ตอนที่เพื่อนชวนไปเที่ยวดอยเวียงผา อำเภอไชยปราการ เชียงใหม่ สารภาพตามตรงครับว่าผมไม่รู้จัก ชื่ออะไรนะ อยู่ที่ไหน ยากหรือเปล่า คำถามเต็มไปหมด แต่เมื่อมีคนชวนขนาดนี้ถ้าตอบปฏิเสธคงเสียเชิงแย่ เพราะฉะนั้นทางออกเดียวคือพยักหน้าตอบตกลง แล้วไปค้นหาเอาว่าที่นี่มีอะไรดีกันแน่


(1)

ทริปนี้จัดกันวันหยุดยาวต้นเดือนธันวาคม สมาชิก 20 คน ทั้งเพื่อนที่เคยเที่ยวด้วยกันมาก่อนและเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกัน ความจริงการเดินทางไปไชยปราการง่ายนิดเดียว มีรถทัวร์ กทม.-บ้านท่าตอน ออกจากหมอชิตช่วงหัวค่ำไปเช้าเอาที่นั่น แต่เพราะทีมเราคนเยอะแถมกระจัดกระจาย เลยนัดพบกันที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงใหม่ (อาเขต) จากนั้นค่อยเหมารถสองแถวไปสะดวกกว่า เราใช้สองแถวสีส้ม เชียงใหม่-ฝาง เป็นเจ้าถิ่นชำนาญเส้นทาง

กว่าจะรวมตัวครบออกจากอาเขตก็เกือบเก้าโมงเช้า แวะตลาดแม่มาลัย อำเภอแม่แตง กินข้าว ซื้อเสบียง อีกพักใหญ่ ถึงจุดนัดหมายกับเจ้าหน้าที่อุทยานดอยเวียงผา ที่ปั๊มเชลล์ อำเภอไชยปราการ ก็เกือบบ่ายโมงโน่นแหละ

ทำการเปลี่ยนรถจากสองแถวเป็นโฟร์วีลเพื่อเดินทางต่อ ทริปนี้มีเจ้าหน้าที่นำทางสามคน ไม่มีลูกหาบ รถพาพวกเราไปหน่วยพิทักษ์ฯ ที่ วผ.1 (หัวฝาย) และจากจุดนี้ต้องกระเด้งกระดอนตามถนนลูกรังอีก 17 กิโลเมตร สองข้างทางเป็นสวนกาแฟ สวนส้ม พื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน บ่งบอกสภาพชัดเจนว่าเป็นอุทยานฯ ซึ่งจัดตั้งหลังจากมีคนเข้ามาบุกเบิกที่ดินทำกิน

จากหน่วยพิทักษ์ฯ รถวิ่งช้าๆ อีกเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านดอยเวียง ชุมชนชาวลาหู่ ถ้าจะเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า หรือจัดของอะไรถือเป็นจุดสุดท้ายครับ เลยไปอีกนิดเดียวจะถึงจุดเริ่มต้นทางเดินขึ้นยอดดอย

อธิบายเส้นทางเดินสักนิด เราขึ้น-ลงคนละทาง ทางขึ้นอยู่ที่บ้านดอยเวียง ความสูงประมาณ 1,500 เมตร ส่วนยอดดอยสูงราว 1,800 เมตร ถือว่าเดินขึ้นไปอีกไม่มาก สำหรับทางลงอยู่ฝั่งแม่ทะลบหลวง รวมระยะทางเดินทั้งหมด 12 กิโลเมตร ทริปสามวันสองคืน เราจะเดิน 4.5 กิโลเมตร ไปแคมป์หนึ่ง 4.5 กิโลเมตร ไปแคมป์สอง และ 3 กิโลเมตร ไปแม่ทะลบหลวง ถือว่าเดินค่อนข้างน้อย ทางไม่ชันเท่าไหร่

มองดูนาฬิกาบ่ายสามโมงครึ่งตอนเราเริ่มออกเดินเท้า แบ่งเป็นสามกลุ่ม เจ้าหน้าที่นำหน้า อยู่กลาง และรั้งท้าย คอยนับจำนวนคนตลอด เหตุที่ต้องทำแบบนี้เพราะเส้นทางช่วงแรกง่ายต่อการหลงเหลือเกิน มีทางแยกชัดๆ หลายหน เนื่องจากคร่อมอยู่กับพื้นที่ทำกิน ถ้าเดินเองรับรองมีหลงเข้าไร่เข้าสวนไปถึงไหนต่อไหนไม่รู้

ป่าที่เวียงผาค่อนข้างโปร่ง เราเดินขึ้นบ้างลงบ้างแบบไม่หนักหนาสักชั่วโมงก็ข้ามธารน้ำ จากตรงนี้ไปเป็นช่วงชันที่สุดของวันแรก เจ้าหน้าที่เรียกกันว่า "เนินหอบ' จากชื่อก็บอกสภาพล่ะนะว่าเป็นยังไง กว่าจะผ่านไปได้ก็หอบสมชื่อแหละครับ

พ้นเนินหอบมาไม่ไกลก็พบจุดตั้งแคมป์แรก หรือที่เรียกว่าแคมป์สนแล้วครับ มาถึงตอนเคารพธงชาติช่วงฟ้ากำลังเปลี่ยนสีผีกำลังตากผ้าอ้อม น่าเสียดายที่ไม่มีจุดชมวิวอยู่ใกล้ๆ แคมป์เลยได้ภาพมาแค่นี้

ก่อนจะมืดเกินไป พวกเรารีบจัดแจงเรื่องที่พัก พื้นที่กว้างขวาง เหมาะทั้งเปลและเต็นท์ เลือกได้ตามสะดวก เราก่อไฟ หุงข้าว ทำอาหาร อากาศเย็น ท้องฟ้าโล่ง ดาวสวยมาก บรรยากาศดี ถือเป็นจุดตั้งแคมป์ที่เพอร์เฟกต์มาก



(2)

การไม่มีจุดชมวิวก็ดีไปอย่างคือไม่ต้องรีบตื่น (ฮา...) และเพราะรู้ว่าเส้นทางเดินไม่ไกลเรายิ่งไม่ต้องรีบร้อน ขอเก็บภาพบรรยากาศแคมป์แรกตอนเช้ามาให้ชม

สำหรับแหล่งน้ำ แคมป์แรกมีลำธารอยู่ห่างออกไป 200 เมตร เลยไม่ต้องขนน้ำกันขึ้นมาเยอะมาก อ้อ... เรื่องห้องน้ำนี่ไม่มีนะครับ ใครปวดหนักปวดเบาก็เดินเข้าป่ากันเลย

สังเกตว่าที่นี่แมงมุมเพียบไปหมด พันธุ์อะไรก็ไม่รู้ สวยทีเดียว พิษคงไม่ร้ายแรงมากแต่ระวังสักนิดก็ดี

เวลาของเราเหลือเฟือมาก กินข้าว นั่งเล่นเรื่อยเปื่อย กว่าจะเริ่มเก็บของออกเดินก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงครึ่ง จากแคมป์แรกไปแคมป์สองหรือบริเวณยอดดอยระยะทางประมาณ 4.5 กิโลเมตร เส้นทางไม่ยาก ทางราบค่อนข้างเยอะ มีชันบางช่วงเท่านั้น เดินเรื่อยๆ สองชั่วโมงนิดๆ ก็ถึง

ก่อนขึ้นยอดสูงสุดมีแอ่งน้ำใสสะอาด กรอกกินได้ เจ้าหน้าที่บอกว่าแอ่งนี้จะมีถึงประมาณเดือนมกราคม เลยจากนั้นไปเราต้องกรอกน้ำมาให้เต็มจากแคมป์แรก

วิวจากจุดตั้งแคมป์บนยอดดอย บรรยากาศดีและสวยใช้ได้ มองไปข้างล่างเห็นอ่างเก็บน้ำแม่ทะลบ ซึ่งจะเป็นทางลงของเรา และเหมือนเดิมคือมีทั้งที่กางเต็นท์และผูกเปล เราจัดการเรื่องแคมป์เสร็จสรรพ ก็ทำกับข้าวกินกัน

เจ้าหน้าที่บอกว่ามีจุดชมพระอาทิตย์ตกเดินไปแค่ 200 เมตร เลยขอเดินไปดูลาดเลาไว้ก่อน วิวดีจริงครับ ฝั่งหนึ่งเห็นดอยหลวงเชียงดาว ดอยสูงอันดับสามของประเทศ อยู่ไกลลิบๆ อีกฝั่งเห็นดอยผ้าห่มปก ดอยสูงอันดับสองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ข้างกับผ้าห่มปกคือแนวเทือกเขาดอยอ่างขาง มาที่นี่ดอยเดียวเห็นดอยดังๆ สามดอยเลยแฮะ

สักห้าโมงเย็น เราค่อยยกก๊วนทั้งหมดไปจุดชมพระอาทิตย์ตก บรรยากาศวันนั้นงามมาก มีหมอกลอยจากร่องเขาทางทิศใต้ไหลเข้ามาประกอบฉากอีกต่างหาก ถ่ายรูปกันเพลิน ลั่นชัตเตอร์สนุกมาก

หลังพระอาทิตย์ลับฟ้า ผมกับเพื่อนอีกสองสามคนอยู่รอถ่ายดาวกับทางช้างเผือก ช่วงนี้ยังพอมีเวลาเก็บภาพสั้นๆ ตอนหัวค่ำ แม้จะเห็นไม่ชัดนัก (ตาเปล่ามองไม่เห็น) แต่ก็ได้มาพอใจมากแล้ว

ค่ำคืนนั้นเป็นอีกช่วงเวลาดีๆ กินข้าว ล้อมวงสนทนารอบกองไฟ ความสุขล้นทะลักดอย


(3)

วันที่สามกับดอยเวียงผา ผมตั้งนาฬิกาปลุกตื่นเป็นคนแรกตั้งแต่ตีห้า ส่งเสียงเรียกทุกคนไปชมบรรยากาศยามเช้า ลุ้นทะเลหมอกกัน

บอกก่อนครับว่ามุมจากยอดดอยเวียงผาไม่มีที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ เพราะต้นไม้บังหมด แต่บรรยากาศตรงจุดชมพระอาทิตย์ตกเมื่อวานถือว่างามงดเชียวล่ะ อย่างที่บอกคือเห็นทั้งฝั่งดอยหลวงเชียงดาว และดอยผ้าห้มปก ทิวทัศน์กว้างไกล

ฝั่งนี้ดอยหลวงเชียงดาว มีหมอกอยู่ตามหุบเขา ไม่อลังการมากทว่าก็โอเคอยู่นะ

ฝั่งดอยผ้าห่มปกค่อนข้างสวยกว่า ไม่ไกลกันคืออ่างขาง เทียบกันแล้วผมว่าเช้าวันนั้นคนอยู่ผ้าห่มปกคงเห็นของดีกว่าดอยหลวงเชียงดาวครับ อันนี้ฟันธงจากคนอยู่ตรงกลางที่ดอยเวียงผา (ฮา...)

วันนั้นแม้หมอกจะไม่ถึงกับตระการตา แต่อยู่นานมาก ยิ่งสายยิ่งฟูนุ่มหนาทั้งสองฝั่ง

ถ่ายรูปเล่นกันให้เพลินๆ เพราะเราไม่ต้องเร่งรีบ กว่าจะเก็บของเสร็จเดินลงก็สิบโมงเศษๆ แช๊ะภาพทั้งหมดเป็นที่ระลึกสักนิด

ขาเดินลงระยะทางสัก 3 กิโลเมตร วิวสวยตลอดทาง เพราะเราเลาะลงมาตามไหล่เขา ได้หมอกขาวๆ มาช่วยด้วยยิ่งรู้สึกสดชื่นมาก

เดินลงมาเรื่อยๆ ทางยิ่งชันและยากขึ้นจนกลายเป็นว่าขาลงยากกว่าขาขึ้น โดยเฉพาะช่วงกิโลเมตรสุดท้ายซึ่งเป็นทางลงสู่น้ำตกดอยเวียงผา ต้องใช้คำว่าโคตรโหด ชันระดับเจ็บสิบองศา ก้าวพลาดนิดเดียวอาจถึงขั้นเจ็บหนัก ชันจนผมตั้งใจเดินไม่ได้หยิบกล้องมาถ่ายรูปเลย ถ้าขึ้นทางนี้สงสัยต้องมีตายกันไปบ้าง (ฮา...)

ขาลงผมอยู่กลุ่มรั้งท้ายครับ กว่าจะถึงน้ำตกก็เที่ยงยี่สิบ น้ำน้อยไปนิดแต่ยังสดชื่นอยู่

จากน้ำตกอีกอึดใจเดียวก็ถึงหน่วยจัดการต้นน้ำแม่ทะลบหลวง เป็นจุดที่รถโฟร์วีลมาจอดรอรับ สภาพโดยรอบเปลี่ยนเป็นป่าโปร่งสลับกับพื้นที่เกษตรของชาวบ้านอีกครั้ง

ขากลับใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงผ่านทางลูกรังโหดๆ จึงถึงที่ทำการอุทยานฯ มีเวลาให้อาบน้ำ จัดการข้าวของ และเคลียร์ค่าใช้จ่ายให้เจ้าหน้าที่ พวกเรานัดรถสองแถวมารับที่นั่นเพื่อเดินทางกลับอาเขต ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน

สามวันสองคืนที่ดอยเวียงผา แม้จะเป็นดอยชื่อไม่ดัง แต่ต้องยอมรับเลยว่าสวยประทับใจ บรรยากาศดีทั้งแคมป์หนึ่งและแคมป์สอง เดินไม่ยาก มีเวลาทำกิจกรรมอย่างอื่นเหลือเฟือ เอ้อระเหยชมธรรมชาติได้เต็มที่

ก่อนเดินทาง ดอยเวียงผาคือที่ไหนไม่รู้จัก พอขากลับหากเอ่ยชื่อดอยเวียงผา บอกเลยครับว่าผมตกหลุมรักเข้าอย่างจัง


สรุปค่าใช้จ่าย เริ่มต้นจากอาเขต เชียงใหม่


ค่าเหมารถเชียงใหม่-ไชยปราการ 7,200 (เที่ยวละ 1,800 บาท สองคัน)
ค่าเจ้าหน้าที่นำทางอุทยานฯ 3,600 (400 บาท ต่อคน ต่อวัน สามคน)
ค่ารถกระบะ รับ-ส่ง ของอุทยานฯ 5,000 (2,500 บาท รวมขึ้น-ลง สองคัน)
ค่าอาหาร 3,700
รวม 19,500 (20 คน หารเหลือคนละ 975 บาท)


ตารางการเดินทางโดยประมาณ


วันแรก
9.00 น. ออกจากอาเขต เชียงใหม่
10.30 น. ซื้อของตลาดแม่มาลัย อ.แม่แตง
13.00 น. ถึงจุดนัดพบ จนท. ที่ อ.ไชยปราการ เปลี่ยนเป็นรถ 4x4
15.00 น. ถึงบ้านดอยเวียง จุดเริ่มเดิน
15.30 น. เริ่มเดิน
18.00 น. ถึงแคมป์หนึ่ง


วันที่สอง
11.30 น. ออกจากแคมป์หนึ่ง
13.30 น. ถึงแคมป์สอง


วันที่สาม
10.00 น. ออกจากแคมป์สอง
12.30 น. ถึงด้านล่าง บ้านแม่ทะลบ ขึ้นรถ 4x4
14.30 น. ถึงที่ทำการอุทยานฯ อาบน้ำอาบท่า
16.00 น. เปลี่ยนเป็นรถสองแถว กลับเชียงใหม่
17.00 น. แวะกินข้าว อ.เชียงดาว
19.30 น. ถึงอาเขต เชียงใหม่ แยกย้ายกลับบ้าน



ข้อมูลนิดหน่อย


  • ดอยเวียงผา เปิดให้ขึ้นทุกวัน ไม่มีกำหนดปิด ยกเว้นปิดตามประกาศอุทยานฯ กรณีมีอันตราย หรือมีความไม่สะดวกอื่นๆ
  • ที่ตั้งแคมป์หนึ่งและสอง สะดวกทั้งการกางเต็นท์และผูกเปล
  • บนดอยไม่มีห้องน้ำชนิดใดทั้งสิ้น
  • แหล่งน้ำมีใกล้ทั้งแคมป์หนึ่งและแคมป์สอง แต่ปริมาณน้ำไม่แน่นอน ควรสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่
  • สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตมีทุกค่ายบนยอดดอย ดีบ้างแย่บ้างตามช่วงเวลา
  • ตลอดเส้นทางไม่มีทาก ใครเจอถือว่าโชคร้ายที่สุดของที่สุด
  • ที่ทำการฯ มีบ้านพัก ลานกางเต็นท์ ห้องน้ำ สามารถค้างแรมเพื่อเตรียมขึ้นดอย หรือพักตอนลงจากดอย
  • ตอนนี้ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ เพราะอยู่ในระหว่างเตรียมการฯ ยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
  • อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา โทร. 087-186-2118, 0-5331-7535

ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
http://www.facebook.com/alifeatraveller



นายสองสามก้าว / A Life, A Traveller

 วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.19 น.

ความคิดเห็น