จากตอนที่แล้ว เราซ้อมมาเยือน Piazza San Marco กัน เพราะเรามีนัดมาเยือนกันอีกครั้งในเช้าวันรุ่ง

https://th.readme.me/p/8048

เรื่องของเรื่องคือเป็นความปรารถนาของหนูเล็กที่อยากจะมาชมพระราชวังของโดจ (Palazzo Ducale) ในเมื่อเราไปประเทศไหนๆ มาก็ล้วนไปชมวังเขามาทั้งนั้น เมื่อมาถึงเวนิสก็อยากจะมาชมศิลปะและสถาปัตยกรรมในอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่คุ้นเคยดูบ้าง ดังนั้น โปรแกรมนี้จึงถูกหนูเล็กบรรจุไว้ตั้งแต่การวางแผนการเดินทางที่เมืองไทยโดยการจองตั๋วออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Museum Ticket Reservations สำหรับการเข้าชมพระราชวังของโดจ ผู้ปกครองเวนิส ซึ่งนอกจากจะเข้าชมพระราชวังได้แล้ว ยังสามารถใช้บัตรใบเดียวกันเข้าชมพิพิธภัณฑ์อื่นได้อีก สองสามแห่ง เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว เพราะแค่นี้ราคาตั๋วก็ตกคนละ 24 ยูโรเข้าไปแล้ว

หนูเล็กเลือกจองรอบที่ 2 ของวัน ซึ่งเริ่มในเวลา 08.45 น. แต่อย่างไรก็ตามต้องไปแสดงตนติดต่อขอรับตั๋วจริงก่อนการเข้าชมประมาณ 20 นาที สาเหตุที่ต้องจองมาล่วงหน้าและเลือกรอบเช้าๆ เพราะไม่ต้องการรอคิวนาน เดินชมแล้วก็จะได้ไปเที่ยวเตร่ที่อื่นได้ต่อไป ดังนั้น พวกเราจะต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปยัง Piazza San Marco ให้เป็นไปตามเวลาที่เขากำหนด

ให้บังเอิญว่าสมาชิกพากันตื่นสาย และคุณปาต้องลุกขึ้นมาจัดการกับอาหารสำหรับพวกเราอีก การเดินทางจึงล่าช้าออกไป แต่ยังมีข้อดีตรงที่เพราะเราซ้อมเดินกันมาแล้วเมื่อวานนี้ จึงใช้การเดินทางตามเส้นทางเดิมมายังพระราชวังโดจ แต่ก็อย่างที่บอกค่ะ มาเวนิสถ้าไม่หลงนั่นไม่ใช่ของแท้ พี่ใหญ่เดินนำลิ่วเพราะต้องการรีบทำเวลา หนูเล็กเดินตามหลังยังแทบจะตามไม่ทัน ส่วนสมาชิกที่เหลือก็เดินตามๆ กันมา เมื่อถึงจุดหนึ่ง หนูเล็กหาพี่ใหญ่ไม่เจอ เหมือนจะออกนอกเส้นทางไป จึงเร่งฝีเท้าตามหาจนไปเจอ ให้นึกสังหรณ์ใจแล้วว่าเราสองคนคงเดินกันมาผิดทางแล้ว เพราะหนูเล็กตะหงิดๆ ว่าต้องเลี้ยวที่ซอกตึกเมื่อสองช่วงตึกก่อน แต่พอไม่เห็นพี่ใหญ่ก็เลยเดินตามมา ส่วนสมาชิกที่เหลือก็เงียบไม่มีวี่แวว ในที่สุดพวกเราก็หลงกันในเวนิสจริงๆ

เวนิสยามเช้าตรู่อันแสนเงียบสงัด

ยังไม่ตืนจากการหลับไหล

ณ เวลานี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าที่เราจะหาทางไปยังพระราชวังโดจกัน เพราะอย่างน้อยสมาชิกอีก 3 คนที่เหลือก็รู้ที่หมายกันแล้ว อย่างไรเราก็คงไปเจอกันที่ตรงนั้นจนได้ เราสองคนจึงพากันหาทางเดินไปยังพระราชวังโดยการเปิดเส้นทางใหม่ๆ ทะลุลัดเข้าซอก เข้าตรอกเล็กๆ ที่หนูเล็กมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซนต์เลยว่าไม่ใช่เส้นทางที่ได้เดินแล้วเมื่อวานนี้อย่างแน่นอน เพราะไม่มีอะไรคุ้นตาเลย ตึกรามบ้านช่องสองข้างทางที่เก็บภาพมาเป็นหลักฐานยืนยันได้เป็นอย่างดี จริงๆ ณ เวลานั้นเวลาที่เหลือน้อยของเราบังคับให้เราไม่ต้องคิดอะไรมากไปกว่าการหาทางไปยังที่หมายพร้อมๆ กับการเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

และในที่สุดพี่ใหญ่กับหนูเล็กก็มาถึง Piazza San Marco ได้ในที่สุด และเมื่อมองไปข้างหน้า ทั้งคุณปา พี่ออ และคุณสุด ก็เดินทางมาถึงเรียบร้อยแล้ว เพราะเดินเกาะเส้นทางเมื่อวานมาได้เป๊ะๆ ไม่มีหลง และไหนๆ ก็มาถึงแล้วไปต่อคิวไว้แต่เนิ่นๆ ดีที่สุด เพราะเรามาถึงแปดโมงกว่าๆ ก็มีนักท่องเที่ยวเริ่มมาต่อแถวเพื่อรอเข้าซื้อบัตรในเวลา 09.00 น. กันแล้ว อดใจแป๊บ เดี๋ยวเข้าไปชมกัน

เป้าหมายของเราค่ะ

Palazzo Ducale หรือเรียกในภาษาอังกฤษว่า Doge's Palace เป็นพระราชวังของผู้ครองนครเวนิส วังของโดจจะมีประตูเชื่อมต่อกันกับวิหารเซนต์มาร์คเป็นสัญลักษณ์สื่อว่าผู้ปกครองอยู่ในศีลในธรรม ซึ่งโดจจะมาจากการเลือกตั้งที่มีกระบวนการที่ซับซ้อนมากเพื่อป้องกันการซื้อเสียง การผูกขาดอำนาจ ว่ากันว่าอายุเฉลี่ยของโดจที่เข้ามารับตำแหน่งคือ 75 ปี โอกาสผูกขาดอำนาจจะน้อยมากเพราะไม่กี่ปีโดจก็จะพากันขึ้นสวรรค์ไปเสียก่อน กระบวนการคัดเลือกนี้ทำใน Palazzo Ducale แห่งนี้อย่างเป็นความลับ มีการตั้งครัวหุงหาอาหาร และจัดที่หลับที่นอนให้กับผู้มีสิทธิ์เลือก ไม่สามารถออกมาข้างนอกได้จนกว่าการคัดเลือกจะแล้วเสร็จ ผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นโดจจะต้องได้คะแนนสูงสุดที่มากกว่า 25 เท่านั้น ดังนั้น กว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการเลือกตั้งแต่ละครั้งต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสามวันหรือบางทีเกือบเดือนเลยทีเดียว

Palazzo Ducale ไม่เพียงแต่เป็นที่พักของโดจ แต่เป็นที่ทำงานของโดจด้วย นั่นคือทำหน้าที่เป็นเหมือนรัฐสภาของเวนิสด้วยอีกทางหนึ่ง ว่ากันว่าพระราชวังที่หนูเล็กเก็บภาพมาฝากนี้เป็นการบูรณะขึ้นมาใหม่หลังจากที่หลังเดิมซึ่งสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1309-1424 ถูกไฟไหม้ในปี ค.ศ.1574 รูปแบบยังคงเป็นแบบ Gothic ไว้ แต่ก็ผสมผสาน Neo-Classic ด้วย ปัจจุบันพระราชวังหินอ่อนสีชมพูกุหลาบแห่งนี้ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่จัดแสดงนิทรรศการทางศิลปะด้วย

เมื่อแรกเข้าไปเราจะพบกับลานของพระราชวังที่เต็มไปด้วยรูปปั้นและศิลปะต่างๆ มากมาย สำหรับหนูเล็กแล้วเดินชมจนอิ่มตาอิ่มใจเลยทีเดียว รูปปั้น การแกะสลักและประติมากรรมต่างๆ หากค่อยๆ พินิจพิจารณาจะเห็นได้ชัดถึงสุดยอดแห่งงานศิลปะที่ละเอียดละออเก็บหมดจดทุกรายละเอียดจริงๆ สมแล้วค่ะที่เป็นพระราชวังของผู้ปกครองนครเวนิส

แต่นี่ก็เป็นเพียงส่วนแรกเท่านั้น ยังมีส่วนอื่นๆ ที่หนูเล็กจะพาไปชมกันอีก เราคงใช้เวลาอยู่ในวังแห่งนี้กันนานสักหน่อย เพราะมีห้องหับและบริเวณที่สวยงามอีกหลายจุด ตามหนูเล็กไปเที่ยวค่ะ ไหนๆ หนูเล็กก็เสียค่าเข้าไปตั้งคนละ 24 ยูโรแล้ว ไปค่ะ ไปกัน


หลังจากเดินชมบริเวณกว้างๆ กันเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เราเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองได้เลยค่ะ เขามีป้ายบอกเอาไว้ชัดเจนว่าให้ขึ้นตรงจุดไหน เมื่อขึ้นไปด้านบน จากระเบียงทางเดินเราจะมองลงมาเห็นลานกว้างด้านล่างได้อีก

ที่ผนังระหว่างที่เดินไปจะเห็นหน้าคนหน้าหนึ่ง นี้คือ bocca di leone หรือ Mouth of Truth หน้านี้จะอ้าปากรอรับจดหมายร้องเรียน ตัวอักษรภาษาละตินแปลได้ว่า "Report secrets against those who offer bribes and officials who collude in order to hide their true unearned income." ซึ่งจริงๆ แล้วจะมีตัวอ้าปากรอรับเรื่องร้องเรียนแบบนี้กระจายอยู่ทั่ววัง นับเป็นระบบป้องกันการคอร์รัปชั่นที่เข้มแข็งมากสำหรับยุคนั้น ข้อความที่เขียนจะกล่าวหาเรื่องอะไรก็ได้ คนที่กล่าวหาจะต้องเซ็นชื่อพร้อมพยานสองคนลงไปด้วยถ้าไม่มีชื่อจะถือว่าเป็นบัตรสนเท่ห์ และถูกเผาทิ้งไป ถ้าเกิดกล่าวหาแล้วไม่จริง คนที่กล่าวหาจะโดนทำโทษด้วย เรียกได้ว่าป้องกันไว้ทุกจุด

ตอนนี้เรามาอยู่ที่ชั้นสองกันแล้ว ยังมีสิ่งสวยงามอีกหลายจุดนับจากนี้ รอติดตามเลยค่ะ

แวะไปเยี่ยมชมภาพถ่ายจากการเดินทางและทักทายพี่ใหญ่กับหนูเล็กได้ที่

https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/

ความคิดเห็น