ตอนที่แล้วหนูเล็กพาเดินชมที่ชั้นล่างกันและขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองแล้ว
จุดที่จะต้องเดินต่อไป คือการเดินผ่านบันไดทอง Golden Staircase (Scala d'Oro) ณ จุดนี้จะสังเกตได้ถึงความโอ่อ่า อลังการ เว่อวังที่ชาวเวนิสต้องการอวดแขกบ้านแขกเมืองถึงความร่ำรวยของเวนิส ตั้งแต่ก้าวเข้าไปยังบันไดและแหงนหน้าขึ้นมองบนเพดานจะเห็นสีทองวับวามไปหมด ข้อเท็จจริงก็คือ สีทองที่เห็นนั้นฉาบด้วยทอง 24 กะรัต ดังนั้น จึงได้อร้าอร่ามได้ใจขนาดนั้น และกรุณาอย่ามัวตะลึงพรึงเพริศไปกับสีทองที่ทาทาบเต็มไปหมดแต่เพียงเท่านั้น ได้โปรดเพ่งพินิจดูลวดลายปูนปั้นทั้งส่วนที่ไม่ได้ฉาบด้วยทองและฉาบด้วยทอง อีกทั้งภาพวาด ภาพแกะสลัก ภาพที่ปรากฏคงเกินคำอธิบายว่างดงามเพียงใด จริงๆ ภาพที่เก็บมายังแสดงความมลังเมลืองได้ไม่ถึงครึ่งที่ตาเห็นเลยค่ะ
รูปปั้นเทพ Atlas แบกลูกโลก หน้าบันไดทางขึ้น
อีกด้านหนึ่งเป็นรูปปั้นเฮอร์คิวลิส
ก้าวขึ้นบันไดกันได้แล้วค่ะ
แหงนหน้าชมเลยค่ะ
ขึ้นไป ชมไป
มีเกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับโดจมาฝากอีกนิดหนึ่งว่า เห็นวังของโดจสวยงามแบบนี้ก็จริงนะคะ แต่ทุกคนที่มาเป็นโดจหรือผู้ปกครองเวนิส จะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างในวังด้วยตัวเอง ไม่ได้มีเงินหลวงอะไรมาให้ใช้สอย ดังนั้น คนที่จะมาเป็นโดจ นอกจากจะต้องเป็นคนที่ร่ำรวยไม่พอ ยังต้องเป็นบุคคลที่พร้อมจะเสียสละทุกสิ่งเพื่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง เวลามีศึกสงครามก็ต้องออกนำทัพด้วยตัวเองอีก ไม่มีข้อยกเว้นว่าจะแก่ขนาดไหน ก็คิดดูเอาแล้วกันค่ะ แค่เริ่มดำรงตำแหน่งก็อายุ 75 แล้ว อะไรจะอุทิศเพื่อบ้านเมืองกันขนาดนี้ คนที่มาเป็นโดจจึงนับเป็นคนพิเศษจริงๆ
จากบันไดทองตรงจุดนี้ไปแล้ว ก็จะได้เวลาที่เราจะเข้าสู่ห้องหับต่างๆ ที่สำคัญๆ และเปิดให้เข้าชมกันแล้ว เรามาถึงส่วนที่เรียกว่า Doge's Apartment กันแล้วค่ะ ตั้งแต่จุดนี้ไปจะเป็นห้องต่างๆ หลายห้อง แต่ละห้องจะเก็บรักษาสมบัติล้ำค่าต่างๆ เอาไว้มากมาย โดยเฉพาะภาพที่ประดับไว้ในแต่ละห้องซึ่งเป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่สวยงามและใหญ่โตมาก และยังมีพวกอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เอาไว้ด้วย
น่าเสียดายที่หนูเล็กจดจำมาไม่หมดว่าแต่ละห้องคือห้องอะไรบ้าง เพราะเมื่อเดินเข้าไปในแต่ละห้องก็ให้ตะลึงพรึงเพริศกับความงดงามอลังการที่ทำให้ต้องเดินแหงนหน้าคอตั้งบ่า ไม่เพียงแต่ผนังห้อง ภาพวาด รูปแกะสลัก ประติมากรรมต่างๆ ที่จัดวางเอาไว้ ฝ้าเพดานก็งามงดหมดจดไปเสียสิ้น วังนี้เคยใช้เป็นทำเนียบเป็นที่ทำการวุฒิสภา ห้องทำงาน ห้องประชุม และสภาท้องถิ่น แต่ละห้องจะมีภาพสีน้ำมันประดับตกแต่งไว้ แต่ภาพสีน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เขียนโดย Tintoretto ยังคงเก็บรักษาไว้ที่นี่
หนูเล็กได้อ่านข้อสังเกตมาว่า ห้องเหล่านี้ได้รับการออกแบบ เพื่อที่จะเน้นและให้ความสำคัญในเรื่องความรู้สึก ตั้งใจที่จะให้มันดูน่าเกรงขาม เพื่อออกแนวขู่ผู้มาเยือนเสียมากกว่า ซึ่งมาเห็นแล้วก็ดูท่าจะจริง เพราะเมื่อเอาตัวเองไปยืนในห้องต่างๆ เหล่านี้ มันเหมือนมีพลังบางอย่างออกมา การเลือกใช้สีทองนั้น นอกจากจะเป็นเครื่องยืนยันถึงความร่ำรวยในอดีตของเวนิสแล้ว ยังให้ความรู้สึกน่าเกรงขามอยู่ในที
ยังเหลือห้องสุดท้ายที่หนูเล็กจะพาชมกับส่วนที่เป็นไฮไลต์สำคัญด้านล่าง ส่วนจะเป็นอะไรนั้น ไว้ติดตามต่อค่ะ วังนี้กว้างขวางอาจใช้เวลามากเสียหน่อย แต่ไปชมด้วยกันเถอะค่ะจะได้คุ้มค่าบัตรเข้าชมที่หนูเล็กสู้อุตส่าห์เก็บภาพมาฝาก
แวะไปเยี่ยมชมภาพถ่ายจากการเดินทางและทักทายพี่ใหญ่กับหนูเล็กได้ที่
https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/
Piyai&Noolek
วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 19.39 น.