ความเดิมจากตอนที่แล้ว เรากำลังจะจากแผ่นดินฝรั่งเศสออกเดินทางสู่ "อิตาลี" กันแล้วค่ะ
เช้านี้เราตื่นกันแบบสบายๆ ไม่รีบร้อนมากนัก พี่ใหญ่ลงมือทำอาหารเช้าแบบ American Breakfast เลี้ยงลูกทัวร์ด้วยตัวเอง เป็นเพราะวันนี้ที่พักเราอยู่ใกล้สถานีรถไฟมาก อีกทั้งรถไฟจะออกก็ตั้งแปดโมงครึ่ง เดินไปสถานีแค่สิบนาทีก็ทันถมเถแล้ว ส่วนคุณปาก็ตื่นขึ้นมาจัดการอาหารกล่องเพื่อจะได้รับประทานเมื่อเดินทางไปถึงที่หมายเพราะเราจะเดินทางไปถึง "อิตาลี" ในเวลา 13.50 น. จะให้ไปเดินหาร้านอาหารกันอีกก็คงไม่ไหวกระมัง ป่านนั้นคงหน้ามืดตามัวกันเต็มที่แล้ว
มาตั้งต้นกันที่สถานีรถไฟกลาง Gare de Lyon Part Dieu
เราใช้บริการขบวน TGV9241 ค่ะ
เมื่อเดินทางไปถึงสถานีรถไฟ หน้าจอก็ขึ้นหมายเลขขบวนรถที่เราจะเดินทางพอดิบพอดี หนูเล็กแวะร้านในสถานีซื้อขนมขบเคี้ยวติดไม้ติดมือไปด้วย เผื่อให้ลูกทัวร์ได้ทานเล่นแก้เบื่อ จากนั้นเราก็พากันลากกระเป๋าขึ้นไปยังชานชาลา E ตามที่หน้าจอแจ้งเอาไว้ เพียงสักครู่เดียวขบวนรถ TGV2941 จาก Lyon สู่ Milano ก็เข้ามาจอดเทียบที่ชานชาลา พวกเราไปยืนรอที่ตู้ 5 ตามหน้าตั๋วซึ่งหนูเล็กได้ทำการจองออนไลน์ตั้งแต่ที่เมืองไทยพร้อมเลือกที่นั่งของพวกเรามาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนมาก็เพียงแต่พิมพ์ใส่กระดาษ A4 มาไว้ให้นายตรวจดูก็แค่นั้นหรือจริงๆ แล้วจะเปิดในมือถือโดยไม่ต้องสั่งพิมพ์ก็ได้
ตั๋วเดินทางของหนูเล็กค่ะ
ขนมขบเคี้ยวที่เตรียมไว้ระหว่างการเดินทาง รุ่น Limited Edition ด้วยค่ะ
เมื่อเอาสัมภาระจัดเก็บเรียบร้อยก็ไปหาที่นั่งตามที่จองไว้ เมื่อถึงเวลารถไฟก็เคลื่อนตัวออกจากชานชาลา พ้นเขตเมืองเท่านั้นละ วิวทิวทัศน์สองข้างทางก็เปลี่ยนเป็นท้องทุ่งสีเขียวสบายตา ยิ่งพอห่างออกไปบรรยากาศยิ่งทำให้หลับไม่ลงเอาเลยทีเดียว เพราะเต็มไปด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อนทอดตัวเป็นแนวยาวให้ได้ดูอย่างเพลิดเพลิน รถไฟมีแวะจอดบ้างบางสถานี จากนั้นก็วิ่งผ่านไปท่ามกลางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ แม้ว่ารถไฟจะวิ่งค่อนข้างเร็ว แต่หนูเล็กก็อดเก็บภาพทิวทัศน์สวยๆ ระหว่างทางแบบตามมีตามเกิดไว้ไม่ได้
อาจเป็นเพราะการเดินทางวันนี้ใช้เวลาค่อนข้างนานคือราวๆ 5 ชั่วโมงกว่า แม้ว่าพี่ใหญ่และหนูเล็กจะจัดให้มีขนมขบเคี้ยวมาบริการแก่ลูกทัวร์ทั้ง 3 คนแล้วก็ตาม แต่การนั่งรถไฟนานๆ และพวกเขาก็ไม่ใช่พวกบ้าวิวทิวทัศน์แบบหนูเล็ก ก็ทำให้ทั้ง 3 คนติดออกจะเบื่อๆ อยู่เหมือนกัน ดังนั้น พี่ใหญ่หัวหน้าทัวร์จึงเปิด Pocket Wifi ที่เราเช่ามาใช้งานให้สมาชิกทุกคนได้ใช้เวลาว่างๆ นี้ติดต่อสื่อสารกับทางบ้าน กับมิตรรักแฟนเพลง หรือได้เช็คอิน แจ้งสถานะตัวตนว่ายังอยู่ดีมีสุขกันแม้จะถูกพี่ใหญ่และหนูเล็กพามาลำบากไปสักนิด (รึเปล่า) ยอมรับเลยว่าการเดินทางอันยาวนานถึง 5 ชั่วโมงกว่า น่าจะเป็นเรื่องที่ทรมานพอควรสำหรับหลายๆ คนโดยเฉพาะผู้มีน้ำหนักตัวมาก นั่งนานๆ ก็อึดอัดเป็นธรรมดา แม้จะได้ลุกเดินเล่นไปตู้เสบียงบ้าง ไปห้องน้ำบ้างก็ตาม ยังดีที่มีวิวทิวทัศน์งามๆ ที่ด้านนอกให้ได้ชมบ้าง ไม่เช่นนั้นคงจะแย่น่าดู
การเดินทางนี้เป็นการเดินทางข้ามประเทศ ดังนั้น ระหว่างทางมีเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นมาขอตรวจสอบตั๋วเดินทางและ Passport ของผู้โดยสารทุกคน บางรายอาจมีกลิ่นตุๆ หรืออะไรไม่ทราบได้ หนูเล็กเห็นมีการขอตรวจค้นสัมภาระอยู่เป็นนาน ส่วนหนึ่งที่มีการตรวจเข้มมากขึ้นอาจเป็นเพราะเพิ่งเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายในกรุงปารีสและกรุงบรัสเซลล์ในประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องไปวิตกกังวลอะไรค่ะ เขามาขอตรวจก็ให้ตรวจไปแต่โดยดี แค่นั้นก็จบ
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงสถานี Milano Porta Garibaldi (อ่านว่า มิลาโน พอร์ต้า การิบัลดิ) ตามเวลาที่กำหนดไว้เป๊ะ ซึ่งจริงๆ แล้วนับเป็นเรื่องที่สร้างความปวดหัวให้พี่ใหญ่และหนูเล็กอยู่เหมือนกัน เนื่องจากตอนแรกเราสองคนดีอกดีใจที่จองที่พักไว้ใกล้กับสถานีรถไฟ มารู้ภายหลังจากที่จองที่พักไปแล้วว่า ที่พักที่จองไว้นั้น จริงอยู่ที่ใกล้สถานีรถไฟในวันที่เราจะเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น แต่สำหรับวันนี้นั้น มันคนละสถานีกัน เพราะที่พักของเรานั้นอยู่ที่สถานีรถไฟกลางหรือ Milano Centrale (อ่านว่า มิลาโน เซ็นแทร) ซึ่งจะต้องเดินทางจากที่นี่ไปอีก ราวๆ 2 กิโลเมตร ซึ่งลูกทัวร์เราต้องเข้มแข็งค่ะ เพราะหัวหน้าทัวร์และผู้ช่วยหัวหน้าทัวร์รักการเดินเป็นชีวิตจิตใจ เปิดแผนที่เดินกันเพลินๆ ไม่นานนักก็ถึงจุดหมายของเราแล้วล่ะนะ อดทนกันต่อไป
สถานีรถไฟ Milano Centrale ที่ใกล้ที่พักเราค่ะ
ที่พักคืนนี้เป็นอพาร์ทเมนท์ให้เช่า ตั้งอยู่บนถนน Via Fabio Filzi ซึ่งหนูเล็กได้ติดต่อกับ Silvia ผู้เป็นเจ้าของในการนัดหมายส่งมอบกุญแจไว้ในเวลาบ่ายสามโมง ซึ่งพวกเราไปถึงตามเวลานัดพอดิบพอดี รออยู่ไม่นานก็มีชายหนุ่มมาแจ้งกับเราว่าเป็นเพื่อนชายของเธอพาเราไปยังห้องพักซึ่งอยู่ภายในอาคารเก่าๆ ลิฟท์แคบๆ เล็กๆ บรรยากาศน้องๆ ที่ Colmar ถ้าพอจำกันได้ว่ามีหลอนๆ นิดหน่อย
อพาร์ทเมนท์ของ Silvia ค่อนข้างกว้างขวาง น่าจะรองรับคนได้ 7-8 คนเลยด้วยซ้ำ เพราะมีเตียงนอนเต็มไปหมด แต่ก็ขัดแย้งกับขนาดของครัวที่ค่อนข้างแคบไปสักนิด ดีว่าอุปกรณ์ที่มีให้ครบครัน มีห้องน้ำสองห้องทำให้พวกเราค่อนข้างสะดวกไม่ต้องรอกัน
พี่ใหญ่ให้ทุกคนเก็บสัมภาระและพักผ่อนตามอัธยาศัยกันสักพักหลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งมายาวๆ เพราะแผนหลังจากหายเหนื่อยเมื่อยล้ามีรออยู่ ทัวร์นี้ไม่รอท่าค่ะ จะพาออกเที่ยว Milano หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ Milan กันในทันที ตอนนี้ก็แค่บ่ายสามโมง ราตรีนี้ยังอีกยาวนานนัก เวลาเที่ยวของเรายังมีได้อีก ได้อีก คนที่ตีปีกดีใจที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหนูเล็กซึ่งได้จัดเตรียมโปรแกรมรอทุกคนไว้เป็นที่เรียบร้อย รอแค่ลูกทัวร์ฟื้นคืนชีพมาเท่านั้น โปรแกรมนี้หนูเล็กรอคอยอย่างใจจดจ่อและเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการมาเยือนอิตาลีครั้งหนึ่งในชีวิต
การมาถึง Milano เพิ่งจะเริ่มต้น ตอนหน้าหนูเล็กจะพาออกสำรวจเมืองอันเป็นเป้าหมายสำคัญในการเดินทางอีกเมืองหนึ่งของหนูเล็กค่ะ
แวะไปเยี่ยมชมภาพถ่ายจากการเดินทางและทักทายพี่ใหญ่กับหนูเล็กได้ที่
https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/
Piyai&Noolek
วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.56 น.