หน้าหนาวไปเที่ยวไหน หน้าหนาวไปเที่ยวเหนือ หนึ่งในคำตอบของใครหลายๆ คนค่ะ

อยากสัมผัสอากาศเย็นๆ สบายๆ อยากสัมผัสกับวัฒนธรรมชาวเหนือ ชุดล้านนาน่ารักๆ ที่ใครได้มาต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันคือชอบ ไปเที่ยวกับเราที่น่านกันน้าาา ทริปนี้เน้นแค่ในตัวเมืองค่ะ ไม่ได้้ไปดูทะเลหมอก กอดเขาแต่อย่างใด อิอิ

ทริปนี้ฟินๆ ชิลๆ 2 วัน 1 คืนง่ายๆ เน้นทริปเข้าวัดทำบุญ และนั่งสามล้อผ่อเมืองน่าน

ดูวิถีชีวิตของชาวเมืองน่านที่เรียบง่าย พักผ่อน นอนสบาย พร้อมที่ถ่ายรูปสุดเก๋ๆ ที่กินแบบว่าต้องตามรอย เราพร้อมจัดให้!!

คำขวัญของจังหวัดน่านเค้ามีบอกว่า

"แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง"

หนึ่งในไฮไลท์ของคำขวัญ ทริปนี้เราเน้นพาไปไหว้พระทำบุญกันที่พระธาตุแช่แห้ง พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวน่าน

และเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีเถาะ (กระต่าย) เราไม่ใช่กระต่ายนะ เราก็ไปค่ะ ไหว้พระกัน เที่ยวด้วยกันน่านนะสิ



การเดินทางไปน่านในครั้งนี้เราใช้บริการสายการบินนกแอร์ค่ะ บินมุ่งตรงสู่น่านในชั่วโมงเดียว จากดอนเมือง

สะดวกมาก ยิ่งเจอโปรหลักร้อย 800+ บินวันธรรมดาแล้วล่ะก็บอกเลยว่าคุ้มค่ามากต้องจ้องโปรกันดีดีเค้ามีจัดบ่อยๆ


เที่ยวบินน่านมีบินทุกวันวันละ 3 เที่ยวบิน รอบแรกตอน 9 โมงเช้า ขากลับรอบสุดท้ายมีถึง 1 ทุ่มได้เที่ยวกันแบบจุใจแน่คราวนี้

ลงเครื่องปุ๊ปมองหารถเช่าต่อเลยค่า รอบนี้เราจองต่อกับ AVIS ที่มาเปิดบริการใหม่ที่สนามบินน่านนครเช่นกันๆ

ยิ่งเห็นโปรไปออกบูธในงานท่องเที่ยว ราคาประหยัดมาก ใครไปเดินสอยมาในงานถือว่าคุ้มค่ากับการวางแผนจริงๆ นะเออ

ช่วงที่เราไปเลือกรถขนาดเล็ก วันละ 859 บาทค่ะ ตัดค่าประกันบัตรเครดิต 8000 บาทคืนให้เมื่อส่งคืนรถ

เอกสารที่ใช้มี ใบขับขี่ บัตรประชาชนและบัตรเครดิต จองง่ายทางออนไลน์ค่า

อ้อ ส่งคืนรถได้ช้าถึง 4 ชั่วโมงด้วยนะคะ ดีงาม ^^


พร้อมแล้ววววว เดินทางกันเลยมั้ยตัวเอง ^^


จริงๆ แล้วน่านเป็นเมืองเล็กๆ ค่ะ สามารถขับรถทะลุถึงกัน ไปมาได้แป๊ปเดียว ปั่นจักรยาน หรือเช่ามอไซด์ก็จะสะดวกมาก

แต่เราเป็นประเภทขนเยอะ หมายถึงขนของบ้าบอนี่แหละเยอะกว่าชาวบ้านเค้าเลยเลือกเช่ารถยนต์ล่ะกัน

แต่อีกทีการที่เลือกเช่ารถยนต์มันดีต่อใจอย่างหนึ่งคือ หากพาขับไปขึ้นดอยในทันที เหมาะมากค่ะ ไม่วาจะเป็นดอยภูคา ดอยเสมอดาว หรือเที่ยวต่างอำเภอ ห่างจากตัวเมืองหลายสิบโล รวมถึงเป็นร้อยโล รถยนต์เหมาะสมสุดจ้า ...

เป้าหมายแรกแวะกันก่อนเลย สำหรับสายกิน 555 แบบว่าหิว เตี๋ยวไร้เทียมทาน จ.น่าน

เตี๋ยวกระดูกยำ เจ้าแรก เจ้าเดียว ในเมืองน่าน


จุ๊ๆ ร้านนี้เราก็มาตามลายแทง เอ้ยมาตามคำบอกเล่าแนะนำในรีวิวต่างๆ เช่นกันนะคะแหะๆ

เห็นว่าที่นี่คัดสรร กระดูกสันหลังเกรดเอ มาต้มเป็นน้ำซุป และมากกว่า 1 ตัน ต่อเดือน จึงทำให้น้ำซุปที่ได้หอม ได้รสชาติ น้ำซุปกระดูก ไม่ต้องใส่ผงชูรสเลยค่ะ และรสชาติน้ำซุปก็หอมอร่อยไร้เทียมทานจริง ๆ ปล.เดี๋ยวดูกยำ ซุปดูกยำหมดเร็วด้วยนะคะ

เราไปช่วงบ่ายโมงในวันอาทิตย์ หมดแล้วจ้า ได้ลูกชิ้นมาแทน แป่ว

ธรรมดาชาม 40 พิเศษ ชามละ 50 ของเรานี่สั่งพิเศษจ้า ดูหน้าตากันก่อน


บีบมะนาวลงไปเพิ่มคนๆ แล้วจัดการได้เลยไม่ต้องปรุงเพิ่มอะไรแล้ว ร้านหยุดทุกวันจันทร์ค่ะ

ร้านเตี๋ยวไร้เทียมทานอยู่หน้าโรงเรียนศรีเสริม น่านจ้าา ในร้านมีภาพดาราและเชเลปมากินกันเพียบ


ตามต่อๆ ไม่อิ่มใช่มั้ยบอกมาๆ 555 ตอบว่าอิ่มแล้วแต่อยากชิมต่อไงล่ะ

นี่ต่อได้อีก ร้านของหวานป้านิ่ม ที่ขึ้นชื่ีอในเมืองน่านของกลุ่มนักท่องเที่ยว


เราจอดรถไว้ที่วัดศรีพันต้นแล้วเดินมาค่ะข้างๆ กันร้านของหวานป้านิ่มเป็นบ้านทรงไทยสองชั้น

มีที่นั่งหลายมุมหลายจุด ขายตั้งแต่ขนมไทย ยันไอติม สลิ่มด้วย คนน่านเค้าบอกว่า ร้านนี้คนน่านแท้ๆ ไม่ค่อยจะเข้ากันเพราะราคาแพง

ส่วนมากมีแต่นักท่องเที่ยวไรแบบนี้ เราก็ด้วยไง เอาน่ะไปสักครั้งไปลองกัน

นี่เลยก่อนมาสืบเรื่องเมนูไหนที่ถูกใจก็ไม่พลาดที่จะลิสต์รายการไว้ ไอศครีมรวมมิตร


ตามด้วยบัวลอยใส่ไอติม เราไม่เอาไข่นะเพราะมองแล้วว่าไม่เข้ากันขอแค่นี่้แหละ ถ้วยละ 45 บาทสำหรับเรามองว่าแพงไปอ่ะ

แต่ความอร่อย เราโอเคค่ะ กับการได้มาเยือนในครั้งนี้ ถ้ามาอีกจะมากินอีกมั้ย เราก็ตอบว่ามา 555

อิ่มท้อง อิ่มพุง มุ่งหน้าสู่วัดหลักปักหมุดของทริปนี้ค่ะ

วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง อ.ภูเพียง จังหวัดน่าน

เป็นวัดมีพื่นที่กว้างขวาง รู้มาว่าก่อนเข้าสู่วัดพื้นที่ข้างในนั้น แนะนำให้ไหว้ขอพรกับบันไดพญานาคหน้าวัดก่อนค่ะ

แล้วเข้าไปขอพรกับเจดีย์พระธาตุแช่แห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิต


ภายในบริเวณวัดพระธาตุแช่แห้งมี มหาเจดีย์ชเวดากองจำลองตั้งอยู่ด้วยจ้า ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีมะเมีย

ได้รับอิทธิพลจากศิลปะพม่า สร้างโดยชาวพม่าสร้างพระธาตุแช่แห้ง สร้างวิหาร แล้วมาสร้างชเวดากองจำลองไว้ด้วย

ว่ากันว่า มาถึงเมืองน่านไม่ได้มานมัสการ วัดพระธาตุแช่แห้ง ถือว่ามาไม่ถึงเมืองน่าน

ตอนนี้เราได้มาถึงแล้วน้าาา กดเช็คอินในเฟสบุ๊คกันหน่อย อิอิ


องค์พระธาตุสีทองอร่ามงามตา จะมีการบุรอบองค์ ด้วยทองจังโก ช่างฝีมือและของ ศิลปะ ของจังหวัดน่านโดยแท้จริง ชาวเมืองล้านนามีความเชื่อกัน ว่าการ ได้เดินทางไปสักการบูชากราบไหว้นมัสการองค์พระธาตุแช่แห้ง หรือชาวล้านนาจะเรียกกันว่า การชูธาตุแล้วนั้นจะทำได้รับ อานิสงค์อย่างแรงกล้า ทำให้ชีวิตอยู่ดี มีสุข ปราศจากโรคภัยต่างๆ มาเบียดเบียน หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า

และหากใครที่จะเดินทางได้นมัสการองค์พระธาตุแซ่แห้ง สามารถเดินทางไปได้ทุกวัน ซึ่งจะเปิดให้เข้านมัสการตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.


เปลี่ยนชุดกันหน่อยค่าาา ใกล้ๆกับที่จอดรถของวัดพระธาตุแช่แห้งมีร้านค้าต่างๆ มากมาย เช่นร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ เรานี่มองไปที่ร้านขายขุดพื้นเมืองล้านนาของชาวเมืองน่าน คือชาวเมืองน่านิยมจะใส่ผ้าไทยกัน

ราคาไม่แพงค่ะ เสื้อตัวละ 200 บาท ผ้าซิ่นแบบป้าย ผืนละ 180-250 บาทแล้วแต่แบบนะคะ

ดูเป็นชาวเมืองน่านกับเค้าหน่อยมั้ย ^^




คำไหว้บูชาองค์พระธาตุแช่แห้งจะมีรอบๆ องค์พระธาตุค่ะ จะมีพื้นที่ส่วนที่สามารถจุดธูปเทียนได้ในพื้นที่กลางแจ้งเท่านั้น

องค์พระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุที่มีขนาดสูงถึง 55.5 เมตร ตั้งอยู่บนฐาน สี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 22.5 เมตร มีสีเหลืองอร่าม

เนื่องจากบุด้วยแผ่นทองเหลือง ลักษณะของเจดีย์ทรง ระฆัง ส่วนฐานทำเป็นฐานหน้ากระดานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ฐานหน้ากระดานกลมเป็นกระดานสี่เหลี่ยมและแปดเหลี่ยม และชั้นบัวคว่ำเหนือฐานแปดเหลี่ยม ตกแต่งคล้ายกลีบบัว หรือลายใบไม้ได้้รับอิทธิพลจากศิลปะพม่า

ซึ่งนำมาต่อเติมขึ้นภายหลัง เมื่อล่วงเข้า พุทธศตวรรษที่ 24


ประชาชาชนและนักท่องเที่ยวยังคงหลั่งไหลเข้ามากราบไหว้พระธาตุแช่แห้ง

พร้อมทำบุญบูชาเทียนตามวันเกิดของตัวเองค่ะ

ด้านทิศใต้ขององค์พระธาตุจะเป็นวิหารหลวง


ภายในวิหารหลวงมีพระเจ้าล้านทองเป็นพระประธาน พุทธลักษณะปาง มารศรีวิชัยศิลปะล้านนา ประทับนั่งบนฐาน

เป็นพระพุทธรูปองค์ที่สวยงามในจังหวัดน่านองค์หนึ่งค่ะ

พระพุทธรูปประทับยืน ประดิษฐานใน วิหารหลวงจำนวน 2 องค์ปัจจุบัน องค์จริงมอบให้พิพิธภัณฑ์ จ.น่านอีกองค์ ถูกโจรกรรมและยังไม่ได้กลับคืนนะคะ องค์ที่เห็นจำลองจาก องค์จริงทำพิธีหล่อเททองเมื่อ ปี 2550 ที่ผ่านมา

เห็นว่าปี 2560 ปีเถาะ ชงหนัก โดนเต็ม 100% ส่วนปีอื่นๆ ที่โดนหางเลขไปด้วยก็มีไม่น้อยนะคะ

ทางวัดพระธาตุแช่แห้ง จึงได้จัดทำเหรียญกษาปณ์ขึ้นมารุ่นหนึ่ง เพื่อให้ประชาชน พุทธศาสนิกชน ได้มีไว้บูชา

เป็นเหรียญแก้ปีชง พระธาตุแช่แห้ง และเทพไท้ส่วยเอี๊ย

โดยเปิดให้สั่งจองประมาณ กลางเดือนธันวาคม / และเหรียญผลิตเพื่อให้บูชา กลางเดือนมกราคมค่ะ

หน้าตาของเหรียญแก้ปีชงจะเป็นแบบนี้ค่ะ



ส่วนเราก็เช่าและบูชามาหลายเหรียญเหมือนกัน มีเจ้าหน้าที่ของวัด

ตั้งตู้กระจกให้เช่ากันหลายๆ จุดภายในบริเวณพระธาตุ และภายนอก ตรงประชาสัมพันธ์ของวัดพระธาตุแช่แห้ง



เพื่อความร่มเย็นเป็นสุข เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิต มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

สักครั้งหนึ่งควรมากราบสักการะพระธาตุแช่แห้งกันนะคะ สำหรับใครเกิดปีเถาะ ปีกระต่าย วางแผนไว้กันเลยจ้า

เริ่มต้นสิ่งดีดี เริ่มในปีใหม่นี้

ออกจากวัดมาแล้วทริปนี้เรามุ่งหน้าเข้าในเมืองกันต่อค่ะ ที่พักของเราอยู่ในเมืองด้วย ที่นี่

"โรงแรมพูคาน่านฟ้า"

โรงแรมพูคาน่านฟ้าเป็นโรงแรมเก่าแก่มากกว่า 80 ปี มีเพียง 14 ห้องเท่านั้น ถือว่าเป็นโรงแรมบูติคสุดหรูในเมืองน่าน

เป็นโรงแรมไม้ 3 ชั้น ตั้งอยู่บน ถ.สุมนเทวราช ใจกลางเมืองน่าน ด้านหนึ่งติดกับโรงแรมเทวราช โรงแรมเก่าที่ใหญ่ที่สุดของเมือง อีกด้านติดกับธนาคารกสิกรไทยค่ะ


เจ้าของโรงแรมพูคาน่านฟ้า คือคุณบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย ได้มาซื้อโรงแรมเก่าไว้

เดิมชื่อ โรงแรมน่านฟ้า และได้ทำการปรับปรุงโรงแรมใหม่ทั้งหมด โดยพยายามรักษาโครงสร้างและรูปแบบสถาปัตย์เดิมไว้

และปรับปรุงระบบน้ำไฟ และห้องพักให้ทันสมัย รวมทั้งราคาที่เพิ่มขึ้นมากจากหลักร้อย เป็นเริ่มต้นห้องละ 2600 บาท

รวมอาหารเช้า สำหรับอาหารเช้าที่เราชอบมากของที่นี่คือ เกี้ยวกุ้งน้ำค่ะอร่อยมากกกก


ภายในโรงแรมพูคาน่านฟ้า มีห้องสมุดภายในด้วยนะคะ ขอแปลงร่างเป็นเจ้านางต่อ 555 ชุดพื้นเมืองสวยน่ารักจริงๆค่า

และทางเดินอีกด้านเป็น "ผนังประวัติศาสตร์" ประดับด้วยป้ายโรงแรมเดิมและภาพเก่าของโรงแรมน่านฟ้าและเจ้าของเดิมค่ะ

เท่าที่เราดูและได้มาสัมผัสคือโรงแรมพูคาน่านฟ้า ได้บูรณะใหม่ ทำได้ดีมาก เรียกว่า สวยและมีเสน่ห์ของเมืองน่านอย่างที่สุดค่ะ เห็นมีป้ายโฆษณาในสนามบินน่านนครด้วย


ห้องพักของเราคืนนี้จ้าาาา ชอบการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์แบบล้านนา อุปกรณ์ภายในห้องครบๆ

เทียบเท่ากับโรงแรม 5 ดาว โทนสีอบอุ่นดี นอนที่นี่ 1 คืน หลับสบาย

ณ เวลานี้เย็นๆ ออกมาเดินเล่นหน้าโรงแรม จะมีสามล้อจอดอยู่หน้าโรงแรมเทวราชด้วย

ไปกันเหอะ ไปดูเมืองน่านกัน ขอใช้บริการลุงเค้าหน่อยนะคะ


หลังจากที่ได้พูดคุยกับลุงปั่นสามล้อมาจะเล่าเรื่องเมืองน่านให้ฟัง อายุลุง 78 ปีแล้วจ้า

ยังแข็งแรงอยู่มาก


ไงล่ะ นั่งสามล้อ ผ่อเมืองน่านกับเค้าก็เป็นนะเออ ตอนเย็นเมืองน่านสงบมาก

รถไม่เยอะ แม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม รถไม่ติด ไม่เห็นเด็กแว๊นซ์กวนเมือง มีแต่รอยยิ้มของคนเมืองน่าน

และสำเนียงการพูดที่เพราะมาก ว่ากันว่า สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนาจัดให้เมืองน่านเป็นเมืองน่าอยู่อันดับที่ 3 จาก 124 แห่งทั่วประเทศ อันหมายถึง เทศบาลที่น่าอยู่สำหรับผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยวค่ะ


ยามค่ำคืน ณ เวลานี้มองหาของกินเลยจ้าาา 555 เมืองน่านเป็นเมืองที่เงียบมาก

บอกเลยว่า ร้านค้าปิดเร็วมาก สองทุ่มนี่แทบไม่มีไรแล้วนะคะ

เราออกไปสำรวจตลาดโต้รุ่งหาอะไรกินกัน สักทุ่มกว่าๆ เริ่มเก็บร้านค้ากันแล้วด้วย ดีหน่อยที่ตลาดอยู่ใกล้ทีโรงแรมพูคาน่านฟ้ามาก เดินแค่ 200 เมตรก็ถึงแล้วค่ะ แน่นอนว่า ต้องเมียงมองหาของกินลำๆ เมืองๆ กันแน่นอน




ตลาดกลางคืนในเมืองน่าน ทั้งของกิน อาหาร ผลไม้ ขนมมีเพียบค่า มาที่นี่ข้าวกันจิ้นก็มีด้วยนะ ห่อละ 20 บาท

แอ๊ปปลาดุก แอ๊ปอ่ององ (สมองหมู) เราชอบมากค่ะ ขนมถ้วยกระทงนี้ก็ 20 บาท ขนมรังผึ้งด้วยคู่ละ 20 ไส้หนานุ่มมาก

สรุปคือที่ถ่ายรูปมาข้างบนนี่ เราซื้อมาหมดเลยนะ 555 รวมทั้งผัดไทกนกวรรณ หน้าเซเว่นด้วยจานนึง 30 บาท

ปิดท้ายด้วยสาคูไส้หมู หิ้วๆ กลับไปจัดการต่อที่โรงแรมค่ะ


สรุปคือที่ซื้อมานั่น บ้ามากกินไม่หมดจ้าา ไม่รู้จะซื้อมาทำไมเยอะแยะ สายกินเห็นของอร่อยมากมายขนาดนี้อดใจไม่ไหว

เอาแต่พอดีดีกว่าเนอะ ครั้งหน้าแก้ตัวใหม่ อิอิ

เช้าวันรุ่งขึ้น ในเมืองน่านอากาศเย็นลงแล้ว เข้าสุ่หน้าหนาว เช้านั้นต่ำกว่า 20 องศา

ข้างๆ ตลาดกลางคืนก็ยังมีตลาดเช้าตรงข้ามเซเว่นด้วยนะคะ

พระมาจากหลายวัด เดินผ่านตรงตลาด และผ่านหน้าโรงแรมพูคาน่านฟ้าอีกด้วยค่ะ


เช้าวันนี้เก็บเกี่ยวบรรยากาศของพระบิณฑบาตกันในเมืองน่านค่ะ

ก่อนจะทานข้าวมื้อเช้าที่โรงแรมพูคาน่านฟ้า แล้วออกเดินทางเที่ยวต่อในทันที

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน อำเภอเมือง จ.น่าน

อยู่ที่ถนนผากอง ตรงข้ามกับวัดพระธาตุช้างค้ำ ใกล้กับวัดภูมินทร์ เป็นอาคารแบบยุโรปซึ่งเข้ามาในสมัยรัชกาลที่ 5

ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมท้องถิ่นเมืองน่าน เดิมเป็น "หอคำ"

ภายในมี งาช้างดำ ถือเป็นของคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดน่านด้วยนะคะ

แต่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ปิดให้เข้าชมวันจันทร์ค่ะ มีแค่เจ้าหน้าที่มาทำงานและเราก็มาในวันจันทร์ด้วย 555

แต่ไม่เป็นไรเพราะ ไฮไลท์อีกหนึ่งแห่งของ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน แห่งนี้คือ ซุ้มต้นลีลาวดีอยู่ด้านหน้าติดกับถนน

แนะนำให้มาวันธรรมดานะคะ เพราะคนจะน้อย ไม่ต้องแย่งกันถ่ายภาพ นี่ไง เรามาถูกวันจริงๆ ด้วย



ซุ้มต้นลีลาวดี กลายเป็นอุโมงค์ต้นไม้ยิ่งใหญ่สวยงาม เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปเก๋ๆ แนวๆ

ให้เช็คอินของจังหวัดน่านที่เมื่อมาถึงแล้วต้อง มาถ่ายภาพค่ะ ตากล้องพร้อม นางแบบพร้อม!!


เบื้องหลังภาพเราเป็นทั้งตากล้องและนางแบบในเฟรมเดียวกันได้แล้วนะ ^^


ตามด้วยมื้อเที่ยงมื้อสุดท้ายที่อยู่เมืองน่าน ต้องร้านนี้ค่ะ ตามรอยการบอกเล่าเก้าสิบกันมาล้วนๆ 555

"ร้านข้าวแกงป้าวันดา"

เป็นร้านเก่าแก่ในเมืองน่าน เปิดขายมานานกว่า 30 ปี โดยชาวเมืองน่านแท้ๆ ร้านตั้งอยูใกล้ๆ สวนสาธารณะเมืองน่าน

ร้านข้าวแกงป้าวันดา ร้านนี้ราคาไม่แพงค่ะ คนเข้ามาเยอะมากเหมือนกัน อาหารหลากหลายด้วย มีทั้งข้าวแกง

ข้าวซอย น้ำเงี้ยว หมูสเต๊ะ ส้มตำ ขนมหวาน ตอนกลับออกมาแล้วเพิ่งมารู้่ว่าขนมหวานที่ร้านป้าวันดาขายถูกด้วย ถ้วยละ 15 บาทเท่านั้น โอ้วว เราพลาดแล้ว 555 จึงอยากบอกว่าใครไปตามรอยร้านนี้ อย่าลืมจัดขนมหวานด้วยนะคะ ที่เห็นเตะตาเราที่สุด

คงจะป็นสาคูมะพร้าวอ่อน กับบวชฟักทองค่ะหม้อใหญ๋ น่ากินมากกกกก

ส่วนเมนูดังต่อไปนี้เป็นเมนูที่เราสั่งมาทาน ในวันนั้นจ้า อิ่มตัวแตกกันไปเลย เกลี้ยงทุกอย่าง เมื่อยกมาถึงหน้าเรา


ถ้าจำไม่ผิด ค่าเสียหายที่ร้านป้าวันดาทั้งหมดนี้รวมน้ำโค้กด้วยขวดหนึ่ง 132 บาทจ้า คุ้มอย่างมากร้านนี้ อร่อยด้วยค่ะ ^^

เวลาเหลืออีกหลายชั่วโมงไปเตร่ๆ ไหนดี ขอเป็นร้านกาแฟนั่งชิลกันสักร้านนะคะ

ปิดท้ายทริปน่าน ร้านที่ถูกกล่าวถึงในโซเชียลร้านหนึ่ง

"สุดกองดี"


สุดกอง ภาษาเหนือแปลว่าสุดซอยค่ะ เรานี่เกือบลืมว่า ทำไมถึงได้ชื่อสุดกองดี 555 ติดกับแม่น้ำน่าน

มีที่นั่งหลายจุด ภายในร้าน บรรยากาศร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ เป็นทั้ง ร้านกาแฟ เค้ก ร้านอาหารคนรุ่นใหม่ๆ กัน

แต่วันนั้นเราสั่งแค่ชานมเย็นมาลองชิมแก้วหนึ่ง เป็นคนที่ชอบเครื่องดื่มนี้อยู่แล้ว ลิ้มลองมาหลายที่

ชานมเย็นร้านกาแฟสุดกองดี เราก็ให้ผ่านจ้าหวานมันกลิ่นชา+นม (50 บาท)




ขอลงภาพปิดท้ายทริปน่าน ในมุมเก๋ๆ จากร้านกาแฟสุดกองดีนะคะ

มาน่านแล้วได้อะไร ความสบายใจจากการไหว้พระธาตุแช่แห้ง อาหารการกินเมืองน่าน อาหารพื้นเมือง ราคาไม่แพง

ผู้คนเมืองน่านยิ้มแย้มแจ่มใสน่ารักดี เป็นเมืองเล็กๆ ทีมีวิถีชีวิตเรียบง่าย ควรค่าต่อการได้ไปเยือนเมืองน่านสักครั้งค่ะ!!

ขอบคุณที่ติดตามชมค่าาา

จัดเต็มทุกรีวิว จัดเต็มทุกพื้นที่ ไม่ว่าทริปนี้ หรือทริปไหนๆ

RinSa YoyoLive

 วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 22.56 น.

ความคิดเห็น