ทรืปส้มหล่น !!

ใครจะไปรู้...ว่าการมาทำงานครั้งนี้ จะได้เวิร์คแอนด์ทาเวล
ใครจะไปรู้...ว่าการมาทำงานครั้งนี้ จะทำให้ฝันเป็นจริง
ใครจะไปรู้...ว่าการมาทำงานครั้งนี้ จะได้สัมผัสกับธรรมชาติ และลิ้มรสการเดินทางสุดวิบาก ตรากตำ
เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ทริปส้มหล่นให้เพื่อนๆได้ลิ้มรสไปด้วยกันค่ะ

มาเริ่มกันเลยดีกว่า เรามีคำสั่งให้ไปทำงานที่ อ.อุ้มผาง จ.ตาก ค่ะ

เราเป็นผู้หญิงคนเดียวในการเดินทางครั้งนี้ ที่เหลือเป็นผู้ชาย 5 คน

แอบเกร็งเบาๆ แต่ถือซะว่าเรามาทำงานตามหน้าที่ค่ะ

ซึ่งการเดินทางต้องใช้รถโฟวิล เนื่องจากทางค่อนข้างสมบุกสมบัน

ของพร้อม รถพร้อม คนพร้อม ออกเดินทาง เฮ้ !!

เราออกเดินทางเวลา 11.00 น. ใช้เส้นทาง ตาก - แม่สอด - พบพระ - อุ้มผาง

ส่วนใหญ่เป็นทางโค้ง เลี้ยวเลอะตามเขา ถ้าเปิดหน้าต่างรับลม นี่เย็นกว่าแอร์เลยขอบอก

สองข้างทางวิวดีนะ เราชอบ นวลๆ ละมุนตาดีค่ะ

ดอกหญ้าโบกมือทักทายผู้มาเยือน มโนววได้อีกกก ^^



เราใช้เส้นทาง 1090 ใกล้ถึงความเป็นจริงแล้วค่ะ


ตอนนี้เราถึง อุ้มเปี้ยม ครึ่งทางอุ้มผางแล้วค่ะ ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 45 นาที

(คนขับอย่างเทพ ปกตินานกว่านี้นะ)

เราแวะกินมื้อเที่ยงที่ "กู๋ฮะก้อ ที่ว่าการกาแฟสด"

ซึ่ง กู๋ฮะก้อ เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า ฉันรักเธอ ค่ะ (มีคนบอกมาอีกที)

กว่าจะถึงอุ้มผาง ครั้งหนึ่งในชีวิต พิชิต 1,219 โค้ง บนถนนลอยฟ้า ที่สองข้างทางเป็นหน้าผาสูงชัน

ถ้าตัดต้นไม้ ต้นหญ้าออกละก็....อูยยยย เสียว คำ เดียว
(ไม่มีรูปน้าา คือถ่ายในรถลำบากมากค่ะ กล้องสั่น นี่คัดเอาที่ชัดๆ ลง)

พอรถจอดเท่านั้นแหละ ก้าวออกมาจากรถที ฉี่นี่แทบเร็ดเลยจ้าาา

ก็อากาศมันเย็น ลมก็พัด ขนาดใกล้เที่ยงแล้วนะ

เลยจัดชาไทย กับน้ำขิงร้อนๆ มายกซดกันซักหน่อย

พร้อมเอาเสบียง(ข้าวกล่องแสนอร่อย) ที่เตรียมไว้ออกมากินกัน

ส่วนเราทำใจก่อนกินค่ะ รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน ก็ขึ้นเขาลงเขาเป็นว่าเล่นนี่น้อ

ยาแก้เมาไม่ช่วยอัลไรเลย เราว่าที่นี่เป็นจุดพักรถที่น่าจะดีที่สุดก่อนลุยต่อนะ

มีร้านอาหาร เครื่องดื่ม ของฝาก ของที่ระลึก ให้เลือกซื้อติดไม้ติดมือ และห้องน้ำสะอาดดีค่ะ

ปล.ใครง่วง มีผลไม้ดองรสชาติจี๊ดจ๊าดให้เลือกตักได้ด้วยตัวเองนะคะ ราคาถูกมว๊ากกก 20 บาทเอง

หลังจากอิ่มหนำสำราญรมณ์ เราก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ

ระหว่างทางจะเห็นรถสองแถวที่ฟ้า แม่สอด-อุ้มผาง วิ่งผ่านไปมาเป็นระยะๆ

สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว คงได้ฟิวแบบนี้ เย็นหัวว๊าบๆ และเสียวสันหลังดีค่ะ

จะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ นี่ก็ใกล้ถึงตัวเมืองอุ้มผางแล้วค่ะ

ทางเส้นนี้จะรายล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ

ใครขาลุย ชอบป่าเขาลำเนาไพร แนวแอดเวนเจอร์ เชิญทางนี้เลย

ก่อนถึงตัวเมืองอุ้มผาง ถนนกำลังก่อสร้างอยู่ โปรดใช้เส้นทางอย่างระมัดระวังด้วยนะคะ



สังเกตุป้ายซ้ายมือ >> ดีใจด้วย รอดตายแล้วนะคะ อีก 4 km เซเว่น อีเลฟเว่น จ้ะ



เดินทางมานาน จนเวลาล่วงเลยมาถึง 16.00 น.

เราแวะซื้อของสดในตัวเมืองอุ้มผางตุนไว้ สำหรับทำอาหาร 4 วันค่ะ

เราชอบร้านนี้มาก ของสด จัดวางเป็นระเบียบเรียบร้อย วินเทจอ่ะ ><

ราคาไม่แพงด้วย ผักกำละ 5 บาท 10 บาท ถูกแบบนี้จัดไปค่ะ หยิบส่งให้แม่ค้าคิดตังรัวๆ

เลือกซื้อของเสร็จ เราแวะเติมน้ำมัน ตอนแรกบอกถึงปั๊มแล้ว มองหาสิคะ ไหนปั๊ม ?!

มองดูอีกที โห..ป้ายปั๊มวิทเทจอ่ะ ทำจากไม้เหมือนป้ายทางเข้าหมู่บ้านเลย ไม่เหมือนใครดี ชิคๆ คูลๆ

ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ไอเย็นเริ่มเข้ามาอีกระลอก ทีมงานจากรถอีกคันวิทยุมาบอกว่าคืนนี้เราจะค้างที่อุ้มผาง

แต่เอ๊ะ ค้างที่ไหนล่ะ ตื่นเต้นสิค่ะ แหมะ..เตนท์ก็พร้อม ถุงนอนก็พร้อม เครื่องครัวก็พร้อม

ติดแต่ที่ไหนหนออออ ในใจนี่ภาวนาขอให้ไปค้างที่ "ทีลอซู" ทีเถ๊อะะะะ เพี้ยงง !!

และแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปหาจุดกางเตนท์ที่ไหนซักแห่ง....

ขณะนี้เวลา 16.45 น. เย็นมากแล้วค่ะ อีกมาณ 100 โล ก็จะถึงหมู่บ้านเลตองคุ ที่ๆ เราต้องไปทำงานกัน


คืนนี้ต้องพักทีนี่ วิทยุจากรถอีกคันวอมาบอกว่า

คืนนี้เราจะกางเตนท์ด้านนอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางนะ

คุณพระ !! ได้ยินแล้วเงิบไปเลยจ้าาา แต่ไม่แสดงออก

ในใจนี่เหี่ยวแห้งฝุดๆ กางเตนท์ด้านนอก !! เอิ่ม อีกนิดเดียวก็ด้านในแล้วมั้ยครับ

ได้แต่ภาวนาขอให้ผู้ใหญ่อีกหลายๆ ท่าน ตกลงให้ไปพักด้านในให้ได้ทีเถอะ

เราจอดรถข้างทางเคลียร์กันเลย ผู้ใหญ่ท่านนึงถามทุกคนว่า

"ใครยังไม่เคยมาทีลอซู"

"หนูค่ะ (ยิ้มให้บางๆ ทำตาปริบๆ) คือถ้าได้ไปนี่จะเป็นบุญของหนูมากเลยค่ะ"

คืออ้อนวอน คือขอร้องสุดฤทธิ์อ่ะ ประจวบกับมีทีมงานท่านนึงยังไม่เคยมาเหมือนกัน

ทำให้เราได้ข้อสรุปสำหรับที่พักคืนแรก นั่นก็คือ ด้านในเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าอุ้มผางจ้าาาาา

อ๊ายยย กรี๊ดดดด แว๊กกกกก (ในใจนะ ดีใจอ่ะ ฝันเป็นจริงแล้ววว) ^O^

เราขึ้นรถ คราวนี้ติดสปีดเลยค่ะ เพราะเย็นแล้ว ยังต้องเข้าไปอีกไกลพอสมควร

นี่กว่าจะถึงปากทางเข้าก็ 17.00 น. แล้วค่ะ

ระหว่างทาง สภาพเป็นลูกรังตลอดเส้น มีหลุม ฝุ่น เหมือนอยู่บนดาวอังคาร


ในขณะที่พวกเราเข้า ก็มีรถกะบะหลายคันกำลังพาลูกทัวร์ออกค่ะ

ช่างไม่รู้จักเวลาร่ำเวลาจริงๆ (หมายถึงเรานะ) ห้าาา

ลูกทัวร์ที่นั่งกะบะจะใส่แมสกันฝุ่นทุกคนค่ะ ส่วนใหญ่จะเหมาเป็นแพคเกจ ล่องเรือยางมาทางผาเลือดเข้าทีลอซู

ถ้าเป็นหน้าฝน งดใช้เส้นทางเดินรถนะคะ เพื่อพักฟื้นผืนป่า ต้องเดินเท้าค่ะ ไม่เท่าไหร่หรอกน่า ก็แค่เปื่อย คิคิ

จนในซี่ถุด ก็มาถึงด้านในแล้วค่ะ เชื่อมั้ยคะว่าใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง ธัมโม สังโฆ !!!

ไส้ผมนี่พันกันเลยครัช ><

จอดรถปุ๊บ เรียกสติก่อนค่ะ เมารถมาก ต้องส่งตัวแทนไปหาเจ้าหน้าที่เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ ค่ะ



ตอนนี้จัดแจงขนสัมภาระ เสบียง กางเตนท์ เหนื่อยจุง T_T


อ่อ...จะบอกว่ามีคนมาเที่ยวที่นี่ไม่มากไม่น้อย กำลังพอดีเลยเราว่า

เด๋วจะอัพภาพบรรยากาศในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้นะคะ

ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุด คือ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง

ข้าว ปลา อาหาร นี่อย่าให้ขาด เรื่องเข้าครัวนี่ไม่ต้องพูดถึง

เราเป็นผู้หญิงคนเดียว สบายยยย

หมายถึงไม่ต้องทำนะ รอกินอย่างเดียววว เราไม่เชี่ยว

โชคดีมาก มีทีมงานท่านนึง อยู่กับเขากับป่ามาตั้งแต่เด็ก

เลยได้โชว์ฝีมือในการทำอาหารมื้อนี้ และคาดว่าจะทุกมื้อ ห้าาาา

ปล.ติดตามกันนะคะ เด๋วจะลงภาพบรรยากาศตอนเช้า ที่เต็มไปด้วยหมอกอ่อนๆ และจะได้เจอกับคุณทีลอซู ซู่ซ่า ซักที ^^อรุณสวัสดิ์ เช้าแล้ว...


เราตื่นนอนประมาณ 06.00 น. ตื่นมาทำไม มองไม่เห็นอะไรเลย มืดดดดดอ่ะ

เลยนอนต่อรอแสงแรก จะบอกว่าเมื่อคืนนอนอย่างหวาดระแวงมาก กลัวกิ่งไม้ตกใส่บ้าง

กลัวน้ำค้างที่หยดเหมือนฝนตกจะทะลุเตนท์บ้าง ยังมีเสียงแมวที่ไหนไม่รู้ ร้อง หง่าว หง่าวววว ทั้งคืน

ร้องจนกล่อมเราหลับไปเลย นั่นเรื่องเมื่อคืน ส่วนนี่...เช้านี้มีเรื่องเล่าต่อจ้า...

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เราก็ออกมาดูด้านนอกอีกครั้ง

แม่เจ้าาาาา อภิมหาหมอกจ้าาาา ซึ่งเราถ่ายรูปไม่ได้อ่า มันเป็นนอยส์และเลนส์ขึ้นฝ้า

เลยออกไปล้างถ้วยชาม เป็นลูกมือค่อยช่วยเค้าทำมื้อเช้า และนี่ก็คือฐานกบดานของพวกเราค่ะ โฮะๆๆ

นักท่องเที่ยวที่มาพักที่นี่ ตื่นเช้ามากค่ะ มีทั้งมาเป็นคู่ เป็นแก๊ง ครอบครัว ลูกเล็กเด็กแดงมีครบค่ะ

เราว่าดีนะ เป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับครอบครัว เพื่อนฝูง และคนรัก ฮิ้วว >\\<

มาเสพบรรยากาศตอนเช้าๆ กับหมอกบางๆ จางๆ กันค่ะ

ใครอยากซื้อของที่ระลึก อาหาร เครื่องดื่ม เชิญนะคะ



อ๊ะ อ๊ะ !! เราเจอต้นตอเสียง หง่าววว หง่าววว เมื่อคืนแล้วค่ะ



ที่นี่มีพระออกบิณฑบาตรด้วยค่ะ มีทั้งพระธุดงค์ และพระที่จำวัดใกล้ๆ มีบุญมาหาถึงตรงหน้าแล้ว มีหรือที่จะไม่รับบุญนี้ไว้

ความดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเองนะคะ ^_^

หลังจากตักบาตรเสร็จ เราออกมาเดินสำรวจรอบๆ เจอรถกะบะจอดอยู่ คือก็ไม่น้อยนะ

แสดงว่า น้ำตกทีลอซู ยังมีเสน่ห์ชวนให้ผู้คนหลั่งไหล้เข้ามาเยี่ยมชมความสวยงามอยู่ตลอด

ลืมบอกไปที่นี่มี AIS 3G นะจ๊ะ เครือข่ายอื่นทำใจ อย่าร้องนะๆๆ



ใครหิว มีร้านค้าสวัสดิการ คอยให้บริการอยู่นะคะ



สำหรับห้องน้ำ โอเคเลย แต่น้ำไม่โอนะ เย็นเหมือนน้ำแข็ง ตั้งแต่เมื่อวานเรายังไม่ได้อาบน้ำเลยอ่า คิคิ

แต่เด๋วกะว่าไปทีลอซูกลับมาแล้วค่อยอาบละกัน อี๋ๆ ซกมกจริงๆ แฮ่ๆ ^^


ตอนเราจะกลับเตนท์ไปกินข้าว เราเจอเด็กกระเหรี่ยงคนนึงมานั่งเล่นอยู่หน้าเตนท์เรา

ก็แอบดูอยู่ไกลๆ นะ แล้วค่อยๆ เนียลเดินไปดูใกล้ ๆ

ปรากฏว่าเด็กน้อยเล่นถุงพลาสติกใส่สบู่ที่เราเอาไว้หน้าเตนท์จ้าาาา แหมะ...

ดูหน้ากับท่าเดินนังซะก่อน ไม่มีพิรุธเลยจ้าาาา ห้าาา ตลกดี

มื้อเช้านี้เราเอาข้าวที่เหลือจากเมื่อวานมาทำเป็นข้าวต้มร้อนๆ กินตอนหนาวๆ ฟินนะจะบอกให้ ><

เช้านี้ก่อนที่เราจะเดินทางไปทำงาน ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว

ก็ต้องไปพบคุณทีลอซู ไฮไลค์ของงานค่ะ

จากนี้เราจะต้องเดินเท้าเข้าไป ประมาณครึ่งชั่วโมง

สองข้างทางจะเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวชอุ่ม ชุ่มตา มีทั้งป่าไผ่สลับกับป่าเบญพรรณ

มีป้ายบอกชนิดพันธ์ุไม้ต่างๆ เป็นระยะ

ถือเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และได้ศึกษาธรรมชาติไปในตัวอีกด้วยค่ะ

ใครมาเที่ยว คนเดียว เจอภาพแบบนี้เข้าไป น้ำตาคลอเลยนะคะ คือก็อยากมีโมเม้นนี้บ้าง อะไรบ้าง



เจอหลวงพี่กับเด็กๆ เดินสวนมาด้วยค่ะ หลวงพี่พาเด็กๆ ไปดูน้ำตกทีลอซู

เด็กๆ เจอพวกเราแล้วสวัสดีกันทุกคน เป็นภาพที่น่ารักมากค่ะ

เดินเข้ามาเรื่อยๆ ด้านซ้ายมือจะเป็นลำธารที่เกิดจากน้ำตกทีลอซูค่ะ น้ำเป็นสีเขียวมรกต

ใครที่เริ่มรู้สึกเมื่อย ระหว่างทางจะมีจุดพักค่ะ แต่ถ้าไม่ซีเรียส แนะนำว่าให้นั่งไปเลยค่ะตรงทางเดินนี่แหละ อย่าได้แคร์ ^^

เดินไปจนจะใกล้ถึงน้ำตกทีลอซู จะพบเถาวัลย์ยักษ์ "สะบ้า" นั้นเอง นั่งได้เลยนะ แข็งแรงค่ะ



มีต้นไทรใหญ่ เราชอบตรงที่มันมีช่องๆ เลยได้ไอเดียถ่ายภาพเป็นกรอบรูปทางธรรมชาติ เก๋ดีนะเออ

และแล้ว ครึ่งชั่วโมงที่ต้องเดินเท้า 1.5 กิโล ก็สิ้นสุดลง เมื่อพบว่าเบื้องหน้า คือ "น้ำตกทีลอซู" ค่าาาาาา

ทีลอซู เป็นภาษากะเหรี่ยงค่ะ แปลว่า น้ำตกดำ เป็นน้ำตกภูเขาหินปูนขนาดใหญ่

สูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร เกิดจากลำห้วยกล้อท้อตกลงสู่หน้าผาสูงชัน มีน้ำไหลแรงตลอดปี

เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดในประเทศไทย ที่สุดในเอเชีย 1 ใน 6 ของโลก

เป็นหนึ่งในเก้าตะวัน ตามโครงการมหัศจรรย์เมืองไทย 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน

โดยมีจุดเด่นคือ มหัศจรรย์รุ้งกินน้ำ ซึ่งเราไม่ได้ถ่ายไว้ ไงล่ะๆ พลาดดดด

ช่วงที่น้ำตกมีความสวยงามเป็นพิเศษ คือ ช่วงหน้าฝน มิ.ย. – พ.ย. ค่ะ

น้ำจะเยอะกว่าตอนนี้มาก จะดูอิ่ม ดูเต็มกว่าค่ะ แต่จะปิดเส้นทางเดินรถนะคะ

เพื่อป้องกันอันตรายแก่ผู้ใช้เส้นทางและถนอมสภาพทางไม่ให้เสียหาย

นักท่องเที่ยวอาจเลี่ยงใช้เส้นทางนี้ได้ โดยการซื้อทัวร์กับบริษัทนำเที่ยวซึ่งจะเดินทางด้วยเรือยาง และเดินป่าต่ออีกราว 12 โล

ดูทรหด ทรโหดดีนะ คิดว่าคงสนุก มันส์ น่าดู แต่ถ้ามาช่วงหน้าหนาวถึงหน้าร้อน ธ.ค. – พ.ค.

สามารถใช้ทางรถยนต์เข้าน้ำตกได้ค่ะ สะดวกสุด ไม่ว่าจะเที่ยวแบบไปกลับหรือพักค้างคืน

ด้านล่างเดินลงไปได้นะ มีทั้งเด็กเล็กยันคนชราที่หัวใจไม่ชรา มุ่งมั่นเดินมาถึงที่นี่ได้ ปรบมือรัวๆ ค่ะ

ได้เวลาขึ้นไปสำรวจด้านบนน้ำตกแล้วค่ะ เราเห็นป้ายติดเตือนตามทาง "ห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด"

ดังนั้นขอความกรุณานักท่องเที่ยวทุกท่านทำตากฏด้วยนะคะ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตค่ะ

เราเดิน ลอด ปีน กระโดด ไปตามซอก ตามมุมต่างๆ เอาให้คุ้มค่ะ มีน้ำตกชั้นย่อยๆ อยู่ระหว่างทางขึ้นลงด้วยนะ

ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่ ละอองน้ำนี่เต็มหน้าเลยจ้าาา เลยไม่ค่อยได้ถ่ายภาพใกล้ๆ ใช้ซูมเอาค่ะ

เราชอบตอนละอองน้ำตกโดนกับแสงแดดอ่อนๆ สวยจัง ^^

ขากลับเราก็เดิน คือเริ่มร้อนแล้ว เหงื่อออกถอดเสื้อแขนยาวเถอะค่ะ

ทีมงานท่านหนึ่งไม่ได้มากับเราค่ะ เค้าบอกว่า "ไม่อยากเห็นความเปลี่ยนไปของทีลอซูตอนนี้กับเมื่อ 10 ปีที่แล้ว"

เพราะเค้ามีความทรงจำที่ดีมาก ว้าววว ซึ่งพอเราเอาภาพถ่ายให้เค้าดู เป็นไปตามคาดค่ะ เปลี่ยนไปจริงๆ

เมื่อก่อนแม้จะเป็นหน้าหนาวแต่น้ำเยอะกว่านี้มาก ถึงจะมีหลายกระแสบอกมาว่าไม่สวยเหมือนเมื่อก่อนบ้าง

เสื่อมโทรมไปบ้าง แต่ถึงยังไง สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ก็ถือเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่สุดในเอเชีย

1 ใน 6 ของโลก ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต คุณควรมาสัมผัส มาให้เห็นกับตาตัวเอง นอกจากจะได้ชื่นชมความสวยงามแล้ว

ระหว่างทางที่อุ้มผาง อำเภอเล็กๆ ในจังหวัดตากแห่งนี้ ยังมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวเสมอค่ะ


ดีใจที่ได้เจอกันนะ "คุณทีลอซู"

อ๊ะ อ๊ะ !! ทริปส้มหล่นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หลังจากที่เราไปทำงานที่เลตองคุเสร็จ ส้มก็หล่นมาทับรอบสอง

เมื่อมีคนใจดีมาปลุกพาไปดูทะเลหมอกที่ดอยหัวหมดค่ะ ติดตามกันนะคะ ^^หลังจากที่เราเสร็จงานจากเลตองคุแล้ว ขากลับเราต้องค้างที่อุ้มผาง 1 คืนค่ะ

แต่คราวนี้ไม่ได้นอนเตนท์นะ เรากะว่าจะนอนตื่นสายๆ เพราะเดินทางเหนื่อยมาก

แต่ใครจะไปรู้...ว่าการเดินทางครั้งนี้มันเป็นทริปส้มหล่นจริงๆ

เพราะวันรุ่นขึ้น มีทีมงานท่านหนึ่งตื่นแต่เช้ามาเรียกเราหน้าห้อง ถามว่า "อยากไปดอยหัวหมดมั้ย?"

เรากำลังสลึมสลือ นึกว่าฝัน ดอยหัวหมดหรอ ...? ฮะ อัลไรนะ ดอยหัวหมดที่มีทะเลหมอกน่าหรอ

ตัวนี่ดีดจากที่นอนเลยจ้าาา เรารีบล้างหน้าแปรงฟัน พร้อมออกเดินทางทันที

ขณะนี้เวลา 07.00 น. แต่ภาพที่เห็น ป๊าดดดดด นึกว่าตีห้า หมอกลงหนามากค่ะ ตื่นเต้นอ่ะ


ดอยหัวหมดเป็นจุดชมวิวที่ไม่ไกลจากอำเภออุ้มผางค่ะ ใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

แต่คือออกมาก็ 7 โมงแล้ว ยิ่งใกล้ถึง ยิ่งรู้สึกเหมือนหมอกจะยิ่งจางหาย ม่ายน้าาาา T_T

ทางเข้าจะเป็นดินลูกรังค่ะ ขณะที่เรากำลังเข้าไป ก็มีรถทยอยออกมาตามเคยค่ะ - -



วะ วะ วะว ว้าววว ขึ้นดอยเข้าไปนิดเดียวก็เจอสวรรค์บนดินแล้วค่ะ กับดอยหัวหมด แต่ทะเลหมอก ยังไม่หมดนะฮะ ^^

ไม่น่าเชื่อว่าเราจะมาทันเห็นทะเลหมอกสวยๆ แบบนี้ อากาศเย็นสดชื่นดีค่ะ อยู่จนพระอาทิตย์ขึ้นเลย

ในขณะที่ฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสี ม่านหมอกก็ค่อยๆจางหายไปตามเวลา

ลาก่อน "ทะเลหมอกดอยหัวหมด" ทะเลหมอกสีละมุนตา
ลาก่อน น้ำตกที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา "คุณทีลอซู"

ขอบคุณการเดินทางครั้งนี้...
ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ทำให้การทำงานครั้งนี้มีความสุขและมีความหมาย

ติดตามทริปสนุกๆ ได้ที่ :
เพจ เก็บกระเป๋า : http://www.facebook.com/kepkrapao
IG : http://www.instagram.com/kepkrapao

เก็บกระเป๋า

 วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 13.58 น.

ความคิดเห็น