ความเดิมตอนที่แล้วเราเดินแนะนำตัวกับ Varenna ในยามเย็นกันไปแล้ว

https://th.readme.me/p/7770

เช้านี้หนูเล็กมีนัดกับชายหนุ่ม Vittorio เจ้าของที่พัก ให้มารับเงินค่าที่พักในเวลาแปดโมงเช้า คาดหวังไว้ว่าคงได้เจอหนุ่มอิตาลีหน้าตาคมคายชวนฝัน พอได้เวลาก็มีเสียงกริ่งที่ประตูชั้นนอก พี่ใหญ่เป็นคนไปเปิดรับให้เข้ามา ชายหนุ่มที่เดินตามพี่ใหญ่เข้ามาเล่นเอาหนูเล็กมีอึ้งไปเล็กน้อย เพราะภาพที่ฝันไว้พังครืนลงหมด รู้แค่ว่าเขาเป็นชายคนหนึ่งก็คงเพียงพอแล้วล่ะค่ะ ทำให้หนูเล็กพบสัจธรรมข้อหนึ่งว่า หนุ่มอิตาลีไม่ได้หน้าดีกันทั้งประเทศ แค่นี้ล่ะ จบเลย

หลังจากจัดการธุระต่างๆ และอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาที่พวกเราจะออกเที่ยวเมืองรอบทะเลสาบโคโม่กันได้เสียที ว่าแล้วก็พากันเดินไปยังท่าเรือเพื่อซื้อตั๋วเดินทาง เขามีจำหน่ายตั๋วประเภทที่เรียกว่า One day pass คือสามารถเที่ยวได้เฉพาะในโซนที่กำหนด ซึ่งถ้าถามหนูเล็กก็จัดว่าเป็นจุดสำคัญๆ ที่เราคิดจะมากันอยู่แล้วค่ะ ดังนั้นคุ้มทีเดียว ดีกว่าซื้อตั๋วทีละเที่ยวให้สิ้นเปลืองและยุ่งยาก

การท่องเที่ยวใน Lake Como ที่หนูเล็กพูดถึงคือ จุดตรงกลางแผนที่ค่ะ สำหรับผู้ที่ซื้อตั๋วแบบ One day pass ใบเดียวคุ้มเลย เที่ยวได้หมด ไปในจุดหลักๆ ที่ควรไปทั้งนั้น แค่นั่งเรือเที่ยวก็คุ้มแล้ว การนั่งเรือเที่ยวนับเป็นข้อดีอย่างหนึ่งเพราะทำให้เราได้ชมวิวแบบ 360 องศา สามารถมองมุมนั้นมุมนี้ได้รอบๆ ที่สำคัญวิวใน Lake Como ก็สวยรอบทิศขนาดนี้อดใจได้อย่างไรกัน

เมื่อซื้อตั๋วเสร็จพี่ใหญ่กับหนูเล็กตัดสินใจว่า เราจะไปเมืองอะไรเป็นอันดับแรก สุดท้ายก็มาตกลงกันที่ Bellagio แต่ตอนนั้นยังไม่ถึงเวลาเรือเข้าเทียบท่าเราจึงพากันไปเดินเล่น เพราะใกล้ๆ กันนั้นมีตลาดนัดขายของพอดิบพอดี ก็เลยเดินดูข้าวของรอเวลากัน พอได้เวลาที่เรือจะมาก็ไปยืนคอยกัน เรือที่ใช้ข้ามไปนี้เป็นเรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่ หรือภาษาอิตาเลียนจะเรียกว่า Traghetto รถที่จะเดินทางไปเมืองพวกนี้ก็สามารถใช้บริการได้ รวมทั้งรถบัสด้วย สุดยอดเลย การเดินทางไปยัง Bellagio ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีค่ะ

Bellagio หรืออ่านว่า เบลลาโจ้ เป็นเมืองซึ่งอยู่ตรงกลางทะเลสาบพอดี เป็นเมืองเล็กๆ อีกเมืองหนึ่งที่น่ารัก สวยงาม จนมีคำกล่าวว่าเป็น Pearl of the Lake เมืองนี้เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวคึกคักมาก

เมื่อเรือที่เราโดยสารมาเริ่มห่างจากฝั่งมากขึ้น ยิ่งทำให้เห็นความงามที่รออยู่เบื้องหน้า น้ำใสๆ เทือกเขาโอบล้อมเราไว้ เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามมากจริงๆ จึงไม่แปลกเลยที่นักท่องเที่ยวจะพากันถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกอย่างไม่รู้เบื่อแม้จะเป็นมุมเดิมๆ

ในที่สุดเราก็มาถึง Bellagio กันแล้วค่ะ นับเป็นเมืองที่คึกคักมากเมืองหนึ่ง เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเดินกันให้ขวักไขว่ พวกเราเดินจากท่าเรือมุ่งหน้าไปยังทางเดินแคบๆ ที่ไต่ระดับขึ้นไปบนเขา ทางเดินนี้ละที่เป็นเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวหลงรัก บันไดปูด้วยหินสุดแสนโรแมนติก ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายของ ร้านอาหาร เหมาะสำหรับผู้นิยม window shopping เป็นที่สุด เครื่องหนัง กระเป๋าสะพาย เข็มขัด ผ้าไหม พัด ร่ม ตุ๊กตา เซรามิกข้าวของ chic chic ทุกรูปแบบ แม้อาจไม่ใช่แบรนด์ดังที่เอ่ยชื่อปุ๊บรู้จักปั๊บ แต่ขอโทษค่ะคุณภาพน่ะ Made in Italy นะคะ ขอบอก หยิบจับอันไหนราคาก็ไม่เบามือเลย

ที่นี่มีมุมถ่ายรูปที่เป็นมุมมหาชนของเมือง สาเหตุที่มุมนี้ดังก็เพราะมี Artist ชาวอิตาเลียนมานั่งวาดรูปมุมนี้ จากนั้นเมืองนี้ก็เลยโด่งดังเป็นที่รู้จัก

มุมแถวๆ นี้ละค่ะ ที่ศิลปินชาวอิตาลีมานั่งวาดรูปไว้

อาจเป็นเพราะข้าวของที่นี่มีมากมายหลากหลาย และพวกเราก็อัดอั้นตันใจกับการช้อปปิ้งกันมาเหลือเกินแล้ว วันนี้พวกเราจึงเริ่มกระจายรายได้นำเงินยูโรออกจากกระเป๋ากันไปบ้าง พี่ออแวะซื้อของที่ระลึกกลับไปฝากคนทางบ้าน พี่ใหญ่ หนูเล็กและคุณปา เริ่มหาซื้อของขวัญของฝากญาติสนิทมิตรสหาย ระหว่างรอพวกเราละลายเงินยูโรหนูเล็กไปสะดุดตากับสตอเบอรี่สีแดงสดลูกใหญ่เลยจัดมาลิ้มชิมรสเสียหน่อย รสชาติพอใช้ได้ค่ะอาจเหมาะกับคนชอบรสออกเปรี้ยวนิดๆ

พ่อหนุ่มขายไอศกรีม

เราเดินกันไปจนไปเจอโบสถ์ประจำเมืองอย่าง Basilica di San Giacomo ด้านนอกดูเรียบๆ ธรรมดา แต่ด้านในนับว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากทีเดียว โดยเฉพาะแท่นบูชาหลักที่งดงามมลังเมลืองด้วยสีทองอร่าม ช่วงที่เข้าไปนั้นกำลังมีพิธีสวดพอดิบพอดี พวกเราจึงได้แต่ยืนชมการทำพิธีอยู่ห่างๆ และล่าถอยออกมาเงียบๆ เมื่อยืนชมได้สักครู่หนึ่ง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมืองนี้มีบรรยากาศโรแมนติกหรืออะไรนักหนา เจอแต่คู่รักแสดงบทรักหวานๆ มากลั่นแกล้งให้ได้รู้สึกเหงาใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น ซ้ำร้ายยังเจอแต่หนุ่มๆ หน้าตาดี มีเสน่ห์จนอดที่จะแอบเก็บภาพมาไว้ฝันลมๆ แล้งๆ ถึงไม่ได้ หรือจะเป็นเพราะเมื่อเช้าเจอพ่อหนุ่ม Vittorio เจ้าของที่พักที่เล่นเอาช็อกซีเนม่าไปก็ไม่รู้ พอเห็นหนุ่มคนอื่นเลยดูจะหน้าตาดีเลิศไปเสียหมด เก็บภาพมานั่งมองก็ดีเหมือนกัน ภาพที่ติดตาเมื่อเช้าจะได้เลือนหายไปจากความทรงจำได้เร็วๆ หน่อย เมืองแบบนี้ดูท่าจะไม่เหมาะกับคนโสดเสียแล้ว เที่ยวเมืองอย่างนี้บ่อยๆ จิตใจสาวสวยหดหู่เกิ๊น แต่ทำอย่างไรได้ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ต้องทำร้ายจิตใจตัวเองกันให้มันสุดๆ ไปเลยค่ะ เพราะจาก Bellagio เราจะไปต่อกันที่ Lenno ที่นั่นมีสถานที่หนึ่งที่ถือเป็น A must ไม่ไปไม่ได้ รับรองว่าที่นั่นสาวโสดจะยิ่งเศร้า เหงา รัก กันหนักกว่านี้ไปอีก เพราะอะไร ไว้ขึ้นเรือไปกันเลยค่ะ

หล่อบาดตาบาดใจเกิ๊น

เรื่อออกจากท่าพาเราไปยัง Tremezzo แล้วค่ะ

Tremezzo เป็นอีกจุดหนึ่งที่ตั๋วของเราสามารถแวะได้ ที่นี่มีวิลลาชื่อดังอย่าง Villa Carlotta ที่มีสวนที่สวยงามมากให้ไปเยี่ยมชม ซึ่งต้องใช้เวลาพอควร พวกเรามีที่หมายอื่น จึงขอผ่านค่ะ

แวะไปเยี่ยมชมภาพถ่ายจากการเดินทางและทักทายพี่ใหญ่กับหนูเล็กได้ที่

https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/

Piyai&Noolek

 วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.32 น.

ความคิดเห็น