ก็เพราะความเปลี่ยวที่อยากจะเที่ยว แต่รู้สึกว่า ลองเที่ยวคนเดียวดูบ้างไหมจะเป็นอย่างไร ก็เลยเกิดทริปนี้ขึ้น และเมืองที่เลือกไปซึ่งไม่ไกลจากที่ทำงานและการเดินทางที่สะดวกที่สุด ก็คงจะต้องเป็น เขาใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีหลากหลายรูปแบบการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เราเลือกที่พักไว้ที่ปันนาบุรี ซึ่งเค้าเล่ากันต่อ ๆ มาว่า เป็น ลิตเติ้ลปาย ก่อนจะไปถึงที่พักของเรา เรามาเริ่มเข้าเรื่องการเดินทางในครั้งนี้กันดีกว่า

เริ่มต้นการเดินทางจากสระบุรี มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ในช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม 2559 การเดินทางครั้งนี้ เราเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวของเรา โดยหวังว่าเจอที่ไหนน่าสนใจก็แวะไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาและสถานที่ท่องเที่ยวนะครับ เราเลือกที่เริ่มท่องเที่ยวโดยการเข้าทางแดรี่โฮมนะครับ เส้นทางนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายแห่งเลยนะครับ เราขับมาเรื่อย ๆ ก็พบเจอสถานที่น่าแวะแห่งแรก นั่นก็คือ .. The Birder's Lodge.. ที่นี่เป็นทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร และมีที่พักด้วยนะครับ ที่นี่ทำมาจากไม้ ดูสวยงามมากครับ จุดพีคของที่นี่เห็นจะเป็น บ้านหลังใหญ่ ๆ ที่ปกคลุมไปต้นไม้เลื้อยเต็มตัวบ้านและหลังคาครับ

ผมชอบมาก เลยขอแชะภาพตัวเองสักกะหน่อยนะ

อีกสักภาพ แหะ ๆ

วันที่ผมไป คนยังไม่มากนะครับ เนื่องจากผมไปถึงช่วงเช้า ๆ ทำให้มีโอกาสเก็บภาพในมุมมองต่าง ๆ มาได้มากทีเดียว ต่อไปมาดูในมุมของตัวร้านกาแฟและร้านอาหารกันบ้างนะครับ ผมเน้นที่ภาพบรรยากาศทั้งภายในและโดยรอบนะครับ


วันนี้ผมสั่ง กาแฟ 1 แก้วนะครับ รสชาติดีทีเดียวสำหรับคอกาแฟนะครับ

ผมอยู่ที่นี่สักพัก คนก็เริ่มทยอยเข้ามากันแล้วครับ ก็เลยต้องขอตัวไปเก็บเกี่ยวความสวยงามและน่าสนใจในสถานที่ต่อไปนั่นก็คือ ที่พักของผมในค่ำคืนนี้นั้นเองที่ ..ปันนาบุรี รีสอร์ท เขาใหญ่ ..ครับ คงเป็นเพราะบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติแบบนี้นี่เองที่นี่จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า ลิตเติ้ลปาย

ที่พักมีหลากหลายสไตล์นะครับ ส่วนตัวผมเองได้เลือกบ้านแบบ Jungle โดยหลังที่ผมอยู่คือหลังที่ 4 อยู่ติดลำคลองนะครับ สนนราคาที่ 500 บาทครับ ถือว่าคุ้ม ๆ ที่พักของที่นี่ราคาจะแตกต่างกันตามแบบและช่วงเวลาการเข้าพักนะครับ พอดีช่วงที่ผมไปยังอยู่ในช่วงหน้าฝน ราคาจึงได้มาในราคาประมาณนี้นะครับ

ที่บ้านที่ผมพักจะมีระเบียงหรือชานยื่นออกจากหน้าบ้านด้วยนะครับ นั่งตรงนี้จะมองเห็นวิวแม่น้ำและริมฝั่งตรงข้าม ซึ่งได้บรรยากาศที่ดีทีเดียวครับ

บริเวณโดยรอบที่พักก็จะมี สะพานและฝายน้ำเล็ก ๆ กั้นสำหรับให้ผู้เข้าพักสามารถไปนั่งแช่น้ำเล่นได้นะครับ บรรยากาศดีมากครับ

นั่งวนไปครับ

เมื่อเข้าที่พักแล้ว ผมก็ได้ขับรถเล่นไปบริเวณรอบ ๆ ก้ได้เจอกับทุ่งทานตะวันเข้าครับ ช่างเป็นโชคดีของผมจริง ๆ ที่นี่เสียค่าเข้าชม 20 บาทนะครับ ถือเป็นค่าบำรุงทุ่งทานตะวันของพี่เข้าเนอะ

ใหญ่พอ ๆ กับหน้าผมเลย 555++

เป็นทุ่งที่ใหญ่มากทีเดียว ขับรถยนต์เข้าไปได้เลยนะครับ ช่วงนี้คนไม่เยอะอีกเช่นกัน สบาย ๆ ทุ่งนี้เหมือนเป็นของเราคนเดียวเลย เหอ ๆ

ชมทุ่งดอกทานตะวันแล้ว ก็รีบจัดแจงอาบน้ำ แต่งตัวและก็หามุมเก็บภาพบรรยากาศยามค่ำคืนของ ปันนาบุรี กันต่อ

ยามค่ำคืนก็จะได้อีกบรรยากาศหนึ่งนะครับ

และที่บริเวณส่วนกลางของที่นี่ก็จะมีที่นั่งไว้รองรับสำหรับการรับประทานมื้อเย็น หรือ การนั่งคุยสนทนากันประสาเพื่อน ๆ และคนรู้ใจนะครับ


ส่วนคนรู้ใจของผมนะเหรอครับ ไม่ใช่ครับ น้องเหมียวนี่เอง ไม่รู้มาเข้าเฟรมตอนไหนนี่ขนาดตั้งกล้องจับเวลาชัตเตอร์เองนะครับเนี่ย น้องเหมียวยังติดเข้ามาได้ ผมระงงจริง ๆ

หลังจากเดินเก็บบรรยากาศโดยรอบ ผมก็เตรียมพร้อมที่จะเข้านอนระครับ คืนนี้คงหลับเป็นตายกันเลยทีเดียว..

หลังจากเต็มอิ่มกับการนอนหลับอย่างสบายแล้ว ตื่นเช้ามาเปิดรับอากาศยามเช้าที่สดชื่น ผมก็รีบอาบน้ำ แต่งตัวพร้อมเดินทางไปผจญภัยใน ..เขาใหญ่.. กันแล้วระครับ อะอ่อ !! ห้องพักแบบผมนะครับ จะเป็นห้องน้ำรวมและไม่มีอาหารเช้านะครับ สำหรับใครที่ต้องการแบบห้องน้ำส่วนตัวก็มีนะครับ ลองศึกษาข้อมูลดูกันเนอะ ..

เราเริ่มขับรถขึ้นเขาใหญ่กันแล้วนะครับ ตลอดทางจะมีป้ายเตือน " ระวังช้างป่า" และภาพ อย่าให้อาหารสัตว์ เมื่อเราเป็นนักท่องเที่ยวทีดี เราก็ควรปฎิบัติตามกฎของสถานที่เค้ากันด้วยนะครับ ผมขับรถขึ้นมาเรื่อย ๆ ก็จะเจอกับทุ่งหญ้าบนภูเขาเตี้ย ๆ สีเขียวขจี บริเวณนี้จะมีจุดจอดรถสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพชมความงดงามกันด้วยนะครับ

ผมก็แวะถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ ตรงไหนสวยและที่บริเวณที่จอดรถก็แวะไปเรื่อย ๆ ครับ

มีหนองน้ำสำหรับเป็นแหล่งน้ำของสัตว์น้อยใหญ่ที่นี่ด้วยครับ

เห็นลานกว้าง ๆ ผมก็ขอกระโดดบ้างนะครับ


ขับรถไปเรื่อย ๆ จนมาถึง ..น้ำตกเหวนรก..จากบริเวณที่จอดรถ เราต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 1 กิโลเมตรนะครับ สำหรับผมเองเดินได้สบาย ๆ ครับ แต่จะมีจุดช่วงก่อนลงน้ำตก ระยะทางเพียง 100 เมตร แต่เป็นททางที่ชันมาก ผมเองก็ยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่นะครับ แต่ที่นี่เค้าก็มีราวจับสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่นะครับ

เมื่อลงมาถึงด้านล่างแล้ว สิ่งที่เราได้สัมผัสคือความยิ่งใหญ่ของน้ำตกแห่งนี้

น้ำตกใหญ่มากจริง ๆ ครับ

ชมความงามกันอย่างเต็มอิ่ม ก็เตรียมตัวเดินทางกลับกันระครับทีนี้

นี่เป็นสะพานแดง ที่นักท่องเที่ยวต้องผ่านเพื่อไปยังน้ำตกเหวนรก

และแล้วก้ได้เวลาที่ต้องกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้งกับการสู่โหมดของคนทำงานต่อไป เมื่อพลังในกายใกล้จะหมด การท่องเที่ยวสำหรับผมคือยาที่ดีที่สุด(นอกจากครอบครัวและคนที่เรารัก)ที่จะคอยเยียวยาและคอยช่วยปลุกพลังในตัวเราขึ้นมาใหม่เพื่อให้พร้อมรับกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป ผมหวังว่าการท่องเที่ยวในแต่ละครั้งของผม จะช่วยปลุกพลังแรงกายของคุณให้ลุกโชติช่วงพร้อมจะเผชิญกับสิ่งที่รอคุณอยู่นะครับ... Fighting !!







FreelyThailand

 วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.56 น.

ความคิดเห็น