เคยไหมครับมีวันหยุดมาพัทยาทั้งที แต่ดันคิดไม่ออกว่าจะเที่ยวที่ไหน เพราะมาบ่อยแล้ว หรือบังเอิญคราวนี้ไม่อยากเที่ยวแบบพลุกพล่าน ถ้าเคยเป็น ผมแนะนำให้ลองมองไกลกว่าพัทยาเล็กน้อยไหมล่ะ ห่างออกไปไม่เท่าไหร่ ขับรถไม่นาน เราจะพบกับที่เที่ยวธรรมชาติ ช่วยให้สูดหายใจได้เต็มๆ

ผมทำแบบนี้ประจำครับ หาพักโรงแรมราคาไม่แพงที่พัทยา ใกล้ความสะดวก แล้วเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวนอกเมืองพัทยาเลยไปจนถึง สัตหีบ แสมสาร ถิ่นทหารเรือ กี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ แถมพบอะไรใหม่ๆ น่าสนใจเสมอ ยิ่งหากขับรถส่วนตัวล่ะก็สบายเข้าไปใหญ่

แผนที่การเดินทางครั้งนี้ของผมครับ ให้ชมกันก่อนเลย


ตั้งต้นที่ เรด แพลนเนต

ทริปนี้ผมนั่งรถโดยสารมาถึงพัทยาแต่เช้า ลงรถที่ถนนสุขุมวิททางเข้าพัทยากลาง ที่พักคือโรงแรม เรด แพลนเนต พัทยา (Red Planet Pattaya) พัทยาเหนือ สองแถววิ่งวนรอบพัทยามีเยอะแยะ แต่เพราะเวลาเหลือเฟือเลยเดินแก้เมื่อยดีกว่า ยืดเส้นยืดสายแค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย

เดินชมเมืองมาเรื่อยจนถึงหาดพัทยา ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไรที่นี่คึกคักเสมอ เดี๋ยวนี้ถนนเลียบหาดพัทยาจัดระเบียบอย่างดี แดดไม่ร้อนแบบนี้มีคนมาวิ่งออกกำลังกายเยอะเลย

โรงแรม เรด แพลนเนต พัทยา (Red Planet Pattaya) ตั้งอยู่ริมถนนสายสอง พัทยาเหนือ ปากซอย 4 เยื้องอัลคาซาร์ หาไม่ยากครับ เดินทางสะดวกโดยไม่ต้องมีรถส่วนตัว อยู่ใจกลางที่เที่ยว ที่กิน เดินไปชายหาดแค่ไม่กี่นาที โอเคมาก

มาถึงแล้วครับ ที่พักของผม

ที่นี่เป็นโรงแรมลักษณะ อืม... ใช้คำว่าอะไรดีล่ะ โรงแรมราคาคุ้มค่าแล้วกัน เน้นโลเกชั่นใจกลางเมือง เข้าพักสะดวก สะอาด ปลอดภัย จองผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ราคาอยู่ที่ราวหนึ่งพันบาท บวกลบตามแต่ช่วงเวลาเข้าพัก บางช่วงจ่ายแบงค์พันได้ทอนหลายใบ เหมาะสำหรับคนเดินทาง หรือพักเพื่อเที่ยวสถานที่ใกล้เคียง เชื่อถือได้เพราะเป็นแบรนด์ใหญ่มีสาขาในเอเชีย 4 ประเทศ ไทย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ รวมกัน 24 โรงแรม

เช็คอินแป๊บเดียวก็เรียบร้อย ความจริงยังมีอะไรๆ เกี่ยวกับโรงแรมนี้อีกเยอะ แต่ผมอยากเที่ยวแล้ว ขอโยนกระเป๋าไว้บนห้องเพื่อมาเล่าเรื่องเที่ยวก่อนนะ (ฮา...)


เที่ยวเขาชีจรรย์ อันซีนป่าฟื้นฟู

ข้อดีมากของโรงแรม เรด แพลนเนต พัทยา (Red Planet Pattaya) คือมีร้านมอเตอร์ไซค์เช่าอยู่ข้างหน้า แถมเป็นร้านที่ให้คนไทยเราเช่าสบายๆ ไม่ต้องถ่อไปเดินหาแล้วโดนปฏิเสธให้เสียอารมณ์ ราคา 200 - 300 บาท ต่อวัน นับแบบ 24 ชั่วโมง มัดจำ 1,000 บาท และขอเก็บบัตรประชาชนเราไว้

ผมเลือกเช่า ยามาฮ่า มีโอ วันละ 200 บาท สองวัน (เพราะใช้เกิน 24 ชั่วโมงแน่นอน) เช็คสภาพรถสักหน่อยว่าเครื่องแน่น เบรกหนึบ ไม่มีปัญหา ก็ลุยโลดดีกว่า


ที่เที่ยวใกล้ เรด แพลนเนต พัทยา (Red Planet Pattaya) มีเยอะแยะ อาร์ต อิน พาราไดซ์ เท็ดดี้ มิวเซียม หรือนั่งรถสองแถวไปที่ต่างๆ ก็สบาย แต่ครั้งนี้ผมวางแผนมาแล้วว่าจะเที่ยวธรรมชาติ เลยขอออกไปไกลหน่อย เป้าหมายแรกคือพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ นาจอมเทียน ตรงนั้นเป็นรอยต่ออำเภอบางละมุง กับอำเภอสัตหีบ มีคันคลองเล็กๆ เป็นเส้นแบ่งอำเภอ

จากถนนสุขุมวิท เลี้ยวเข้ามาซอยเขาชีจรรย์ (อยู่ก่อนถึงสวนนงนุชไม่ไกล) กินลมชมวิวมาเรื่อย ถึงเขาชีจรรย์ ฝนปรอยๆ ปะทะใบหน้า ชื่นใจแบบเปียกเล็กน้อย องค์พระแกะสลักงดงามมาก

หลังจากกินข้าวง่ายๆ ที่เขาชีจรรย์ ผมไปต่อสู่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน การเดินทางต้องใช้ถนนที่ตัดผ่านวิหารเซียนแล้วไปตามทางสักสองกิโลเมตร

เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน อยู่ติดกับสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบางละมุง ที่แตกต่างคือเขตห้ามล่าฯ อยู่สัตหีบ ส่วนสถานีเพาะเลี้ยงฯ อยู่บางละมุง ในเขตห้ามล่าฯ นี่แหละมีหลักเขตอยู่ว่าฝั่งไหนสัตหีบ ฝั่งไหนบางละมุง ลองถามเจ้าหน้าที่ดูครับ

จากจุดนี้มองเห็นเขาชีจรรย์ที่อยู่ไม่ไกล สวยมาก

การเข้าชมเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน มีค่าธรรมเนียม 20 บาท รถยนต์ 30 บาท รถมอเตอร์ไซค์ 20 บาท นอกจากป่าเขียวๆ ยังมีบ้านพักและลานกางเต็นท์ แต่ไม่มีร้านอาหารนะ ใครจะพักบ้านพักต้องติดต่อล่วงหน้า

ต่อมาก็ไปชมสัตว์ที่สถานีเพาะเลี้ยงฯ ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกันสักหน่อย ไม่มีการเก็บค่าเข้าชมเพิ่มเติม เขาแบ่งเป็นสองโซน โซนแรกคือสัตว์ปีก กวาง เนื้อทราย มาตามป้ายสวนสัตว์ได้เลย

อีกโซนเป็นไฮไลท์คือโซนหมี อยู่ใกล้กับที่ทำการสถานีฯ เลี้ยงหมีควาย และหมีหมา

ตอนแรกผมตั้งใจมาเที่ยวแค่เขาชีจรรย์ กับเขาชีโอน แต่คุยกับเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลมาว่าเลยไร่องุ่นซิลเวอร์เลคไปหน่อยนึง มีป่าฟื้นฟูอีกแห่งชื่อว่าโครงการป่าสิริเจริญวรรษ เป็นสวนป่าซึ่งในหลวงทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

ขี่มอเตอร์ไซค์แป๊บเดียวก็ถึงแล้วครับ เจ้าหน้าที่บอกว่าเดินชมตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติได้เลย ระยะทางกิโลเมตรกว่าๆ เป็นทางปูนอย่างดี

บรรยากาศหลังฝนพรำสดชื่นมาก มองทางไหนก็เขียวขจี หายใจโล่งโปร่งสบาย ตลอดทางเดินจะมีป้ายแสดงความรู้เป็นระยะ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสถานที่เที่ยวแบบนี้อยู่ห่างจากพัทยานิดเดียว

และเพราะอากาศชื้นแบบนี้ทำให้เจอเจ้าถิ่นออกมาหากินเต็มไปหมด – หอยทาก แอบเสียใจว่าผมเดินเหยียบพวกมันโดยไม่ได้ตั้งใจไปหลายตัวเชียวล่ะ (เศร้า...) มองแง่ดีถือว่าให้อาหารมดแล้วกันนะ

เที่ยวเพลินจนแทบลืมเวลา กว่าจะออกจากป่าสิริเจริญวรรษก็ใกล้เย็น หาที่ถ่ายพระอาทิตย์ตกดีกว่า ที่แรกซึ่งนึกถึงคือหาดบ้านอำเภอ ทางเข้าอยู่ติดกับไปรษณีย์บ้านอำเภอ ริมถนนสุขุมวิท เป็นหาดขนาดเล็ก แต่ภูมิทัศน์เหมาะกับการถ่ายพระอาทิตย์ตกมาก บรรยากาศดีอีกต่างหาก

เอาล่ะ... เมื่อเที่ยวจนสะใจแล้ว ผมขอย้อนกลับไปเล่าถึงโรงแรมสักทีนะ (ฮา...)


ห้องนอนที่ เรด แพลนเนต

อย่างที่บอกครับว่า เรด แพลนเนต พัทยา (Red Planet Pattaya) เป็นโรงแรมประเภทราคาคุ้มค่า เน้นเข้าพักสะดวก ห้องพักจึงมีแบบเดียว กะทัดรัด แต่เลือกได้ว่าเอาเตียงคู่หรือเตียงเดี่ยว เตียงนอนนุ่มสบายดี

ใครต้องการโต๊ะทำงานสามารถพับชั้นที่ติดอยู่กับผนังลงมา มีตู้เซฟทุกห้อง มีทั้งแอร์และพัดลม ระบบไฟแอร์กับพัดลมแยกกันครับ ถึงไฟดับพัดลมก็ยังติด ปลั๊กไฟมีหลายจุด มีไดรฟ์เป่าผมให้ด้วย ทว่าไม่มีตู้เย็นและน้ำดื่มให้นะ ซึ่งไม่เป็นปัญหาเพราะแถวโรงแรมมีมินิมาร์ทเพียบ

ห้องน้ำกว้างพอควร ฝักบัวใหญ่สะใจ เก๋ไก๋ด้วยสบู่แบบ 3 in 1 ใช้ทั้งถูตัว สระผม และเป็นครีมนวดผม

โดยรวมแล้วที่นี่เป็นโรงแรมห้องพักกะทัดรัด เรียบง่าย พักสบาย คุ้มราคาเชียว ทุกส่วนสะอาดสะอ้าน พนักงานยิ้มแย้ม สัญญาณไวไฟแรงดีไม่มีตก ห้องพักกว่า 190 ห้องจึงมีแขกแทบไม่ขาด

เก๋สุดคือโรงแรมมีแอพพลิเคชั่น "Red Planet Hotels" เราโหลดมาใช้บริการได้เลย ในแอพมีแนะนำสถานที่เที่ยว กิจกรรม ส่วนลดร้านอาหารต่างๆ เด็ดสุดคือมีฟังค์ชั่นแช็ตกับพนักงานหน้าฟร้อนท์ได้ด้วย ต้องการอะไร ติดต่อเรื่องไหน แช็ตกับเขาได้เลย เข้ากับยุคสมัยมาก

มีห้องพักสำหรับคนพิการด้วยครับ ใหญ่กว่าห้องพักทั่วไปประมาณหนึ่ง มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ในห้องน้ำ ขอปรบมือให้อีกหนึ่งเรื่อง

ใครต้องการใช้คอมพิวเตอร์เข้าอินเทอร์เน็ต ที่ล็อบบี้มีบริการฟรี (แต่คิดว่าคงใช้มือถือกันมากว่าแหละนะ)

คืนนี้ผมออกไปหาข้าวกินแถวโรงแรม เดินเล่นชมแสงสียามค่ำคืนสักพัก แล้วก็นอนหลับฝันดีกันไป


ยลถิ่นทหารเรือไทย

รุ่งขึ้นท้องฟ้าสดใสขึ้นกว่าวันวาน เป็นเรื่องดีเพราะผมมีแผนแว้นไปเที่ยวทะเลสัตหีบ รู้ตัวว่าต้องกลับมาเย็นแน่นอนเลยเก็บของเช็คเอ้าต์แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อบบี้เสียก่อน

เป้าหมายวันนี้จุดหมายแรกอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย ช่องแสมสาร จุดขึ้นเรือเกาะแสมสารนั่นแหละ ห่างจากพัทยา 45 กิโลเมตร ถนนโล่งขี่มอเตอร์ไซค์หนึ่งชั่วโมง วิ่งมาตามถนนสุขุมวิท ถึงแยกไฟแดง กม.10 (ทางเข้าสนามบินอู่ตะเภา) ให้เลี้ยวขวา เส้นนี้คือทางหลวงหมายเลข 3126 ระหว่างทางมีแยกเลี้ยวซ้ายมาช่องแสมสาร ถ้าตรงไปสุดทางก็การท่าเรือสัตหีบ เรือรบหลวงจักรีนฤเบศร

ไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์คือจุดชมวิวบนยอดเขาหมาจอ มองเห็นทะเลแสมสารทั้งหมด แต่ต้องเดินขึ้นเขาประมาณ 15 นาที เหนื่อยนิดหน่อย

ขึ้นถึงด้านบนสุดแล้ว สดชื่นมากมาย ขนาดฟ้าไม่แจ่มยังสวยขนาดนี้ จุดชมวิวมีหลายจุดอยู่นะ ฝั่งนี้มองเห็นบ้านช่องแสมสาร

เดินไปอีกนิดถึงชั้นบนสุดเป็นพิพิธภัณฑ์อาคารที่ 5 เห็นสามเกาะเรียงรายจากซ้ายไปขวาคือ เกาะแรด เกาะแสมสาร และเกาะขาม สองเกาะหลังเปิดให้ประชาชนไปเที่ยวอย่างที่รู้กัน เกาะแสมสารเปิดทุกวันทั้งปี ส่วนเกาะขามเปิด เสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงพฤษภาคม ลองมาเที่ยวกันครับแนะนำเลย

อีกมุมเห็นวิวฝั่งหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ

จากด้านบนมีทางลงหลายทาง ผมเลือกลงฝั่งท่าเรือ เพราะที่ท่าเรือมีเส้นทางชมทะเลสวยๆ แบบนี้อยู่

ข้างทางเข้าพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาฯ คือหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ด้านในมีหาดน้ำใสเปิดให้เที่ยวทุกวัน มีที่พักริมหาดด้วย แต่พอดีชายหาดไม่อยู่ในโปรแกรมนี้ ผมขอผ่านไปนะ

ออกจากพิพิธภัณฑ์ฯ ย้อนกลับมาทางเดิมจนถึงสโมสรกรมก่อสร้างและพัฒนา ฐานทัพเรือสัตหีบ หรือที่เรียกกันว่าหาดน้ำหนาว มีศาลกรมหลวงชุมพรฯ อยู่บนเขาริมทะเล รถขับขึ้นไปจอดด้านบนแล้วเดินอีกนิดเดียวครับ วิวสวยใช้ได้

ส่วนหาดน้ำหนาวมีสภาพเป็นหาดหิน ไม่สวยเหมือนหาดน้ำใส แต่บรรยากาศสบายๆ มีร้านอาหารริมทะเล และบ้านพักให้บริการ

ออกจากหาดน้ำหนาวกลับมาถึงถนนใหญ่ 3126 ไปไหนต่อดีนะ... เลี้ยวซ้ายไปชมเรือหลวงจักรีนฤเบศรก็แล้วกัน ตรงยาวจนสุดทางเข้าไปในการท่าเรือสัตหีบ กฎการเที่ยวเรือตอนนี้คือไม่เสียค่าเข้าชม แต่ต้องแสดงบัตรประชาชน ชาวต่างชาติไม่อนุญาตให้ชมครับ

ขึ้นมาบนเรือแล้วต้องร้องโอ้โห บรรยากาศบนเรือบรรทุกเครื่องบินมันเป็นแบบนี้นี่เอง วิวทะเลสวยมาก ตรงท้ายเรือมีเรือรบจอดอยู่สองลำคือเรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก กับเรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งปลดระวางเรียบร้อยแล้ว

ชมเรือยักษ์เสร็จสรรพ ผมขี่มอเตอร์ไซค์ย้อนกลับไปทางออกถนนสุขุมวิท (หน้าการท่าเรือจะมีแยกไปหาดนางรำ หาดที่ผมว่าสวยที่สุดของสัตหีบแล้วล่ะ) ระหว่างทางผ่านหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ด้านในมีศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล จริงๆ ที่นี่เราเข้าจากฝั่งถนนสุขุมวิทได้ด้วย แต่เข้าทางไหนต้องออกทางนั้นเพราะมีการแลกบัตรประชาชนที่ป้อมด้านหน้า วางแผนเที่ยวกันให้ดี

ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลตั้งอยู่ริมชายหาด บรรยากาศดี มาพักผ่อนหย่อนใจได้สบาย

เนื่องจากเต่าทะเลจะผสมพันธุ์กันตามธรรมชาติเท่านั้น ภารกิจของศูนย์ฯ จริงไม่ใช่การเพาะพันธุ์ แต่เป็นการเลี้ยงดู โดยทำการเฝ้าไข่เต่าตามเกาะต่างๆ พอลูกเต่าฟักเป็นตัวก็นำมาดูแลที่ศูนย์ฯ เพื่อป้องกันไม่ให้เสียชีวิตจากศัตรูธรรมชาติ กระทั่งโตพอสมควรจึงค่อยปล่อยคืนทะเล

เวลาใกล้เย็นต้องรีบจรลีกลับพัทยา แต่ระหว่างทางยังไม่วายแวะหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ที่ตั้งหาดเตยงาม ผมไม่ได้มาเที่ยวหาดครับแต่ขึ้นเขาไปศาลกรมหลวงชุมพรฯ ชมวิวทะเลสวยๆ บริเวณที่จุดประทัดมีการจัดทำมุมถ่ายรูปไว้ให้ ตรงนั้นไปเก็บภาพกันได้

ขากลับดิ่งยาวทีเดียวถึงโรงแรมคืนรถรับเงินมัดจำกลับมาแบบไม่มีปัญหา พักเหนื่อยตากแอร์ในโรงแรมสักครู่ค่อยเดินทางกลับ

เป็นทริปสองวันหนึ่งคืนซึ่งผมเที่ยวสะใจตัวเองเหลือเกิน นอนสบายๆ ที่พักราคาประหยัดในพัทยากับโรงแรม เรด แพลนเนต พัทยา (Red Planet Pattaya) ไปเดินป่าปลูกอันซีนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก และยิงยาวไปชมวิวสวยๆ ทะเลสัตหีบ

บอกเลยว่าฟินกว่านี้หาไม่ได้แล้วล่ะ...


ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
http://www.facebook.com/alifeatraveller


นายสองสามก้าว / A Life, A Traveller

 วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 14.44 น.

ความคิดเห็น