จังหวัดกาญจนบุรี เป็นดินแดนแห่งธรรมชาติและน้ำตกที่สวยงามหลายแห่งมาก ไม่ว่าจะน้ำตกเอราวัณ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
ต่างก็มีชื่อเสียงไปทั่วโลกก็ว่าได้ ที่สำคัญรถเข้าถึงและสะดวกสบาย ใครๆ ก็มาเที่ยวได้อย่างง่ายดาย
น้ำตกในจังหวัดกาญจนบุรียังมีที่อื่นๆ ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะพวกเราที่ชอบการผจญภัย ชื่นชอบการเดินป่ากับเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
ประกอบกับฤดูร้อนและแห้งแล้งแบบนี้ ผมจึงจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวน้ำตกแห่งหนึ่งที่เชื่อว่าจะคลายร้อนได้ไม่น้อยเลย
นั่นคือ "น้ำตกผาแตก"
ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาแหลมอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นน้ำตกหินปูนขนาดกลางที่สวยงาม มี 7 ชั้น
และลงเล่นน้ำได้ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี น้ำใสมากสามารถมองเห็นปลาแหวกว่ายไปมา (มันตอดเท้าด้วยละ สปาทีนกันไป)
ที่นี่เป็นน้ำตกแห่งใหม่ของเมืองกาญจ์ ก็ไม่เชิงหรอกเพราะคนกาญจน์บอกรู้จักมาสักพักแล้วละ
เพียงแค่ทางอุทยานฯ เปิดให้เข้าท่องเที่ยวเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นปีแรกอย่างเป็นทางการ
โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.60 - 2 เม.ย.60 ซึ่งจะเปิดให้เดินอาทิตย์ละ 3 วัน คือ วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์
จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว วันละ 20 คน (หรือ กรุ๊ปละ 10 คน 2 กรุ๊ป) พวกเราก็ทำการโทรจอง
(ช่วงวันเสาร์อาทิตย์เต็มหมดแล้วครับท่านผู้ชม 555 ) แต่พวกเรายังโชคดีที่รู้ว่าวันศุกร์ยังว่าง งั้นก็ลางานไปกันสิจะรออะไรละ
กลุ่มพวกเรามากัน 7 คน ส่วนอีกกลุ่มมาแค่ 3 คน ทริปนี้เหมาะ 2 วัน 1 คืน ครับ (ไม่รวมเดินทางไป-กลับ กทม.)
พวกเราไปกันมาช่วง 10 -11 มีนาคม 2560 พร้อมแล้วก็ตามอ้ายกึ่มมาโล้ดดดดด ไม่อยากพูดมาก
การเดินทางของพวกเรา เริ่มจากกรุงเทพ - อุทยานแห่งชาติเขาแหลม (หน่วยพิทักษ์ฯ เกริงกระเวีย) ซึ่งจะอยู่ซ้ายมือก่อนจะถึงน้ำตกเกริงกระเวีย โดยใช้เส้นทางจากอ.ทองผาภูมิไปอ.สังขละบุรี (เพื่อนๆที่เคยไปอ.สังขละบุรี จะนึกภาพออกนะครับ)
เราเดินทางมาถึงหน่วยฯเกริงกระเวีย ประมาณตี 2 ก็พักผ่อนตามอัธยาศัย นอนเอาแรงกันสักหน่อย โดยปูกราวด์ชีทที่ศาลาริมลำธารและนอนเรียงกันเลย 555 อากาศช่วงกลางคืนหนาวใช้ได้เลย อยู่ที่ 20-23 องศา จนต้องเอาถุงนอนมาห่มกัน พอถึงตอนเช้าก็อาบน้ำล้างหน้าแปลงฟัน รอข้าวที่พวกเราสั่งไว้กับทางอุทยาน ทั้งมื้อเช้าและข้าวห่อเพื่อทานตอนกลางวันด้วย พอถึงแปดโมงเช้าพวกเราก็ไปร่วมเคารพธงชาติและสวดมนต์พร้อมกับพี่ๆเจ้าหน้าที่ทุกคน (นึกถึงสมัยเป็นเด็กนักเรียนเลยครับ บรรยากาศหน้าเสาธง5555)
บรรยากาศยามเช้าของหน่วยฯ เกริงกระเวีย
ก่อนเริ่มเดินทาง เราต้องลงทะเบียนและชำระค่าบริการต่างๆ กันก่อนเด้อ
:::สิ่งที่ต้องเตรียมส่วนตัว:::
- ชุดเล่นน้ำ (อย่าโป้นะ เค้าเขิล ฮ่าๆๆ)
- ครีมกันแดด (แล้วแต่ความรักสวยรักงามของแต่ละคน)
- ไฟฉายคาดหัว
- รองเท้าที่สามารถเปียกน้ำได้ ไว้ใส่สำหรับลุยน้ำตกและเล่นน้ำ (จำไว้ว่า หิมคมมาก)
- ยากันแมลง (โดยเฉพาะผึ้งเยอะมาก)
- ยาประจำตัว (เช็คสภาพร่างกายด้วย ถ้าไม่พร้อมอย่าไป เพราะการช่วยเหลือเป็นไปได้ยากมาก ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์)
- ถุงนอน กราวชีท ฟรายชีท ในกรณีที่ผูกเปลนอน
- ทิชชูเปียก และสิ่งของส่วนตัวที่จำเป็น ตามที่ต้องการ
-อื่นๆ แล้วแต่ตัวเองจะแบกไหว เช่น ขนม เครื่องดื่มต่างๆ
การเดินทางเข้าน้ำตกผาแตก โดยเราจะนั่งรถกระบะของเจ้าหน้าที่บนถนนลาดยางและทางลูกรังเข้าไปถึงหมู่บ้านทิพุเย ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร และเดินเท้าไปยังแคมป์และน้ำตกผาแตกอีกประมาณ 9 กิโลเมตร (อ้างอิงจาก app จับระยะทาง) การเดินป่าง่ายๆ ระดับเริ่มต้น ระดับ 2.5 สำหรับนักเดินป่าที่เคยผ่านการเดินป่ามาบ้างแล้ว สนุกสนานกับการปีนน้ำตกและพร้อมเปียก เล่นน้ำเปิดใจรับความลำบาก
ทางไม่โหดครับ ปิคอัพธรรมดาก็มาได้ไม่ต้อง 4wheel แต่ฝุ่นกะแดดนี่สุดๆเลย
พร้อมละก็รับเสื้อชูชีพที่เจ้าหน้าที่แจกให้ตั้งแต่หน่วยฯเกริงกระเวีย แล้วก็นั่งรถมาถึงจุดปล่อยตัวและเดินกันเลยคับ เดินข้ามสะพานมั่ง ลำธารน้อยใหม่มั่ง แต่น้ำเริ่มน้อยละ เดินข้ามสบายๆ ไม่ต้องเปียกเท้าครับ แวะพักเป็นจุดๆ น้ำใสเย็นมากๆ
การเดินต้องเกาะกลุ่มกันนะครับ เพราะเป็นป่าไผ่ ใบไผ่จะกลบทางเดิน ทำให้เราอาจหลงได้ บางช่วงมีการละเล่นลาวกระทบไม้ด้วย กระโดดข้ามลำไม้ไผ่กัน 555 ฮึบๆ
มีเนินบ้างนิดหน่อย ไม่ยากครับ สบายยยยยยยยยย
เดินป่าหน้าร้อน โอ๊วววว ฮ้อนหลาย ไฟป่าก็เริ่มมาละ บางช่วงต้องแวะเก็บมะขามป้อมครับ ดกมาก ชอบๆ
โดยมีพี่เจ้าหน้าที่ "พี่ปุ้ย" ดูแลพวกเราตลอดเส้นทาง เพราะกลัวพวกเราหลวงทาง บางจุดต้องข้ามลำธารด้วย ถ้าเดินเลยก็หลงกันละทีนี้ 5555 (ปล.ผึ้งป่าเริ่มเยอะละครับ มันจะมาตอมเหงื่อเรา ระวังด้วยเด้อ สังเกตพี่ปุ้ย ปัดผึ้งตลอดเวลาเลย)
น้องพงษ์ น้องลูกหาบที่พาพวกเราไปเล่นน้ำตกทั้งตอนบ่ายและตอนเช้า เรียกใช้บริการได้ตลอดเวลาครับ ใจดีๆ
เราเริ่มเดินประมาณ 9.30 น. มาถึงแคมป์ประมาณเที่ยง ทำเวลาได้ดีจิงๆครับ บอกแล้วเดินง่ายมาก เหมือนสวนหลังบ้านเลย
พอถึงแคมป์แล้วพวกเราก็ช่วยกัน เตรียมพื้นที่สำหรับหลับนอน ที่นี่เหมาะสำหรับแปลนอน หรือปลาทู (แต่ระวังแมลงนะครับ โดยเฉพาะผึ้งเยอะมาก เพื่อนผมโดนไปหลายคน กลับมาต้องไปหาหมอเลยเพราะบวมมาก) ส่วนผมแบกเต้นท์ไปนอนครับ อากาศกลางคืนเย็นถึงหนาวเลยละ
แคมป์ในป่าใต้ร่มไม้ ดีต่อใจมากๆ
แคมป์เราติดกับลำธาร บรรยากาศดีมาก สะดวกในการอาบน้ำ แช่น้ำ ล้างผัก และน้ำที่ใช้ดื่มและทำอาหารเราก็ใช้น้ำในลำธารนี้แหละ สะอาดและเย็นมากๆ โดยพวกเราเอาที่กรองน้ำมาด้วย หายห่วง
ใครชอบนอนเปลก็จัดไป นอนพักเอาแรงก่อนละกัน เหลือเวลาอีกเยอะ ค่อยไปเล่นน้ำตกกันช่วงบ่ายครับ
ที่นี่มีห้องส้วมชั่วคราวนะครับ 2 ห้องด้วยกัน สามารถเดินไปตักน้ำที่ลำธารมาทำธุระส่วนตัวได้ แต่เพื่อนผมลืมไปว่ามีห้องส้วมเดินย่องเข้าป่ากันเฉยเลย ฮ่าๆๆ ต้องขอบคุณทางเจ้าหน้าที่มากๆ ที่มาทำไว้ในป่าลึกแบบนี้
พอทานข้าวกลางวันกันแล้ว นอนพักผ่อนสักงีบ บ่าย 3 โมง ก็ได้เวลาไปเล่นน้ำตกคลายร้อนกัน อย่าลืมใส่รองเท้าที่เปียกได้และแข็งแรงพอนะ เพราะหินที่นี่คมมาก
เราเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ ซึ่งน้ำตกอยู่ใกล้แคมป์มากๆ ประมาณ 200 เมตร สามารถเดินไปเที่ยวน้ำตกได้ทั้งช่วงบ่ายของวันแรกและเช้าวันสุดท้าย
หินที่นี่เป็นหินปูนซึ่งคมมาก รองเท้าจำเป็นมากครับ ส่วนผมใช้สตั๊ดดอย เอาอยู่ สบายมากทั้งตอนเดินและปีนป่าย (แต่น้ำจะขังนะครับ ต้องคอยเทน้ำออก 555)
ถึงแล้ว ไฮไลท์ของที่นี่คือ แอ่งน้ำสีเขียวอมฟ้างดงามมากๆ นี่คือชั้น 1 ครับ ไกลที่สุดของน้ำตก จากนั้นเราค่อยเดินย้อนขึ้นไปน้ำตกชั้นอื่นๆ อีกที
มองจากด้านบนของน้ำตกชั้น 1 ครับ เห็นแอ่งน้ำสีฟ้าใสเลย ใครอยากเล่นน้ำ กระโดดน้ำก็ตามสบายโล้ด ปล. หินคมมากนะครับ หารองเท้าที่เหมาะสมใส่มาด้วยละ
เพื่อนๆ เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน น้ำเย็นมาก ปากดำกันหมด สั่นเป็นเจ้าเข้าเลยละ ฮ่าๆๆๆ
มีโลมาน้อย พ่นน้ำด้วยละ น่ารักเนอะ
น้องพงษ์ น้องลูกหาบที่ดูแลดีมากๆ ช่วยโน่นนี่ตลอด อยากไปเที่ยวตรงไหนก็พาไปอย่างเต็มใจ แถมช่วยกดกล้องถ่ายภาพให้ด้วย
ใครอยากกระโดดก็จัดไป ระมัดระวังกันด้วยนะครับ หินคมมาก
พอเพื่อนๆ เล่นน้ำกันที่ชั้น 1 อิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็จะพากันเดินย้อนขึ้นไปยังน้ำตกชั้นอื่นๆกัน ส่วนผมเดินย้อนลงถัดจากน้ำตกชั้น 1 ลงไปอีก เพราะเห็นน้ำตกเล็กๆ เป็นชั้นสวยงาม เลยเก็บภาพมาฝากครับ
แถวนี้มีร่องรอยแคมป์ด้วยนะครับ คงมีบางกลุ่มมานอนแถวนี้ น่าสนอีกที่ครับ
มีอะไรให้ถ่ายเยอะเลยครับ ผมชอบน้ำตกที่นี่มาก
จากนั้นผมก็เดินย้อนขึ้นไปยังน้ำตกชั้นอื่นๆ ชั้นที่ 2 3 4 5 แยกไม่ออกละว่าชั้นไหน ฮ่าๆๆ มันก็ต่อๆกันไปแล้วแต่จะนับละกัน เจ้าหน้าที่บอกว่าที่นี่ มี 7 ชั้น
เดินย้อนขึ้นไปเรื่อยๆครับ เดินง่ายไม่ลื่นครับ มีปีนป่ายนิดหน่อย สนุกดี
เดินขึ้นไปอีก ถึงชั้นไหนละก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ สวยงามทุกชั้นเลย โดยเฉพาชั้นนี้แหละ ตื่นตาตื่นใจมาก
ลุยๆเดินขึ้นอีก สวยๆทั้งนั้นเลย เย็นชื่นใจ
สุดท้ายละครับ ที่เราสามารถเดินไปชมได้ นอกนั้นเจ้าหน้าที่ยังบอกว่าไปยากละครับ แอ่งสุดท้ายก่อนจะกลับไปแคมป์ น้ำตกใสสวยมากๆ แต่ม่านน้ำตกน้ำเริ่มน้อยละ น้องพงษ์ (ลูกหาบ)บอกว่า ต้องมาช่วงปลายฝน น้ำเยอะสวยงามมาก ไว้เราจะมาใหม่นะ ครั้งนี้ถือว่ามาเซอร์เวย์
เสร็จแล้วพวกเราก็กลับแคมป์กันครับ ช่วยกันทำอาหารการกิน นั่งคุยกันสนุกสนาน คืนนี้น้ำตกนี้เป็นของพวกเรา ฮ่าๆๆ มากันแค่ 10 คนเองหรอเนี่ย
มาน้ำตกก็ต้องกินลาบเด้อออออออออออออออออ บางส่วนของเมนูอาหารของพวกเราครับ ใครอยากทานอะไรก็วางแผนเตรียมกันเข้ามาได้เลย
:::ค่าใช้จ่าย:::
(อ้างอิงจากอุทยาน)
1. ค่ารถกระบะ คันละ 1000 บาท/ 1 กรุ๊ป ใช้รถ 2 คัน
2. ค่าคนนำทาง 1000 บาท
3. ค่าลูกหาบ 1400 บาท หาบได้ 30 กก.
4.ค่าเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ 40 บาท ค่ากางเต้นท์ 30 บาท รถยนต์ 4 ล้อ 30 บาท
ค่าใช้จ่ายของพวกเราในทริปนี้ เป็นทริปหารเฉลี่ย คนละ 2,750 บาท (รวมทุกอย่าง) เราไปกันน้อยเพราะจองได้แค่ 7 คน
ขอบคุณเจ้าหน้าที่ พี่ปุ้ย ที่เป็นกันเองและดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ให้ข้อมูลดีๆเยอะเลย ขอบคุณเพื่อนๆทุกคน ที่เดินอย่างแกร่ง ตากแดดเดินไปด้วยกัน เล่นน้ำอย่างสนุกสนานยังกับน้ำตกส่วนตัว เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเลยนอกจากกลุ่มเรา 5555 ภาพนี้ถ่ายตอนกำลังจะกลับ เก็บของและสัมภาระ จัดการกับขยะ พึ่ง 10 โมงก่าๆเอง อีกกลุ่มที่เข้ามาเช้าวันเสาร์ มาถึงสะละ มาถึงไวจัง ฮ่าๆๆ บอกแล้วมันเดินง่ายสบายๆ
"ประสบการณ์ใหม่ ไม่ออกไปหา ไม่มีทางเจอ"
Life is a journey
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เข้ามาเที่ยวน้ำตกผาแตก นะครับ ขอให้เพื่อนๆมีความสุขกับการเดินทางนะ แล้วพบกันใหม่ /อ้ายกึ่ม
ผมมีเพจเล็กๆ ฝากติดตามและให้กำลังใจพวกเราด้วยนะครับ เพราะพวกเรา "ดีแต่เที่ยว" https://www.facebook.com/travelwithphotographer/ มีทริปสนุกๆ ชวนผมด้วยนะครับ นะนะ^^"
อ้ายกึ่มมักเล๊าะ
วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.12 น.