไปมากมาย

เวลาไม่คอยท่าเรารีบขนของลงแพ.. ในครั้งนี้มาใช้บริการของ "แพราชวัลลภ" เป็นแพขนาดกลาง สามารถพักได้ประมาณ 15-20 คน บนแพมีห้องนอนอยู่ 2 ห้อง แต่ละห้องนอนได้ประมาณ 2-3 คน มีห้องน้ำอยู่ท้ายแพ มีเครื่องครัว เตา แก้ว จาน ชาม ไว้ในการประกอบอาหาร ซึ่งการได้มากับเพื่อนกลุ่มใหญ่แบบนี้ เราเลือกที่จะเอาเสื่อ ฟูก และผ้าห่ม ออกมาปูนอนเรียงกันอยู่ข้างนอก มันได้อารมณ์ดี!

หลังจากขนของลงแพเป็นที่เรียบร้อย เรือลำเล็กก็ลากแพออกไปตามแม่น้ำแควน้อย บรรยากาศในวันหยุดเช่นนี้ คนมาพักผ่อนเยอะ ทำให้ดูค่อนข้างจะคึกคัก แพก็ล่องไปเรื่อยๆ ให้ได้ชมวิวธรรมชาติทั้ง 2 ฝั่ง

ด้านหลังของแพที่ลากล่องกันไปนั้น มีแพเล็กๆ เป็นแพเปียกที่สามารถเดินลงไปนั่งเล่นได้ เล่นน้ำไปด้วยในตัว ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยควรสวมเสื้อชูชีพ ด้วยนะ!

เรือลำเล็ก ลากแพไปตามแม่น้ำ ผ่านบรรดาแพพัก และรีสอร์ทต่างๆ ที่ตั้งอยู่ริมน้ำ

แพค่อยๆ ลากไปเรื่อยๆ และ ในบางช่วงนึกสนุกก็อาจลงไปในน้ำแล้วเกาะแพเปียกให้พาลากไปตามน้ำ

แพลากมาถึง "น้ำตก" ซึ่งตรงจุดนี้ คนค่อนข้างจะเยอะมากๆ หลายแพมาจอดหยุดเล่นน้ำตกกันที่จุดนี้

นั่งเล่นบนแพเปียกที่ค่อยๆ ล่องไปเรื่อยๆ แบบนี้ มันก็ชิลล์ดีเหมือนกันนะ

นั่งเบื่อๆ ก็ลุกมาโดดน้ำเล่นบ้าง กับ บรรยากาศในช่วงเย็นๆ แบบนี้

เริ่มออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศรอบข้างก็ดูเหมือนจะสงบขึ้น

ตลอดระยะทาง นั่งชมบรรยากาศรอบข้าง ซึ่งทั้งสองฝั่งธรรมชาติก็สวยงามดี

แพถูกลากมาจอด อยู่ที่ริมฝั่งแห่งหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นจุดปักหลักสำหรับค่ำคืนนี้ บรรยากาศบริเวณนี้ โดยรอบดูสงบ ไม่วุ่นวาย และตรงฝั่งที่เราจอดแพก็มีลักษณะเป็นหาดทราย ที่สามารถลงไปเดินเล่น แช่น้ำเล่นได้ ช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาของการเล่นน้ำตามอัธยาศัยกันไปครับ

นานๆ ทีได้มาเที่ยว มาพักผ่อน ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ ก็ขอโดดน้ำเล่นกันให้หนำใจกันสักหน่อย

บริเวณนี้น้ำไม่ลึก สามารถลงไปแช่น้ำเล่น เดินไปมาได้อย่างสบาย

ด้านหลังของจุดจอดแพจะเป็นเหมือนชายหาด ที่ลงไปเดินเล่นได้

ด้านข้าง ไม่ไกลกันนัก.. จะเป็น น้ำตก อีกจุดหนึ่ง ที่ตอนเย็นขนาดนี้ก็ยังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวรอให้แพพาลากเข้าไปเล่นน้ำ


17.00 น. ได้เวลาอาหารเย็น!

เนื่องจากต้องพักค้างคืนกันที่นี่ เสบียงอาหารจึงจำเป็นที่ต้องเตรียมมา ซึ่งถ้าไม่อยากลำบากก็อาจนำเสบียงแบบสำเร็จรูปลงแพมาเพื่อทานได้ หรือจะให้ทางแพเตรียมอาหารไว้ให้ก็ตามแต่ความสะดวกของแต่ละคน แต่..ไหนๆ มีโอกาสมาเที่ยวพักผ่อน แบบนี้แล้วก็ขอปิ้งย่าง ทำอาหารกันเอง กินกันเอง คงจะได้อารมณ์มากกว่า และบนแพก็มีอุปกรณ์ในการทำอาหารเตรียมเอาไว้ให้อย่างครบครันทีเดียว พร้อมกับถุงขยะสีดำใบใหญ่ สำหรับใส่เศษขยะต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างที่พักอาศัยบนแพ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรา ต้องช่วยกันรักษาความสะอาด กันด้วยครับ

วัตถุดิบที่เตรียมมา ก็จะนำมาประกอบอาหารเป็นเมนูง่ายๆ อย่างเช่น หมูย่าง ไส้ย่าง ปลาเผาเกลือ ผัดกะเพรา ต้มยำ เป็นต้น

ช่วงเวลาของการทำอาหาร เหมือนว่าจะเล่นน้ำกันไป ทำอาหารไป ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นจากน้ำมาดูผลงาน การปิ้งย่างที่ค้างบนเตา คอยพลิกไป พลิกมา ซึ่งในบางจังหวะอาจเผลอจนทำให้บางชิ้นไหม้ไป แต่ก็สนุกดี คอยปิ้งไป ชิมไป เล่นน้ำไป ชิ้นไหนไหม้ก็บ่นกันไป ส่วนชิ้นไหนดี.. นำมาหั่นแล้วจิ้มน้ำจิ้ม หยิบใส่ปาก ..อยากบอกว่า แซ่บอีหลี!

เมื่ออาหารทุกอย่าง ทุกเมนูเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็ขึ้นจากน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาล้อมวงทานอาหารเย็นกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา ท่ามกลางความมืดมิดที่เริ่มมาเยือน บรรยากาศรอบด้านก็เริ่มเงียบ วงสนทนาก็เริ่มขึ้นหลังจากนั้น เป็นช่วงเวลาของการผ่อนคลาย จิบเครื่องดื่ม ร้องเพลงคาราโอเกะที่มีมาให้บนแพ ต่างพูดคุยสนทนากันไปตามประสาในราตรีนี้.... จนสมาชิกทยอยไปล้มตัวลงนอนทีละคน สองคน...



DAY 2

07.00 น. สวัสดียามเช้า!


เราต่างถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงเครื่องยนต์ของเรือ ที่วิ่งผ่านไป ผ่านมา และหนึ่งในลำนั้นก็คือ เรือขายก๋วยเตี๋ยว ที่ไม่ได้มาแค่เสียง แต่ยังมีกลิ่นหอมของน้ำซุปลอยโชยมาเตะจมูกซะด้วย ไม่ต้องคิดอะไรมาก เช้าๆ แบบนี้กำลังหิว และ อยากได้อะไรร้อนๆ ซดอยู่พอดี - ก๋วยเตี๋ยว(เรือ) ก็เลยกลายเป็นอาหารมื้อเช้าของทุกคนบนแพไป

อิ่มท้องกันแล้ว ก็เป็นเวลาพักผ่อน นั่งเล่น นอนเล่น กันตามอัธยาศัย ซึ่งในช่วงเช้าๆ แบบนี้ บรรยากาศยังคงสงบอยู่ ไม่ค่อยมีแพนักท่องเที่ยวลากผ่านสักเท่าไรนัก ก็เหมาะกับการนั่งเล่น จิบกาแฟ ชมธรรมชาติ ชิลล์ๆ

เมื่อรู้สึกว่าร่างกายตื่นตัว หายจากอาการเมาขี้ตาแล้ว ก็ได้เวลาที่ต้องลงเล่นน้ำกันต่อ

เนื่องจากเรือจะมาลากแพกลับในเวลาประมาณ 11.00 น. เวลามีไม่มากนัก จึงต้องเล่นน้ำ โดดน้ำกันให้คุ้มสักหน่อย

ช่วงเวลาที่เหลือไม่กี่ชั่วโมงนี้ ก็เป็นช่วงเวลาของการอิ่มเอมกับธรรมชาติกันให้เต็มที่!


11.00 น. เดินทางกลับ!

เมื่อเห็นเรือลำเล็กแล่นมาแต่ไกล.. โดยหันหัวเรือเข้ามาที่แพ ก็เป็นอันทราบกันดีว่า.. "หมดเวลาสนุกแล้วสิ!" .. เรือจะมาลากแพกลับเข้าไปที่ฝั่ง ตรงที่เราลงกันมาเมื่อวาน ซึ่งเรือจะพาลากกลับไปตามเส้นทางเดิม จึงเหมือนกับได้ล่องแพชมบรรยากาศเป็นการทิ้งทวนก่อนกลับอีกครั้ง

เมื่อเรือลากแพกลับมายังจุดเริ่มต้นลงแพ ก็ช่วยกันขนของลงจากแพ และ เก็บของขึ้นรถให้เรียบร้อย ถือเป็นการสิ้นสุดการมา.. "พักผ่อน นอนแพ" ในครั้งนี้ครับ ซึ่งก็เป็นการเดินทางไปพักผ่อนที่สนุกเฮฮาดี นานๆ ทีได้มาเล่นน้ำ โดดน้ำ กันสักครั้งแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อีกทั้งสถานที่นี้ก็อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และเป็นที่ที่หลายคนนิยมมาเที่ยวกัน มีโอกาสก็น่าจะลองไปสักครั้งนะครับ!


สรุปค่าใช้จ่าย

การเดินทาง(เดินทางด้วยรถส่วนตัว)

ค่าเข้าอุทยาน คนละ = 100 บาท

ค่าแพ 1 คืน(พักได้ 15-20 คน) = 4500 บาท

ค่าอาหารและเครื่องดื่ม คนละประมาณ = 500 บาท



การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER

Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker

Instagram : CHAILAIBACKPACKER

Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9

CHAILAIBACKPACKER

 วันพฤหัสที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 17.13 น.

ความคิดเห็น