คะน้าน้อย' สวัสดีค่าาา ^O^

ในที่สุด!! บล็อคอันดับหก ก็ได้ฤกษ์ออนแอร์ตามบล็อคที่ห้ามาห่างๆ ให้ได้ทิ้งระยะใด้พักเหนื่อย...

สำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปเที่ยว "Tokyo" สามารถตามไปเที่ยวกันได้ที่ Link ด้านล่างนี้เลยจ้า ^O^v

>>>>>>>>>> https://th.readme.me/p/8724 <<<<<<<<<

ทริปนี้คะน้าแบคแพค ไป 'ประเทศญี่ปุ่น'

ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา

เริ่มออกเดินทางวันที่ 12

และกลับถึงประเทศไทย วันที่ 20 เมษายนค่ะ

คะน้าแพลนเดินทางไว้ทั้งหมด 5 จังหวัด

และสำหรับบล็อคนี้ คะน้าขอมาเล่าต่อ...เรื่องการเดินทางท่องเที่ยว ณ เมืองในฝันแห่งที่สอง นั่นคือ...

"Kawaguchiko Lake, Mt.Fuji San"

การเดินทางจากโตเกียว ไปหาฟูจิซัง ค่อนข้างสนุกและมึนงง

แถมมี 'ตกรถ' อีกต่างหาก!!

คะน้า แอ๋มศรี และเฮียตั้ม จะเหวอขนาดไหน! ถ้าพร้อมแล้ว

เลื่อนเม้าส์ตามไปสมน้ำหน้ากันเลย 555555


[ ปล. เนื่องจากตลอดทริป เป็นการเดินเท้าเที่ยวแบคแพค เวลาเดิน

คะน้าจะยกกล้องถ่ายภาพไปพร้อมๆ กับการเดินตลอดเวลาค่ะ

ไม่เว้นแม้แต่ตอนนั่งรถไฟ นั่งรถบัสก็จะถ่ายขณะที่รถวิ่งไปด้วย

(Snapshot นั่นเอง) เพื่อเก็บบรรยากาศในการเดินทาง น้อยครั้งที่จะหยุดยืนถ่ายนิ่งๆ

หากภาพเอียงๆ เบลอๆ ไปบ้าง อย่าถือสาเลย 55555 ]


14 Apr'17



ณ สถานี Minowa

หลังจากคะน้าพาเพื่อนๆ ไปเดินเล่นทั่วย่านมิโนวะ (จากบล็อคก่อนหน้า)

กันมาแล้วนะคะ เราก็เดินเท้ากันมาเรื่อยๆ

ประมาณสิบห้านาที เพื่อกลับมาขึ้นรถไฟที่สถานี Minowa ซื้อตั๋วไปลงปลายทางที่

"สถานี Ueno ¥170"

สถานีที่เราเปลี่ยนขบวนมาสถานี Minowa เมื่อคืนนี้ จำกันได้มั้ยคะ

จากนั้น...พอเราถึงสถานี Ueno แล้ว ให้ซื้อตั๋วอีกครั้ง เพื่อไปลงที่..."สถานี Tokyo ¥200"




เมื่อเราเดินทางมาถึงสถานี Tokyo แล้ว ความอลังการของสถานีนั้นทำให้เรามึนงง

กับการเดินหาทางออก โฮกกกก TOT

คือมันกว้าง มันมีหลายรูอย่างกับรังผึ้ง และมันก็มีป้ายเยอะมาก ต้องเดินไปอ่านไปรัวๆ มาก 5555

เราสามคนกำลังช่วยกันมองหาป้ายบอกทางเดินไปที่..."Yaesu South Exit" กันอยู่ค่ะ


อ๊ะ!! นั่นไง ^O^ เจอแล้วววว...ป้ายเหลืองๆ มีลูกศรชี้ให้เดินตรง

ขึ้นไปยัง Yaesu South Exit บึ่งไปโลดดดดดด!!


บึ่งแค่ไหนถามใจเธอดู 55555 สังเกตที่เสาป้ายสีน้ำเงินนะคะ

ยังคงบอกทางให้ไปทาง Yaesu South Exit อยู่

แปลว่า...ไม่หลงนะเฟ้ยยยย!! >////<


ความพยายามอยู่ที่ไหน...ความพยายามอยู่ที่นั่น! 5555555 #ผิด!!

เราออกมาทาง Yaesu South ได้แล้ว...นี่ไง! เห็นกันมั้ยค๊าาาาา >O</

(ทางออก-ทางเข้า คือทางเดียวกันนะคะ)

ทำไมต้องมาที่นี่??

เพราะว่า...ที่นี่คือ Bus Station นั่นเองค่าาาา!!

สถานีโตเกียวเป็นสถานีขนาดใหญ่ มี Bus Station บริการอยู่ที่นี่

เราจะมาซื้อตั๋วเพื่อเดินทางไปยัง "สถานี Kawaguchiko" กันค่ะ


หลังจากออกมาทาง Yaesu South Exit เราสามคนไม่มีใครมองเห็น Office ที่จำหน่ายตั๋วเลย

คะน้าอาศัยถามทางรปภ.แถวนี้เอาค่ะ ว่าเราอยากได้ Bus Ticket ต้องซื้อที่ไหน

แล้วคำตอบจากมือของรปภ. ก็ชี้ๆ ให้เดินมาทางซ้ายมือ เดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง

เจอ Office ในรูปนี้ค่ะ แอ๋มศรีเดินจนหัวฟูไปหมดแล้ว 5555


ต่อคิวไม่นานเลยค่ะ (เพราะคนไม่มี) แอ๋มศรีแจ้งกับพนักงานว่า

เราต้องการไปที่ "สถานี Kawaguchiko"

เจ้าหน้าที่ก็จัดการกดเครื่องคิดเลข เป็นตัวเลข ¥1,800 / คน ให้เราดู

แอ๋มศรีพยักหน้าโอเค ก่อนบอกจำนวนว่า...

เราต้องการตั๋วสามใบ เจ้าหน้าที่ก็จัดการถอยตั๋วรถบัสให้เราแล้ว...

เอ่อ! อ่านไม่ออกเลย 55555555

ยังดีที่วงกลมสีแดงมาให้ เพื่อแสดงเวลาที่เราจะต้องขึ้นรถ คือ 12:20 น.

มาถึงตรงนี้ คะน้าขอเล่าย้อนไปตอนที่เราแพลนทริปว่า...อยากมาเที่ยวญี่ปุ่น...สักนิดนะคะ ^O^

คือจริงๆ การจองรถบัสสามารถจองผ่านเว็บไซต์มาได้เลย

ตั้งแต่อยู่ที่ประเทศไทยค่ะ

แต่เนื่องจากเราเป็นปุบปับทริป คิดจะมาก็มา ทำให้เรากดจองไม่ทันคนอื่น และเต็มหมดค่ะ T^T

เนื่องจาก "ภูเขาฟูจิ" เป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วว่า...

"หากมาครั้งแรกแล้วมักจะมองไม่เห็น!"

แอ๋มศรีมีความกังวลในเรื่องนี้มาก บอกคะน้าว่า...

"ถ้าเราเดินทางมาดูฟูจิแล้วมองไม่เห็น เราจะเสียเวลาไปเลยหนึ่งวันฟรีๆ!"

และตอนนั้นจำได้ว่า คะน้าบอกแอ๋มศรีว่า "ไม่ต้องไปก็ได้"

เราเลยตัดทริปฟูจิซังออกไป T_T เศร้าาาาา

แต่ทว่า...มันคาใจ!!

เรากลับมาคุยกันใหม่อีกครั้งว่า..."ไหนๆ เราก็บินมาถึงนี่แล้ว

เราขอเสี่ยงไปเถอะ คะน้าอยากเห็นฟูจิซัง"

(**คะน้าดูการ์ตูนมาหลายเรื่องตั้งแต่เด็ก ภูเขาไฟลูกนี้อยู่ในการ์ตูนเกือบทุกเรื่อง

บางฉากมีรถไฟชินคันเซนวิ่งผ่าน จากนั้น ฟูจิซัง ก็เป็นหนึ่งในความฝันของคะน้าจริงๆ

ว่าสักครั้งในชีวิต ขอให้ได้มาเห็นของจริงทีเถอะ!)

ในที่สุด...ทริปฟูจิซังนี้ก็ได้กลับมาอยู่ในแพลนของเราอีกครั้ง ^O^/

แต่...คิวรถบัสเต็มหมด!!!

เรากังวลมาจากประเทศไทยว่า...

"จะหารถบัส Local แบบที่ไม่ต้องจองล่วงหน้าไปกันได้มั้ย"

เราถามหาวิธีการเดินทางจากเพื่อนๆ จากคนญี่ปุ่นที่รู้จักในประเทศไทย

สุดท้าย...ก็ไม่ได้คำตอบ

จนกระทั่ง เมื่อคืนนี้ที่เราไปนอนที่ "โรงแรม Sato's San Rest" (จากบล็อคก่อนหน้า)

เจ้าของโรงแรมใจดีได้ช่วยบอกคำตอบนั้นแก่เรา...

ว่าเราต้องมาขึ้นรถที่สถานีโตเกียวนี่เองค่ะ มีรถบัสสำหรับเดินทาง

ไปหลายเมือง หลายเวลา และมีทั้งบัสนอน สำหรับเดินทางไกลมากๆ ด้วยนะคะ

เพราะฉะนั้นหากจะมาเที่ยวญี่ปุ่น

แต่จองบัสสำหรับทริปไหนพลาด ไม่ต้องกังวลนะคะ

คะน้าพิสูจน์มาแล้ว ว่ายังไงเราก็ได้เที่ยว 5555


ซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อย กว่าจะได้ขึ้นรถก็อีกเป็นชั่วโมง

เราไปหาร้านนั่งทานข้าวระหว่างรอกันดีกว่าเนอะ

เดินออกมาจาก Office ที่จำหน่ายตั๋วเมื่อครู่ ใกล้ๆ กัน

มีร้านขายอาหารแบบเบนโตะ (อาหารกล่อง)

มีโต๊ะให้นั่งทานในร้านได้ประมาณ 4-5 ที่ เราเลือกทานร้านนี้เลยค่ะ

ณ ตอนนั้น อะไรก็ได้ง่ายๆ =___=^


ในภาพจะเห็นเลยว่า โต๊ะที่เรานั่งทาน จะมองเห็น Gate ของรถบัสชัดเจน นี่คือเราตั้งใจนั่งมากเลยค่ะ

เพราะเมื่อรถบัสคันของเรามาถึง เราจะได้รู้และเดินไปขึ้นรถได้ทันเวลานั่นเอง!


ข้าวคนละกล่อง มื้อนี้เราหมดไปคนละ 200 - 300 บาทไทยเห็นจะได้ค่ะ

หลังจากทานเสร็จ ใกล้เวลา 12:20 น. เต็มที

คะน้าเลยอาสาเดินออกไปที่ Gate เพื่อถามเจ้าหน้าที่สถานีรถบัส

พร้อมยื่นตั๋วรถบัสให้ดูว่า...

"เราต้องการขึ้นรถบัสที่จะไปคาวากูชิโกะ ต้องขึ้นรถบัสที่ Gate ไหนคะ"

คำตอบมาเหนือความคาดหมายมากค่ะ..."No Gate No Number"

สั้นๆ แต่ตอบแบบนี้มันหมายความว่า...อาไร๊!!!!!!!


ภาพตัดมาที่ Office ซื้อตั๋วอีกครั้ง ในเวลา 12:30 น. ไม่ต้องงงกันไปนะคะ ณ จุดๆ นี้

...เราได้ตกรถบัส รอบ 12:20 น. เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ...

ภาพตัดกลับไปที่ เจ้าหน้าที่สถานี เมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า

หลังจากได้คำตอบว่า "No Gate No Number"

คะน้าไม่ได้ยืนงงเฉยๆ นะคะ คะน้าเดินกลับมายังร้านเบนโตะ แล้วลากแอ๋มศรีกับเฮียตั้มออกจากร้าน

เพื่อเดินหาที่ขึ้นรถบัส...ที่ไม่ใช่ตรงนี้!!!

ความระทึก ณ ตอนนั้นราวกับนั่งดูหนังบู๊แอ็คชั่น ที่ต้องกู้โลกให้ทันภายในสิบนาที! TOT

เราสามพี่น้อง ลากสัมภาระใบโตๆ เดินไปตามทางวนๆ อยู่แถวๆ นั้น

พร้อมยื่นตั๋วในมือที่มีแต่ภาษาญี่ปุ่นทั้งใบ

ถามคนแถวนั้นว่า "ถือตั๋วใบนี้ ขึ้นรถตรงไหน" แต่คำตอบที่ได้คือภาษามือทั้งสิ้นว่า

"จงเดินตรงไปเรื่อยๆ เถอะ"

เรามองไปตามปลายนิ้วชี้ของคนที่กำลังบอกทางให้เราเดิน ในหัวมีแต่คำถามว่า...

"ให้ตรงไปทางนั้นเนี่ยนะ!?"

ภาพที่เราเห็นคือ ถ้าเดินตรงไปเรื่อยๆ จะมีแต่ตึกสูงๆ หน้าตึกติดริมถนนใหญ่

มีรถวิ่งไปๆ มาๆ หากตรงไปสุดทาง...

จะเป็นสี่แยกไฟแดง และไม่เห็นว่าจะมี Bus Status อยู่ตรงไหนเลย!?

แต่ถามสิบคน ชี้ให้ตรงไปสิบคน

คะน้าเลยบอกให้เฮียกับแอ๋มศรี ลองเดินไปตามคำบอกทางของทุกๆ คนดู

เราเดินตรงไปเรื่อยๆ ตามฟุตบาธ ในที่สุด!! เราก็เจอค่ะ

Bus Station ที่จะไป Kawaguchiko

ต้องเดินเลยห้าง Daimaru ไปประมาณ 5 นาที

เดินไปจนกว่าจะเห็นรถบัสจอดอยู่ใต้ตึกแห่งหนึ่ง!! ซึ่งเมื่อไปถึงแล้ว เราเจอคุณลุง

ซึ่งคาดว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ เรายื่นตั๋วให้เขาดูว่า...ตั๋วใบนี้ขึ้นรถตรงนี้ถูกต้องหรือไม่?

เจ้าหน้าที่มองเราด้วยสีหน้าเศร้าอย่างสุดซึ้ง! T^T

แล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบพร่าว่า..."You missed" จบประโยคน่าเศร้านี้

คะน้าก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือซ้าย นี่เพิ่ง 12:23 น. ทำไมรถออกไวจัง?

ไหนพนักงานขายตั๋วบอกเราว่าขึ้นรถได้ตอน 12:20 น. ไง??

ซึ่งล้วนเป็นความเข้าใจผิดไปเองทั้งสิ้น 12:20 น.

คือเวลาที่รถออกค่ะ และ...เราตกรถ T___T (พลีชีพโชว์โง่กันไปค่ะ 5555)


เราเดินมาซื้อตั๋วใหม่อีกครั้ง ต้องรออีก 1 ชั่วโมงถัดไป คือ 13:20 น.

ความตลกมันอยู่ตรงนี้แหละ...

"ตั๋วใบใหม่เป็นภาษาอังกฤษ" และมีบอกเวลา Departure ชัดเจน!!!

คือ...บัตรใบเดิมที่ดันเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ

เลยคิดไปเองว่า เวลาที่พนักงานวงกลมสีแดงมาให้ เป็นเวลา Arrive เสียอีก

เราเลยตกรถกันโง่ๆ เลย ฮืออออออ


เดินถือตั๋วใบใหม่ แบบมีภาษาอังกฤษ ทำให้เรามีความมั่นใจขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ

ยังไงก็ได้ไปแน่ๆ คราวนี้ เดินบนฟุตบาธ จากประตูทางเข้า-ออก Yaesu South Entrance

เดินมาเรื่อยๆ ทางซ้ายมือ เห็นห้าง Daimaru ก็เดินเลยกันไปอีกค่ะ ประมาณ 5 นาที...


จนกระทั่งเจอใต้ตึกแห่งหนึ่ง มีรถบัสจอดกันอยู่แบบนี้ค่ะ ตรงนี้เลยยยยย!!


นั่งรออยู่ในตึกนี้ (มีร้านกาแฟ มีโซนให้นั่งพักภายในค่ะ) ไม่นานนักรถคันนี้ก็มาจอด

เราวิ่งมาดูแล้วสังเกตที่ป้ายจากหน้ารถว่าใช่รถรอบของเรามั้ย >_<


แอ่ะ! อ่านไม่ออก T^T แต่มี 13:20 น.

คือเวลาบอกรอบรถออก ซึ่งตรงกับเวลาของเราชาวคณะพอดี


หันมาดูที่ป้ายไฟตรงบริเวณที่ผู้โดยสารยืนเข้าแถวรอขึ้นรถ

ขึ้นป้ายว่าปลายทาง Kawaguchiko Sta. แปลว่า ถูกต้องค่ะ


ขึ้นรถมาเรียบร้อยแล้ว ด้านหลังเก้าอี้ มีแผ่น Ads ด้วย มี Free Wi-Fi บนรถบัสค่ะ

(จริงๆ ใช้ได้มั้ยไม่รู้ แต่คันนี้ที่คะน้าขึ้น ไม่เห็นจะใช้ Wi-Fi ได้เลย 55555)


งาน Snapshot ก็มาาาา 55555

ภาพจากข้างทาง เมื่อรถบัสออกเดินทางออกมาจากสถานีได้ประมาณ 10 นาทีแรก


บรรยากาศข้างทาง ขณะที่รถวิ่งผ่านค่ะ สวยดีค่ะ คะน้าก็นั่งมองวิวเพลินไปตลอด...


ภาพนี้ใช้ซูมนะคะ เลยได้ภาพค่อนข้างนิ่ง ไม่แน่ใจว่า...

เป็นสวนสาธารณะ หรือสนามเด็กเล่นของโรงเรียนกันแน่นะคะ


อยู่บนรถเกือบชั่วโมง ระยะทางเริ่มห่างไกลจากตึกสูง

สัมผัสได้ว่าออกมานอกเมืองสักระยะนึงแล้วค่ะ ดูจากเริ่มเป็นภูเขา เป็นป่า และบ้านเรือนน้อยลง


มุมนี้ตอนดูด้วยตาเปล่า ถึงกับเหลียวคอหันหลังกลับไปมองจนรถบัสขับเลยไปไกลจนสุดสายตา

ดีใจที่ถ่ายทัน คะน้าชอบมุมของหมู่บ้านนี้มากค่ะ

รถขับผ่านด้วยความเร็วไม่สูงนัก พอจะโฟกัสทัน ปลื้มมมม


ยิ่งไกล ยิ่งป่า 55555


หลังจากรถบัสพาเราชมวิวข้างทางมาได้สักพักใหญ่

(ถ้าไม่ชั่วโมงครึ่ง ก็ราวๆ สองชั่วโมงค่ะ คะน้าลืม T^T)

เสียงประกาศบนรถบัสก็ดังขึ้นเพื่อแจ้งว่า รถกำลังเข้าสู่ "สถานี Fuji Q"

(ป้ายแรก ที่รถบัสของเราจะจอดค่ะ)

ระหว่างที่เสียงประกาศดังขึ้น คะน้าที่งีบหลับอยู่ก็สะดุ้งตื่น เมื่อเปลือกตาถูกสมองสั่งให้เปิดขึ้นมา...

ภาพเบื้องหน้าผ่านกระจกใสของรถบัส ก็ปรากฏภาพที่ทำให้เกือบลืมตัวจนแทบจะกรี๊ดออกมา!!

"Mt.Fuji San" ออกมาต้อนรับคะน้าชัดแจ๋ว ไม่ขี้อายเหมือนใครๆ เขาลือกันเลยสักนิดค่ะ

พอคะน้าเห็นฟูจิซังชัดเจน สติมา สมองจึงรีบสั่งให้เอื้อมมือขวาไปตบไหล่เฮียตั้มดังป้าบ!!!

"เฮียตื่นนนนน เฮียตื่นๆๆๆๆ ดูฟูจิสิ สวยยยยย"

คะน้าร้องเรียกเฮียอย่างดีใจสุดอะไรสุด กดถ่ายรูปไม่ยั้งเลย 5555


และหลังจากจอดสถานี Fuji Q เรียบร้อย รถได้เคลื่อนต่อมาอีกไม่นานนัก

ในที่สุด...เราก็มาถึงแล้วค่ะ "Kawaguchigo Station"


เมื่อถึงสถานีคาวากูชิโกะ ซึ่งเป็นสถานีเล็กๆ แต่คนแน่นมหาศาล (เจอพี่น้องคนไทยเยอะพอสมควรค่ะ)

แอ๋มศรีอาสาเข้าไปต่อคิวในสถานี เพื่อซื้อตั๋วรถบัส (ล่วงหน้า) สำหรับเตรียมใช้ในวันพรุ่งนี้ค่ะ

ส่วนคะน้าเดินถ่ายรูปอยู่สองสามรูป เก็บบรรยากาศ

จากนั้นก็เดินไปที่ Information Office ที่ตั้งอยู่ด้านซ้ายมือของสถานี

เพื่อไปขอความช่วยเหลือให้โทรศัพท์ติดต่อทางโรงแรมที่เรา Booking ไว้ ส่งรถมารับที T^T

ส่วนอาเฮียทำหน้าที่ยืนหล่อๆ เฝ้ากระเป๋าสองใบโตๆ อยู่แถวๆ นี้้แหละ 555555


และนี่คือผลงานของแอ๋มศรีค่ะ นางได้ตั๋วมา 3 ชุด 1 ชุดประกอบไปด้วย

ตั๋ว Bus, Boat และ Cable-car

แอ๋มศรีอธิบายว่า นี่คือการซื้อการแพคเกจเพื่อเตรียมพาคะน้าเที่ยวในวันพรุ่งนี้ค่ะ การใช้ตั๋วนี้คือ

Bus

สำหรับนั่งสาย Red Line ได้ตลอดวัน (หลักการเดียวกับตอนซื้อบัตร Tokunai Pass ที่โตเกียวค่ะ)

Red Line คือสาย Mini Bus ที่จะวน Loop ไปเรื่อยๆ ได้ 1 วันเต็ม จอดทุกสถานี ซึ่งสถานีในที่นี้

หมายถึง...จุดท่องเที่ยวนะคะ ซึ่งแต่ละสถานีไม่ได้ไกลกันค่ะ อยู่ในบริเวณทะเลสาปคาวากูชิโกะทั้งสิ้น

Boat

บัตรสำหรับล่องเรือชมวิวฟูจิ และบรรยากาศโดยรอบ จากมุมมองในทะเลสาป

แทนที่จะได้เห็นกันแค่มุมมองจากบนบก แค่คิดถึงวันพรุ่งนี้ ก็ตื่นเต้นแล้วค่ะ

Cable-Car

บัตรสำหรับขึ้นกระเช้าลอยฟ้า เพื่อชมทะเลสาป และภูเขาไฟฟูจิจากมุมสูงค่ะ

เรียกได้ว่า...เราจะได้เห็นฟูจิซังทั้งบนบก ในน้ำ และบนฟ้ากันเลยยยยย ^O^v

แพ็คเกจ 3 ใบนี้ สนนราคาอยู่ที่ ¥2,360 / คนค่ะ


ณ Information Office

ภาพตัดมาที่คะน้าน้อยกลอยใจ กระเหรี่ยงไทยในต่างแดน กำลังสนทนาพาเพลินกับเจ้าหน้าที่ท่านนี้ค่ะ

คะน้าถือกระดาษที่ปริ้นท์มาจากประเทศไทย เป็นเอกสารการ Booking โรงแรม ยื่นให้เจ้าหน้าที่ดู

และขอให้พี่เขาช่วยโทรให้รถของโรงแรมนี้มารับ จากภาพ พี่เขากำลังติดต่อทางโรงแรมให้อยู่ค่ะ


หลังจากที่พี่เจ้าหน้าที่ติดต่อให้รถมารับได้ประมาณ 15 นาที รถตู้ของโรงแรมก็มารับเรา ณ จุดนั่งรอรถ

ข้างๆ Information office เลยค่ะ ทั้งคันรถมีแค่เราสามคนนี่แหละ 55555


ระหว่างทางที่นั่งรถมาโรงแรม ฟูจิซังช่างใกล้เราและชัดเจนมากเหลือเกิน


ฮือออออ T^T สวยน้ำตาจะไหล


นั่งรถมองฟูจิซังไปเพลินๆ ประมาณ 10 นาที เราก็มาถึงโรงแรมที่เราจองไว้แล้วค่ะ

"Sunnide Resort (ซันนิเดะ) [ Check-In 9/30]"


มาถึงต้อง Check in ตามปกติค่ะ เอ่อ...เฮียคะ เจ้าหน้าที่อยู่ข้างหลังเนอะ

แหมมม! เห็นกล้องไม่ได้ 55555

สำหรับราคาค่าเข้าพัก คะน้าจองมาจากไทยนะคะ สนนราคาอยู่ที่ 17,000 บาทไทย / คืนค่ะ


ระหว่างรอแอ๋มศรีเช็คอินเพื่อเข้าพัก คะน้าถือโอกาสเดินถ่ายภาพเก็บบรรยากาศมาฝากค่ะ ^O^

จากประตูทางเข้า เดินเข้ามาแล้ว ด้านซ้ายมือจะเป็นมุมร้านขายเล็กๆ

ตกแต่งเรียบง่าย แต่ของเยอะมากกกกก

ตั้งแต่ขนมทั่วไป ของฝาก ของที่ระลึก ไอศกรีม เหล้า ไวน์ ถุงเท้า กระจก พวงกุญแจ

และอื่นๆ ที่สารพัดจะคิดได้ว่าควรจะขายอะไร ร้านนี้ก็มีขายอ่ะค่ะ 55555


คะน้ายืนหน้า Lobby แล้วหันหลังเอียงซ้ายเล็กน้อย

จะมองผ่านกระจกใสออกมาเห็นมุมสนามแบบนี้ค่ะ


หมุนซ้ายต่อมาอีกนิด เป็นมุมซ้ายมือสุด จะเป็นที่นั่งพัก

ตกแต่งเรียบง่าย แต่กลิ่นอายญี่ปุ่นนี่มาเต็ม!


Check in เสร็จเรียบร้อย พนักงานต้อนรับพาเราเดินขึ้นมาส่งบนห้อง

เปิดประตูออกมา เราก็ถอดรองเท้าตามปกติ หันออกมาอีกที พนักงานวางรองเท้าให้แบบนี้ซะแล้ว

คือหันหัวรองเท้าออก เป็นระเบียบจริงจัง

เขินอายตะหงิดๆ เพราะตอนถอดคือ ตัวใครตัวมันมาก 55555


ตู้แรกที่เห็นคือ ตู้เก็บที่นอนค่ะ


ถัดมาเป็นห้องอาบน้ำ ตอนอยู่ญี่ปุ่นจะคุยกับเฮียตลอดว่า...

กลับไปบ้านจะสั่งทำห้องอาบน้ำพลาสติกแบบนี้บ้าง

คือมันดูสะอาด ดูดี ดูละมุนอ่ะ 5555 เป็น PVC อะไรสักอย่างแข็งๆ ไม่มีที่ไหนที่เราไปเข้าพัก

แล้วห้องอาบน้ำจะเป็นกระเบื้อง หรือหินอ่อนเลยค่ะ เป็นแบบนี้ทุกที่เลย ชอบบบบบ >O<


ห้องอาบน้ำ จะแยกกับห้องน้ำนะคะ

ห้องน้ำก็ปกติทั่วไปค่ะ ข้าวของเครื่องใช้พร้อม


เดินเข้ามาถัดจากห้องน้ำมีประตูกั้นอีกที เข้ามาเป็นห้องนอนค่ะ

เป็นพื้นเสื่อโล่งๆ เพราะที่นอนยังไม่ถูกปูนั่นเอง

เดินเข้ามาจนสุด จะมีมุมเครื่องดื่ม และเมื่อเปิดลิ้นชัด

จะมีเซตอุปกรณ์สำหรับใช้แช่ออนเซ็นไว้ให้ด้วยค่ะ


และพิเศษสุด!! ละมุนสุด ฟินสุด กรี๊ดสุด นั่นคือ...

ความสวยของคะน้าค่าาาา >O< แฮชแท็กซ์ #อิผีบ้า 55555

ความพิเศษของห้องนี้คือ...แถม "ฟูจิซัง"

ให้ดูเล่นๆ ตลอดการเข้าพักที่นี่ค่าาาา!!!

คะน้าไม่สนใจการจัดเก็บข้าวของ แอ๋มศรีเลยทำให้ทุกอย่าง

ดูแลคะน้าดีงามอย่างกับพาแม่มาเที่ยวด้วย

คะน้ามัวแต่จับกล้องเก็บภาพฟูจิซัง ราวกับกลัวว่าเขาจะหายไป

กลัวว่าถัดจากเวลานี้ไป ถ้าเห็นไม่ชัดแบบนี้จะทำยังไง จะเสียดายมากแน่ๆ

เลยขออยู่กับกล้อง ถ่ายเก็บไว้หลักหลายร้อยรูป

คือทริปนี้ คะน้ามาเพื่อฟูจิซังจริงๆ ค่ะ อย่างที่บอกไว้ว่าตั้งใจมาที่นี่มากแค่ไหน

ได้เห็นชัดขนาดนี้ น้ำตาจะไหล T^T


ถ่ายรูปเสร็จจนหนำใจ เฮียกับแอ๋มศรีช่วยกันเก็บข้าวจนเรียบร้อย...

คะน้าอดใจไม่ไหว ขอ Check in ลง Facebook สักหน่อยแล้วกัน Real time สุดๆ 55555


เมื่อจัดการห้องพักของเราเรียบร้อยแล้ว...ได้เวลาไปหาฟูจิซังกันแล้วววว ^O^v


"Kawaguchiko Lake, Mt.Fuji San

[ Check-In 10/30]"

เราเดินเท้าออกมาเดินเล่นหน้าโรงแรมค่ะ เป็นถนนเส้นเล็กๆ ยาวตลอดสาย

เดินลงมา ฟูจิซังก้ชัดเจนหนักเข้าไปอีก สวยงาม ยิ่งใหญ่ เลอค่า ดีต่อใจ

ฟินไม่รู้จะบรรยายยังไงให้อินไปกว่านี้ 55555

นี่คือภูเขาไฟในฝันคะน้าเลยน้าาาา >////< เห็นแต่ภาพวาดในการ์ตูน

ได้มาเห็นของจริงแล้ว Like a dream come true!!


จ้องเข้าไปค่ะ มองอยู่นานมาก อินมากกกกกก!


ถึงเวลาถ่ายรูปคู่กับฟูจิซังแล้ว ยืนมันริมทะเลสาป

แบบเกือบเปียกกันเลย เอาให้สุด! 55555


ทะเลสาปคาวากูชิโกะ น้ำใสไหลเย็น แต่ไม่เห็นปลานะคะ เห็นแต่หินชัดเลย ใสไป๊!!

อากาศหนาวเย็นฉ่ำ ลมไม่แรงค่ะ อากาศความชื้นล้วนๆ ยิ่งตกเย็น อากาศก็ยะเยือกตามไปด้วย


อินมั้ยล่ะ พูดดดดด!! ถึงขนาดนอนเล่น 5555555

โพสต์รูปนี้ลง Facebook โดนพี่สาวแซวว่า "ชิลเกิน!" แน่นอนค่ะ ทริปนี้ไม่ Fix เวลาอะไรทั้งสิ้น

อยากอยู่ตรงไหนอยู่ไป อยากทำอะไรทำไป อยากนอนเล่นริมทะเลสาปดูฟูจิซังก็ไม่ผิด ล๊าลาลาาาาา


โอปป้าไปอีกค่ะ เฮียหนูคะน้า


นี่ๆๆ เราเจอกลุ่มพี่ๆ คนไทยด้วยค่ะ เราช่วยถ่ายรูปแบบครบองค์ให้พี่ๆ เขาด้วย


และเช่นกัน...พี่ๆ เขาก็ช่วยถ่ายให้เราด้วยค่ะ ขอบคุณนะค๊าาาาา ^______^


งานคู่จิ้นก็มา #PatAmmInJapan ตลอดทริปค่ะ


ถ่ายรูปริมทะเลสาปเสร็จแล้ว เราก็เดินเล่นเก็บบรรยากาศรอบตัวกันต่อค่ะ

รอบๆ ทะเลสาปเป็นถนนที่เดินเล่นได้ตลอดแนว ให้อารมณ์โสดชื่นมากกกก

(พิมพ์ถูกมั้ยคะ โสดชื่น ถูกมั้ย 55555)


คะน้า Snapshot ตอนเฮียตั้มถ่ายรูปแอ๋มศรี รูปมันก็จะเอียงๆ หน่อยนะ 55555


Credit ตั้มซัง ค่าาาา ชอบรูปนี้มากเป็นการส่วนตัว

มันเห็นบรรยากาศแบบเรียลสุดละ คนไม่เกี่ยว 55555


บรรยากาศยามเย็น มีหมอกเล็กๆ มีรีสอร์ทเรียงกันตลอดสาย แต่ไม่แออัด

ไม่เสียบรรยากาศธรรชาติค่ะ ไม่ดีไซน์เยอะ ไม่ฟริ้ง ไม่หะรูหะราใดๆ

ดูสวยแบบคลาสสิคไปอีก ที่นี่ทุกอย่างเรียบง่าย สะดวกสบาย


ยังคงเก็บภาพฟูจิซังจากมุมต่างๆ ไปเรื่อยๆ ไม่เกรงใจ Memory กล้อง


ซากุระตามมาเบิกบานที่นี่ด้วยค่ะ ครบเลยทีนี้ ซากุระ ฟูจิ ทะเลสาป

และอากาศเย็นๆ โอ้ยยยยย ชวนฟินจนแดดิ้นไปอีก


หน้าชัด หลังเบลอ ฟูจิซังก็ยังคงไม่หายไป น่ารักกกกกก >///<


สวยยันต้นหญ้า เอากับเขาสิ! 55555



หันหลังกลับมาดูฝั่งบก เป็นภูเขาค่ะ

มีไม้ประเภทสน ซากุระ (ยังไม่บาน) เป็นส่วนมาก


เดินเล่นจนฟ้าใกล้มืด อากาศเย็นลงจนมือแข็ง ลมเริ่มแรงขึ้นด้วยค่ะ

เรากลับเข้ามาในโรงแรม และเปลี่ยนเป็นชุดยูคาตะ เพื่อเตรียมลงไปทานมื้อค่ำนี้ค่ะ

ซึ่งที่ห้องอาหาร มื้อค่ำจะเริ่มตอน 18:00 น.


ได้ใส่ทั้งที ถ่ายรูปเล่นมันก็ต้องมี 555555


และนี่คือบรรยากาศของโรงแรมซันนิเดะ ในตอนกลางคืนค่ะ

ไม่เปิดไฟเว่อร์วัง ดูเรียบง่าย แต่อบอุ่น


เดินผ่านลมหนาวมาปะทะร่างกาย จนกระทั่งมาถึงห้องอาหาร...เจอซาสึมิจานเบ้อเริ่ม แอร๊ยยยยย >////<

อย่าถือสาที่ไม่มีภาพบรรยากาศห้องอาหารนะคะ ณ ตอนนั้นมันก็โฟกัสอยู่กับโต๊ะตัวเองนี่แหละ 5555


ถาดนี้ เสิร์ฟให้ทุกคนค่ะ มีข้าวปั้นดอกซากุระด้วยน้าาาา


พนักงานท่านนี้คุยเก่ง อารมณ์ดี และเอาใจใส่ลูกค้าสุดๆ บริการดีงาม กำลังจุดเตาถ่านให้ค่ะ

เป็นหม้อชาบู ขนาด 1 คนอิ่ม คุณป้าเขาสอนทานด้วยนะคะ

ว่าคนญี่ปุ่นต้องใส่อะไรก่อน-หลัง ก็งงๆ ดีค่ะ 5555


ไวน์ขาว เสิร์ฟมาให้ชิม ประมาณว่าถ้าอร่อย อยากทานอีก ต้องสั่งเพิ่ม

ซึ่งเราไม่สั่ง เราสั่งน้ำส้ม เรานางเอกไง วะฮ่ะฮ่าาาา!!


ซุปมะเขือเทศ (เรียกเอง =_=^)


ปิดท้ายด้วยของหวานที่ไม่หวานมาก...มูสฟูจิ สตรอว์เบอร์รี่สด มูสกล้วยหอม(มาก)

และ...ไอศกรีมที่ไม่รู้ว่ารสอะไรมาจนถึงทุกวันนี้ แต่อร่อยค่ะ 5555


ไม้จิ้มฟันก็ถูกเสิร์ฟมาน่ารักซะ!


หลังจากท้องอิ่ม หนังตาก็เริ่มหย่อน แต่ทว่า...มาญี่ปุ่นจะมากินๆ นอนๆ ได้เยี่ยงไร

เจ้าจักต้องไปเยือนออนเซนปุดๆ กันก่อนนนนน ^O^

และนี่คือชุดอาบน้ำออนเซน ที่ทาง รร. เตรียมไว้ให้เราค่ะ


เตรียมอุปกรณ์พร้อมแก้ผ้าเรียบร้อยแล้ว มาถึงหน้าห้องออนเซน

สามารถถ่ายรูปได้เพียงเท่านี้นะคะ

ด้านในห้ามเอากล้องเข้าไป จริงๆ ตอนนั้นมีแค่เราค่ะ

จะให้เอากล้องไปถ่ายก็ได้ แต่ไม่ทำ เป็นคนดี 555555


ชะนีน้อย อาบห้องด้านล่างค่ะ แต่สำหรับบุรุษ ต้องขึ้นชั้นสองนะ ^O^v


ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง...เดินตัวเบาหวิวๆ กลับมาถึงห้องพัก โอ้โห!! ที่นอนถูกจัดไว้พร้อม

พนักงานจะขึ้นมาทำให้เราค่ะ (ไม่รู้แอบมาตอนไหน) แต่ช่างเถอะ...ง่วงแย้วววว >_<


เฮียอาสานอนเป็นคนแรกในค่ำคืนนี้

Nighty Nigh...zzZZzzZz


Sat 15 :

หาวววววว >O< ตื่นมาด้วยความงัวเงียและรากหยั่งลึกกับที่นอนหนานุ่มละมุนกับแผ่นหลัง

จนยากจะเด้งตัวเองให้ลุกขึ้นมา...

ทว่า! พอลืมตามาเห็นก้อนอะไรขาวๆ ที่นอกหน้าต่าง พลังมหาศาลก็ถาโถม

ยกตัวเองออกมาจากที่นอนจนได้ จำได้ว่า...ลุกจากที่นอนปุ๊บ

ก็คว้ากล้องมาเก็บภาพฟูจิซังยามเช้าเป็นอย่างแรก

สวยกว่าเมื่อวาน ชัดกว่าเมื่อวาน และสดใส อากาศดี ฟินไปหมดเลยยยยย TOT


รีบแต่งตัว สำหรับลุยวันที่สอง ณ ฟูจิซัง


แต่งตัวเสร็จแล้ว เราลงมาทานข้าวเช้าเพื่อเติมพลังก่อนเดินทางต่อกันค่ะ


มุมกาแฟ


ทานมื้อเช้าไป นั่งมองฟูจิซังไป ยังไม่ได้ทาน

ก็อิ่มใจไปจนจุกถึงไหนต่อไหนแล้ว...ฮือออออ วิวดีเหลือเกิ๊นนนน!!


เมื่อท้องอิ่ม และมีเรี่ยวแรงจะเดินทางไปเที่ยวต่อในวันนี้แล้ว...

เราก็เก็บกระเป๋า และ Check-out ออกจากโรงแรมกันเลยค่ะ เวลา Check-out คือ 10:00น. ค่ะ

และแน่นอน...ต้องไม่ลืมที่จะหาขนมไปทานเล่นระหว่างเดินทางกันด้วย


จบง่ายๆ ที่ไอศกรีมนี่แหละ 5555


จากนั้นก็ถือไอศกรีมขึ้นรถตู้ (คันเดิม) ของโรงแรม ซึ่งรถตู้จะไปส่งที่สถานีคาวากูชิโกะค่ะ


อ่าาาา...มาถึงแล้วค่า กลับมาที่สถานีคาวากูชิโกะ ที่เรามาเมื่อวานนี้นั่นเองค่ะ


พอมาถึง เราก็หอบหิ้วสัมภาระมาหาร้านฝากกระเป๋ากันค่ะ

จริงๆ ภายในสถานีมี Coin Locker ให้ฝากนะคะ แต่ว่าเต็มตลอดค่ะ

เพราะนักท่องเที่ยวเยอะ จำนวนตู้ของสถานีน้อยมาก ทำให้มีร้านฝากกระเป๋า

มาเปิดบริการกันรอบๆ สถานี ต้องเดินหากันสักนิดค่ะ แต่ก็ไม่ไกลเลยค่ะ

อย่างร้านในภาพนี่ถ้ายืนจากหน้าสถานี มองมาฝั่งตรงข้ามก็จะเห็นเลยค่ะ

แต่คะน้าไม่ได้ฝากร้านนี้นะคะ เพราะเต็มเหมือนกัน แหะๆ


เดินถัดจากร้านเมื่อครู่ จะเจอซอยแรก ให้เลี้ยวเข้ามา เดินมาเรื่อยๆ สัก 5 นาที

ก็จะเจอร้านนี้ค่ะ คนน้อยมาก สงสัยจะไม่ทราบกัน คะน้าเลือกฝากกระเป๋าไว้ที่นี่ค่ะ


พอฝากกระเป๋าแล้ว เจ้าของร้านก็จะให้บัตรใบนี้มาเก็บไว้ เพื่อแลกตอนมารับกระเป๋ากลับไปค่ะ


เดินย้อนกลับมาที่หน้าสถานีคาวากูชิโกะกันอีกค่ะ

เพื่อมารอขึ้นรถบัส Red Line ที่แอ๋มศรีซื้อตั๋วไว้เมื่อวานนั่นเองค่ะ


นี่คือแผนที่แสดงระยะทาง และไฮไลท์ของแต่ละสถานี (ดูตัวเลขจุดสีแดง ตามเส้นสีแดง)

เป็น Red Line ที่เราจะไปเที่ยวกันค่ะ ซึ่งรอบนี้ เราจะไปที่ สถานีที่ 11 Ropeway กันที่แรกค่ะ


"Kawaguchiko Ropeway [ Check-In 11/30]"


วาร์ปมาด้วยรถมินิบัส สายสีแดงไม่นานนักค่ะ เราก็มาถึง สถานีที่ 11 Ropeway

เรามาที่นี่เพื่อใช้ตั๋ว Cable Car ที่เราซื้อมาในแพ็คเกจตั๋ว 3 ใบจากวานนี้นั่นเอง


กระเช้าในภาพนี้แหละค่ะ ที่เรากำลังจะไปขึ้นกัน เฮ้!!


กระเช้าในรูป ของจริงเป็นแบบนี้ค่ะ ใหญ่มากกกก อัดคนได้เยอะเลยทีเดียว



ตอนถึงคิวขึ้นกระเช้า คะน้าอยู่หัวแถวพอดิบพอดี ราวกับสวรรค์สรรสร้าง แอร๊ยยยยย

ทำให้คะน้าได้เปรียบในการกดชัตเตอร์มากๆ เพราะจะไม่มีคนบังวิวเลยค่ะ


ที่ต้องถ่ายใกล้ขนาดนี้ เพราะขยับตัวออกห่างไม่ได้เลยค่ะ

ประชากรทุกหมู่เหล่าได้เบียดไว้หมดแล้ว 5555


เมื่อกระเช้ามาเราถึงจุดบนสุดของภูเขาลูกนี้ ที่อยู่ตรงข้ามกับฟูจิซัง

วิวมันก็จะเวิ้งว้างประมาณนี้ค่ะ สูงแค่ไหนถามใจดู บ้านเหลือหลังนิดนึง


รูปดีๆ ไม่ค่อยมีกับเขาหรอกค่ะ 55555


เดินไปเรื่อยๆ บริเวณนี้ทั่วๆ ก็ประมาณนี้ค่ะ ป่าแห้งๆ อาจเพราะฤดูหนาวยังอยู่

ไฮไลท์ที่นี่คือการนั่งกระเช้าชมวิวสูงแบบพาโนรามา และเห็นฟูจิซังชัดๆ แบบต่างมุมไปสักหน่อย


เอาล่ะ...หลังจากเก็บภาพจนพอใจ เรากลับลงไปด้านล่างกันเถอะ โดยรอกระเช้าขึ้นมารับค่ะ


พอเราเข้ามาในกระเช้ากันหมดแล้ว พนักงานท่านนี้จะปิดประตูให้เรา

พร้อมยืนโค้งแบบนี้ นิ่งนานจนกระเช้าเคลื่อนที่ลงไปด้านล่าง

ประทับใจบริการ ความไมตรี ความน่ารักของพนักงานบริการแทบทุกที่ของญี่ปุ่นจริงๆ ค่ะ

เพราะไม่ใช่แค่ที่นี่ แต่ทุกที่ต่างนอบน้อม น่ารักแบบนี้ตลอดเลยค่ะ พริ้มมากกก



ลงมาจากกระเช้าแล้ว เราเลือกที่จะเดินเล่นแถวนี้เพื่อชมบรรยากาศก่อนค่ะ


หิวน้ำไปอีก กดน้ำกันม่วนชื่น ตู้กดน้ำมีรอบเมือง หิวตรงไหน กดตรงนั้น


กดน้ำเสร็จ เดินเล่นไปเรื่อยๆ เจอร้านขายสินค้าที่ทำมาจากน้ำผึ้ง ชื่อร้าน Sugi ค่ะ

เราแวะเข้าไป เพราะอยากทานไอศกรีม (อีกแล้ว)

และในภาพคือ...ซอฟต์ครีมนมราดซอสน้ำผึ้งมะนาวค่ะ อร่อยหวานหอม ละมุนลิ้นคั่กๆ!!


เดินไปด้วย ทานซอฟต์ครีมไปด้วยต่อมาไม่ไกลนัก เราก็ได้มาถึงที่ท่าเรือกันแล้วค่ะ

ที่นี่เรามาเพื่อล่องทะเลสาบกันค่ะ โดยใช้ตั๋ว Boat นั่นเอง


"Kawaguchiko, Boat Station [ Check-In 12/30]"

ขึ้นเรือมาแล้ว ลมก็สะบัดสะโบก จะยืนให้หล่อเลย คงจะยากไปหน่อย 5555


วิวจากกลางทะเลสาบ น้ำสะอาดใส ลมเย็น อากาศดีหนาวหน่อยๆ พอทนไหว โอ้ยยย ชอบบบบ


ล่องเรือโต้ลม อย่าถามหาความหน้าเป๊ะจากบรรยากาศบนเรือนี่ 5555

แต่ทว่า...ไหนฟูจิซัง มองไม่เห็นเลย แงงงง้!!!

ตอนที่ไปช่วงที่เราล่องเรือกัน เกิดฝนตกลงเม็ดปรอยๆ ค่ะ ทำให้ฟูจิซังซ่อนตัวไปในสายหมอก

ความยิ่งใหญ่ของภูเขาไฟในตำนาน หายวับราวกับล่องหนได้ ไม่เห็นแม้แต่สักมุมเดียว

มองไปตรงฟูจิซัง เป็นเพียงหมอกและสายฝนเป็นไอสีขาว ถ้าไม่ทราบมาก่อน

คงไม่คาดคิดว่าเบื้องหลังของไอหมอกนั้น...จะมีภูเขาไฟลูกใหญ่ได้มากขนาดนั้นซ่อนอยู่

เพราะซ่อนตัวมิดขนาดนี้นี่เอง แอ๋มศรีถึงกลัวในตอนแรกว่า ถ้าพามาแล้วไม่เห็นจะเฟล...

เออ...ถ้ามาแล้วซ่อนมิดอย่างกะหมอกเผาป่าแบบนี้ คงร้องไห้จริงๆ แหละ อุตส่าห์มาถึงที่แล้ว


ราวกับโดนแกล้ง พอกลับจากการขึ้นเรือ ฝนหยุดตก และฟูจิซังก็ออกมายิ้มแฉ่งหน้าตาเฉย 5555

ตอนนี้เราขึ้นรถบัสกับแล้วค่ะ เพื่อไปต่อสถานีที่ 13 นั่นคือ...

"Kawaguchiko, Music Forest [ Check-In 13/30]"

แทมทาดาแดนแถ่นแท๊นนนน...มาถึงแล้ววววว ^O^


แอร๊ยยยยย~~~ เดินเข้ามาก็กระพริบตาปริบๆ ราวกับเด็กเจอของเล่นใหม่เลยค่ะ

ชอบดีไซน์ความคลาสสิคที่นี่ ถ่ายรูปเพลินเลยทีนี้ คนก็ไม่เยอะมาก กดกล้องถนัดดีนักแล


ดู Wonder Land ดีนะคะ


ชอบความหวานของที่นี่ ดูเทพนิยายมากๆ เลย


ถ่ายรูปเก็บไว้ เอาไว้เลือกตอนจะ Check-in ใน Facebook

เป็นเหมือนกันมั้ยคะ? ต้องเลือกๆ เอา 5555


ท่าหน้ากล้อง มากันสุดพลังทั้งหมดทั้งมวลจริงๆ


เก๋ตรงที่มีเครื่องดนตรีน่ารักๆ เบาๆ วางไว้ตามจุดต่างๆ ให้ได้มโนว่ามาเล่นดนตรีกันด้วยค่ะ


เอาล่ะ เดินทั่วแล้ว เราไปต่อกันดีกว่าเนอะ ไปค่ะไป...เดินออกกันค่ะ

ถ้าแม่ให้จมูกคะน้ามาเหมือนที่ให้เฮีย คะน้าจะไม่ดื้อ บอกเลย!!


เอาล่ะ...เดินออกมาจากสถานีที่ 13 ไม่นานนัก เราก็มองหาร้านอาหารอะไรก็ได้

เพื่อฝากท้องในมื้อกลางวันค่ะ และแล้ว...เราก็เจอ เย้ๆๆๆ!


มาค่ะ ทานอะไรกันดีคะ โหวตมาเลยค่ะ คะน้ากด 6 ไปเป็นที่เรียบร้อย

สั่งเมนูนี้ เพราะวงเล็บบอกว่า เป็น Local Food อยากสัมผัสความออริจิค่ะ


ผ้าเช็ดมือยังมีฟูจิซังเลย เอกลักษณ์ดีค่ะ


มาแล้วค่ะ...ราเมงที่ระบุว่า Local food เสิร์ฟกันเป็นถังแบบนี้ มาซะพี่กลัวเหลือเกิน 5555

รสชาติออริจิของเขาจริงๆ นั่นแหละ หวานผัก หวานเนื้อ ไม่ปรุงแต่งอะไรมาก นุ่มๆ เบาๆ ดีค่ะ


ถ้วยนี้ของแอ๋มศรีค่ะ ตะมุตะมิ สมกับลุคของนาง

และเมื่อเราอิ่มท้องกำลังดีแล้ว เราสามคนคุยกันว่า อยากชิลแล้ว

อยากเดินเล่นกินลมชมชิลแล้ว เราเลยไม่นั่งรถบัสแล้วค่ะ แต่เดินเท้าต่อไปเรื่อยๆ

จนกระทั่ง...อยู่ๆ ก็เดินมาถึงจุดตรงนี้ ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นทางผ่านระหว่าง สถานีที่ 14 กับ 15 ค่ะ

(หากผิดขออภัยนะคะ ตอนนั้นไม่ได้ใส่ใจจำเลยค่ะ แค่เดินเล่นๆ แล้วบังเอิญจุดนี้จริงๆ ค่ะ)


"Kawaguchiko view [ Check-In 14/30]"

และนี่คือภาพบรรยากาศจากบริเวณที่เดินหลงๆ มาค่ะ

สวยไม่รู้จะชมว่าสวยยังไงดีแล้วเนี่ยพี่เอ้ยยยย


ภาพนี้ถูกโหวตใน Facebook ให้เป็นภาพคู่จิ้นที่น่ารักสุดในรอบปี

ใช่สิ! ก็มันมองไม่เห็นหน้าฉันยังไงเล่า!!! 55555

ขณะนี้เราเดินเล่นกันเรื่อยเปื่อย วิวที่นี่สวยละมุนๆ อากาศดี ถ่ายภาพแล้วภาพสวยถูกใจเยอะมากเลยค่ะ


มันก็จะเหม่อๆ หน่อย เนอะเฮียเนอะ??


ไม่ได้มากับพี่ทุเรียนนะคะ อย่าเข้าใจผิด ตอนพี่ทุเรียนเขามา...

ดอกซากุระบานแล้ว นี่ยังหุบอยู่เลย หงึ่ยยย~


พอไม่มีมนุษย์เหมือนภาพข้างบนมาขวางกั้น วิวมันก็จะสวยไปอีกค่ะ 5555


กอดนาง เพราะรักนางมาก นางน่ารัก นางตามใจ

อยากไปไหนไป เฮไหนเฮนั่นด้วยกันตลอดเลย


แสงแดดอ่อนๆ โรมานซ์มาก หัวข้อ "เที่ยวอย่างไรให้ได้ผู้" ก็แว้บมาเพราะอิช๊อตนี้เลยค่าาาา


ภาพนี้ต้องกราบเฮีย เพราะเฮียถ่ายได้ถูกใจสุดเท่าที่เฮียได้ถ่ายคะน้ามาค่ะ 5555


นี่ๆๆๆ ชัดมั้ยล่ะะะะะ น้ำตาจะไหลอยู่แล้วค่ะคุณขาาาา


มีความโอปป้า นูนา อย่างกะอยู่เกาหลี เหอๆๆๆ~~~


วั้ยตั่ยแล้วววว >O<

เดินต่อมาจากจุดเมื่อครู่มาเรื่อยๆ ก็บังเอิญเจอกับตลาดนัดเล็กๆ เข้าแล้วค่ะ

เป็นร้านชิคๆ แบบนี้ และนี่คือร้านอารมณ์บาบีคิว ปิ้งย่าง ราคา 300-500¥ ต่อ 1 ไม้


ดังโงะก็มาาาาา แอ๋มศรีปล่อยให้คะน้าทานลำพัง ส่วนเฮียไม่ทานเลย เฮียบอกเมืองไทยก็มี

ทำไมทุกคนไม่อินเหมือนคะน้าเลย นี่มันออริจินะ ออริจินัลไงงงง 5555 (บ้าบออยู่คนเดียว)


ซอฟต์ครีม ผลไม้ฟองดู มีครบแหละ



สตรอว์เบอร์รี่ต้องจัดทุกที่ที่เจอค่ะ สตรอว์เบอร์รี่ญี่ปุ่นเป็นผลไม้ที่กัดแล้วนิ่มยวบๆ

เนื้อแน่น ฉ่ำหวาน จะกี่เยน กี่บาทก็พร้อมเปย์ตลอดๆ อร่อยม๊ากกกก


ข้ามถนนมาอีกฝั่งนึง จะเป็นตลาดนัด แต่เป็นโซนเฟอร์นิเจอร์ เครื่องไม้ ของตกแต่งบ้านค่ะ

เราไม่ได้เดินไปจนครบนะคะ เดินไปชะโงกๆ แล้วออกมาเลย 5555


มองไปด้านขวามือของตลาดนัด ฝั่งของกิน เหมือนจะมีร้านอาหารนะคะ

ไม่แน่ใจค่ะ แต่ดูรวมๆ แล้วคลาสสิคดี


คะน้ามัวแต่ถ่ายรูป แอ๋มศรีเลยจัดการแกะให้ทาน

คิดบวกค่ะ ถ้าคิดคิดลบคือนางแกะกินเอง 55555


และนี่คือตั๋วรถบัส ที่เราใช้มาตลอดวันแล้ว นี่คือรอบสุดท้ายที่เราจะขึ้นแล้วค่ะ

เรากำลังขึ้นรถบัสวนลูป เพื่อกลับไปที่สถานีคาวากูชิโกะแล้วค่ะ



กลับมาถึงหน้าสถานี แอ๋มศรีก็เข้าไปจัดการซื้อตั๋ว

เพื่อนั่งรถบัสกลับไปที่สถานีโตเกียวอีกครั้ง


บัสกลับโตเกียว 1,800¥ ค่ะ


ว้าววววววววววววว!!!

Bye Bye น้าาาาา ฟูจิซังที่รักของคะน้าน้อย ขอบคุณที่โผล่มาให้เห็นชัดเจนตั้งแต่วันแรก

จนกระทั่งตอนนี้ที่ขึ้นรถบัสกำลังกลับโตเกียว ยังใจดีออกมายิ้มแฉ่งลาพวกเราเลยค่ะ

รักฟูจิซังที่สุดเล้ยยยยย!!!

-------------------------------------------------


และแล้ว...คะน้าก็ได้พามา Check-In เพิ่มไปอีก 6 สถานที่

ใน "Kawaguchiko" แล้ว

จบ Blog Mt.Fuji San นี้ คะน้าขอพักนิดเดียว เพื่อเตรียมลุยต่อตอนหน้านะคะ 55555

สำหรับ Blog หน้า คะน้าจะพาไปเดินเที่ยวที่ "เกียวโต" ค่ะ

มีสถานที่ให้ Check-In มากถึง 9 Location เลยทีเดียว!!

การเดินทางจากโตเกียว ไปหาฟูจิซัง จากฟูจิซัง กลับไปโตเกียว

จนกระทั่ง...จากโตเกียว ไปเกียวโต

จะนั่งรถกันบันเทิงขนาดไหน ภาพ Snap shot จะเอียงเอนมากไปกว่านี้มั้ย??

คะน้าขอฝากให้ติดตามไปเชียร์พวกเรากันต่อใน Blog หน้าด้วยนะคะ 555555

ถึงตรงนี้...คะน้าขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนเลยที่ติดตาม Blog คะน้าค่ะ

ขออภัยที่แต่ละ Blog เขียนออกมาช้าเหลือเกิน

สาบานว่า...คะน้างานยุ่งมากจริงๆ ค่ะ ตั้งแต่กลับมาถึงไทยก็ทำงานไม่ได้หยุดเลย แงงงง้!!!

และใครที่อยากไปเดินเล่น ชิลๆ หลงๆ งงๆ แบบคะน้าบ้าง

สามารถสอบถามกันมาได้ที่ Comment Box ด้านล่างนะคะ

รวมถึงใครอยากจะชื่นชม ติชม อวยชมๆ

จะชมอะไรก็เขียนฝากถึงคะน้ากันได้เช่นกันค่ะ 5555555 ขอบคุณมากๆ นะคะ

เพจ >> https://web.facebook.com/TheLocationKana จิ้มๆ เลย >///<

>>> อย่าลืมไปเช็คอินกันต่อที่ Kyoto ด้วยกันน้า <<<




คะน้าน้อย

 วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 23.43 น.

ความคิดเห็น