ระนอง เป็นจังหวัดทางภาคใต้ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 568 กิโลเมตร มีพื้นที่ 3,298 ตารางกิโลเมตร มีคอคอดกระ เป็นส่วนที่แคบที่สุดของแหลมมลายู มีภูเขาหญ้าและธารน้ำแร่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักในเมือง ของฝากที่ระลึก คือ กาหยูหวาน และไข่มุก
ตอนเช้า 10:00 น. เรานัดให้รถสองแถวไม้ มารับที่โรงแรมเพื่อเที่ยวภายในเมืองและบริเวณใกล้เคียง คนขับรถที่มารับเราชื่อ น.ส. นันทนา วงษ์ศิลป์ หรือเรียกชื่อย่อว่า นัน
รถสองแถวไม้สีแดง ที่นันขับพาเราเที่ยว เป็นรถสองแถววิ่งรอบเมือง ค่าโดยสารเที่ยวละ 15 บาท ตลอดสาย
สถานที่แรกที่ นัน พาเราไปเที่ยวคือ พระราชวังรัตนรังสรรค์(จำลอง) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขารัตนรังสรรค์ ใกล้ศาลากลางจังหวัด
พระราชวังที่ทำด้วยไม้สักและไม้ตะเคียนทอง สิ่งที่จัดแสดงภายในพระราชวัง ได้แก่ ห้องบรรทมพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ชั้น 3) ห้องพระราชินี (ชั้น 2) มีจำนวน 6ห้อง อาคารทรงแปดเหลี่ยม อาคารท้องพระโรง สะพานเชื่อมอาคารที่ประทับกับอาคารแปดเหลี่ยม
ระหว่างที่เดินชมพระราชวังจำลองอยู่ ฝนได้ตกลงมา นันจึงขับรถพาเราไปเที่ยววัดบ้านหงาว ตําบลหงาว จ.ระนอง
เมื่อขึ้นไปบนอุโบสถหลังใหม่ของวัดบ้านหงาวแล้วมองย้อนกลับไปจะเห็น น้ำตกหงาว
วัดนี้เดิมทีเป็นเพียงที่พักสงฆ์ จนกระทั่งหลวงพ่อเขียด พระธุดงค์จากปัตตานี มาปักกรดบำเพ็ญ แล้วชาวบ้านเกิดการเลื่อมใส ศรัทธา จึงได้สร้างวัดขึ้นในปี พ.ศ. 2530
วัดนี้มีชื่อเสียงอยู่ด้วยกัน 3 อย่าง
1. วังมัจฉา มีปลาจำนวนมากและมีขนาดใหญ่ เช่น ปลาบึก ปลาจาระเม็ดน้ำจืด ปลาดุกยักษ์
2. อุโบสถหลังใหม่ มีรายละเอียดการตกแต่งที่สวยงามมาก
3. พระพุทธรูปดีบุก เป็นพระพุทธรูปดีบุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
วังมัจฉาในวัดบ้านหงาว เป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ มีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ริมน้ำเป็นที่ตั้งของกุฏิพระวัดบ้านหงาว มีฉากหลังเป็นเนินเขาหัวโล้น มีบันไดขึ้นไปประมาณ 300 ขั้น สามารถขึ้นไปชมวิวได้ 360 องศา
ที่บริเวณใกล้กันเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน (Farm Outlet) ชื่อร้าน วัชรี
ร้านวัชรี เป็นผู้ผลิตมะม่วงหิมพานต์ มีทั้งแบบอบเกลือ อบเนย อบคาราเมล อบน้ำผึ้ง และรสดั้งเดิม(เผาแบบโบราณ)
ที่นี่สามารถหาซื้ออาหารทะเลแห้ง แปรรูปกลับไปเป็นของฝากได้นะครับ
มีกาแพ ขนมพื้นเมือง เสื้อที่ระลึกของจังหวัด จำหน่ายด้วย เราซื้อของฝากที่นี่กลับที่เดียวครบเลยครับ
ฝนหยุดตก นัน ขับรถพาเราไปภูเขาหญ้าที่อยู่บริเวณทางเข้าวัด
เนื่องจากฝนเพิ่งหยุดตก พื้นยังเปียกอยู่ จึงไม่มีคนไปเที่ยวช่วงเวลานั้น
นันเล่าให้พังว่า เมื่อก่อนรถสามารถเข้าไปถึงด้านใน แต่เนื่องจากมีรถขับเข้าไปบนเนิน ทำให้จังหวัดเข้ามาทำรั้วกั้น
ช่วงวันหยุด คนระนองจะมาพักฝ่อนกันที่นี่ โดยนำอาหารเข้ามาปูเสื่อรับประทานกัน หลังจากกลับออกไปแล้วไม่เก็บขยะกลับไปด้วย ดังนั้นถ้าใครจะมาเที่ยวช่วงวันหยุด อาจจะพบกับขยะวางเต็มพื้นที่
พื้นที่ภูเขาหญ้า ปกติจะห้ามชาวบ้านนำสัตว์เข้ามาเลี้ยง เพราะไม่ต้องการให้มูลของสัตว์ มารบกวนนักท่องเที่ยว แต่เนื่องจากพื้นที่บริเวณใกล้เคียงมีหญ้าไม่เพียงพอ ชาวบ้านจึงปล่อยให้วัวเข้ามากินหญ้าเป็นประจำ
เดินออกไปถ่ายรูปได้สักพัก ก็มีฝนตกมา นันจึงพาเราไปเที่ยวที่อื่นต่อ
บ่อน้ำพุร้อนพรรั้ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว
น้ำพุร้อนแห่งนี้มีการปรับสภาพภูมิทัศน์ให้สวยงาม สามารถเดินชมพันธุ์ไม้นานาชนิด มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น บ่อน้ำร้อนแบบแช่เท้า แบบแช่ทั้งตัว ที่อาบน้ำกลางแจ้ง ห้องสุขา ศาลาพักผ่อน ที่จอดรถ ร้านอาหาร และบ้านพัก
น้ำร้อนมีลักษณะใสสะอาด ไม่มีกลิ่นกำมะถันและก๊าซไข่เน่า มีคราบสีขาวของแคลไซต์ติดอยู่กับหิน พบก๊าซผุดขึ้นมากับน้ำพุร้อนบ้างไม่มากบ่อน้ำร้อนพรรั้ง เกิดจากสายน้ำแร่ ร้อน ที่มีอุณหภูมิสูงประมาณ 35-40 องศาเซลเซียล ไหลซึมออกมาจากผิวดิน และกระจายเป็นแอ่ง มีตาน้ำมากถึง 13 ตาน้ำ อยู่ใกล้ลำธาร บริเวณ บ่อน้ำร้อน
น้ำพุร้อนพรรั้ง มีบ่อน้ำร้อนสำหรับยืนตักอาบ 4 บ่อ มีอ่างให้แช่ แบบกุชชี่ของสปา 4 หลัง น้ำในอ่างเป็นน้ำแร่ ด้านหน้ามี ฝักบัว ให้อาบน้ำล้างตัวก่อนและหลังลงแช่ในอ่าง
หลังจากนั่งแช่เท้า และเดินชมสถานที่สักพัก เราก็เดินทางไปกินอาหารกลางวันกัน
นัน แนะนำร้านอาหารและพาเราไปกินกันครับ ร้านนี้ชื่อ ชิดลม
รายการอาหาร และราคาร้านนี้ ถือว่าปกติครับ อาหารเหมาะสำหรับคนชอบรสจัดหน่อย
หลังจากรับประทานอาหาร เราไปต่อกันที่ บ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน
บ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นบ่อน้ำร้อนซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมีอยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูก ทั้ง 3 บ่อมีอุณหภูมิสูงประมาณ 65 องศาเซลเซียส
บ่อพ่อ
เป็นบ่อปูนซีเมนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาบ่อน้ำร้อนทั้งสามบ่อ มีลักษณะเป็นบ่อวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางของบ่อ ขนาด 2.80 เมตร สูงจากผิวดิน 0.80 เมตร ลักษณะของน้ำร้อน น้ำร้อนในบ่อมีลักษณะใสมีฟองก๊าชคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่ผุดขึ้นมาจากก้นบ่อสู่ผิวน้ำ ค่อนข้างน้อย ไม่มีกลิ่นกำมะถัน ไม่มีสาหร่ายน้ำร้อนจะไหลล้นออกนอกบ่อตลอดเวลา
ภายในบริเวณบ่อน้ำร้อนมีบริการอาบน้ำแร่บำบัดรักษาสุขภาพผ่อนคลาย ความเมื่อยล้า ด้วยการบำบัดจากน้ำแร่ รวมถึงบริการแช่เท้าฟรีเพื่อผ่อนคลาย นอกจากนี้บริเวณใกล้บ่อน้ำร้อนได้จัดเป็นสวนสาธารณะ "รักษะวาริน" มีศาลาที่พักและห้องอาบน้ำร้อนไว้บริการด้วย
บ่ออาบน้ำแร่ บริเวณใกล้บ่อพ่อ ที่ติดกับลำธารเป็นบ่อที่ต้องเสียเงินครับ บ่อนี้มีฝ้าเช็คตัวให้บริการ
เดินข้ามสะพานแขวนไปถ่ายรูปบรรยากาศมาฝากครับ
บริเวณติดกับสะพานแขวนมี ลานน้ำแร่ ซึ่งภายใต้ลานจะมีท่อน้ำแร่ไหลอยู่ ทำให้เวลานั่งหรือนอนจะได้รับไออุ่นจากลานนี้
เราพอมีเวลาจึงขอนอนพักฝ่อน บนลานน้ำแร่ กันหน่อย เตรียมฝ้าปูกับหมอนมาด้วยจะสบายกว่านี้เยอะ
เดินสำรวจ สวนสาธารณะ "รักษะวาริน"
บริเวณอาบน้ำแร่ เป็นบ่อใหญ่สองบ่อติดกัน น่าอาบมากเลย
เดินกลับไปสำรวจอีกด้านหนึ่ง จะเป็นลานสำหรับเด็กเล่นครับ
เดินข้ามสะพานแขวนไปถ่ายรูปบรรยากาศอีกด้านมาฝาก
เวลาประมาณ 14ซ00 น. เราเดินทางกลับโรงแรมที่พักครับ ก่อนกลับเราได้ขอเบอร์โทรศัพท์ นัน คนขับรถและพาเที่ยวในวันนี้
เบอร์โทร นันทนา คนขับรถพาเที่ยวครับ 087-887-6162
รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของทริประนอง 4 วัน 3 คืน
เช้าวันแรก รถตู้รับที่สนามบินนำกระเป๋ามาฝากที่โรงแรมแล้วไป
ดำน้ำที่หมู่เกาะมังกร กลับมาเดินถนนคนเดินระนอง
วันที่สอง ฝากกระเป๋าที่ lobby แล้วเตรียมตัวไปค้างที่เกาะเกือกม้า พม่า โดยรถของโรงแรมไปส่งที่ท่าเรือ
วันที่สาม
เที่ยวเกาะตาฝุ๊ก เกาะหัวใจมรกต ดำน้ำที่เกาะย่านเชือก และ dinner ที่โรงแรมแกรนด์อันดามัน
วันที่สี่ เที่ยวเมืองระนอง ภูเขาหญ้า ไหว้พระพุทธรูปดีบุก แช่เท้าบ่อน้ำพุร้อน และซื้อของฝากร้านค้าชุมชน
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านครับ แล้วพบกันใหม่คราวหน้า
Wit Sil
วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 17.09 น.