"เวลาเราไม่เยอะ แต่เราอยากเจอโลกกว้าง"



สวัสดีครับ อีกครั้งที่ผมได้มีโอกาสเอาเงินเก็บออกมาใช้ ในส่วนของการออกไปเปิดโลกกว้าง เห็นสิ่งใหม่ๆ ทำอะไรใหม่ๆ ในเรื่องของการท่องเที่ยว หลังจากที่ตัวเองได้มีโอกาสเป็นพนักงานครั้งแรกของชีวิต ก็ทำให้รู้จัก รสชาติของเสาร์-อาทิตย์ขึ้นมาทันที เวลามีน้อยและต้องใช้ให้คุ้ม

.



ทริปเล็กๆแบบสนุกสนานเลย เกิดขึ้นเพียงแว่บเดียว “อยากเห็นทะเล แบบไปวันเดียว "…สัตหีบไง ไม่ใกล้ไม่ไกล ไปไม่ง่ายไป และไม่ยากเกินไป ตอนก่อนจะไป เรานั่งเปิดรีวิว หาข้อมูล ส่วนใหญ่จะไปดำน้ำ ดูปลาการ์ตูน(ร้องแบบพี่สิงโต นำโชค ดูสิ) แต่พอลองไปถึงจริงๆ เฮ้ยย เดี๋ยวก่อน ที่นี่มีแบบครบทุกรส จะวิ่งผ่านเขา ผ่านป่า ก็ได้ความรู้สึกแบบเขียวๆของธรรมชาติ หรือจะสูดเอากลิ่นไอเค็มๆแบบ แปลกๆก็ได้จากน้ำทะเล

เราจะไม่มาบอกว่าไปนี้ไปยังไง แต่เราจะมาพาไป ไปให้เห็น ไปให้เจอ ไปให้รู้สึกหลงรัก ทีนี่ สัตหีบ



ถ้าเริ่มคิดว่ามันใช่ เอาไปชวนเพื่อน
แต่ถ้ารู้สึกว่ามันคือรักแท้ ให้วิ่งมาหากันที่นี่ www.facebook.com/sapaipaee
แต่ถ้ามันมากกว่านั้นไม่ไหว มา IG : https://www.instagram.com/sapaipae.i/

“ถ้าชีวิตเริ่มรู้สึกเบื่อ ให้ลองออกเที่ยว"



6 โมงเช้า เวลาไก่เริ่มขัน พร้อมนาฬิกาปลุกที่ดังน้อยกว่าแม่ตะโกนปลุก “วันนี้ไป สัตหีบ" สมุดบันทึกร้องออกมาเป็นตัวหนังสือ ช่วยเตือนความจำว่าทำไมเราต้องตื่นเช้าในวันหยุดที่อากาศแสนจะอบอ้าวขนาดนี้ เด้งออกจากเตียงแล้วเก็บกระเป๋า แต่เดี๋ยวก่อน ห้ามลืมอาบน้ำนะ



เกือบ 8 โมง เราก็ย้ายตัวเราไปอยู่ท่ารถตู้ตรงอนุสาวรีย์ แล้วดิ่งไปหาป้ายรถที่บอกว่า “กรุงเทพ-สัตหีบ"


140 บาท คือค่าเสียหายที่มันไม่มีค่าข้าวเช้าแถมมาด้วย

หลังจากที่กำลังฝันอยู่บนรถตู้นั้น การจอดแวะพักข้างทาง คือธรรมเนียมของรถตู้ระยะทางไกลแทบทุกสาย จะแวะให้เราเข้าห้องน้ำได้หนึ่งครั้ง ซึ่งเราหลับ และหลับลึกหนักมาก



“น้องลงไหน" ..อ้าวเฮ้ย.. ไม่ได้หาข้อมูลว่าลงไหน เลยอ้าปากตอบไปทันทีว่า “ไม่แน่ใจครับ" มีเสียงหัวเราะจากทั่วทุกมุมรถ และพี่คนขับก็หันมาบอกว่า “มีงี้ด้วยหรอ เอาเถอะ คิดออกแล้วบอกละกัน" ..ความอายก็มาครอบงำ


ลง “โลตัส สัตหีบ" ข้อความแว่บๆ บนโทรศัพท์ของผม ที่เด้งขึ้นมาอย่างกะนางฟ้าประทานเส้นทางที่โคตรจะไม่รุ้ก็ได้โผล่มา คนขับรถของผมเองครับ เค้ารออยู่ที่สัตหีบ ผมกำลังไปหาเค้า ให้เค้าพาเที่ยว นั่นแหละเจ้าคนขับรถรอหน่อยนะ



11.00 น เวลากำลังดีกับเสียงร้องในกะเพาะ ข้าวเช้าที่ยังไม่ได้แตะ และของรองท้องในเวลาตอนเที่ยง ร้านแรกที่เราเลือกที่จะไป Coffee Beach ร้านกาแฟนั่งชิว วิวดีติดทะเลลมเย็นกาแฟอร่อย

“โกโก้ปั่นวิปครีม ที่หนึ่งครับ" และหลังจากนั้นพี่คนขายก็บอกให้เราไปนั่งรอเลย เดี๋ยวเราไปเสริฟเอง ร้านเป็นร้านเล็กๆที่ไม่เล้กเกินไป มีหลายมุมให้ไปนั่งเล่นและถ่ายรูป



“ความสุขของระหว่างทาง มันคือการหยุดเดินทางเพื่อเติมเต็มบางอย่าง"


“โกโก้มาแล้วคะ" เสียงแว่วๆ กระทบที่ข้างหูข้างขวา จังหวะที่เราหันไป เราเหลือบไปเห็น แก๊งคุณป้า ที่น่าจะเอาเลขอายุรวมกันแล้วน่าจะได้เยอะอยู่นะ คุยกันแบบน่ารัก เหมือนมาเที่ยวแล้วย้อนวันวาน เฮ้เธอ เป็นยังไงบ้าง เราอยากรู้นะ ว่าคนยุคนั้น พอมายุคนี้แล้วเค้าคุยเรื่องแบบไหน อาจจะเป็นเรื่องที่น่ารักชวนอบอุ่นไปด้วยกัน


.



หลังจากนั่งเล่นมาสักพัก ท้องก็ยังมิวายจะร้องต่ออีกครั้ง



ข้างๆร้าน Coffee beach มีสะพานปลาเล็กๆที่เค้าห้ามเข้าไปถ่ายรุป ด้วยความที่เป็นคนใสๆและน่ารัก

ก็ขอใช้ลูกอ้อนที่ฝึกมาแต่เกิด พร้อมทำตาแป๊วๆ ให้เค้าได้อนุญาติขอไปถ่ายรูปเล็กสักหน่อย



"อย่าเข้าไปนานนะไอ้หนุ่ม !"

"ได้เลยจ้าา"

ระหว่างทางเราผ่าน หาดเตยงาม ให้รู้ว่าเราผ่านมาแล้วแต่คงไม่ได้แวะ แต่เป็นอีกสถานที่ ที่น่าแวะ


ใครมีเวลาแวะเลย มันสวยดี ยิ่งตอนเย็นนะยิ่งสวย



ได้เวลาข้าวเที่ยงที่แท้จริง เราเลือกร้าน ส้มตำ…ตามเจ้าถิ่น เค้าว่าไงเราว่างั้น แต่ส้มตำเรากินได้แถมชอบมากๆอีกต่างหาก และทริปนี้สุดจะพิเศษและชวนตืนเต้น พ่อแม่คนขับรถของเรามากินด้วยครับ ตัวนี่เกร็งเหมือนจะเป็นตะคริว



“สั่งเลย อยากกินไรเต็มที่" เราสูดหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับความเกรงใจที่มีอยู่เต็มอก

“ส้มตำหมี่กรอบ กุ้งแช่น้ำปลาแบบลวกแล้ว ไก่ทอด แหนมอิสาน ต้มยำทะเล"

“หมูกรอบนี่กรอบขนาดไหนนะครับ"

“ข้าวเหนียว 2 ห่อครับ"

…สิ้นสุดการสั่งอาหาร ไปดูหน้าตามันกันดีกว่าครับ

การสนทนาก็เกิดขึ้นในวง อย่างต่อเนื่อง ผลัดกันคุย ทางฝั่งผู้ใหญ่เปิดประเด็น บางทีเราก็เปิดประเด็นกลับบ้าง อาการตัวเกร็งมาบางรอบ เวลาตักอาหารให้คนขับรถนี่แหละ หืมมมม อยากจะโชสวีท แต่กลัวว่าจะไม่เหมาะ เลยแอบๆทำ คิดแล้วคำตัวเองเหมือนกัน



มื้อนี้กินสี่คน 600 บาท จะบอกว่าทะเลที่นี่สดมาก กุ้งตัวใหญ่มาก เหมือนกับหลังร้านมีบ่อของน้ำทะเลไว้เลี้ยงอยู่นั่นแหละ

คนอย่างกะหนอนนเยอะจริงๆ



ด้วยความที่กินของคาวแล้วต้องตบด้วยของหวาน แน่นอนครับ หาร้านสิ ซึ่งเราสองคนคุยกันว่า เราอยากไปถ่ายรูปทะเล เดินเล่นชิคๆ ไปเรื่อยๆ แต่ด้วยความที่อาหารคาวต้องถูกล้างปากด้วยของหวาน “Urban cafe" กลายมาเป็นอีกคำตอบของหัวใจ กด google map เล็งๆดีดีระวังเลยนะครับ



ปังเย็นนมชมพู จริงๆชื่อมันเจ๋งกว่านี้แต่เราจำไม่ได้ ขอเรียกแบบนี้ละกัน รอเจ้าของร้านมาแก้



เรานั่งอยู่ที่นี่สักพักใหญ่ๆ เพราะนั่งเม้ากับเจ้าของร้าน วัยประมานเดียวกัน เจ้าของร้านคุยเก่ง เม้าๆไปกะว่าจะเพิ่มอีกสักถ้วย

แต่มันอิ่มแบบ มีความจุก มันเยอะจริงๆแหะ



ได้เวลาที่เราจะไปทะเลก่อนฟ้าสวยๆจะหมดไป แต่ที่ใหม่ๆกับผุดขึ้นมาเรื่อยๆ


สถานีต่อไป เรือรบจักรีนฤเบศร

เราเคยเห็นเพื่อนไปตอนเรายังอยู่ มปลาย ไปกันเป็นกลุ่ม โรงเรียนพาไป แต่เราไม่ได้ไป เราเลยบอกคนขับรถด้วยวาจาทำให้เค้าอ่อนระทวย “ไปดูเรือ ไปกัน ลุยยยย" (หวานสุดละ)

แนะนำให้พก “ร่ม" มา อากาศค่อนข้างน่ากลัวแต่ภาพจะสวย แบบ สวยมาก ฟ้าเปิด มีความดีงาม

ค่าเข้าฟรี ไม่เสียอะไร



“ภาพที่เห็น มันไม่เคยสวยเท่าไปลองเห็นเอง"



ลูกเด็กเล็กแดง วิ่งเต๊าะแต๊ะ ไปมา ชวนให้นึกถึง ความน่ารักในวัยเด็ก ที่เราอยากจะได้ขนม แต่เด็กที่นี่ต่างไปกว่านั้น ไม่งอแงและชอบจะวิ่งเล่นบนเรือมาก เด็กๆชอบเที่ยว เราเองก็ชอบเที่ยว แสดงว่าเราเองก็ยังเป็นเด็ก

ด้วยความที่ ไอแดดร้อนๆ มันเผาจนตัวเริ่มจะดำเกินจะเยียวยา (ทนดำได้นะ ทนร้อนนี่สู้ได้แปปนึง) เราโบกมือลาบ๊ายบาย พร้อมกับบอกกับตัวเองว่า “ทีหลังเอาแขนยาวมาด้วยดีกว่า"

"ธงที่ประดับไว้ที่หัวเรือ"



เราบ่นกับคนขับรถอีกครั้งว่า “เค้าอยากไปดูอะไร แบบชิคๆ ของที่นี่บ้างอะ" (อ้อนไปทีนึง) ปุบปับ

ได้มาโผล่ ที่ พิพิธภัณฑ์น้องเต่า ที่นี่มีเป็นสถานที่เลี้ยงเต่า อยู่ใกล้ชายทะเล มีตั้งแต่ตัวเล็กยันตัวใหญ่

แบบที่เคยเห็นในทีวี จุดแสดงมันไม่ได้มีเยอะหรอก แต่มันก็เพียงพอกับการมาเห็นเต่าว่ายไปว่ายมา

ใกล้จนสามารถสัมผัสได้



เป็นไปได้ อยากให้ เจ้าเต่าได้อยู่กับอะไรเขียวๆบ้าง


จากตั้งแต่เช้า เวลาก็ผ่านไปด้วยความรวดเร็วจนเราแทบตามไม่ทัน


ผันตัวให้เราสองคนงอแงใส่กันเล็กน้อย เหลือทะเลอีกที่เราไปถ่ายรุปเล่นกันเถอะ



"อ่าวดงตาล" สถานที่นั่งปิกนิกไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหนก็จะมาที่นี่กันทุกคน

มีความอบอุ่นละมุนแบบหลายรูปแบบ

พรีเวดดิ้งก็มี

พาหมามาเดดินเล่นก็มี

นั่งก๊งกันตั้งแต่หัววันก็มี

มาเป็นครอบครัว แล้วเด็กๆหนีไปเล่นน้ำกันก็มี



มันอบอุ่นแบบบอกไม่ถูกนะ บรรยากาศยามเย็น แล้วพากันมานั่งพักผ่อนในวันหยุดกับครอบครัว หรือกับเพื่อน

ถ้ามีโอกาสอีกรอบจะเอาเสื่อไปปู ไปนั่ง ไปหาไรกินกัน



มีจริงนะ ไม่ได้โม้


อยากเก็บกลับบ้าน มากกกกก น่าร้ากกก <3



**เก็บตกกันภาพสุดท้าย

เรามองว่า มันน่ารักดีนะ พี่น้องเล่นกัน จริงๆเราถ่ายวิดีโอเก็บไว้

แต่เราไม่ค่อยชอบใจตรงเศษขยะ ที่มันเอ่อล้นจนทำให้บรรยากาศมันเสียไป



ช่วยกันไม่ทิ้ง ไม่เพิ่มขยะบนชายหาดเนาะ เราว่ามันจะดีมากกว่าถ้ามองออกไปแล้วเจอน้ำใสๆ

แล้วไม่มีเศษซากของฝีมือของพวกเรา



ขอดราม่านิด เราเป็นพวกชอบดูวิวสวยๆ 555



สุดท้ายนี้ เราก็ร่ำลากันและขึ้นรถกลับ มันเป็นทริปที่แปลกดีพิลึก คือเราไม่ค่อยได้เที่ยวด้วยกันสักเท่าไร แต่เราว่าการเที่ยวด้วยกัน มันเป็นการเติมเต็มกันและกันที่ดีมากๆแบบนึงเลย สนุกสนานๆ ปนเหงาๆเมื่อลากัน อีกรสชาติของชีวิตที่คิดว่าทุกคนต้องเจอ



สรุปสถานที่ที่ไปมานะครับ

-เทสโก้ โลตัส สัตหีบ (ลงจากรถตู้ ไม่น่านับมั้ง)

- ร้าน Coffee beach

-หาดเตยงาม (ผ่าน)

-ร้านส้มตำ ? ใครนึกออกบอกหน่อยนะครับ

-เรือรบจักรีนฤเบศร

-ร้าน Urban coffee

-ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ

-อ่าวดงตาล

หนึ่งวัน กับการใช้ห้วงเวลาของชีวิต ที่สัตหีบ
หากถูกใจ ฝากกดไล้กดแชร์ด้วยนะครับ
และพบการสะปายเป้ใหม่ๆของผม ได้ที่นี่เลย ฝากด้วยนะครับ
Facebook : www.facebook.com/sapaipaee
IG : https://www.instagram.com/sapaipae.i/

สะปายเป้

 วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 14.08 น.

ความคิดเห็น