วันที่ 10 มกราคม 2568
สวัสดีครับ ในที่สุดวันนี้ผมก็ตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวภาคอีสานที่อยู่ไกลที่สุด ที่ผมเคยเดินทางมาเที่ยวครับ ซึ่งนั่นก็คือบึงกาฬ
แน่นอนว่า จริงๆแล้วผมนั้น ก็มีเป้าหมายที่จะเดินทางไปยังถ้ำนาคา และถ้ำนาคีครับ และเนื่องจากว่าผมเดินทางมาถึงค่อนข้างบ่ายมากแล้ว ผมก็เลยเลือกที่จะเดินทางมาเที่ยวที่ "วัดภูทอก" ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงอย่างมากของที่จังหวัดนี้ครับ
ทางเข้าครับ
อ่าๆๆๆ นี่ครับ "บึงกาฬ" ดินแดนแห่งบันไดครับ
และนี่ก็คือยอดเขา ที่เราจะต้องเดินพิชิตครับ
บันได
บันได
"หึหึ เลี้ยวขวา 200 เมตร เลี้ยวซ้าย 220 เมตร"
"ระดับเรา มันก็ต้องเลี้ยวซ้ายอยู่แล้วซิ เด๋วไม่คุ้ม"
อืมมม แนวเส้นของหินที่ดูเหมือนกับรอยกัดเซาะของน้ำทะเลนั้น ดูเป็นแนวทะแยง แสดงว่าพื้นที่แห่งนี้ที่เคยอยู่ใต้ท้องทะเลนั้น จะต้องเคยเกิดเหตุแผ่นดินไหวจนกองหินเหล่านี้เอียงตัวลงแน่นอน (ผมนั้นสวมบทเป็นนักธรณีวิทยาทันที หึหึ)
อืมมม ร่องรอย Sun Crack ที่ดูคล้ายๆกับที่ถ้ำนาคา (แต่ตรงนี้เป็นแนวขนานกับพื้น)
ส่วนตรงนี้เป็นแนวเอียง ซึ่งสอดคล้องกับหินก้อนแรก
มุมนี้แสงสวย
ตลอดทางเดินนั้น เราจะพบกับจุด Check Point ที่นักท่องเที่ยวนั้น สามารถไหว้พระได้เป็นระยะๆครับ
แล้วผมก็เดินมาถึงลานกว้าง
อืมมม มีระเบียงชั้นสองด้วยๆๆๆ
ขึ้นไปยังงัยหว่าๆๆๆ
อัยย่ะ เจอทางขึ้นแล้ว
แต่ว่า ทางขึ้นมันทำไมดูแปลกๆหว่าๆๆๆ
หรือว่านี่มันจะเป็นอุโมงค์ของโดเรม่อน ที่พอเดินเข้าไปแล้ว ตัวเราจะเล็กลงเรื่อยๆ
อืมมม หรือว่าเราจะต้องแก้ปริศนาก่อน ประตูลับถึงจะเปิดเหมือนในหนังอินเดียน่าโจนส์
และหลังจากที่ผมแก้ปริศนาได้แล้ว ประตูลับก็เปิดออก ผมก็เลยขึ้นมายังทางเดินชั้นสองได้ครับ
อ่ะ ล้อเล่น ทางเดินขึ้นมันอยู่ทางซ้ายครับ ฮ่าฮ่าฮ่า
สำหรับตรงนี้นั้น จะมีรูปปั้นของพระเกจิจากทั่วประเทศอยู่แย่ะเลยครับ
อืมมม ไม่แน่ใจว่าดื่มได้หรือเปล่าครับ
แล้วหลังจากนั้น ผมก็เดินขึ้นไปอีกชั้นครับ
แล้วก็เจอกับวิวนี้
และก็ทางเดินแบบนี้
ทางเดินไม่ได้แคบครับ เดินสวนกันได้สบาย
มีวิหารไม้ ที่น่าสนใจอยู่ด้วยครับ
ตัววิหารไม้เล็กๆนี้ ผมว่าดูน่าสนใจมากๆครับ เพราะว่าตั้งอยู่บนหินอีกก้อนนึงเลย
อัยย่ะมุมนี้ สวยเลยครับ
และหลังจากที่ผมเดินมาเรื่อยๆ ก็เจอกับทางขึ้นไปชั้น 7 ครับ
และแล้วผมก็เจอกับสิ่งนี้ครับ
อืมมม ชีวิตคนเรานั้น ก็เหมือนกับการเดินป่าและปีนเขาในเส้นทางที่เราไม่รู้จัก
และเมื่อถึงจุดหนึ่ง เราก็ต้องพบกับทางเลือกที่สำคัญในชีวิต
ว่าเรานั้น จะเลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา ???
และทันใดนั้น ผมก็เลือกที่จะเลี้ยวขวาครับ T T
แล้วหลังจากนั้น มันก็เหมือนกับหนังชีวิตเลยครับ เพราะว่ามันเป็นทางเดินเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางป่ารก ที่พาผมเดินวนไปวนมาอยู่บนนั้น จนผมนั้น ไม่ได้หยุดที่จะถ่ายรูปเลยซักใบครับ
เพราะว่าทางเดินมันเปลี่ยว และรกทึบมากๆ T T
และหลังจากที่ผมเดินวนไปวนมาอยู่นาน
ผมก็มาถึงทางเดินริมผาจนได้
วิวมันก็ประมาณนี้ครับ
ทางเดินครับ
มีวิวเสาวิทยุให้ถ่ายรูปครับ เห่ะๆ
และในที่สุด ผมก็เดินมาถึงจุดชมวิวตรงนี้ครับ
อ่อๆๆๆ มันเป็นจุดชมวิว เพื่อมาชมวิหารแห่งนี้ครับ
อัยย่ะ เจอตังค์ด้วยๆๆๆ
และหลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จแล้ว ผมก็เดินกลับครับ
ถึงแม้ว่าทางเดินนั้น จะดูรกอยู่บ้าง
แต่จริงๆแล้ว ถ้าตรงจุดนี้นั้น ผมแค่เลี้ยวขวา มันก็จะไปถึงจุดชมวิวสวยๆตรงนั้น แบบใกล้มากๆครับ
ดังนั้น ขอจงเลี้ยวขวาครับ ฮ่าฮ่าฮ่า
และหลังจากนั้น ผมก็กลับลงมาเดินที่ทางเดินชั้น 5 ครับ
นั่นๆ มี Sun Crack คล้ายๆลำตัวงูเหมือนที่ถ้ำนาคาเลยๆๆๆ
และหลังจากที่ผมเดินวนไปเรื่อยๆ ผมก็เจอทางเดินไปยังวิหารไม้หลังเล็กๆจนได้ครับ
และก็เป็นเวลาใกล้พระอาทิตย์ตกดินพอดี
ด้านในวิหารไม้ครับ
ตรงนี้เป็นส่วนที่ดูเหมือนว่า หินก้อนเล็กๆนั้น ถูกวางอยู่บนหินก้อนใหญ่อีกทีครับ
ทางเดินระเบียงไม้ กับจุดชมวิว ที่ผมถ่ายรูปลงมาเมื่อกี้ครับ
แล้วมันก็มีทางเดินระเบียงไม้อยู่ใกล้ๆกับวิหารด้วยครับ
อ๊ะๆๆๆ ไปต่อไม่ได้
แหงนหน้าขึ้นไปถ่ายพระจันทร์ซักหน่อย
อืมมม ซูมถ่ายภาพภูเขาอีกลูกดูซักหน่อย
แอ๊ะ!!!
เขาลูกนี้มันปีนได้ด้วยเหรอๆๆๆ
และหลังจากที่ผมเดินลงมาแล้ว ก็ขออีกซักรูปหน่อยแล้วกัน
แบกกล้อง
วันพฤหัสที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 15.01 น.