กิน หลง เที่ยว แบบงง ๆ ครั้งแรกในจีน " ฉ ง ชิ่ ง " ( 4 วัน 3 คืน งบไม่ถึงหมื่น )

บนเส้นทางแห่งความทรงจำ ฉงชิ่ง – อู่หลง – ต้าจู๋ – ฉงชิ่ง – ดอนเมือง


แวะชมกระทู้เก่า ๆ ได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ

[ ★ ] แบกเป้ตะลุย " ฮ่ อ ง ก ง " ( 3 วัน 2 คืน ) งบไม่เกิน 11,000.- สุดชิวส์ https://th.readme.me/p/3797
[ ★ ] ครั้งหนึ่งในชีวิต พิชิต " ผ า หิ น กู บ " ( 2 วัน 1 คืน กับงบ 1,400.-) https://th.readme.me/p/3774
[ ★ ] " ที ล อ ซู " อุ้มผาง มหัศจรรย์แห่งสายน้ำ กับเส้นทางลอยฟ้า 1219 โค้ง ( 3,900 บาทไทย ) https://th.readme.me/p/3935
[ ★ ] ก ร ะ บี่ ทริปสุดปัง !!! เที่ยวจุใจ 3 วัน 2 คืน ( 3,900.- เอาอยู่ ) https://th.readme.me/p/3937
[ ★ ] Backpack เว้ - ดานัง - ฮ อ ย อั น ( 5 วัน 4 คืน กับงบ 5,139.-) บนเส้นทางแห่งความทรงจำ ในวันที่ไม่นั่งเครื่องบิน :) https://th.readme.me/p/4720
[ ★ ] นอนแคมป์สุดชิค 2 วัน 1 คืน รับลมหนาว GOOD OLD DAYS จ. จันทบุรี https://th.readme.me/p/4721
[ ★ ] " มหากาพย์ลำคลองงู " แบกชูชีพ - เดินป่า - ไต่หิน - ลอดถ้ำ - ลอยตัว - โดดน้ำ - ตะลุยโลกใต้พิภพ
https://th.readme.me/p/9353


+++พูดคุยทักทายกัน ติดตามเพจได้ที่นี่ ++

https://www.facebook.com/tiewhaikonaijchaa/


การเดินทางครั้งแรกในจีน " ฉงชิ่ง " 1 ใน มหานครอันยิ่งใหญ่แห่งประเทศจีน มันทำให้ผมได้อะไรมากมายเลยทีเดียว ไม่มีเวลาเหงาเลยสักนิดเดียว ภาษาจีนก็ไม่ได้ ภาษาอังกฤษก็ไม่คล่อง " ใจ " ล้วนๆ เลยล่ะค้าฟ ก็คิดดูสิ ขนาดคนที่เค้าพูดไม่ได้ มองไม่เห็น ไม่ได้ยิน เค้ายังเดินทางไปไหนมาไหนได้ แล้วผมจะกลัวอะไรล่ะ

จี น ... เ ป็ น ป ร ะ เ ท ศ ที่ ไ ม่ ค ว ร ม อ ง ข้ า ม

จี น ... มี ธ ร ร ม ช า ติ ที่ โ ค ต ร จ ะ ส ว ย ง า ม

จี น ... ต้ อ ง ล อ ง ไ ป สั ก ค รั้ ง แ ล้ ว จ ะ ติ ด ใ จ แ ล ะ ห ล ง รั ก

จี น ... น า ฬิ ก า เ ดิ น เ ร็ ว ก ว่ า บ้ า น เ ร า 1 ชม. เ ห มื อ น เ ร า เ ดิ น ท า ง อ ยู่ ใ น โ ล ก อ น า ค ต

ผมหลงรักประเทศจีนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ดูหนังจีนกำลังภายใน "มังกรหยก กำเนิดเอี้ยก้วย" ที่กู๋เทียนเลอ เล่นกับ หลี่ยั่วถง มันทำให้ผมอยากไปประเทศจีนเพื่อไปฝึกวิทยายุทธ์ แต่จีนที่ผมไปมามันไม่ใช่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป

จีน . . . สถานที่ท่องเที่ยวโคตระยิ่งใหญ่ โคตรสวย ผมไม่รู้จะบรรยายยังไงดีเลยให้ความรู้สึกว่าเที่ยวยังไงก็ไม่หมด ผมตั้งใจจะกลับไปแบคแพคที่จีนอีกหลายๆ ครั้ง เก็บมันให้ครบทุกมณฑล

จีน . . . เน้นความปลอดภัยมาเป็นอันดับต้นๆ เลย เพราะในทุกสถานีขนส่ง ต้องผ่านการสแกนกระเป๋าก่อนเข้าสถานีทุกครั้ง (และถ้าใครมีขวดน้ำ) ก็ต้องส่งให้สแกนทุกครั้งด้วยเช่นกัน

จีน . . . เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่สุดๆไม่ใช่แค่พื้นที่ในประเทศนะ แต่ผมหมายความรวมถึง ทุกพื้นที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ ทุกที่ได้รับการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นในชนบท หุบเขา พี่จีนแกพัฒนาให้เป็นชุมชนเมืองได้ มีทั้งระบบรถราง รถไฟ รถเมล์ TAXI ซึ่งเทียบกับบ้านเราแล้วยังห่างไกลกันอีกมาก

จีน . . . นอกจากห้องน้ำแล้วตามจุดท่องเที่ยว ถนนหนทางสะอาดมาก มีถังขยะให้ทุกจุด ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนจะมีถังขยะและคนคอยดูแลเรื่องความสะอาดตลอดเวลา

จีน . . . ยังมีอะไรอีกมากมาย ที่ต้องค้นหา และมันก็เรียกร้องให้ผมกลับไปหามันอีกครั้ง


การเตรียมตัว :

1.พาสปอร์ตเหลือไม่ตำกว่า 6 เดือนนะค้าฟ

2.วีซ่า สามารถไปทำเองได้(มีอายุ 3 เดือน อยู่ในจีนได้ไม่เกิน 30 วัน)

- เอกสารที่ใช้ยื่น มีรูปถ่าย 2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว ใบจองตั๋วเครื่องบิน ใบจองที่พัก และแบบฟอร์มการขอวีซ่า

- ค่าธรรมเนียมวีซ่าเข้าออก 1,000 บาท ค่าบริการศูนย์รับยื่น 500 บาท รวม 1,500 บาท (แบบธรรมดา 4 วันทำการ)

- สามารถไปทำได้ที่ :อาคารธนภูมิ ชั้น 5 เลขที่ 1550 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มักกะสัน กรุงเทพฯ 10400

3.เสื้อผ้า จากที่ผมไปอากาศค่อนข้างหนาว ประมาณ 8-10 องศา เสื้อขนเป็ดตัวเดียวเอาไม่อยู่เลยล่ะค้าฟ แนะนำว่าก่อนการเดินทางให้เช็คอากาศที่นู่นด้วยว่าอุณหภูมิประมาณเท่าไหร่ เตรียมพร๊อพไปให้พร้อม

4.อินเตอร์เน็ตที่จีนจะบล็อกพวก Social media ต่างๆ ที่คนไทยใช้กันเช่น Facebook , Line , Youtube ถ้าหากจะใช้งานที่จีน ต้องทำการเปิด Data Roaming ไปจากไทย ก็จะสามารถใช้ได้เหมือนบ้านเรา หรือ ถ้าจะใช้ Sim ที่จีน ก็โหลด App VPN ไว้ในมือถือก่อนเดินทางไปจีน


เริ่มต้นการเดินทาง :

- Day 1 -

( ดอนเมือง – ฉงชิ่ง – อู่หลง )

วันนี้ผมบินขึ้นเครื่องไปกับสายการบินแอร์เอเชียเส้นทางดอนเมือง(DMK) – ฉงชิ่ง (CKG) เวลา06.20 – 10.20 น.ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชม.ผมเลือกบินไฟลท์เช้าจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ บินมา 3 ชมถึงสนามบิน ฉงชิงเจียงเป่ย ประเทศจีน ถึงสนามบินรีบไปเข้าแถวเพื่อผ่าน ตม. ให้เรียบร้อย เดินออกมาจากอาคาร เลี้ยวซ้าย เดินเลียบไปถนนด้านหลังสนามบิน จะเจอป้าย Jiangbel Airport Station Light Railwayก็เดินตามป้ายไปเลย จะเจอสถานีรถไฟ CRT ค่ารถไฟเข้าเมืองถูกมาก ประมาณ 6 หยวน นั่งประมาณ 1 ชั่วโมง

การเดินทาง :
นั่งรถไฟฟ้าจาก (Jiangbei Atiport) นั่งยาวไปลงที่สถานี Sigongli (ราคา 7 หยวน) ออกจากสถานีทางออก exit 4A มองหาป้าย Sigongli Raill Transfer Hub เดินตามทางไปเรื่อยๆ จนเจอสถานี พอข้ามฝั่งตึกเดินตามป้าย The Long-distance Bus Ticket Office

พอลงบันไดเลื่อนก็จะเจอ Ticket Hall ก่อนเข้าสถานีมีการตรวจกระเป๋าทุกครั้งน่ะค้าฟ เดินเข้าไปในสถานี มองซ้ายมองขวา เดินไปที่ตู้ซื้อบัตร โอ๊ย !!! แย่แล้ว ไม่มีภาษาอังกฤษ มีแต่ภาษาจีน ตายห่ะ !!! ทำไงว่ะเนี่ย จะซื้อตั๋วรถไปอู่หลงยังไง เดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ พูดจีนใส่ แล้วก็พาผมไปที่เคาเตอร์เพื่อคุยกับเจ้าหน้าที่ที่พอจะพูดภาษาอังกฤษได้ สื่อสารกันอยู่พักใหญ่ กว่าผมจะได้ตั๋วรถถบัสไปอู่หลง (Wulong) (ราคา 60 หยวน)

เดินไปที่ประตูขึ้นรถบัส หน้ารถบัสไม่มีเลขบอก แต่จะมีตัวหนังสือ เอาตั๋วไปยื่นให้เจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่จะชี้ว่าเราขึ้นรถคันไหน รถบัสใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง ก็จะถึง Wulong

ช่วงที่ผมเดินทาง คือเดือนมีนาคม ต้น Canola กำลังออกดอกสีเหลืองบานทั้ง 2 ข้างทาง นั่งหลับไปสักพัก
ตื่นมาเห็นรีบกดชัตเตอร์ กลัวภาพระหว่างทางจะหล่นหายไปจากความทรงจำ

ผมมาถึงสถานีรถบัส wulong ประมาณ 17.00 น. หลังลงรถไม่ต้องสนใจคนจีนที่เข้ามาเสนอที่พักนะค้าฟ เดินข้ามถนน
ไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเข้าซื้อตั๋วรถตู้บอกเค้าว่าเราจะไป Tourist Center ถ้าไม่รู้เรื่องเปิดรูปสามเหลี่ยมปิรามิดให้เค้าดู
หรือรูปอุทยานหลุมสะท้านฟ้า เค้าจะเข้าใจเรา

(ค่ารถตู้ 9 หยวน) รถมินิบัสสีทองจะออกเมื่อรถเต็ม เส้นทางน่าอ้วกมาก โค้งเยอะจริงๆ มีการทำทาง ใช้ระยะเวลา
ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึง Tourist Center ผมลงตรงนี้แหละ

ลงจากรถมา ก็ส่งกระดาษที่พักที่ผมจองไว้กับ agoda ให้กับ Taxi แถวนั้นดู เพื่อจะได้พาผมไปที่พัก บร๊ะเจ้า !!!
คิดราคาผม 168 หยวน (เงินไทย 840 บาท) ทั้งที่ระยะทางจาก map.me บอกผมว่าประมาณ 2 กิโล ผมเลยไม่ไป
เพราะความงกของตัวเองด้วย ก็เลยตัดสินใจเดินเอาก็ได้ ระยะทางแค่นี้เอง

กระเพาะผมเริ่มหิว เลยนั่งหาอะไรกินที่ร้านข้างทางก่อน ที่นี่ไม่คิดจะมีเมนูภาษาอังกฤษให้เลยหรือไงนี่ มีแต่ภาษาจีน ผมชี้ๆๆ เอาบะหมี่ แต่ก็ไม่รู้ว่าบะหมี่ของเค้ามันคือเนื้ออะไร เลยลองถามดู ว่า (จู่โร่ว = เนื้อหมู) แต่เค้าตอบกลับมาว่า (หย่างโร่ว = เนื้อแพะ) ช๊อกสิคัฟ วันนี้จะกินอะไรว่ะเนี่ย แล้วก็มีเมนูเหมือนเนื้อหมู ผมก็เลยลองสั่งมากิน กับกุ้งต้ม และข้าวสวย กินพอประทังหิวไปก่อน กินเสร็จค่าเสียหาย 88 หยวน (440 บาท)

ที่เมืองจีน เค้าจะไม่มีเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา แบบบ้านเรา เค้าจะเน้นทาน เนื้อแพะ เนื้อควาย เนื้อหมา เนื้อแมว
ซึ่งผมรับไม่ได้เลยจริงๆ พยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่ทาน

แล้วผมก็เดินเลี้ยวซ้ายเพื่อไปที่พักอีก 2 กิโล ยิ่งมืดอากาศก็ยิ่งหนาว เช็คอุณหภูมิลงมาเหลือ 8 องศา หนาวปากสั่น ตัวเริ่มซีด รีบเดิน (ยิ่งเดินยิ่งไกล มองเท่าไหร่ก็ไม่เห็นทาง) รู้สึกท้อแท้มากกับการเดินหาที่พัก คิดในใจไม่น่างกเลยกรู ยอมจ่ายๆไปซะก็จบ ทางเดินมันขึ้นเขาเรื่อยๆ แล้วผมก็มาถึงที่พัก อารมณ์ตอนถึงที่พักอยากจะย้ายที่มาก สภาพโทรมสุดๆ ไม่น่านอนเลย แต่จะให้ทนหนาวเดินหาที่พักอีกมันก็ไม่ไหว ตัดสินใจเข้าไป Check-in

คืนนี้ผมพักที่ Zoo Courtyard Hostel เข้ามาด้านในแล้ว สวยค้าฟ เจ้าของที่พักบริการดีมาก ให้ความเป็นกันเองสุดๆ สื่อสารกันไปรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่สรุปคือพรุ่งนี้เค้าจะไปส่งผมที่สถานีเพื่อขึ้นรถบัสไปอุทยานหลุมสะท้านฟ้า

ห้องพักค่อนข้างดี กว้างขวาง มีน้ำอุ่นให้ ที่สำคัญ เตียงนอนมีฮีทเตอร์ให้ด้วย ผมรักที่นี่จัง (ถ้าไปอีกผมจะกลับไปพัก)
จบสิ้นภารกิจแรกของวัน ร่างกายล้าและหนาวมาก อาบน้ำร้อน เข้านอน



- Day 2 -

( ณ เมืองอู่หลง – ฉงชิ่ง )

ตื่นมาประมาณ 8 โมง อาบน้ำแต่งตัวลงมาที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง เจ้าของที่พักรีบพาผมไปส่งที่สถานีอู่หลง เพื่อซื้อตั๋วไปอุทยานหลุมสะท้านฟ้า (ถ้าผมมาเองคงงงหนักกับการซื้อตั๋ว) พี่เค้าช่วยจัดการ เอาโบร์ชัวร์ของแต่ละสถานที่มาอธิบายให้ผมฟัง และบอกราคา (ไม่มีชาร์ต) คุยกันประมาณ 15 นาทีได้ ก็ไปซื้อตั๋วและพาผมเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ จะได้ไม่ต้องแบกเดินทางไป (ฟรีที่ฝากกระเป๋าเนี่ย) ผมรีบๆ เสียดายมากไม่ได้ถ่ายรูปกับพี่เค้าเลย

หลังจากซื้อตั๋ว ฝากกระเป๋าเรียบร้อย พี่เค้าก็เขียนเบอร์โทรและข้อความไว้ในโบร์ชัวร์ กันผมฉุกเฉิน ถ้ามีปัญหาให้โทรหาพี่เค้า แล้วก็พาผมไปหาซื้อถุงมือกันหนาวที่ด้านหน้าสถานี ที่นี่มีร้านค้าคนจีนขายอาหาร พวกมันเผา ข้าวโพดย่าง และมันฝรั่งทอด สภาพมันมองแล้วไม่น่ากิน แต่มันอร่อยมากๆๆ เลยอ่ะ ที่สำคัญคนจีนน่ารักมาก คุยกันไม่รู้เรื่องยิ้มสยามอย่างเดียวเลย


หลังจากได้ถุงมือและกินมันฝรั่งและมันเผาเสร็จเรียบร้อย เข้าสถานีเดินลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่างเพื่อขึ้นรถ ถ้าหารถไม่เจอให้เอาตั๋วให้เจ้าหน้าที่ เค้าจะชี้บอกว่าเราต้องขึ้นรถคันไหน ขึ้นไปแล้วหาที่นั่งได้เลยคัฟ ไม่มีหมายเลขบอก

ราคารวมตั๋วเข้าอุทยาน 138 หยวน (ค่าเข้าอุทยาน 135 หยวน + ค่ารถบัส 3 หยวน) ใช้เวลานั่งรถประมาณครึ่งชั่วโมง รถจะจอดที่หน้าทางเข้าอุทยาน จะมีหุ่นเหล็ก Bumblebee สีเหลืองตัวใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้า ถ้าอยากไปดูสะพานกระจก ให้นั่งรถบัสไปลงป้ายหน้าไปดูวิวมุมสูงของหลุมฟ้าสะพานสวรรค์ให้หวาดเสียวเล่น (ซื้อตั๋วได้ที่หน้าทางเข้า 25 หยวน) แต่ผมไม่ได้ไป เข้าอุทยานเลยพอมาถึง ก็ใช้ตั๋วที่ได้มาผ่านเข้าประตูไปได้เลย

อุทยานแห่งชาติ หลุมฟ้า สะพานสวรรค์ (Wulong KARST (อู่หลงเทียนเคิงตี้ เฟิ่งกั๋ว เจียตีจื้อกงหยวน)

มรดกโลกทางธรรมชาติที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ที่ยูเนสโกจัดให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 2007 เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลก ทำให้เกิดหลุมธรรมชาติขนาดใหญ่ บางส่วนมีการดันหินให้สูงขึ้นมาและเกิดเป็น 3 หลุม ระหว่างหลุมเป็นโพรงทะลุเหมือนถ้ำและเหมือนสะพานทอดข้ามระหว่างภูเขา 3 แห่งด้วยกัน จึงตั้งชื่อสะพานทั้ง 3 ว่า " สะพานมังกรฟ้า สะพานมังกรเขียว และสะพานมังกรดำ " และที่นี่ยังเป็นฉากถ่ายภาพยนตร์ Tranformer4 อีกด้วย

การเดินชมหลุมฟ้าสะพานสวรรค์ระยะทางเดิน 4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จะต้องลงลิฟท์แก้ว
ประมาณ 100 ชั้นสู่ก้นเหวลึก

และเดินลงบันไดไปอีกประมาณ 200 กว่าขั้น ก็จะเห็นความยิ่งใหญ่ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น หลังจากลงลิฟท์แก้วมา
จะมีเสลี่ยงไว้คอยบริการสำหรับคนที่ไม่อยากเดิน (ผมไม่ได้ถามราคามา)

และมีโรงเตี๊ยมที่จางอี้โหมวสร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง
ไฮไลท์สำหรับถ่ายรูปของที่นี่เลย (ซึ่งปัจจุบันด้านใน เป็นจุดเขียนเปิ้สสะก๊าดและขายของที่ระลึก)

ที่อุทยานมีจุดถ่ายรูปฟรี 2 จุด พอถ่ายเสร็จเค้าจะให้พวงกุญแจ กับคูปองเรามา
เพื่อใช้รับรูปใกล้ทางออกในราคา 10หยวน

เดินลึกเข้าไปเราก็จะได้เจอกับ " ปู่ทรานฟอร์เมอร์ส " ในภาค 4

ห้องน้ำที่อุทยานค่อนข้างสะอาด แต่วัฒนธรรมคนจีนเข้าห้องน้ำไม่ค่อยชอบปิดประตู เปิดประตูมาตกใจมาก

ตลอดเส้นทางการเดินที่นี่ร่มรื่นมาก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ AAAAA คือ สูงสุดเลยอ่ะสำหรับผม
แต่เสียดายอากาศมันหนาวมาก จนอารมณ์ในการถ่ายรูปลดลงไปอย่างมาก

มาที่นี่แล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติมากๆ ทั้งหน้าผา ทั้งหุบเขา โคตรประทับใจเลย มันคุ้มค่านะกับการจ่ายเงิน
700 บาท เพื่อมาดูความสวยงามที่มีมานานหลายร้อยปี

เดินมาเรื่อยๆ ก่อนถึงทางออกอย่าลืมแวะรับรูปถ่าย พร้อมพวงกุญแจ ที่ถ่ายตรงจุดถ่ายรูปฟรีด้วยน่ะคร๊าบ
ในราคา 10 หยวน และเดินต่อไปตรงทางออกก็จะเจอรถกอล์ฟสำหรับพาคนขึ้นมาลานจอดรถ (ราคา 15 หยวน)
แนะนำให้นั่งนะ สำหรับสายตาที่มองอาจดูเหมือนไม่ไกล แต่มันสุดกู่เลยคร๊าบบ

พอมาถึงลานจอดรถด้านบนก็จะมีรถบัสเหมือนขามาจอดอยู่ เราก็ขึ้นเพื่อกลับไป
Tourist Center ที่เป็นอาคารสามเหลี่ยมได้เลย

มาถึงTourist Center ก็เข้าไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วเดินออกไปขึ้นรถมินิบัสสีทอง ที่ด้านหน้าถนนเพื่อกลับอู่หลง
ใช้เวลา 30 นาที (ราคา 9 หยวน) รถที่นี่หมด 6 โมงเย็นนะค้าฟ

นั่งรถกลับมาถึงสถานีรถบัสที่อู่หลง ก็ซื้อตั๋วรถบัสไปฉงชิงได้เลย (ราคา 60 หยวน) จากนั้นไปขึ้นรถบัสได้เลย ถ้าหาไม่เจอก็ยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ รถบัสที่นี่ออกตามเวลาน่ะค้าฟ นั่งตามหมายเลขที่ระบุในตั๋ว ใช้ระยะเวลาในการเดินทาง 2.30 ชั่วโมง ขึ้นรถได้ผมก็หลับเลยล่ะค้าฟ ตื่นมาอีกทีก็มาถึงสถานีที่มาเมื่อเช้า ก็เดินเข้าไปในสถานีและต่อรถไฟฟ้า เพื่อเดินทางไปที่พัก

คืนนี้ผมพักที่ Chongqing Travelling With Hotel

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานี Sigongll --> ไปลงที่ Lianglukou เพื่อเปลี่ยนสถานีไปเป็นสายสีแดง --> ไปลงที่สถาน Jiaochangkou ออก Exit 4 เดินออกมาหน้าสถานี ข้ามถนน ตึกฝั่งตรงข้าม เดินขึ้นไปชั้น 4 เพื่อ Check-in

เอาของเก็บเข้าที่พักเสร็จผมก็ไปหาอะไรกินที่ Time Square เพื่อไปหาของกินและซิกเนเจอร์น้ำมะม่วงของร้านฉันยุ่งมากกินซะหน่อย

Chongqing Time Square
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานี Jiaochangkou ไปลงสถานีสายสีเขียว Linjiangmanออก --> Exit D

ออกมาแล้วหันหลังมาเดินตรงไปเจอแยกเลี้ยวซ้ายจะเห็นหอนาฬิกา ตรงนี้คือย่าน Time Square

เริ่มจากหอนาฬิกา ถ้าเดินตรงไป จะเป็นถนนคนเดินเจี่ยฟ่างเปย (พิกัดร้าน ฉันยุ่งมาก)

ถ้าเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปเรื่อยๆ เจอ Tourist Information เลี้ยวซ้าย เดินตรงไป จะเจอ Chongqing Art Museam

เดินข้ามถนนไปทางขวามือ (หงหยาตัง)เป็นสถานที่ท่องเที่ยวช่วงกลางคืน คนเดินเยอะมาก มีวิวสะพานสวยๆ ของขายที่นี่เยอะมาก ทั้งของกิน และของฝากกระจุกกระจิก

- หงหยาตัง -

อาคารโบราณขนาดใหญ่ 11 ชั้น ริมแม่น้ำแยงซีเกียง มีภัตตาคาร ร้านสุกี้ ร้านขายของกินเล่น ระดับ 5 ดาวตั้งอยู่ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองฉงชิง มีรูปเรือสำเภาด้วย นั่นเพราะอดีตฉงชิงเคยเป็นเมืองท่าเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญที่สุดของจีน และฉงชิงติดกับแม่น้ำแยงซีเกียง จึงใช้เรือเป็นพาหนะหลักในการเดินทาง


ที่หงหยาตังมีเปิ้สสะก๊าดขายด้วย พร้อมบริการส่งกลับเมืองไทยให้เรียบร้อย ในราคา 15 หยวน พร้อมกับซื้ออัลบั้มใส่เปิ้สสะก๊าดกลับไทยด้วย เสร็จก็เรียก TAXI กลับที่พัก เพราะมันเลยเวลารถไฟหมด 22.30 น. ราคาค่ารถ 10 หยวน ถึงที่พักเข้าห้องอาบน้ำนอนพักผ่อน


- Day 3 -

( เมืองต้าจู๋ พระพุทธรูปหินแกะสลักริมผา )

วันนี้ออกจากที่พักประมาณ 8 โมง เพื่อเดินทางไปที่เมืองต้าจู๋ (มรดกโลกพระพุทธรูปหินแกะสลักริมผา) วันนี้เราจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูง ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ในการเดินทาง

การเดินทาง :
นั่งรถไฟฟ้า Jiaochangkou --> ไปสถานี Lianglukou เพื่อเปลี่ยนสายสีน้ำเงิน --> ไปสถานี South Square Of Chongqingbei ออก Exit 2

เดินขึ้นไปเพื่อไปนั่งรถบัส สาย 663 (ราคา 2 หยวน) ไป North Railway Station เพื่อขึ้นรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปต้าจู๋

ด้านหน้าสถานีมีของขาย ทั้งพุทธาเชื่อมแบบในหนังจีน และ เครปแบบจีนๆๆ กินเสร็จแล้วก็เข้าสถานีเตรียมเดินทาง

ถึงสถานี ไปซื้อตั๋วที่ North Railway Ticket No.2 เวลาซื้อตั๋วต้องใช้พาสปอร์ตทุกครั้ง เพราะเค้าจะคีย์ข้อมูลของเราลงไปในบัตร บอกเจ้าหน้าที่ว่าไป Dazunan Station (ต้าจู่หนานเจิ้น) ราคาตั๋ว 46.5 หยวน (ใช้เวลา 40 นาที) เวลาซื้อตั๋วรถแนะนำให้ซื้อทั้งขาไป – ขากลับ เพราะรถเต็มเร็วมากได้ตั๋วก็เข้าไปที่ No.2 อยู่ชั้นล่าง ผ่านการสแกนกระเป๋าเรียบร้อยก็เข้าไปรอที่ Gate สถานีที่นี่เหมือนสนามบินบ้านเรามากๆ กว้างใหญ่สุดๆๆ

เวลารถออกจากฉงชิง – ต้าจู๋ 07.40 10.30 11.42 12.30

เวลารถออกจากต้าจู๋ – ฉงชิง 10.30 12.00 15.29 18.09

พอถึงสถานีต้าจู๋ให้รีบออกมา ขึ้นรถบัสสาย 206 จะอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับสถานี รถบัสสาย 206 จะไปส่งที่เราที่สถานีรถบัส
เพื่อต่อรถบัสสาย 205 บอกเค้าว่าไปลง Dazu Shi Ke (ต้าจู๋สือเค่อ) ค่ารถคนละ 2 หยวน

รถบัสจะมาส่งที่ทางแยก ก่อนเลี้ยวเข้าไปในหมู่บ้านโบราณที่อยู่ทางซ้ายมือ เดินตรงไปตามป้าย จะเจอประตูทางเข้า
มันมีป้ายบอกอยู่ค้าฟ ฝนตกตั้งแต่นั่งอยู่บนรถแว้วว

พอเดินเข้าไปก็ต้องซื้อตั่วก่อนค้าฟตั๋วมี 2 ราคา คือ 130 หยวน และ 170 หยวน (จะสามารถเข้าชมได้ 2 ที่)

ของผมมาถึงเที่ยงกว่าแล้ว ก็เลยซื้อแบบ 130 หยวน เที่ยวแบบทำเวลานิดนึงค้าฟ เพราะกลัวไม่ทันรถกลับเข้าฉงชิง
แนะนำให้รีบมาแต่เช้า พอได้ตั๋วแล้ว เดินลงมาจะเจอจุดบริการรถกอล์ฟ พาไปส่งที่ทางเข้าผาหินแกะสลัก
ราคา 5 หยวน แต่ผมเลือกเดิน เก็บบรรยากาศไปเรื่อยๆ ถ้าเราอยากรู้ประวัติความเป็นมา
ที่นี่เค้ามีไกด์คอยบรรยายให้นะคร๊าบบ ต้องจ้างพิเศษ แต่ผมไม่ได้จ้างนะ เพราะต้องการมาซึมซับบรรยากาศ
ส่วนประวัติรายละเอียดเดี๋ยวค่อยไปเปิดหา อ่านใน google เอา :)

ตลอดระยะทางที่เดินชม ผมรู้สึกละลานตามาก และก็อึ้งที่คนจีนสมัยก่อนเค้าแกะสลักกันได้ยังไง แกะออกมาได้สวยงามและก็ศักดิ์สิทธิ์มาก เป็นสถานที่ที่ถ่ายรูปไม่เบื่อเลยค้าฟ มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก แล้วก็มีบางจุดที่สร้างเพิ่มเติม

เดินผ่านไปได้สักพัก จะเจอเจ้าแม่กวนอิมพันมือ แห่งเมืองต้าจู๋ ถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่ ที่ใครมาถึงแล้วต้องแวะสักการะ


เดินชมไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะเจอทางออก มีร้านค้าเยอะมาก

เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอรถกอล์ฟ และก็เดินไปรอรถบัสสาย 205 กลับทางเดิม ไปส่งเราที่สถานี Dazu ขึ้นรถสาย 206
เพื่อไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงกลับเมืองฉงชิง หรือจะขึ้นรถบัสกลับเข้าฉงชิ่งเหมือนผมก็ได้ ค่ารถ 43 หยวน

กลับมาถึงสถานีรถบัส Caiyuanba (ไซเหยินปา) เดินไปที่สถานีรถไฟฟ้า Lianglukou ขึ้นเพื่อไปที่พัก 7 Days Inn Centre of Jiefangbei เอาของเก็บเรียบร้อยวันนี้จะไปหาอะไรกินวันนี้จะไปย่านเมืองเก่า ตลาดฉื่อชี่โช่ว


การเดินทางไปที่พัก
: 7 Days Inn Centre of Jiefangbei
นั่งรถไฟ CRT จากสถานี Lianglukou --> เปลี่ยนสายสีแดง ไป Xiaoshizi --> ออกExit 6 เดินเลี้ยวซ้ายตามทาง จะมองเห็นที่พักอยู่ฝั่งตรงข้าม

ย่านเมืองเก่า ตลาดฉื่อชี่โช่ว (Ciqikou)
การเดินทาง
:
นั่งรถไฟ CRT จาก Xiaoshizi สายสีแดง --> ไปสถานี Ciqikou --> ออก Exit 1 เดินไปตามทางเรื่อยๆ

ที่นี่ของกินละลานตามากๆ ค้าฟที่ขึ้นชื่อและขายเยอะมาก ก็จะเป็น พวกบาร์บีคิว (เนื้อแพะ / เนื้อควาย / เนื้อหมาเนื้อแมว) ผมพยายามหลีกเลี่ยง แต่เชื่อเหอะ ยังไงก็ต้องพลาดกินไปบ้างแล้วล่ะ เอาน่า ไม่รู้ถือว่ารอดไป เดินเล่นเก็บบรรยากาศสักพัก จนเริ่มมืด ก็นั่งรถไฟฟ้ากลับไปที่ Time Square กิน KFC เสร็จกลับที่พัก วันนี้เดินเยอะมาก กลับเข้าที่พักอาบน้ำ



- Day 4 -

( เก็บตกฉงชิ่ง แล้วบินกลับบ้านไปกินข้าวต้มมื้อดึกเยสส !! " )

วันนีตื่นประมาณ 7 โมงเช้า เพื่อไปเก็บตกเมืองฉงชิง วัดพระอรหันต์ /หงหยาตัง / ศาลาประชาคม / พิพิธภัณฑ์เขื่อนสามผา / ชมรถไฟฟ้าวิ่งผ่านกลางตึก สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเมืองฉงชิง

ออกจากที่พักฝั่งตรงข้ามคือสถานีรถไฟฟ้า CRT และวัดพระอรหันต์ ด้านหลังคือหงหยาตัง ผมเลือกที่จะไปเก็บบรรยากาศหงหยาตัง ตอนเช้าก่อน แล้วค่อยไปวัดพระอรหันต์ ฝนตกลงอีกแล้วค้าฟ ก็เดินเปียกฝนไปเก็บภาพบรรยากาศหงหยาตังยามเช้า แตกต่างจากตอนกลางคืนมากมาย แต่ก็มีผู้คนให้ความสนใจแวะเวียนมาถ่ายรูป

แล้วก็เดินกลับมาที่วัดพระอรหันต์ อยู่ด้านหลัง CRT เสียค่าเข้า 5 หยวน แต่ด้านในก็ไม่มีอะไรมากมาย
ช่วงที่ผมไปยังมีบางส่วนที่กำลังก่อสร้างอยู่




- ศาลาประชาคม / พิพิธภัณฑ์เขื่อนสามผา -

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้า CRT จาก Xiaoshizi สายสีแดง --> ไปลงสถานี Jiaochangkou เปลี่ยนสายสีเขียว ---> ไป Zengjiayan Station เดินไปตามป้าย A

ศาลาประชาคม (สถานที่จัดแสดงงานคอนเสิร์ตระดับโลกให้ผู้นำและประชาชนเข้าชม) ฝั่งตรงข้ามศาลาประชาคม คือ พิพิธภัณฑ์เขื่อนสามผา เป็นสถานที่จัดแสดงข้าวของ และสมบัติต่างๆ ที่ถูกขุดพบ
(เสียค่าเข้านะ) แต่ผมไม่ได้เข้า เพราะเวลาไม่พอ

- รถไฟฟ้าวิ่งผ่านกลางตึก -

นั่งรถไฟฟ้าต่อไปลงที่สถานี Liziba ออก Exit 2 เดินลงไปชั้นล่างสุด เลี้ยวซ้าย เดินไปประมาณ 100 เมตร สุดมุมตึก เงยหน้ามองดูด้านบน จะเห็นรางรถไฟ ก็ต้องรถเวลารถไฟมา ที่นี่มีคนให้ความสนใจมาถ่ายรูปกันเยอะมาก

ขากลับไปสนามบิน นั่งรถไฟ CRT ไปลงที่ Jiangbei Atiport สายสีน้ำเงิน (นั่งประมาณ 1 ชั่วโมง) ค่ารถไฟ 6 หยวน
ค่ารถไฟที่นี่ถูกมากจริงๆ ประมาณ 35 บาท ไม่รู้ทำไมบ้านเราแพงจัง มาถึงสถานี ก็ออก Exit 2

ตอนมาถึงสนามบินก่อนเข้า จะมีเจ้าหน้าที่เอาแผ่นขาวๆ มาป้ายตามตัวเรา เหมือนจะตรวจว่าเรามีสารอะไรรึเปล่า ถ้าไม่มีก็ผ่านเข้าไปด้านในได้เลย ก็นั่งรอเวลา check-in ที่เคาเตอร์ สนามบินที่นี่ไม่มีอะไรขายเลยค้าฟ ดีน่ะผมซื้อพายและน้ำติดมาด้วย ก็กินไปก่อน ที่นี่ เค้าเปิดให้ Check-in แค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ต้องรักษาเวลามากๆ น่ะค้าฟ ไม่งั้นอาจจะตกเครื่องได้ หลังจาก Check-in เสร็จก็ผ่านจุดตรวจเอกสาร Boarding Pass กับพาสปอร์ต และไปสแกนตรวจความปลอดภัย อันนี้คือตรวจกันจริงจังมาก แทบจะจับถอดเสื้อผ้าเลยล่ะค้าฟ ผมไปมาหลายประเทศ เพิ่งเจอที่นี่แหละค้าฟ ที่ตรวจกันเข้มมาก ระบบความปลอดภัยเค้าเป็นเลิศจริงๆ

กลับถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ ด้วยเวลา 22.05 นาที เดินทางกลับบ้าน


ในการเดินทางทุกครั้ง ... 
ผมมักจะเก็บภาพความสวยงามที่อยู่ตรงหน้า
พยายามถ่ายทอดความรู้สึกผ่านรูปภาพ
หวังให้ทุกคนที่เห็นรู้สึกเหมือนร่วมเดินทางไปด้วยกัน...
และอาจเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คน 
ได้ก้าวออกเดินทางไปเจอในสิ่งที่ผมได้เห็น















เ ที่ ย ว ใ ห้ ค น อิ จ ฉ า

 วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.14 น.

ความคิดเห็น