จริงๆทริปนี้ผมไปทั้งหมด 5 วัน 4 คืน แต่แบ่งเป็น 2 ช่วงเพราะรูปและรายละเอียดเยอะครับ

เราเริ่มต้นเดินทาง จากชลบุรี ผ่านแกลงเข้าเมืองจันท์ เนื่องจากมีความตั้งใจจะไปน้ำตกกระทิง เลยออกเช้านิดนึง

ทางไปสะดวกมากแต่พอถึงทางเลี้ยวเข้าน้ำตกป้ายค่อนข้างเล็ก ต้องสังเกตุนิดนึง เข้ามาก็จะเจอด่านอุทยาน เก็บค่าเข้า คนละ 40 ค่ารถ 30 มาถึงก็ประมาณ10 โมงเช้า เข้าไปยังไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ การเดินไปตัวน้ำตกก็เรียกว่าสบายมาก ถ้าเดินตามถนนไปไม่กี่ร้อยเมตร ก็จะถึงน้ำตกชั้นที่ 3 ซึ่งมีสะพานแขวนอยู่เวลาเดินก็โยกนิดหน่อย

ที่ชั้น 3 นี่ผมคิดว่าน่าจะเป็นชั้นที่เหมาะแก่การเล่นน้ำมากสุดแล้ว ลองดูมุมอื่นๆกันบ้าง


จากนั้นผมก็ไปที่ชั้น4 ระยะทางก็เริ่มจะหอบก็ถึงพอดี ชั้น4 นี่จะมีแอ่งเล็กๆ ไว้แช่เล่นได้ครับ

ถ่ายรูปพอหายเหนื่อย เราก็ไปต่อที่ชั้น 5 เดินแป๊ปเดียวก็ถึงครับเรียกว่า มองจากชั้น5 ก็เห็นชั้น4

ชั้นนี้น้ำแรง และมีเจ้าหน้าที่เฝ้าด้วย

จากชั้น5 ไปชั้น6 ก็ไม่ไกลอีกเช่นกัน ส่วนตัวผมชอบชั้นนี้นะครับ เพราะ มีก้อนหินที่ สามารถ นอนเล่นและนั่งดูน้ำตก ซึ่งมองไปถึงชั้น 8เลย เรียกว่านอนเพลินๆอาจหลับได้

มาถึงชั้น7 ผมก็ยังสงสัยว่า ต้องแยกเป็นชั้นด้วยหรอเพราะมันเล็กๆ ทางลงก็มีบันได

และแล้ว เราก็มาถึงชั้น ไฮไลท์ คือชั้น8 ก็ยังคงมีร่องรอยของน้ำป่า แต่ก็ไม่สามารถบดบังความสวยงามได้

ที่ชั้นนี้ก็มีเจ้าหน้าที่ประจำเหมือนกัน และมีป้ายบอกห้ามขึ้นก่อนได้รับอนุญาต เราเลยไม่ไปต่อที่ชั้น9

ลงจากชั้น8เราไปเก็บตกชั้น 1 กับ 2 กันนะครับ

ที่เห็นนี่คือชั้น1


และชั้น2

สรุปน้ำตกกระทิง ก็เป็นที่ สงบ ธรรมชาติสวยงาม น้ำตกสวย แต่ไม่เหมาะจะมาเล่นน้ำตก อย่างเดียว

เราออกจากน้ำตกก็เกือบบ่ายโมงแวะกินอาหารข้างทาง ข้าวผัดพริกเกลือ สอบถามเพื่อนที่จันท์ ทราบว่ามันคืออาหารที่คนจันท์ กินโดยเอาพริกเกลือที่จิ้มซีฟูด มาผัดกับข้าว พร้องเครื่องเคียงเป็นไข่และพวกหมึกกุ้ง ราคาก็ตามเครื่องเคียงครับ

จากนั้นก็มาเช็คอินที่ ท่ามาจัน โดยเราจองผ่าน Agoda ในราคา 1,316 บาท ตัวโรงแรมเป็นอาคารเก่า ที่มาทำเป็นโรงแรม โดยมีการตกแต่งค่อนข้างเยอะ โดยตัวโรงแรมจะมี2 ฝั่ง ติดแม่น้ำกับ ไม่ติดแม่น้ำ(มีถนนคั่น)

ฝั่งติดแม่น้ำเป็นตกแต่งแนวTropical ซึ่งเราได้ห้องฝั่งนี้ อีกฝั่งจะตกแต่งแนวHip


เรามาดูห้องกันครับ ด้วยความที่เอาอาคารเก่ามาทำห้องเลยอาจจะเล็กไป แต่ถ้าเอาไว้นอนผมก็คิดว่าโอเคนะครับ

ห้องน้ำครับ

ออกจากห้องเรามาดู บริเวณรอบๆกัน

ที่ชั้น2 มีระเบียงเอาไว้นั่งเล่น หรือถ่ายรูปแนวๆไว้ได้ครับ

ผมได้ห้องเบอร์ 10

ผนังทางเดินภายในโรงแรมก็ตกแต่งได้สวยดีครับ

ด้านล่างที่เป็นร้านอาหาร ก็ตกแต่งได้สวยดี ถ่ายรูปเล่นได้ครับ ออกแนวเก่าๆหน่อย

ดูโรงแรมแล้วเราไปเดินเล่นชมชุมชนริมน้ำกันหน่อย

สภาพโดยรวมร้านค้าไม่เยอะเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็เป็นร้านใหม่ที่ตกแต่งแนวเก่าๆหน่อยครับ

แต่ผมเลยไปชมโบสถ์ แต่ฟ้าไม่สวยเท่าไหร่นักเลยกะว่ามาถ่ายตอนเช้าแทน

อาหารเย็นเราก็หาแถวๆนั้นแหล่ะ สุดท้ายมาจบที่ร้าน Steak in time ราคาที่จานละ 99 มีสปาเกตตี้ให้ด้วย และเนื้อชิ้นใหญ่

แต่เนื่องจากหิวเลยกินทันที ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ต้องขออภัยด้วย

ช่วงเช้า ผมตื่นมาถ่ายรูปโบสถ์ ฟ้าก็ยังคงหม่นหมองเพราะเมฆเช่นเคย แต่โชคดีที่วันนั้นมีงานมิซซา ทางโบสถ์เปิดประตูเลยเข้าไปตรงประตูแล้วถ่ายมานิดนึง

กลับมาถึงโรงแรมก็ กินอาหารเช้า มีปาท่องโก๋ พร้อมน้ำจิ้ม สไตล์จันทบุรีด้วย

จากนั้นเราก็เดินทางไปตราดกันต่อ

ผมก็ของจบรีวิว จันทบุรีไว้แค่นี้ ถ้าถูกใจก็รอชมภาคต่อนะครับ จะพาไปชมเหยี่ยว หาดทรายดำ สะพายเซเลปที่เกาะหมาก

ขอบคุณที่เข้ามาชมนะครับ

ปิดท้ายด้วยรูปเก็บตกอีกนิด

Sinard Narktubtee

 วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 15.40 น.

ความคิดเห็น