ย่ำรุ่ง ณ ดอยพระฌาน — เสี้ยวแสงแรกแห่งศรัทธา

ผมเดินทางมาถึงเชิงดอยพระฌานตั้งแต่ฟ้ายังไม่เปิด เส้นทางขึ้นวัดทอดตัวผ่านไอหมอกบางเบา ราวกับสายไหมที่ห่มคลุมขุนเขา ดอยลูกเล็ก ๆ แห่งนี้ ตั้งอยู่ในเขตตำบลป่าตัน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง เป็นสถานที่ที่คนท้องถิ่นรู้จักดีว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจมาช้านาน และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็เริ่มได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวสายธรรมะและสายศิลป์อย่างเงียบ ๆ




วัดพระธาตุดอยพระฌาน เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดดอยพระฌาน แต่เดิมบนยอดเขามีเพียงซากอิฐปรักหักพังซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยเรื่องราวลี้ลับ ต่อมาใน พ.ศ.2445 ได้มีการสร้างองค์พระธาตุขึ้นบนยอดเขา จากนั้น พ.ศ. 2496 พระครูปัญญาวุฒิคุณ (หลวงพ่อปัญญา คนฺธิโย) อดีตเจ้าอาวาสวัดนาคตหลวงได้บูรณะองค์พระธาตุ รวมทั้งปรับปรุงสถานที่เพื่อประกอบพิธีบูชาพระธาตุจนเกิดเป็นประเพณีขึ้นดอยพระฌานบูชาพระธาตุปีละครั้ง หลังจากนั้นได้มีการบูรณะก่อสร้างวัดพระธาตุดอยพระฌานครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยพระพรชัย อัคควังโส เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยพระฌาน เมื่อ พ.ศ. 2551 เนื่องจากสิ่งปลูกสร้างเดิมที่ถูกปล่อยให้รกร้างมานานหลายปี จนกลายเป็นวัดที่งดงามดั่งเช่นในปัจจุบัน




เสียงลมหายใจของภูเขาแผ่วเบารับรุ่งอรุณ ผมยืนอยู่ด้านหน้าของตัวโบสถ์แห่งวัดพระธาตุดอยพระฌาน ลำปาง ลวดลายสีทองอันวิจิตรของตัวโบสถ์ปารกฎในลานสายตา ท่ามกลางม่านหมอกบางเบาที่โอบล้อมไว้ราวสรวงสวรรค์




แสงแรกของวันค่อย ๆ สาดทาบลงบนผนังของโบสถ์ ลวดลายอันวิจิตรบรรจงค่อยๆเปิดเผยเส้นสายศิลป์ทีละชั้น – เป็นลวดลายล้านนาที่กลั่นจากมือช่างผู้รู้ธรรมะ ไม่ใช่เพียงงานศิลป์ แต่เป็นงานแห่งศรัทธา


ภายในโบสถ์เงียบสงัด แสงส่องลอดช่องหน้าต่างไม้ฉลุลงมากระทบพื้นหินเย็น ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เพื่อซึมซับความสงบ วิวที่มองลอดช่องประตูออกไปเคล้าด้วยสายหมอก และทิวเขาที่สวยงาม ช่วยให้จิตใจที่วุ่นวายจากหน้าที่การงานได้คลายลง


เมื่อฟ้าเริ่มสว่างเต็มที่ ผมจึงค่อย ๆ เดินอ้อมเนินเขาไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ที่นั่นเองที่ “หลวงพ่อโต” ตั้งสงบอยู่เหนือเนินสูง เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ด้านหลังเป็นขอบฟ้าและขุนเขาสลับซับซ้อน




พระพุทธรูปองค์นี้ ได้รับแรงบันดาลใจจาก “พระไดบุตสึ” แห่งเมืองคามาคุระ ประเทศญี่ปุ่น แต่ถูกถอดแบบให้สอดรับกับบริบทล้านนา ทั้งในแง่สี ลวดลายฐาน และท่าทางสงบนิ่งอย่างเปี่ยมเมตตา




บริเวณรอบด้าน ถูกตกแต่งด้วยสไตล์ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟแขวน เอมะ หรือป้ายขอพร กระดิ่งลม ซุมประตูโทริอิที่ทอดยาว




หากหลับตาลง แล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มันเหมือนกับว่า ผมได้หลุดไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นจริงๆ มันน่าทึ่งมากๆที่ด้านหนึ่งของวัดเต็มไปด้วยเสน่ห์ของศิลปะไทยแบบล้านนา แต่เมื่อเราเดินถัดมาอีกไม่กี่ก้าว เหมือนกับว่าผมได้ทะลุประตูแห่งกาลเวลา แล้วไปโผล่ที่ญี่ปุ่นเลยทีเดียว




-----------------------------------------------------------------------
ติดตามกันต่อได้ที่
https://www.facebook.com/TravelofSalaryMan/
https://www.facebook.com/voravuds
https://www.youtube.com/@SalarymanJourney
Voravud Santiraveewan
วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เวลา 13.51 น.