หลังจากตอนที่แล้ว หนูเล็กพาไปให้หัวใจหวามไหวที่ Annecy กันมาแล้ว

https://th.readme.me/p/7000

ได้เวลาออกเดินทางกันต่อแล้วค่ะ

จาก Annecy ไปยัง Chamonix ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราวๆ 1 ชั่วโมง 45 นาที ซึ่งก็เช่นเคยค่ะ พวกเราไม่ใช้ทางด่วนอย่างแน่นอน (อิอิ) เลือกที่จะวิ่งผ่านหมู่บ้าน เมืองเล็กเมืองน้อยตามรายทาง และลัดเลาะเหลี่ยมเขา เพื่อจะได้ชมธรรมชาติแท้ๆ ที่สำคัญคือหากอยากแวะจอดชมวิวทิวทัศน์ตรงไหนก็จะได้จอดได้อย่างสบายใจ

ตลอดเส้นทางการเดินทางสองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียว หมู่บ้านเล็กๆ ที่ส่วนใหญ่ทำไร่ ทำปศุสัตว์ แต่ที่ประทับใจที่สุดบนเส้นทางนี้น่าจะเป็นเทือกเขาแอลป์ (Alps) ที่เป็นเพื่อนเราตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะขับรถลัดเลาะไปอย่างไรก็ตาม จะมองเห็นเทือกเขาอยู่เป็นเพื่อน ขนานไปกับเส้นทางให้เราได้ชมวิวงามๆ ไปตลอด บางช่วงที่พอจอดรถได้ พี่ออจะจอดรถให้หนูเล็กลงไปเก็บภาพทิวทัศน์สวยๆ เพราะสมาชิกทุกคนรู้ว่า หนูเล็กนั้นหลงรัก "เขา" อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ภาพเทือกเขาที่สูงตระหง่านด้านบนมีหิมะปกคลุมมันช่างดูยิ่งใหญ่และน่าค้นหาเสียจริงๆ หนูเล็กจึงเก็บภาพระหว่างการเดินทางครั้งนี้อย่างไม่รู้เบื่อ อยากเห็น "เขา" ในทุกมุมแม้ว่าจะไม่สามารถสัมผัส "เขา" ได้ใกล้ๆ ก็ตามที และแล้วการเดินทางที่มีเทือกเขาแอลป์เป็นเพื่อนพวกเรามาตลอดทางก็นำพาพวกเรามาจนถึงที่หมายของคืนนี้ เราเลือกที่จะมานอนหมู่บ้านเล็กๆ อย่าง Argentiere อ่านว่า อาร์-ฌอง-ติ-แยร์ ที่ห่างออกมาจาก Chamonix เล็กน้อย เพราะแถวนั้นดูจะวุ่นวายและมีนักท่องเที่ยวมากเกินไป แถวนี้ค่อนข้างเงียบสงบดี คนไม่พลุกพล่านมากนัก

ที่พักคืนนี้เป็นโรงแรมชื่อ Hotel Le Dahu ซึ่งเป็นโรงแรมที่ตัวผนังห้องทำจากไม้สน ทำให้เราแสนอบอุ่นอยู่ในโรงแรมแห่งนี้แม้อากาศภายนอกค่อนข้างหนาวจัด เพราะเป็นโรงแรมที่มีเขาล้อมรอบเอาไว้ ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานโรงแรมทั่วไป แต่ละห้องมีระเบียงให้ได้ชมวิวงามๆ ของเทือกเขาขนาดมหึมาได้เต็มสองตา เมื่อไปถึงพี่ออเอารถเข้าที่จอดเรียบร้อย หนูเล็กไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตามที่เราได้ทำการสำรองห้องพักมาไว้ล่วงหน้า พร้อมชำระเงินค่าห้องให้เรียบร้อยเผื่อว่าอยากจะออกเวลาไหนจะได้ไม่ต้องกังวลใจ เพราะทัวร์เรานิยมออกก่อนเวลาเช็คเอาท์อยู่แล้ว ก็เวลาเที่ยวมีน้อย ดังนั้นต้องใช้สอยอย่างเต็มที่

ห้องพักที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้รอบนี้แยกกันคนละชั้น หนูเล็ก พี่ใหญ่และคุณสุดนอนกันที่ชั้น 1 เป็นห้อง 3 คน ส่วนพี่ออและคุณปา ห้องอยู่ที่ชั้น 2 นอนกันสองคน ดีตรงที่ห้องเราทั้งสองห้องติดระเบียงได้ชมวิวภูเขา ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะจองไว้ล่วงหน้านานพอควร เลยได้ห้องดีๆ มาครอบครอง หลังจากเอาสัมภาระเก็บเข้าห้องกันเรียบร้อยก็ให้พี่ออขับรถพาพวกเราไปวนๆ เที่ยวแถวตัวเมือง Chamonix กันเสียหน่อย และตั้งใจว่าจะไปซื้ออาหารการกินแบบสำเร็จรูปและวัตถุดิบบางอย่างที่ห้างคารฟูร์ที่เราผ่านเมื่อตอนเข้าเมืองมาไว้เป็นอาหารเย็นวันนี้และสำหรับจัดทำอาหารมื้อเช้า เราจองที่พักโดยเลือกที่จะไม่เอาอาหารเช้าของโรงแรม เพราะราคาค่อนข้างสูงพอสมควร

ห้องของสาวๆ ค่ะ

ห้องของพี่ออกับคุณปา

มาทำความรู้จักกับ Chamonix กันเสียหน่อย Chamonix อ่านว่า ชาโมนิกซ์ บางทีก็เรียกว่า ชาโมนีซ์ มักเรียกกันเต็มยศว่า Chamonix Mont-Blanc เป็นประตูด่านสุดท้ายที่เข้าสู่ยอดเขามงต์บลองค์ซึ่งเป็นภูเขาสูงที่สุดในหมู่เทือกเขาแอลป์ของยุโรป หรือ Top of Europe และมีความสูงอันดับที่ 11 ของโลก (4,807 เมตรจากระดับน้ำทะเล) ชาวฝรั่งเศสเรียกภูเขานี้ว่า"มงต์บลองค์" ส่วนคนอิตาลีเรียกว่า "มองติ เบียงโก-Monte Bianco ความหมายของมงต์บลองค์ คือ สุภาพสตรีสีขาว "La Dame Blanche" มาจากสภาพธรรมชาติของยอดเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี

Chamonix เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในเขต Rhône-Alpes ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส และอยู่ในเขตของภูเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์อีกด้วย เคยเป็นที่ตั้งของโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งแรกในปี 1924 ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน และยังเป็นหนึ่งของเมืองสกีรีสอร์ที่เก่าแก่ที่สุดประเทศฝรั่งเศส มีเขตแดนเชื่อมต่อกันกับ 3 ประเทศด้วยกัน ฝรั่งเศส อิตาลี ซึ่งเชื่อมโดยผ่านทางถนน Courmayeu เข้าไปยังอุโมงค์ Mont-Blanc และผ่านทางถนนกับทางรถไฟของ Martigny สวิสเซอร์แลนด์

ที่นี่จะมีจุดขึ้นนั่งเคเบิ้ลไฟฟ้า "Telepherique de l'Aiguille du Midi" ที่จะพาเราไปสู่ยอดเขา Aiguille du Midi (ไอกุย ดู มิดิ) ที่ความสูง 3,842 เมตร เพื่อชมความงามและทัศนียภาพของยอดเขา Mont-Blanc ที่สูงที่สุดในยุโรปและจะเปิดให้ขึ้นเฉพาะในฤดูร้อนเท่านั้น ประชากรในหมู่บ้านนี้มีแค่หลักหมื่นคน แต่กลับเป็นสถานที่ที่คึกคักมีชีวิตชีวาและเป็นจุดหมายปลายทางของนักสกีทั้งหลายที่อยากจะมาเยือนและขึ้นไปชมความงามที่ด้านบน

หนูเล็กก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ตกหลุมรัก "เขา" อย่างจริงจัง ไม่ต้องถึงกับขึ้นไปชมบนยอดที่ระดับความสูงขนาดนั้นก็ได้ แค่เพียงได้นั่งมอง "เขา" มุมนั้นมุมนี้ในขณะที่เขาโอบล้อมตัวเราเอาไว้ เพียงเท่านี้ก็มีความสุขจนอดนั่งยิ้มอยู่คนเดียวไม่ได้เลยจริงๆ

เราใช้เวลาบ่ายนี้ในการพักผ่อนโดยการขับรถออกไปหาอะไรมารับประทานตามที่ว่า ขับรถวนๆ ชม Chamonix กันเล็กน้อย จากนั้นก็กลับมาใช้เวลานั่งเอาบรรยากาศที่ที่พักที่มีขุนเขาโอบล้อมพวกเราไว้ เพียงเท่านี้ก็มีความสุขเหลือเกินแล้ว

วิวสวยๆ จากห้องของพี่ออค่ะ

ขับรถไปยัง Chamonix

ภายในตัวเมือง Chamonix

บรรยากาศคึกคักมาก

สถานีรถไฟ Argentiere

และในที่สุดค่ำคืนนี้พวกเราก็หลับไหลภายใต้อ้อมกอดของ "เขา" ถึงแม้จะอากาศภายนอกอาจจะหนาวเหน็บ แต่การมาพักบ้านไม้สนเช่นนี้ทำให้เราอบอุ่นจนไม่รู้สึก นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้นอนมองเทือกเขาแอลป์จากหน้าต่างห้องนอนจนผลอยหลับไป จะมีอะไรวิเศษไปกว่านี้ได้อีก มันดีต่อใจจริงๆ ค่ะ


แวะไปเยี่ยมชมภาพถ่ายจากการเดินทางและทักทายพี่ใหญ่กับหนูเล็กได้ที่

https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/


Piyai&Noolek

 วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.25 น.

ความคิดเห็น