หลังจากไปเที่ยวมาหลายประเทศบอกเลยว่าเป็นทริปที่ประทับใจมากที่สุดเท่าที่เคยเที่ยวต่างประเทศเลยทีเดียวครับ โหดใช่เล่นการได้มาเยือนภูเขาไฟบนเกาะชวาฝั่งตะวันออก (East Java) ของประเทศอินโดนีเซีย คงเป็นทริปในฝันของใครหลายๆ คน ที่ไม่ว่าจะถ่ายรูปจากมุมไหนก็ดูสวยไปหมด ภูเขาไฟโบรโม่ที่ยังปะทุ มีควันพวยพุ่งออกมาอยู่ตลอดเวลา และการได้มาเห็น เปลวไฟสีน้ำเงิน Blue Flame ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Sulfur lake ทะเลสาบกรดที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลก รวมอยู่ในที่เดียวกันที่คาวาอีเจี้ยนปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก
![](/f/9706/591e8ec03fde474fbb09d86c.jpg)
นักท่องเที่ยวไทยสามารถไปท่องเที่ยวและพำนักในประเทศอินโดนีเซียได้ 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่านะ
ส่วนสกุลเงินที่ใช้คือ รูเปียห์ Rupiahs
การเตรียมตัว : สิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นมากๆในการมาโบรโม่และคาวาอีเจี้ยน
- เสื้อกันหนาว เน้นที่เป็นแจ็คเกตนะครับรับรองว่าสบายชัวร์
- ผ้าปิดปากมีก็ดีครับ(คนละอันกับที่ไกด์มีให้นะครับ ที่ไกด์ให้จะเป็น gas mask) ใส่ตอนขึ้นไปถึงปากปล่องภูเขาไฟ
- ไฟฉาย แบบคาดหัวจะโอเคมาก
- ยาแก้เมารถ
- เสื้อกันฝน ใช้ที่น้ำตก
แวะชมกระทู้เก่า ๆ ได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ
[ ★ ] แบกเป้ตะลุย " ฮ่ อ ง ก ง " ( 3 วัน 2 คืน ) งบไม่เกิน 11,000.- สุดชิวส์ https://th.readme.me/p/3797
[ ★ ] ครั้งหนึ่งในชีวิต พิชิต " ผ า หิ น กู บ " ( 2 วัน 1 คืน กับงบ 1,400.-) https://th.readme.me/p/3774
[ ★ ] " ที ล อ ซู " อุ้มผาง มหัศจรรย์แห่งสายน้ำ กับเส้นทางลอยฟ้า 1219 โค้ง ( 3,900 บาทไทย ) https://th.readme.me/p/3935
[ ★ ] ก ร ะ บี่ ทริปสุดปัง !!! เที่ยวจุใจ 3 วัน 2 คืน ( 3,900.- เอาอยู่ ) https://th.readme.me/p/3937
[ ★ ] Backpack เว้ - ดานัง - ฮ อ ย อั น ( 5 วัน 4 คืน กับงบ 5,139.-) บนเส้นทางแห่งความทรงจำ ในวันที่ไม่นั่งเครื่องบิน :) https://th.readme.me/p/4720
[ ★ ] นอนแคมป์สุดชิค 2 วัน 1 คืน รับลมหนาว GOOD OLD DAYS จ. จันทบุรี https://th.readme.me/p/4721
[ ★ ] " มหากาพย์ลำคลองงู " แบกชูชีพ - เดินป่า - ไต่หิน - ลอดถ้ำ - ลอยตัว - โดดน้ำ - ตะลุยโลกใต้พิภพ https://th.readme.me/p/9353
[ ★ ] กิน หลง เที่ยว แบบงง ๆ ครั้งแรกในจีน " ฉ ง ชิ่ ง " ( 4 วัน 3 คืน งบไม่ถึงหมื่น ) https://th.readme.me/p/9471
+++พูดคุยทักทายกัน ติดตามเพจได้ที่นี่ ++
https://www.facebook.com/tiewhaikonaijchaa/
พร้อมล่ะ ออกเดินทางกันเลย….
- Day 1-
ดอนเมือง – บาหลี (เดนปาซาร์) - วัดทานาล็อต (Tanah Lot)
ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นหรือนอนไม่หลับ ทำให้มาถึงสนามบินตั้งแต่ 04.00 น. (ที่สำคัญผมกลัวตกเครื่อง)
ออกเดินทาง (06.15) ดอนเมือง – บาหลี (11.30) บินตรงใช้เวลา 4 ชม. ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง
ได้ตั๋วของ Airasia เวลาที่ Bali เร็วกว่าไทย 1 ชม. (ได้อยู่ในโลกอนาคตอีกแล้ว )
![](/f/9706/591f0c4eceb441392269cc8c.jpg)
ถึงบาหลีประมาณ 11.40 น.แลกเงินที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าสนามบิน มีไกด์มารอรับ (วู๊ดดี้)
![](/f/9706/591eb7548fa2e85c4896b89c.jpg)
![](/f/9706/591eb749dce6eb68d6b609de.jpg)
![](/f/9706/591eb7848fa2e85c4896b89d.jpg)
บร๊ะเจ้า !!! รถที่เรานั่ง แอร์เสียคร๊าบบ ร้อนตับแล่บบบ (แต่วู๊ดดี้บอกว่าจะเอารถไปซ่อมแอร์ระหว่างเราทานข้าวกลางวัน)
![](/f/9706/591eb7d8dce6eb68d6b609e2.jpg)
เนื่องจากตอนเช้าพวกเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลย เลยบอก วู๊ดดี้ พาพวกเราไปกินข้าวก่อน นั่งรถออกจากสนามบินไม่นาน
วู๊ดดี้ ก็มาแวะร้านๆหนึ่ง คือสั่งอาหารกันไม่รู้เรื่อง ชี้ๆ เน้นเป็นเนื้อไก่ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แต่ local มากๆ ไหนๆก็ไหนๆล่ะ
ลองกินดูก็ได้รสชาติก็พอกินได้ ส่วนตัวคิดไว้แล้วว่ามาอินโด "กินเพื่ออยู่"
![](/f/9706/5922e8260533a5029f42f1c0.jpg)
โฉมหน้า ไกด์และคนขับรถของเรา (วู๊ดดี้เสื้อแดง)
![](/f/9706/591eb795dce6eb68d6b609e0.jpg)
จากนั้นก็นั่งรอรถที่เอาไปซ่อมแอร์เดี๋ยวน่ะ !!! นี่คือซ่อมแล้ว มันยังร้อนอยู่เหมือนเดิม แต่ก็เดินทางต่อ วู๊ดดี้
แวะมินิมาร์ท ห้องน้ำให้พวกเราตลอด สำหรับถนนหนทางเป็นเลนสวนกัน ขับกันน่ากลัว จี้ตูดกันตลอดนั่งรถ
ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาถึง Tanah Lot (ค่าเข้า 60,000 รูเปีย)
![](/f/9706/591eb848dce6eb68d6b609e8.jpg)
![](https://www.facebook.com/images/emoji.php/v8/f32/1/16/1f516.png)
🔖 วัดทานาล็อต (Tanah Lot) สถานที่เที่ยวที่แรกของเราในเกาะบาหลี เป็นสถานที่ยอดฮิตที่ไม่ว่าใครๆ
มาเยือนบาหลีก็ต้องแวะมาที่นี่ให้ได้ จนดูเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของเกาะบาหลีไปแล้ว
![](/f/9706/591eb867dce6eb68d6b609e9.jpg)
![](https://www.facebook.com/images/emoji.php/v8/f32/1/16/1f516.png)
🔖 Tanah Lot เป็นวิหารที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนโขดหินริมทะเล ทางด้านทิศตะวันตกของเกาะ ทำให้ที่นี่ยิ่งเพิ่มดีกรีความสวยงามขึ้นไปอีกในช่วงเย็น เวลาน้ำขึ้นจะเหมือนเป็นเกาะเล็กๆ และจะสามารถเดินเข้าไปที่วิหารได้เฉพาะช่วงเวลาน้ำลง
![](/f/9706/591eb8c1dce6eb68d6b609ec.jpg)
![](/f/9706/591f068865854025d883441a.jpg)
![](/f/9706/591eb8d0dce6eb68d6b609ed.jpg)
![](/f/9706/591eb8dbdce6eb68d6b609ee.jpg)
![](/f/9706/591eb8e5dce6eb68d6b609ef.jpg)
![](/f/9706/591eb8f2dce6eb68d6b609f0.jpg)
![](/f/9706/591f0701ceb441392269cc75.jpg)
![](/f/9706/591eb902dce6eb68d6b609f1.jpg)
บริเวณนี้คือสถานที่รับน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่น้ำไหลออกมาใต้วิหาร
หลังจากชมความงดงามของสถาปัตยกรรมขึ้นชื่อของบาหลีเสร็จเรียบร้อย ก็เดินทางไปยัง
อูบุด เดินทางประมาณ 2 ชม.
![](/f/9706/5922ee561aea3602b73076b0.jpg)
อาหารเย็นของเรามื้อนี้ ณ ร้าน
Bebek Bengil ขับรถวนหาร้านนี้อยู่สักพัก ก็ได้กินสมใจ
![](/f/9706/591f065065854025d8834419.jpg)
คืนแรก เราพักที่ Bali Sunshine Homestay บรรยากาศที่พักประมาณ แกลอรี่ของเก่านอนหลับสบายตลอดคืน
ไม่รู้เพราะความเหนื่อยล้าที่เดินทางมาทั้งวันหรือเพราะอะไร
-Day 2 -
วัดอูลันดารูบราตัน - Kawah Ijen
![](https://www.facebook.com/images/emoji.php/v8/f32/1/16/1f516.png)
🔖 ออกจากที่พักประมาณ 9 โมง เดินทางไปยังวัดอูลันดารูบราตัน ถูกสร้างมาเพื่อถวายแก่พระเจ้าเทวีดานู เทพเจ้าแห่ง
สายน้ำ และคิดว่าหลายคนเลยคงจะคุ้นหน้าคุ้นตา เพราะวัดนี้ชอบถูกเอาไปเป็นไอคอนิกบาหลีไง รวมถึงวัดนี้ยังไปปรากฏ
อยู่บนแบงค์ 50,000 รูเปียของอินโดนีเซียอีกด้วย!
![](/f/9706/591f08f8ceb441392269cc7d.jpg)
![](/f/9706/591f0cdfceb441392269cc8d.jpg)
![](/f/9706/591f0990ceb441392269cc82.jpg)
![](https://www.facebook.com/images/emoji.php/v8/f32/1/16/1f516.png)
🔖 วัดอูลันดารูบราตัน เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ Bratan ทางตอนเหนือของเกาะบาหลี ห่างจากหาด Kuta ขึ้นไปประมาณ
2 ชั่วโมง ... จุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่เจดีย์ทรงสูง หลังคามุงด้วยฟางซ้อนกัน 11 ชั้น ที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางทะเลสาบ
![](/f/9706/591f0cfeceb441392269cc8e.jpg)
![](/f/9706/591f0b9dceb441392269cc85.jpg)
![](/f/9706/591f0ae3ceb441392269cc83.jpg)
![](/f/9706/591f0affceb441392269cc84.jpg)
![](/f/9706/591f0c36ceb441392269cc89.jpg)
![](/f/9706/591f0c8865854025d8834434.jpg)
![](/f/9706/591f0d6fceb441392269cc8f.jpg)
![](/f/9706/591f0d3f65854025d8834438.jpg)
![](/f/9706/591f0dfd65854025d8834439.jpg)
ที่นี่สวยงามมากถ่ายรูปไม่มีเบื่อเลยล่ะคร๊าบบ เราทานอาหารกลางวันที่ร้านหน้าวัดเลย
บรรยากาศดีมาก อาหารอร่อย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่เมืองไทย อาหารอร่อยฟุดๆๆ ราคาไม่แพงมาก
![](/f/9706/591f0c06ceb441392269cc87.jpg)
![](/f/9706/591f0a9c65854025d883442f.jpg)
ออกเดินทางไปขึ้นเรือเฟอร์รี่ เพื่อข้ามไปเกาะชวา เวลาที่นี่เท่ากับเมืองไทย ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง
![](/f/9706/591f101465854025d883443b.jpg)
![](/f/9706/591f1045ceb441392269cc92.jpg)
![](/f/9706/591f102265854025d883443c.jpg)
ระหว่างทางไปคาวาอีเจี้ยนส่วนใหญ่จะเป็นเขา ใครเมารถให้เตรียมยาแก้เมาด้วย มาถึงที่พัก
Panorama HomeStay
ประมาณ 2 ทุ่ม มีเวลาพัก 5 ชั่วโมงก่อนตื่นไปลุยคาวาอีเจี้ยนตอนตีหนึ่ง คือมาถึงที่นี่สองทุ่มและ
ต้องเช็คเอาท์ออกเลย ตอนตีหนึ่งเพื่อไป Trek ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน
- Day 3 -
Trek ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน
หลังจากนี้นี่แหละคือความโหดของคาวาอีเจี้ยน บอกเลยเป็นสถานที่ .. ที่.. คือแม่งต้องมาซักครั้งในชีวิต…
![](/f/9706/592244226411dc74a0b1ec2f.jpg)
ถึงทางขึ้น Paltuding ซึ่งเป็นจุดเริ่มเดินเท้าขึ้นสู่ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน ประมาณตีสอง เริ่มเดินระยะทางจากทางเข้าไป
ปากปล่องภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน 3 กิโล ..
![](/f/9706/5922442c6411dc74a0b1ec30.jpg)
เดินขึ้นทางชันๆประมาณ 2 กิโล (ย้ำ.. ว่าชันมาก) ทางราบ อีก 1 กิโล ยังไม่รวม .. ถ้าลงไปในปล่องอีกแกรรรรร
อีก 1 กิโล (อ้อ!!! ที่นี่มี TAXI ด้วยราคา 100,000 รูเปีย)ผมน่ะเหรอ เดินไปพักไป เพราะรู้สึกร่างกายขาดอากาศ
ยิ่งเดินยิ่งไกล ก็นั่นแหละ !! มันก็เป็นแบบนี้ มีความเหนื่อย ความลำบาก แต่ก็ต้องอดทน กำลังใจมาเต็มร้อย
แต่กำลังขาถดถอยลงทุกที :(
![](/f/9706/592244386411dc74a0b1ec31.jpg)
![](/f/9706/592244616411dc74a0b1ec34.jpg)
![](/f/9706/5922456b6411dc74a0b1ec3c.jpg)
เหตุผลที่เราต้องลำบากลำบน ทรมานร่างกาย ตื่นมาเดินตั้งแต่ตีสอง นี่เพื่อ???มาดูเพลิงสีน้ำเงิน Blue Fire
(ถ้าโชคดีก็ได้เห็น) แต่ถ้าใครไม่อยากมา ก็เปิดเตาแก๊สเอาที่บ้านคล้ายๆ ประมาณเดียวกัน แต่อารมณ์ต่างกันสุดขั้วเลย
![](/f/9706/592245846411dc74a0b1ec3d.jpg)
![](/f/9706/5922448f6411dc74a0b1ec37.jpg)
![](/f/9706/592244a26411dc74a0b1ec38.jpg)
![](/f/9706/592245466411dc74a0b1ec3a.jpg)
เสียดายที่ไม่ได้เดินลงไปในปล่อง ระยะทาง 1 กิโล เพราะก่อนหน้าผมเดินทาง มีการระเบิดเกิดขึ้นก็เลยไม่อนุญาตให้
ลงไปในปล่อง คือถือเป็นความโชคดีสุดๆ เลยแหละ ไม่ต้องเหนื่อย เพราะแค่ทัศนียภาพที่ปรากฏตรงหน้า ทะเลสาบสีเขียวมรกต ณ ตอนฟ้าเริ่มสว่างมัน คุ้มค่าที่สุดจนลืมความเหน็ดเหนื่อยก่อนหน้านี้ไปเลย!! (ถ้าตกลงไปก็คือตายอ่ะ)
![](/f/9706/592245e26411dc74a0b1ec45.jpg)
![](/f/9706/592245996411dc74a0b1ec3e.jpg)
มีก้อนกำมะถันที่เอามาตั้งโชว์ระหว่างทางด้วย อันนี้คือก้อนใหญ่มากกกก
![](/f/9706/592248c7b703ca236545304f.jpg)
การทำงานของคนงานเหมืองแร่ที่นี่กันบ้าง โดยจะเริ่มงานกันตั้งแต่ตี 3 หาบกระบุงเปล่าขึ้นมาแล้วลงไปที่ปากปล่อง
แซะก้อนกำมะถันไต่ขึ้นมาบนทางที่ชัน แล้วหาบลงเขาไปอีก 3 กม. ซึ่งน้ำหนักของแร่กำมะถันที่ชาวบ้านแบกกันอยู่ที่
ประมาณหาบละ
60 – 80 กก. โดยค่าจ้างจะอยู่ที่ กก.ละ 2 บาท วันนึงอาจจะหาบได้ 2-3 รอบ คิดเป็นเงินรอบละประมาณ
100 กว่าบาท
เป็นงานที่เหนื่อยแสนสาหัสและอันตรายบั่นทอนสุขภาพมากๆ เพราะต้องดมแก๊สพิษเข้าปอดอยู่ทุกวัน
![](/f/9706/5922e8c80533a5029f42f1c1.jpg)
![](/f/9706/5922461cb703ca236545304c.jpg)
![](/f/9706/5922460bb703ca236545304b.jpg)
![](/f/9706/5922e9201aea3602b73076ad.jpg)
![](/f/9706/5922463076c80a478b7cfc37.jpg)
ประมาณ 6 โมงเราก็เริ่มเดินลงจากคาวาอีเจี้ยน เพราะทนความหนาวไม่ไหวเดินลงตอนแรกคิดว่าง่าย ๆ
ที่ไหนได้เจ็บปวดกว่าตอนขึ้นอีก เพราะทางมันชันแล้วต้องจิกปลายเท้าตลอด
![](/f/9706/5922466676c80a478b7cfc3a.jpg)
![](/f/9706/5922465776c80a478b7cfc39.jpg)
![](/f/9706/5922467f76c80a478b7cfc3b.jpg)
ระหว่างเดินลงเขาก็สวย ลองมองดูวิวรอบๆ แล้วเราจะเห็นความงดงามที่ตอนเราเดินขึ้นไม่เห็นเห้ยยยยย
นี่รู้สึกแบบนี้จริงๆ คุ้มมากกับการมาที่นี่ มันคือที่สุดจริงๆ
![](/f/9706/59229627512f7332e20fadf6.jpg)
![](/f/9706/5922469376c80a478b7cfc3c.jpg)
แล้วเราก็ลงมาถึงด้านล่างประมาณ 07.30 น. ระหว่างทางก็ถอดเสื้อตัวนอกออกจนเหลือแต่เสื้อยืด
![](/f/9706/592246a376c80a478b7cfc3d.jpg)
หลังจากนี้ก็จะเป็นการนั่งรถแบบมาราธอน 8 ชั่วโมง เพื่อเดินทางไปยัง Bromo ด้วยระยะทาง 280 กิโลเมตร
(นั่งเมื่อยแล้วเมื่อยอีก ลงมินิมาร์ทก็หลายที่ มันก็ยังไม่ถึง)เดินทางมาถึง Bromo ประมาณ 2 ทุ่ม
![](/f/9706/5922471a76c80a478b7cfc3e.jpg)
มื้อเย็นวันนี้เรากินสะเต๊ะของอินโด มีทั้งเนื้อไก่ เนื้อแพะ อร่อยฟุดๆ เหมือนไก่สะเต๊ะบ้านเราเลย
เพียงแต่ไม่มีอาจาดเครื่องเคียงเท่านั้น
![](/f/9706/5922a05d512f7332e20fae0c.jpg)
เราเข้าที่พัก ประมาณ 3 ทุ่ม อากาศที่นี่หนาวกว่าอีเจียน เพราะอยู่สูงกว่า ห้องพักที่นี่ไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม wifi สัญญาณ ก็พอได้นิดหน่อย กินอิ่ม อาบน้ำร้อน แต่งตัวเตรียมพร้อมออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ นัดไกด์ไว้ ตอน ตี 03.00 น.
- Day 4 -
จุดชมวิว Bromo ลมหายใจเทพเจ้า - ปีนปล่องภูเขาไฟ - ทะเลทรายดำ - ทุ่งหญ้าสะวันนา
นัดกับวู๊ดดี้ ตอนตี 03.00 การขึ้นไปยังจุดชมวิวต้องใช้รถ Jeep ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 45 นาที ไปดูวิวและพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเขา Penanjakan เค้าบอกว่าคือจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยที่สุดในโบรโม่ คือความอัศจรรย์ทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งนึงของเกาะชวาตะวันออก อากาศหนาวมากกกก เตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อมเลยนะ
![](/f/9706/59224a1776c80a478b7cfc3f.jpg)
![](/f/9706/59224a28b703ca2365453050.jpg)
มาถึงค่อนข้างเร็วประมาณตี 4 คือต้องยืนรอท่ามกลางความมืดและความหนาวอีกเกือบ 2 ชม. ถ่ายบรรยากาศได้ก่อน
พระอาทิตย์ขึ้น ในรูปว่าสวยแล้ว ของจริงสวยยิ่งกว่า กว่าพระอาทิตย์จะขึ้น ตอนแรกก็แอบคิดว่าทำไมต้องพาเรามา
แต่เช้าจัง แต่พอมาถึงแล้วก็เห็นว่านักท่องเที่ยวมารอกันมากมายเลยทีเดียว ที่จุดชมวิวนี้มีของขาย มีเสื่อ และ
เสื้อแจ็คเกตให้เช่าสำหรับคนที่เตรียมมาไม่พอ
![](/f/9706/59224a9fb703ca2365453052.jpg)
![](/f/9706/59224aa8b703ca2365453053.jpg)
![](/f/9706/59224aefb703ca2365453056.jpg)
![](/f/9706/59224bd2b703ca236545305a.jpg)
พอฟ้าสว่างขึ้น….ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า กลุ่มภูเขาไฟและโบรโม่ที่กำลังพ่นควันอยู่ มันทำให้เราลืมความหนาว
ง่วงและ
เหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลไปจนหมด เฮ้ย…มันสวยมากกกก
![](/f/9706/59224bdcb703ca236545305b.jpg)
![](/f/9706/59224b30b703ca2365453058.jpg)
![](/f/9706/59224b3ab703ca2365453059.jpg)
![](/f/9706/59224b19b703ca2365453057.jpg)
![](/f/9706/59224c0fb703ca236545305c.jpg)
![](/f/9706/59224c4db703ca236545305d.jpg)
![](/f/9706/5922e9421aea3602b73076ae.jpg)
![](/f/9706/59224cafb703ca236545305f.jpg)
เป็นการตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น เช้าที่สุดในชีวิตล่ะ แต่สิ่งที่ทำให้ตื่นเต้นได้มากกว่าการมาดูพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ
ก็คือการรอคอยแสงสว่าง เพื่อที่เราจะได้มองเห็นภูเขาไฟโบรโม่ของจริง
![](/f/9706/5922e97b0533a5029f42f1c2.jpg)
หลังจากชมวิวบนภูเขา Penanjakan กันสักพัก ระหว่างทางลงมาก็มีอีกจุดที่คนขับจอดรถให้ลงไปถ่ายรูปกัน
จะได้มุม ประมาณนี้ภูเขาไฟบาต็อก (Gunung Batok) ที่อยู่ด้านหน้าโบรโม่ เป็นภูเขาไฟที่สงบนิ่งแล้ว
![](/f/9706/59224d65b703ca2365453061.jpg)
![](/f/9706/59224dd5b703ca2365453065.jpg)
![](/f/9706/59224d94b703ca2365453062.jpg)
![](/f/9706/59224da5b703ca2365453063.jpg)
![](/f/9706/59224e2db703ca2365453068.jpg)
![](/f/9706/59224db4b703ca2365453064.jpg)
หลังจากลงมาที่จุดชมวิวแล้ว รถจี๊ปจะมาจอดตรงบริเวณตีนเขาด้านล่าง ในส่วนของทะเลทรายดำๆ ด้านหน้า
ภูเขาไฟโบรโม่และภูเขาไฟบาต็อกที่ตั้งอยู่ติดกัน ที่นี่เราเลือกได้ว่าจะขี่ม้า หรือเดินเข้าไป ระยะทาง
ประมาณ 2 กิโลกว่าๆ ขี่ม้า (ราคาไป-กลับ 125,000 รูเปีย)
![](/f/9706/5922a638512f7332e20fae13.jpg)
![](/f/9706/5922506f76c80a478b7cfc40.jpg)
มีรถ Jeep หลายสีสันจอดเรียงให้เราได้แอ๊คท่าถ่ายรูปกันเยอะมาก
![](/f/9706/59229a7e82026607a6067abd.jpg)
![](/f/9706/5922a116846ef84e9de7c3be.jpg)
![](/f/9706/59224eeab703ca236545306c.jpg)
![](/f/9706/59224f24b703ca236545306e.jpg)
![](/f/9706/59224f7fb703ca2365453072.jpg)
ทีนี้เราต้องเดินเข้าไปหาตีนภูเขาไฟโบรโม่ก่อน อยากมีรูปอัพลงโซเชียลแบบเท่ห์ก็ เชื่อผมเหอะ
ขี่ม้าไปสบายกว่าเยอะ แต่เจ็บตรูดดด
![](/f/9706/5922e4810533a5029f42f1bc.jpg)
![](/f/9706/59224f40b703ca236545306f.jpg)
![](/f/9706/5922e4a90533a5029f42f1bd.jpg)
![](/f/9706/5922ea3e0533a5029f42f1c5.jpg)
![](/f/9706/59224f58b703ca2365453071.jpg)
![](/f/9706/59224fabb703ca2365453074.jpg)
![](/f/9706/59224fa1b703ca2365453073.jpg)
![](/f/9706/59225050b703ca2365453079.jpg)
จากจุดที่พวกเราขึ้นม้า เห็นทางเดินแล้วท้อได้นั่งม้าแล้วสบายใจหน่อยม้าจะไปส่ง
พวกเราเกือบ ๆ ถึงบันไดขึ้นไปปากปล่องโบรโม่
![](/f/9706/59225096b703ca236545307a.jpg)
มองย้อนกลับไป โคตรคิดถูกเลยที่นั่งม้ามา ไม่งั้นหมดแรงพอดี รู้สึกเหมือนอยู่กลางโอเอซิส
![](/f/9706/5922977882026607a6067aba.jpg)
![](/f/9706/5922983582026607a6067abb.jpg)
ก่อนขึ้นปากปล่องภูเขาไฟก็จะมีชาวบ้านพื้นเมืองมาขายดอกไม้ให้เราถือขี้นไปอธิษฐาน ขอพร และโยนดอกไม้ลงในปล่อง
![](/f/9706/59224ff8b703ca2365453077.jpg)
![](/f/9706/59224fe7b703ca2365453076.jpg)
![](/f/9706/5922519db703ca2365453082.jpg)
ทีนี้แหละความยากเริ่มมา คือแกต้องไต่บันไดปีนขึ้นไปดูบนปล่องภูเขาไฟ คือมันชันมาก ลื่นมาก
แดดก็ร้อนมากด้วย รู้สึกเหมือนอยู่กลางทะเลทราย เดินไป พักไป (สโลแกนเราเอง)
![](/f/9706/5922511fb703ca236545307d.jpg)
ผู้คนเยอะแยะมากมาย หลากหลายเชื้อชาติ
![](/f/9706/5922502cb703ca2365453078.jpg)
แต่พอขึ้นไปถึงยอดแล้วเฮ้ย !!! แม่งหายเหนื่อยเลยว่ะ กับวิว 360 องศา
![](/f/9706/592250f3b703ca236545307b.jpg)
![](https://th.readme.me/f/9706/5922e4360533a5029f42f1ba.jpg)
![](https://th.readme.me/f/9706/5922e4470533a5029f42f1bb.jpg)
ไต่ขึ้นมาสูงได้ที่ล่ะ หันกลับไปจากมุมนี้จะเห็นเทวสถานฮินดูที่เราขี่ม้าผ่านมา กองทัพรถจี๊ปและฝูงม้า วิวทะเล
ฝุ่นกำมะถันสีดำ และเทือกเขาPenanjakan ที่เราเพิ่งลงมากันเมื่อเช้ามืด อยู่ไกลๆ
![](/f/9706/592398e0c167d93cc5deb71a.jpg)
![](/f/9706/592298e1512f7332e20fadfa.jpg)
เสียงคำรามของโบรโม่ดังสนั่นไปทั่ว มีควันพวยพุ่งขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา หนักบ้างเบาบ้าง
กลิ่นและฝุ่นกำมะถันก็รุนแรงขึ้นกว่าตอนที่เดินขึ้นมา
![](/f/9706/5922992a512f7332e20fadfc.jpg)
![](/f/9706/59225160b703ca236545307f.jpg)
คือตอนนี้เว้ย เรายืนอยู่ขอบปล่องภูเขาไฟโบรโม่แล้วววว โครตสวย และย้ำว่าของจริงสวยอลังการกว่าในรูปเยอะมาก
และสมกับที่ได้รับสมญานามว่าเป็น "ลมหายใจของเทพเจ้า"
![](/f/9706/5922993d512f7332e20fadfd.jpg)
![](/f/9706/59229947512f7332e20fadfe.jpg)
![](/f/9706/5922e3c80533a5029f42f1b8.jpg)
![](/f/9706/5922e3f30533a5029f42f1b9.jpg)
เชื่อเค้าเลย !!! ขนาดข้างบนปล่องภูเขาไฟ ยังมีดอกไม้มาขายอ่ะ (แล้วผมจะแบกดอกไม้ขึ้นมาเพื่อ ??)
![](/f/9706/59225179b703ca2365453081.jpg)
ทางเดินมีรั้วคอนกรีตกั้นนิดหน่อย ต้องระวัง ถ้าพลาดตกลงไปคือไม่มีใครช่วยจริงๆ ตายอย่างเดียว คืออันตรายมาก
*** เพราะมีนักท่องเที่ยวชาวสิงค์โปรเคยตกลงไปแล้ว ***
![](/f/9706/5922971582026607a6067ab9.jpg)
เอาดอกไม้ที่ถือขึ้นมาอธิษฐาน ขอพร เพื่อแสดงการสักการะเทพเจ้า
อธิษฐานเสร็จแล้วก็โยนลงไปในปล่องภูเขาไฟ อยู่บริเวณปากปล่องสักพัก เพื่อเก็บภาพที่สวยงาม
![](/f/9706/59229d3e512f7332e20fae05.jpg)
![](/f/9706/59229d47512f7332e20fae06.jpg)
ระหว่างทางเดินกลับ มีของกิน ของที่ระลึก (เสื้อยืด) ขายเต็มไปหมด ในราคาที่ไม่แพงมาก (พอรับได้)
![](/f/9706/59229d2782026607a6067acc.jpg)
ขากลับลงมา เวลาประมาณ 8.00 โมงเช้า มีแดดล่ะพอให้อากาศอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
![](/f/9706/59229b1182026607a6067ac2.jpg)
![](/f/9706/59229b2e82026607a6067ac3.jpg)
ขอเซลฟี่กับน้องม้าบ้าง จับเชือกมือนึง ถือกล้องถ่ายรูปอีกมือนึง
ทางตรงยังพอไหวแต่ทางขึ้นเขาต้องจับให้แน่นทั้งสองมือ เพราะทางชันมากถ้าตกลงมาเจ็บแน่ๆ ><"
![](/f/9706/59229b6b82026607a6067ac4.jpg)
เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่รู้สึกประทับใจมากถ่ายวิวก็สวย ถ่ายคนก็โคตรหล่อ คือใช้เวลาที่นี่กันนานมาก
ไม่ว่าจะถ่ายรูปในมุมไหนสวยหมดจริงๆ
![](/f/9706/59229b9382026607a6067ac5.jpg)
หลังจากปีนไปดูปากปล่องมาแล้วก็ไปถ่ายรูปที่
Whispering Sands
![](/f/9706/59229ba182026607a6067ac6.jpg)
![](/f/9706/5922e4eb1aea3602b73076a8.jpg)
บริเวณนี้เป็นจุดหนึ่งที่ถ่ายรูปได้สวยงาม กับความพีคที่ต้องมาเห็นกับตา คือทรายสีขาวที่ฟุ้งเหมือนมีลมเป่า
ให้มันพัดตลอดเวลา แต่ถ่ายมาแล้วทรายสีขาวมันไม่ฟุ้งอ่ะ
![](/f/9706/59229db0512f7332e20fae07.jpg)
![](/f/9706/59229bad82026607a6067ac7.jpg)
![](/f/9706/5922a01b846ef84e9de7c3ba.jpg)
![](/f/9706/5922e2cb1aea3602b73076a4.jpg)
![](/f/9706/5922a02f846ef84e9de7c3bb.jpg)
![](/f/9706/5922a60e846ef84e9de7c3c1.jpg)
![](/f/9706/59229d1682026607a6067acb.jpg)
แล้วก็ไปต่อที่ทุ่งสะวันนา (Savahna) ระหว่างทางเห็นคนเก็บดอกไม้ น่าจะเอาไปทำเป็นช่อแล้วขายให้เรา
(10,000 รูเปีย) เพื่อหอบขึ้นไปโยนลงปล่องภูเขาไปตามความเชื่อแหละเนอะ
![](/f/9706/59229f19512f7332e20fae08.jpg)
![](/f/9706/59229f3c512f7332e20fae0b.jpg)
ทุ่งสะวันนา (Savahna) ที่ทุ่งหญ้าเขียวๆนี่ เวลาถ่ายรูปออกมาแล้ว ก็สวยไม่แพ้จุดอื่นเลยจริงๆ
![](/f/9706/5922e52f1aea3602b73076aa.jpg)
![](/f/9706/5922e5101aea3602b73076a9.jpg)
![](/f/9706/59229fbe846ef84e9de7c3b8.jpg)
จากนั้นก็นั่งรถกลับที่พัก อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า Check-out ตอนเที่ยงพอดีเป๊ะออกมาแวะร้านหมูสะเต๊ะ
กินกันคนละ 10-20 ไม้ ก่อนเดินทางกลับสุราบายา
ใช้ระยะเวลาก็ประมาณ 5 ชั่วโมงได้ เรามาถึงสุราบายาประมาณ 2 ทุ่ม (เข้าตัวเมืองแล้วโว้ยยย)
![](/f/9706/5922e1a41aea3602b73076a2.jpg)
คืนสุดท้ายเราพักที่ Swiss-Belinn Tunjungan โรงแรมนี้สัญญาณ wifi ชัดเจนมากเลยทีเดียว แอร์ก็เย็น ที่นอนก็นุ่ม
คืนนี้เป็นคืนแรกของทริปนี้ที่เราได้นอนแบบเต็มตื่น ไม่ต้องตื่นแต่ดึกพรุ่งนี้เราก็เดินทางกลับเมืองไทยแว้วว
อาหารเช้าของโรงแรมก็อร่อย เป็นบุฟเฟ่ต์หลากสไตล์
![](/f/9706/5922e21d1aea3602b73076a3.jpg)
ทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ Check-Out ออกจากโรงแรม เตรียมตัวเดินทางไปสนามบิน
ฝากวู้ดดี้ส่งเปิ้สสะก๊าดกลับเมืองไทยให้เรา มันคือความทรงจำที่จับต้องได้
![](/f/9706/5922e36d1aea3602b73076a5.jpg)
ทริปอินโดนีเซียทริปคือทริปโคตรรพีคที่สุดทริปหนึ่ง หลังจากไปเที่ยวมาหลายประเทศบอกเลยว่าเป็นทริปที่ประทับใจมากที่สุดเท่าที่เคยเที่ยวต่างประเทศเลยทีเดียวครับ โหดใช่เล่นต้องมาซักครั้งในชีวิตมันน่าประทับใจ ครบทุกรสชาติที่ไปมา
ชมวัดอลังการงานสร้างที่บุโรพุทโธ .. Trek ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน และสุดท้ายนั่งรถจิ๊บ ขี่ม้า ปีนภูเขาไฟโบรโม่...
ทุกอย่างมันลงตัว จากทริปนี้ มันไม่ใช่การเที่ยวที่หรูหรา หรือต้องประหยัดอะไรมากมาย ขอแค่กินอิ่ม นอนหลับ
แค่นั้นก็พอแล้วสำหรับผม ขอบคุณตัวเองจริงๆ ที่ตัดสินใจออกเดินทางมาอินโดนีเซีย
ขอบคุณการเดินทางที่ทำให้ผมได้มีความสุขและสนุกอีกครั้ง และมิตรภาพที่แสนดี
ขอบคุณเพื่อนเดินทาง ขอบคุณมิตรภาพระหว่างทาง ที่ทำให้โบรโม่-คาวาอีเจี้ยนเป็นวันที่ดีๆ สำหรับผม
สุดท้ายขอบคุณ ที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมครับผม.....ขอบคุณครับ.....[^_____^]
![](/f/9706/5922a26c512f7332e20fae0d.png)
เ ที่ ย ว ใ ห้ ค น อิ จ ฉ า
วันพฤหัสที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.42 น.