คะน้าน้อย' สวัสดีค่าาา ^O^

บล็อคอันดับที่แปด คะน้าปล่อยตามบล็อคที่เจ็ดมาติดๆ เพราะว่าบล็อคนี้สั้นนิดเดียว 5555

ส่วนใครที่ยังไม่ได้ไปเที่ยว "Kyoto" ตามไปเที่ยวกันได้ที่ Link ด้านล่างนี้เลยนะเจ้าคะ

>>>>>>>>>> https://th.readme.me/p/9393 <<<<<<<<<


ทริปนี้คะน้าแบคแพค ไป 'ประเทศญี่ปุ่น'

ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา

เริ่มออกเดินทางวันที่ 12

และกลับถึงประเทศไทย วันที่ 20 เมษายนค่ะ

คะน้าแพลนเดินทางไว้ทั้งหมด 5 จังหวัด

และสำหรับบล็อคนี้ คะน้าขอมาเล่าต่อ...เรื่องการเดินทางท่องเที่ยว ณ เมืองในฝันแห่งที่สี่ นั่นคือ...

"Nara"

จังหวัดเล็กๆ สุดคลาสสิค ที่คะน้าได้ไปเพียงแค่ให้รู้จัก ชมให้ได้เห็นด้วยตัวเอง

ว่าจังหวัดเล็กๆ แต่อบอุ่นนี้ จะน่าอยู่อย่างไรบ้าง

ซึ่ง "จ.นาระ" ขึ้นชื่อเรื่องน้องกวาง

ฝูงกวางที่เลี้ยงปล่อยให้อยู่ร่วมกับคนเมืองได้อย่างลงตัว

(คล้ายๆ การอยู่ของฝูงลิงที่ จ.ลพบุรี บ้านเราค่ะ)

คะน้า แอ๋มศรี และเฮียตั้ม จะเจอฝูงกวางมั้ย น่ารักขนาดไหนกัน!

ถ้าพร้อมแล้ว...เลื่อนเม้าส์ไปปั่นจักรยานชมเมืองพร้อมๆ กันเลย Heyyyy!!


[ ปล. เนื่องจากตลอดทริป เป็นการเดินเท้าเที่ยวแบคแพค เวลาเดิน

คะน้าจะยกกล้องถ่ายภาพไปพร้อมๆ กับการเดินตลอดเวลาค่ะ

ไม่เว้นแม้แต่ตอนนั่งรถไฟ นั่งรถบัสก็จะถ่ายขณะที่รถวิ่งไปด้วย

(Snapshot นั่นเอง) เพื่อเก็บบรรยากาศในการเดินทาง น้อยครั้งที่จะหยุดยืนถ่ายนิ่งๆ

หากภาพเอียงๆ เบลอๆ ไปบ้าง อย่าถือสาเลย 55555 ]


18 Apr'17

วันนี้เราตื่นเช้า แล้วออกจากโรงแรม Hostel Namba-minami KANON

ที่เราเข้าพักกันเมื่อคืนนี้ (จากบล็อคที่แล้วค่ะ) เช้านี้เราออกมาโดยไม่ลากกระเป๋ามาด้วยนะคะ

แน่นอนว่าเราจะกลับมาพักที่โรงแรมเดิมในตอนเย็นนั่นเอง

เราไปที่สถานี Shinimamiya เพื่อไปเที่ยวที่ จ.นาระ กันค่ะ

วันนี้เราจะนั่งสาย JR Yamatoji Line เพื่อไปลงที่ จ.นาระ ราคา ¥560 (นั่งไกลราวๆ 40 min)


เช้าๆ ผู้คนไม่พลุกพล่านนักค่ะ อากาศก็ดี๊ดี นายแบบก็งานดี๊ดี~


เราต้องไปสายสีเขียวนะคะ JR Yamatoji Line นั่นเอง


เมื่อเรานั่งรถไฟมาไกลพอสมควร สองข้างทางเริ่มเป็นทุ่งนาค่ะ

และบ้านเมืองข้างทางก็ดูเก่าแก่ สไตล์ญี่ปุ่นโบราณ สวยงามมากๆ เลยค่ะ


มาถึงแล้วววว สถานีรถไฟ จ.นาระ ค่ะ เริ่มเห็นโลโก้น้องกวางออกมาต้อนรับกันแล้ว


โอ้โห! ใหญ่กว่าน้องกวาง ก็อิคนหน้าเนี่ยแหละ 55555


เมื่อเรามาถึง ตอนแรกแอ๋มศรีแพลนว่าจะนั่งรถบัสเที่ยวชมเมืองกันค่ะ

แต่พอเราดูแผนที่ในมือแล้ว เมืองนี้ไม่ได้กว้างมากมาย และอากาศไม่ร้อน

เราเลยตกลงกันว่า อยากลองเที่ยวแบบปั่นจักรยานกันดูบ้าง หาไรทำสนุกๆ

เราเลยไปถามที่ Information ของสถานี เจ้าหน้าที่ก็บอกทางให้เราเดินไปยังร้านเช่าจักรยานค่ะ


เดินมาตามทางที่เจ้าหน้าที่บอกเรื่อยๆ ไม่ไกลจากสถานีมากนัก เราก็เจอแล้วค่ะ


เราเช่าแบบจักรยานธรรมดา (มีแบบไฟฟ้า แต่แพง 5555) เราเช่ากันในราคาเต็ม 1 วันค่ะ


ปั่นออกมากันคนละคัน เฮียตั้มอาสานำทางเอง (ไปตาม Google map อย่างเท่)


ปั่นตามๆ กันมาอย่างกับพ่อเป็ดลูกเป็ด แล้วแอ๋มศรีก็เรียกให้คะน้าดูความน่ารักของที่นี่

สัญลักษณ์กวางปรากฏทุกที่ของเมืองนี้ ไม่เว้นแม้แต่ฝาท่อระบายน้ำ


โอ๊ะ!! สวนกวาง แต่ทว่า...แอ๋มศรีบอกให้ไปวัดพระใหญ่ก่อน เดี๋ยวจะให้มาแวะทีหลังค่ะ


เฮียนำบ้าง แอ๋มนำบ้าง ส่วนคะน้า ไม่นำค่ะ คะน้าจะถ่ายรูป 5555


ปั่นมานานพอสมควร ยังไม่เห็นวี่แววของวัด...นานๆ ออกกำลังกายที ก็มีเหนื่อยนะ 5555


แอร๊ยยยยย ถึงแล้วใช่ม้ายยยยยย

ดูเอาว่าคะน้าปั่นชิลแค่ไหน มัวแต่ถ่ายรูป เฮียกับแอ๋มนำไปนู่นแล้วววววว


หาที่จอดจักรยานเรียบร้อย เราเดินเข้าวัดกันดีกว่าค่ะ ส่วนเจ้าตัวนี้ เป็นของแถม หุหุ

"วัด Todaiji / วัดพระใหญ่ [Check-In 24/30]"



จอดจักรยานเรียบร้อยแล้ว ตอนจะเดินเข้าวัด เจอน้องกวางเดินมาแหละ

และนี่คือกวางตัวแรกในชีวิตที่ได้อยู่ใกล้คะน้าแบบแนบชิดขนาดนี้ค่ะ

อ๊างงงง~ น่ารักกกกก~ เชื่องมากเลยยยย~


เดินผ่านน้องกวางเมื่อครู่ เดินเข้ามาตามทางเรื่อยๆ

จะเจอตรงนี้กับซุ้มประตูไม้ขนาดเบ้อเริ่ม เก่าแก่นับพันกว่าปี เรียกว่า "นันไดมง" ค่ะ

ตรงนี้เป็นจุดขายตั๋วด้วย และวัดนี้คงเป็นที่แรก ที่คะน้าคิดว่าได้เจอคนเยอะสุดละในทริปนี้


ได้ตั๋วมาแล้วค่าาาา จ่ายคนละ ¥500



หลังจากได้ตั๋วแล้ว เราก็เดินผ่านจุดขายตั๋วที่ซุ้มประตูด้านหน้าเข้ามาในวัดกันค่ะ

ซึ่งวัดนี้เป็นวัดไม้อันโด่งดังมากๆ ของจังหวัดนาระค่ะ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย


สังเกตุด้านหลังนะคะ วัดยิ่งใหญ่มากแค่ไหน ดูตัวคนเหลือตัวนิดเดียวเองค่ะ


เพราะอาคารหลักของวัดแห่งนี้ เป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง!!


มาค่ะ ก่อนเข้าวัดต้องมาตรงนี้ค่ะ หลายๆ คนที่อ่านมาถึงตรงนี้ แปลว่าผ่านมาหลายวัดแล้ว

น่าจะทราบแล้วว่าต้องทำอย่างไรบ้าง งั้นเรามาทำไปพร้อมๆ กันเลยนะคะทีนี้ เอ้าเริ่ม!!

"ล้างมือซ้าย ล้างมือขวา ล้างปาก ล้างกระบวย ปรบมือสามครั้ง รัววว! แปะ! แปะ! แปะ!"

เก่งมากกกก ^O^


และนี่คือภาพใกล้ๆ ค่ะ เนื้อไม้มีลวดลายด้วยนะคะ และไม้แต่ละชิ้นที่ประกอบนั้นก็ใหญ่โตมากๆ เลยค่ะ

ถึงจะดูเก่า แต่ก็ไม่น่ากลัวว่าจะพัง กลับให้ความรู้สึกแข็งแรง มั่นคงมากกว่า


วันนี้จะได้เข้าไปข้างในมั้ย เดินถ่ายทุกสามก้าว 55555


โหววววววว!! เราเข้ามาข้างในวัดกันแล้วค่ะ

นี่คือ องค์หลวงพ่อโต หรือชาวญี่ปุ่นเรียกว่า ไดบุตสึเดน

เป็นองค์พระที่ขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีความสูงถึงสิบห้าเมตร โหววว!!!

หลวงพ่อโตองค์นี้ เป็นองค์พระไวโรจนะพุทธเจ้า

ซึ่งหมายถึง พระพุทธเจ้าที่มีรัศมีไปทั่วทุกทิศราวกับแสงของดวงอาทิตย์ค่ะ

องค์ท่านหนักราวๆ ห้าร้อยตัน เป็นพระพุทธรูปไม้ ที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะค่ะ


ด้านหน้าคนเยอะค่ะ ต้องมาถ่ายมุมข้างแบบนี้ เอาน่า มุมไหนก็ดีต่อใจทั้งนั้น


ขอให้เปรี้ยง ขอให้ปัง ต้องขอพรแล้วตีฆ้องค่ะ

(ตามความเชื่อแบบไทย ที่เราตีระฆังนั่นเอง)


นอกจากองค์พระใหญ่ ด้านซ้ายยังมีพระจินดามณีอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ด้วยค่ะ

และยังมีเทพเจ้าองค์ต่างๆ ด้วย อยู่รอบๆ บริเวณเลย



เดินมาถึงด้านซ้ายมือ เจอกับเทพเจ้าโคอุโมกุเทน เป็นองค์เทพที่สามารถมองเห็นได้ทุกสิ่ง

สลักสร้างขึ้นจากไม้เช่นกันค่ะ องค์ใหญ่และสวยงาม ประณีตมากกกก


โหหหหหห ไม้แผ่นใหญ่มากกกกกก ช่างที่สลักและสร้างทุกอย่างของที่นี่

ต้องอดทน อดกลั้นแกะสลักไม้ต่างๆ ให้สำเร็จนานแค่ไหนกัน เก่งจริงๆ


ด้านหลังองค์พระค่ะ ยิ่งใหญ่ สวยงามทุกด้านเลย


เดินมาด้านหลังองค์พระ มีแบบจำลองของวัดสมัยดั้งเดิมไว้ด้วยค่ะ


เดาว่าน่าจะเป็นการแสดงขอนไม้ซุง ของพันธ์ุไม้ที่ใช้สร้างวัดแห่งนี้นะคะ


มุมนี้มีไม้แกะสลัก เดาว่าน่าจะเป็นพระพักตร์ของเทพเจ้าองค์ต่างๆ ค่ะ


ด้านนี้อยู่ด้านขวามือของเรา เทพเจ้าทามองเทน เทพเจ้าผู้ที่สามารถได้ยินเสียงทุกเสียง

องค์ใหญ่ดูน่าเกรงขามมากๆ งานสลักไม้ละเอียดประณีตและงดงามมากๆ ค่ะ


ตรงนี้คือไฮไลท์ของที่นี่ด้วยนะคะ คือเสาไม้ซุงยักษ์ ซึ่งขนาดรอบๆ ของเสาต้นนี้

คะน้าได้อ่านมาว่ามีขนาดเท่ากับรูจมูกของหลวงพ่อโตเลยทีเดียว

และด้านล่างของเสาจะเป็นช่องขนาดไม่ใหญ่มาก ประมาณฟุตนึงน่าจะได้นะคะ

แอ๋มศรีเล่าว่า เขาให้รอดผ่านจะโชคดี ได้ตรัสรู้ (คล้ายๆ เมืองไทยที่รอดท้องช้างแล้วจะโชคดี)

คะน้าได้ยินก็ไม่รอช้า ไปต่อคิวทัวร์จีนทันที (คิวไม่ยาวค่ะ คนน้อย)


พอคะน้ายัดตัวเองเข้าไป แอ๋มศรีต้องช่วยดึงคะน้าออกมาค่ะ 555555555

โมเม้นท์นี้คนเชียร์อยู่อีกด้านหนึ่งของเสาเยอะพอสมควร ก็อายๆ นะ

แต่ไหนๆ เราก็ไปเที่ยวแล้ว ลองๆ เล่นๆ ไปให้หมด เอาให้สุดค่ะ ลุย!!

แล้วแอ๋มศรีก็ช่วยชีวิตเพื่อนคนนี้ออกมาจากโพรงจนได้

สรุปแล้วไม่ได้โชคดีที่รอดเสาได้หรอก โชคดีที่มีแอ๋มศรีเป็นเพื่อนนี่แหละ รักนางที่สุดเลย


ลอดรูออกมาได้แล้ว ด้านในมีร้านขายของที่ระลึกอยู่ด้วยนะคะ

และพอเดินออกมา เลี้ยวซ้าย เราจะได้เจอกับ พระบิงซึรุ มีองค์เป็นไม้สลักเช่นกัน

ต่างตรงที่จะมีผ้าคลุมสีแดง ให้เราสามารถขอพรพระองค์ ซึ่งเชื่อว่าจะรักษาโรคร้ายให้หายได้

ถ้าใครเจ็บป่วยมาขอพรพระองค์ท่าน เสริมสร้างกำลังใจให้กับตัวเองกันนะคะ


เดินผ่านจากด้านบนมา ผ่านซุ้มขายของที่ระลึกยาวเหยียด จนออกมาที่ลานกว้าง

ก็จะมาเจอกับน้องกวางเยอะแยะเลยค่ะ เชื่องมากๆ ด้วย


โอเค เราเดินจนรอบวัดแล้วค่ะ ตอนนี้จิตใจเบิกบานขั้นสุด ไปเที่ยวกันต่อเลยค่ะ...


เดินมาเรื่อยๆ จากวัด (ตามทางมางงๆ ค่ะ) มีสวนกวางด้วยนะ

ในสวนเป็นสวนสาธารณะโล่งกว้าง มีต้นซากุระ ต้นไม้เขียวชะอุ่มนานาพันธุ์

แต่โปร่งสบาย น้องกวางเดินกันเพล่นพล่านเชียวค่ะ


แต่ดูสิ ทำไมน้องกวางไม่สนใจคะน้าเลย เรียกก็ไม่มา งื้อออออ~


เล่นกับน้องกวางในสวนอยู่ไม่นาน...เราก็อยากไปที่อื่นกันต่อแล้วค่ะ

แต่นี่เฮียเหนื่อยจริงๆ นะคะ ไม่ได้นั่งหล่อๆ ไปงั้นๆ 55555


หายเหนื่อยแล้ว รีบเดินทางไปต่อกันดีกว่าค่ะ เราจะปั่นกันให้น่องโป่งไปข้างนึง

และไม่นานนัก เราก็มาถึงจุดหมายต่อมา...

"Nara Park [Check-In 25/30]"


"สวนกวาง" หรือ "นาระพาร์ค"

ที่นี่คือที่ๆ เราปั่นผ่านไปก่อนหน้านี้ ที่กำลังจะเดินทางไปวัดพระใหญ่นั่นเอง

พอมาถึง เราก็หาที่จอดจักรยาน แล้วมีร้านขายขนมกวางอยู่ด้วย ราคา ¥150

เราก็ซื้อค่ะ เพราะต้องการล่อน้องกวางมาถ่ายรูปใกล้ๆ นั่นเอง


ขนาดเบลอหลัง สายตาอันแหลมคมยังทะลุทะลวงมาถึงขนมเซนเบ (senbei) ในมือ

ขนมนี่คะน้าลองชิมด้วยนะคะ 555555 กินยันขนมกวางค่ะ พูดเลย!!

รสชาติเหมือนแป้งขนมปังทั่วไป รสชาติกลิ่นออกเกรียมเล็กๆ (แต่ไม่ไหม้)

สงสัยต้องอบแรงๆ เพื่อให้กลิ่นออก เพราะน้องกวางน่าจะชอบ (เดาเอาเองทั้งนั้น) 5555


ภาพนี้บังเอิญถ่ายค่ะ กำลังกดถ่ายไปไม่ได้แพลนหรือโฟกัสอะไร

น้องกวางตัวนี้เดินเข้าเฟรมมาพอดี เลยรีบกด แล้วก็ได้หน้าน้องชัดๆ แบบนี้มา


หลอกยันกวาง ดูมือสิ 5555


พอมีอาหารนี่มารุมกันเลยนะ แต่ถ้าไม่ถืออาหาร น้องกวางก็จะไม่มาใกล้เราขนาดนี้ 5555


เอาล่ะ เล่นกับน้องกวางมากพอแล้ว กลับกันดีกว่านะคะ ตอนนี้ก็หมดไปครึ่งวันเช้าแล้วค่ะ


พอปั่นมามีป้ายบอกทางแบบ...อารมณ์ ณ ตอนนั้นคือ ไปไหนต่อดีวะ? 55555

สุดท้ายก็ไม่ได้ไปไหนต่อหรอกค่ะ อย่างที่เกริ่นๆ ไว้ ว่าเมืองนี้เล็กๆ มีไฮไลท์เป็นวัดต่างๆ

แต่เราเลือกไปวัดพระใหญ่กันมาแล้ว มาแค่ให้ได้รู้จัก ได้เห็น เท่านี้ก็พอแล้วค่ะ

เราเลยปั่นกลับไปยังสถานีรถไฟ เพื่อไปคืนรถจักรยานค่ะ


ปั่นกลับมาถึงสถานี ขอนั่งพักน่องกันสักแป๊บนึง...ไม่นั่งเฉยๆ นะ มีกงมีกินกันบ้าง อร่อยยย~


กะทิถั่วแดง ออริจิขนาดนี้ แอ๋มศรีแน่นอน 5555


ชิ้นนี้ของเฮียค่ะ จริงจังเอาอิ่มกันเลยทีเดียว


พอทานขนมกันเสร็จ ก็เดินกลับเข้ามาในสถานี

ซึ่งด้านในมีโต๊ะเล็กๆ มีตราปั๊มและกระดาษไว้วางไว้ให้ คะน้าก็กล้าๆ กลัวจะเข้าไปเล่น

แต่เฮียตั้มผู้กล้าหาญ ก็เดินไปปั๊มตราโลโก้กวางน้อย แล้วส่งให้คะน้าเก็บไว้เป็นที่ระลึก

แต่ทว่า...ปั๊มกลับด้าน 55555

เดินไปปั๊มอย่างเท่ ปั๊มมากลับด้าน หัวคว่ำมาเลยค่าาาา แต่เฮียน่ารัก ให้อภัย ฮุฮิ >///<


เที่ยวมาเหนื่อยๆ ไอ้รางยั้วเยี้ยๆ เนี่ย ทำตาลายเอาเรื่องอยู่นะคะ 55555


หมดครึ่งวันแรก...เราก็มาจองตั๋ว เพื่อนั่งรถไฟกลับไปที่สถานี Shinimamiya ¥560 กันค่ะ


เมื่อเรากลับมาถึงสถานี Shinimamiya เรียบร้อยแล้ว เราก็มองหาทางเดิน

ออกไปสู่ย่านนัมบะกันต่อค่ะ...แต่จะไปย่านนี้ทำไม มีอะไรน่าสนใจ ขออุบไว้ก่อนนะคะทุกคนนน!!


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เอาล่ะจ้า...คะน้าได้พามา Check-In เพิ่มไปอีก 2 สถานที่สวยๆ

ที่ "Nara" เมืองสุดน่ารัก เรียบร้อยแล้วนะคะ เป็นไงบ้าง ชอบที่นี่กันมั้ย

สำหรับ Blog หน้า คะน้าขอเอาใจสาย Shopping บ้าง

คะน้าจะพาไปเดิน Shopping เล่นๆ ที่ "Osaka" นะคะ

แหล่งรวมร้านค้า ประชากรหนาแน่น ของกินอร่อยๆ บานนนน!!

คะน้าจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง มีอะไรน่าสนใจบ้าง

คะน้าจะมาเล่าให้ฟังต่อในบล็อคหน้านะคะ เร็วๆ นี้แหละ ไม่อู้!! 5555

ตอนนี้...คะน้าขอขอบคุณเพื่อนๆ ก่อน ขอบคุณทุกๆ คนเลยที่ติดตามกันมาค่ะ

และเช่นเคย ต้องขออภัยที่แต่ละ Blog เขียนออกมาช้าเหลือเกิน

คะน้างานยุ่งมากๆๆๆ จริงๆ ค่ะ เพราะทำธุรกิจส่วนตัว งานทุ่มเทต้องมา 5555

สโลแกนเดิมค่ะ... "ทำงานหนัก เพื่อหาเงินเที่ยว และเปย์เครื่องสำอางค์" วะฮ่ะฮ่าาา

และใครที่อยากไปเดินเล่น ชิลๆ หลงๆ งงๆ แบบคะน้าบ้าง

สามารถสอบถามกันมาได้ที่ Comment Box ด้านล่างนะคะ

รวมถึงใครอยากจะชื่นชม ติชม อวยชมๆ

จะชมอะไรก็เขียนฝากถึงคะน้ากันได้เช่นกันค่ะ 5555555

เพจ >> https://web.facebook.com/TheLocationKana จิ้มๆ เลย >///<

ขอบคุณมากๆ นะคะทุกคนนนน~

>>> แล้วตามคะน้าไปเช็คอินร้าน Shopping ด้วยกันน้า <<<


คะน้าน้อย

 วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.29 น.

ความคิดเห็น