ไปกาญฯ...กันเถอะ ไปง่าย ใครๆก็ไปกัน ^^

ทริป 3 วัน 2 คืน กับงบ 1,500 บาท

ชีวิตมหาลัยปีสุดท้ายแล้ว ช่วงชีวิตที่อิสระที่สุด อยากไปไหนก็ไป...ทำอะไรก็ทำ ชีวิตทำงานต่อจากนี้แม้จะมีตังค์ แต่คงไม่มีเวลา และความรู้สึกที่จะออกไปท่องเที่ยวก็คงเปลี่ยนแตกต่างไป ดังนั้นแล้วเมื่ออยากเที่ยว...ก็เที่ยวเลย

ปล.รีวิวนี้เป็นการเขียนครั้งแรก แรงบันดาลใจคืออยากเก็บบันทึกไว้เป็นความทรงจำ

[ DAY 1 ] 27.11.59

เริ่มต้นที่ "สถานีรถไฟธนบุรี" หรือสถานีรถไฟบางกอกน้อยให้บริการรถไฟฟรีทุกวัน เราเลือกนั่งรอบเช้า ออกเวลา 7.50 น. มาถึงสถานีก็ยื่นบัตรประชาชนเพื่อแลกตั๋วฟรี แล้วก็รอขึ้นรถไฟเลย

การเดินทางครั้งนี้เราเน้นความชิล ไม่รีบร้อน ไปเรื่อยๆ การนั่งรถไฟดีอย่างได้เห็นวิวทิวทัศน์ข้างทางธรรมชาติสุดๆ นั่งกินลม ชมวิว ปล่อยใจสบายๆ โดยสถานที่แรกที่เราจะไปกัน คือ "สถานีรถไฟถ้ำกระแซ" นั่งผ่านมาประมาณ 4 ชม. เหมือนนานแต่รู้สึกเหมือนไม่นาน เพราะระหว่างทางมีอะไรให้ดูตลอดเพลินๆ

>> และแล้วก็มาถึงสถานีรถไฟถ้ำกระแซ หรือเส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death Railway) สถานที่ความทรงจำสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เราลงกันที่สถานีนี้ ถ้ำกระแซเป็นอีกสถานที่ที่คนนิยมมา มีวิวที่สวยงามและประวัติที่น่าศึกษา นอกจากนี้บริเวณรอบทางรถไฟก็มีรีสอร์ท แพริมน้ำ และกิจกรรมแอดเวนเจอร์ต่างๆที่น่าสนใจมากมายเลยทีเดียว

"สถานีรถไฟถ้ำกระแซ"

สะพานไม้นี้มีความน่าหวาดเสียวไม่น้อย เดินต้องดูทางดีๆ เราเดินถ่ายรูปเก็บบรรยากาศรอบๆ สักพักเสร็จก็รอรถไฟขากลับที่จะมาถึงประมาณ 13.26 น. เพื่อกลับเข้าตัวเมืองไปที่พัก

>>รถไฟกลับมาแล้วววว...

วิวข้างทางรถไฟนี่คือ ดีงามจริงๆ ^^

พอถึงตัวเมืองกาญฯ เราก็ลงกันที่สถานีสะพานข้ามแม่น้ำแคว จากนั้นก็ให้วินมอไซต์ (ที่กาญฯเรียก รถเครื่อง) ไปส่งที่ถนนสิงคโปร์ ซึ่งสถานที่นอนของเราในคืนนี้ "บูรี โฮมสเตย์"

>> เรามาพักที่ บูรี โฮมสเตย์ ครั้งที่สองแล้ว ด้วยความประทับใจในบริการของคุณป้าและความสบายใจเหมือนอยู่บ้านตัวเอง ที่สำคัญที่นีมีของกินฟรีไว้บริการด้วยนะ ดูภายนอกอาจไม่รู้แต่เรามาตามรีวิว ตอนนี้คุณป้ากำลังขึ้นตึกใหม่ คงได้ใช้กันประมาณกลางปีหน้า ถ้าหนูมากาญฯก็จะมาใช้บริการนะคะ

"บูรี โฮมสเตย์"

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบริการจักรยานด้วยนะ เช่าคันละ 50 บาท/วัน ดีสุดๆ จะไปเที่ยวที่ไหนคุณป้าก็แนะนำ ถามรถเหมาให้ได้ หลังจากพูดคุยและจ่ายประกันค่ากุญแจแล้วก็เอาของขึ้นไปเก็บพักผ่อนกัน ตอนเย็นเราจะแว๊นจักรยานไป "สุสานทหารสัมพันธมิตร" เป็นสถานที่ต่อไป

>>แดดร่ม ลมตก อากาศกำลังดี ชีวิตที่ไม่ต้องรีบนี่มันดีจริงๆ เราปั่นจักรยานจากที่พักเพื่อมาที่สุสานทหารสัมพันธมิตร เป็นสุสานให้กับทหารที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เราเดินดูไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าหลายคนอายุก็ไม่ห่างจากเราเลย ทำให้รู้สึกว่าโชคดีแค่ไหนที่ไม่ได้เกิดในยุคสงคราม ที่นี่สงบ ร่มรื่น ซึ่งเราก็ใช้เวลาอยู่ที่นั่น จนพระอาทิตย์เริ่มตก จึงปั่นจักรยานไปหาของกินก่อนกลับที่พัก

"สุสานทหารสัมพันธมิตร"

CHECK IN แล้วค่ะ >///<

ระหว่างทางกลับที่พักก็มีร้านอาหารมากมาย แต่เนื่องจากเพื่อนที่มาด้วยกันอยากกินบุฟเฟ่หมูกระทะ มื้อเย็นของเราเลยจบที่บุฟเฟ่ ราคาคนละ 159 บาทไม่รวมน้ำ ไหนว่าจะมาแบบยาจก นี่มันอยู่กินแบบราชาชัดๆ 5555 กินๆไปเถอะความสุขของเพื่อน หลังจากกินเสร็จเราก็ปั่นกลับที่พัก อาบน้ำนอน เตรียมเที่ยวต่อวันพรุ่งนี้ Good dream ^^

[ DAY 2 ] 28.11.59

Morning เช้าวันใหม่ สำหรับวันนี้สถานที่ต่อไปที่เราจะไป คือ "สะพานข้ามแม่น้ำแคว" ตื่นมาก็ทำภารกิจ แล้วก็ลงมาทานอาหารเช้า เช้านี้คุณป้าทำแซนวิสแฮมชีสให้เราทาน เป็นเมนูที่ให้เราเลือกว่าจะกินอะไร มีทั้งแซลมอน ทูน่า ซึ่งบอกว่าอร่อยมาก นอกจากนี้ยังมีเค้ก ผลไม้ ของว่าง ขนมต่างๆ มากมายให้ทานตามชอบอีกด้วย ที่พักก็ดี บริการก็ดี แถมของกินยังดีอีก แบบนี้ไม่ประทับใจและติดใจได้ไง ทานเสร็จแล้วเราก็ปั่นจักรยานไปสะพานข้ามแม่น้ำแควกันเลย

"มื้อเช้าของเรา^^"

มาวันธรรมดาแบบนี้ก็ดีนะ คนไม่ค่อยเยอะ (หรอ! 555) แถมวันนี้อากาศดีด้วยแดดไม่แรงเลย ที่กาญฯกำลังจะจัดงานกาชาด บริเวณรอบสะพานจึงมีการเตรียมงานกันอยู่วิวสะพานก็เลยไม่สวยเท่าไหร่ แต่แค่นี้ก็พอละ ไม่ซีเรียส

"สะพานข้ามแม่น้ำแคว"

...ฟ้าสวย วิวสวย เราไม่พลาดที่จะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในรูปเผื่อได้รูปโปรไฟล์ใหม่ 555 >//<

บอกเลยว่าแค่ที่เดียวก็ได้รูปเป็นร้อยละ แต่ล่ะคน^^.....เราอยู่ตรงสะพานจนกระทั่งขบวนรถไฟที่มาจากธนบุรีมาถึง เมื่อวานลองสัมผัสการนั่งรถไฟข้ามสะพาน วันนี้ยืนดูรถไฟข้ามก็แตกต่างไปอีกแบบนะ

จากนั้นเราก็กลับที่พัก เตรียมเช็คเอ้าท์ และเดินทางไป "บ้านกกกอดกัน" ^^

>>หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้วก็พร้อมเดินทางไปบ้านกกกอดแล้ว เย้ >///< ไปคืนกุญแจห้องและร่ำลาคุณป้า ป้าก็ถามว่าไปไหนต่อ พอรู้ว่าเราจะไปบ้านกกกอดต่อ ก็แนะนำให้เราโทรถามรถประจำทาง "รถสายกาญฯ-น้ำตกเอราวัณ" ว่ารอบต่อไปออกกี่โมง จะได้เดินไปรอหน้าปากซอยตรงทางผ่านไม่ต้องเหมารถไปที่ บขส. ขอบคุณมากเลยค่า พอโทรแล้วก็มายืนรอสักพักรถก็มา โดยรถออกจาก บขส 11.50 น. รอ 10 นาทีก็มาถึง รถคันสีฟ้า อ่านในรีวิวเขาเรียกกันว่า รถหวานเย็น ^^ ขึ้นรถก็บอกพี่คนขับว่าลง"แยกโป่งปัด"ค่ะ พี่คนขับก็ถามว่าไปบ้านกกกอดหรอ เราก็บอกใช่และบอกถ้าถึงแล้วบอกด้วยนะคะ

"รถโดยสาร กาญฯ-เอราวัณ"

นั่งรถผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงแยกโป่งปัดพี่คนขับก็จอดให้ เราก็กล่าวขอบคุณ จากนั้นก็โทรหาเบอร์บ้านกกกอดให้มารับ ไม่กี่นาทีรถที่บ้านกกกอดก็มารับ ขึ้นรถแล้วไปกันเลย Let go

>>พอนั่งรถผ่านทางเข้ามาใจก็ตื่นเต้น วิวข้างทางคือดีงาม ภูเขา แม่น้ำ และเราก็มาถึงแล้ว "บ้านกกกอด" ก่อนจะเข้าบ้านพักก็นั่งรอเช็คอินตอน 13.30 น โดยบ้านที่เราจองไว้ คือ "บ้านวิวเขื่อน" นั่นเอง

"บ้านกกกอด <3"

พอรับกุญแจมาปุ๊ปก็เดินไปบ้านพักเรากัน ซึ่งทางเดินที่ใช้เดินไปห้องเราจะเป็นทางไม้ไผ่ เราเอาของไปเก็บและก็ออกมาเก็บภาพบรรยากาศกัน

"โซนวิวเขื่อน...หลังที่ 4 บ้านกอดฟ้า"

ดีงามอะไรเช่นนี้ >///<

พอมองออกไปรอบๆ ภาพที่อยู่ตรงหน้า คือ วิวเขื่อนน้ำ มีฉากหลังเป็นภูเขา โอบล้อมด้วยป่ากก บวกกับท้องฟ้าที่แจ่มใส ทำให้บรรยากาศที่นี่ดีสุด บอกได้คำเดียวว่าฟินนนมากก >/// <

นอกจากที่บ้านกกกอดจะมีบรรยากาศที่ดีมากแล้ว ยังมีมุมถ่ายรูปต่างๆ มากมาย มีมุมอ่านหนังสือ นอนเปล ศาลาริมน้ำ และกิจกรรมพายเรือไว้บริการอีกด้วย เลือกทำได้ตามใจชอบเลย

ที่นี่เหมาะสมทุกอย่างสำหรับคนที่รักความสงบ รักธรรมชาติ และต้องการใช้ชีวิตแบบ slow life ปล่อยเวลาไปเรื่อย ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องเครียดไม่ต้องคิดมาก บางครั้งชีวิตเราก็ไม่ต้องการอะไรมากกว่าความสุขและได้หยุดนิ่ง แต่มันก็อยู่ที่คนจะเลือกมอง เลือกหาสิ่งนั้นให้กับตัวเอ

ศาลาริมน้ำ จุดพายเรือและนั่งชมวิว...

มุมถ่ายรูปเยอะมาก...มุมนั้นก็ดี มุมนี้ก็สวย ^^

พอดีได้ลองใช้เลนส์มือหมุน หมุนหาโฟกัสจนเพลียกว่าจะได้หน้าชัดหลังเบลอ แต่เบลอแม้กระทั่งหน้าตัวเอง 555 >//< ส่วนคุณเพื่อนก็สนุกกับการเซลฟี่ใหญ่เลย

อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ เรากะว่าจะไปพายเรือคะยัคกัน แต่พบว่าไม้พายหมดแล้ว มาช้าก็งี้แหล่ะ 555 ไม่เป็นไรเราก็ไปถ่ายรูปต่อละกัน

พอตกเย็นเสียงจิ้งหรีดเรไรก็ร้องหรรษา ท้องฟ้าเริ่มมืด ดวงดาวเริ่มสว่างขึ้น ทำไมชีวิตดีแบบนี้ ชีวิตที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีความสุขชะมัด ที่บ้านกกกอดมีบริการขันโตกเป็นมื้อเย็นให้ ชุดละ 400 บาท แต่ถ้าไม่เอาก็สามารถสั่งอาหารข้างนอกได้ ก็สั่งกับพี่เจ้าของ ซึ่งเราเลือกอย่างหลังเพราะประหยัดกว่า แต่ก็ยังแอบแพงเพราะกินปลาทอดน้ำปลาซะงั้น มื้อนี้โดนไปอีก 200 บาท 555 กินอิ่มหนังตาหย่อน ก็พร้อมหลับแล้ว แต่เดี๋ยวไปอาบน้ำสิ บ้านที่เราพักไม่มีห้องน้ำในตัวซึ่งต้องไปอาบที่ห้องน้ำรวม แต่บอกเลยว่าสะอาด ไม่เป็นปัญหาใดๆ เสร็จแล้วก็เข้านอนกัน อยู่ต่างจังหวัดนี่ดีนอนเร็วเป็นเวลาด้วย

[ DAY 3 ] 29.11.59

เช้าแล้ว 🌅 หยิบกล้องได้ก็ไปถ่ายรูปกันเลย ภาพแสงแรกของวันใหม่ ถ้าตื่นเช้ามาแบบนี้ทุกวันคงดีนะ อยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้.....

แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้า ทำให้รู้สึกมีพลังในการเริ่มต้นวันใหม่ ได้หยุดเวลาคิดปล่อยชีวิตไปตามธรรมชาติ และพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า ทริปครั้งนี้คุ้มกับการได้มาจริงๆ ^^

สำหรับมื้อเช้าของที่นี่มีให้เลือกระหว่างข้าวต้มกับ breakfast แล้วแต่จะเลือก ทานเสร็จก็พักผ่อนถ่ายรูปกัน ก่อนจะเก็บของเตรียมตัวกลับ.....

น้องหมานอนอาบแดดตอนเช้า วิตามินดีกำลังดีเลย ^^

...แสงแดดกระทบน้ำเป็นประกายเชียว...ถึงเวลากลับแล้วสิ เช็คเอาท์ 11.00 น แต่มีรถไปส่งรอบ 10.00 ต้องมาเตรียมรอก่อนนะ ถ้าจะไปรถหวานเย็น พี่เขาจะไปส่งทางแยก กลับแล้วค่า bye bye บ้านกกกอด จะกลับมาอีกครั้งนะ

จริงๆ จะไปเที่ยวต่อก็ได้นะ ไปน้ำตกเอราวัณ หรือแคมป์ช้างทวีชัย แต่ไม่เอาละอิ่มใจแล้ว เราเลยกลับตัวเมืองเพื่อขึ้นรถไฟ รอบ 14.45 น ประมาณ ซึ่งขึ้นรถมาก็บอกจอดสถานีรถไฟให้แล้วก็เดินเข้าไป เรามาถึงก่อนเกือบ 4 ชม ไม่รู้จะทำอะไร แต่จะให้ไปไหนก็ไม่ละ นั่งไปนั่งมา 4 ชม แป๊ปเดียวเอง รถไฟมาแล้ว กลับกรุงเทพฯ แล้วค่าา Byes Kanฯ แล้วจะกลับมาใหม่

จบทริป 3 วัน 2 คืน #แด่วิจัยและไฟนอล

"ความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นได้เมื่อออกเดินทาง ทุกการเดินทางมักเป็นความทรงจำที่มีคุณค่าเสมอ..."

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ

บ้านกกกอด (โซนบ้านวิวเขื่อน) 1300 บาท
https://www.facebook.com/baankokkodpage/?fref=ts
บูรีโฮมสเตย์ (Bure homestay) 800 บาท
https://www.facebook.com/bure.homestay/?fref=ts
รถหวานเย็นไป-กลับ 160 บาท
วินมอไซต์ (รถเครื่อง) 50 บาท
จักรยาน 100 บาท
บุฟเฟ่หมูกระทะ 388 บาท
มื้อเย็นที่กกกอด 200 บาท
รถไฟฟรี
= 2998/2 >>คนละ 1499 บาท

ความคิดเห็น