สวัสดีจ้า ทริปนนี้มาควบ2ล้อกันบ้าง หลังจากทริปสองล้อครั้งก่อนได้ลองขี่ทางไกลคันเดียวไปกลับเขาหน่อ 700กว่าโลพบว่าคันเดียวก็ไม่น่ากลัวนี่หน่า ทริปนนี้เลยเพิ่มระยะทางเป็น2000กว่าโล กับระยะเวลา 3 วัน3คืน ครั้งนนี้ก็เป็นครั้งแรกเลยที่จะเดินทางไกลระดับ2000โล แถมไปคันเดียว2คนกะแฟนอีกด้วย มันจะสนุกหรือตื่นเต้นแค่ไหน ไปชมกันจ้า ทริปนนี้เกิดขึ้นเพราะคิดถึงถนนลอยฟ้าจังหวัดน่าน รอบก่อนมา4ล้อฟินไม่สะใจรอบนนี้เลยมาเก็บใหม่ น่าจะเกือบครบทุกเส้นในน่านมีเส้นในบ้างเดียวไปดูกันเลย ค่าใช้จ่ายประมาณคนละ 2000 รายละเอียดท้ายทริป

โปรแกรมทริปคร่าวๆ เดินทางไปวันที่ 28-30/7/2560

ออกเดินทางแต่เย็นวันพฤหัสบดี ยิงยาวมาหาที่นอนข้างทางที่อุตรดิตถ์ ตื่นเช้า6โมงเป้าหมายแรกภูพญาพ่อ เขตรอยต่อระหว่างอุตรดิถ์ไปแพร่ ออกมาทางช่อแฮ ออกจากแพร่ยิงตรงเข้าเมืองน่าน ขึ้นชมวิวที่พระธาตุเขาน้อยลงมาแวะวัดภูมินทร์กระซิบรักซักนิดแล้วต่อด้วยซุ้มลีลาวดีแวะกินข้าวเที่ยงแล้วต่อด้วยของหวาน แล้วไปกันต่อที่เมืองปัว แวะเที่ยวถ้ำศิลาแลง -ร้านกาแฟไทลื้อ วัดป่าภูเก็ต


วันที่สอง ตื่นแต่เช้าไปชมความงามสองข้างทางที่ถนนลอยฟ้า1148ยิงยาวไปถึงภูลังการีสอทร์ท แล้วย้อนกลับมาตัดเข้าถนนลอยฟ้า1097 ออกมาเส้นหลักหักหัวขึ้นเหนืออีกครั้งไปให้สุดเขตแดนน่าน เลาะชายแดนห๋วยโก๋น ไปยังอำเภอเฉลิมพระเกรียรติปลายทางโครงการเกษตรที่สูงสะจุก-สะเกี้ยง มีนาขั้นบันไดและขี่ไปจุดชมวิวบ้านเปียงซ้อ


เช้าวันที่สามกลับออกจากโครงการแวะชมนาขั้นบันไดและผ่านแวะกินน้ำที่อุ่นไอมาง ณ สะปัน ต่อด้วยบ่อเกลือ และไปต่อที่ถนนลอยฟ้าสุดสวย1081 แล้วเข้าเส้นหลักฉีกซ้ายเข้าถนน1026 มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านประมงปากนายถนนสุดสวยอีกเส้นแล้วข้ามแพขนานยนต์กลับมาฝั่งอุตรดิถต์แล้วยิงยาวกลับกทมถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ


เส้นทางคร่าวๆที่วิ่งในน่านก็ประมาณนนี้ครับ ตั้งใจวิ่งอ้อมเพื่อจะไปชมความงามของระหว่างสองข้างทางนี้แหละ

รูปทั้งหมดถ่ายจาก Nikon D7200 kit18-140 fix 50 1.8 และ Gopro hero4 silver

ฝาก เหลี่ยมพาเที่ยว ด้วยจ้า


เร่ิมออกเดินทางเย็นวันพระฤหัสบดี ทริปนนี้อย่างที่บอกเดินทางไกลกลางคืนด้วยมอไซด์ทริปแรกเลยแผนคืนนี้เลยจะออกแต่เย็น ไปหาที่นอนแถวอุตรดิตถ์ข้างทาง ทริปนนี้ถือเป็นทริปฉลอง 10000 โลเลยพอดี

หลังจากไปรับแฟนเลิกงานตอน5โมง ก็เลาะๆมาเรื่อยวันนี้รถติดมากเนื่องจากเป็นหยุดยาว 3 วัน แวะอัดน้ำมันถังแรกแถวๆบางใหญ่ วันนี้จะวิ่งเส้นสุพรรณไปออกชัยนาทครับ



มิตรภาพระหว่างทาง กับการเดินทางกลางคืนคันเดียวครั้งแรก ระหว่างทางตั้งแต่นครสวรรค์มาถึงอุตรดิตถ์ เราก็ขี่มาด้วยความเร็วทั่วไป ประมาณ120 สักพักก็เห็นแสงไฟกระบะค่อนข้างเร็วมาแถวท้ายๆ แล้วก็แซงหน้าไปได้สักพัก เขาก็ขับช้าลง ระยะทางก็แบบในรูป พอถึงไฟแดง เราก็แซงไปอยู่หน้าไฟแดง พอไฟเขียวได้สักพักไม่นาน พี่นาวาร่าคันนี้ก็แซงรถทุกคันมาเรื่อยๆ พอมาถึงเราก็แซงแล้วก็ทิ้งระยะแบบเดิม จนรถยนต์ที่เขาแซงมาแซงกลับไปเกือบหมด แล้วก็เป็นแบบนนี้ทุกครั้งที่ติดไฟแดงเสร็จเขาก็แซงมาอยู่ข้างหน้า จนมีช่วงที่ถึงพิษณุโลกแวะเติมน้ำมัน พอขับออกมาได้สักพักความเร็วเท่าเดิม เจอพี่แกอีกและเหมือนกะตั้งใจรอ เอะใจหรือจะมิจฉาชีพ555 แต่ไม่น่าใช่เห็นนั้งกันมาเต็มรถทะเบียนกทม. แล้วพี่เขาก็นำทางผมจนถึงอุตรดิตถ์ จนเราแวะหาที่พักข้างทางบีบแตรไปที ไม่รู้ว่าเรามโนเองหรือป่าวแต่ก็ช่างเถอะทำให้การเดินทางในคืนนั้นไม่น่ากลัวเลยเหมือนมีกระบะนำทางตลอดอุ่นใจจริงๆ ขอบคุณพี่นาวาร่าสีขาวอีกครั้ง


หลังจากบีบแตรทักพี่นาวาร่า เพราะเห็นป้ายจะถึงอุตรดิจถ์อีกไม่ถึง 10 โล เห็นซ้ายมือตึกใหญ่โตดูใหม่จอดทันที

อยู่ติดริมถนนเลยไฟสว่างชัดเจนเขาสอบถามราคาบอก 400บาท แต่ว่ามาถึงเที่ยงคืนกว่าแล้วแล้วจะขอออกตี5กว่าๆ เลยลดให้350 อยู่ในงบเลยจัดไปนอนนี้แหละคืนนี้

เสียดายรูปในห้องพักหายดันเผลอกดลบไป ที่ห้องพักใหม่มากน่าจะเปิดได้ไม่นาน ใหม่สอาดกว้างขวางแอร์เย็นเจี็ยบเตียงก็นุ่มมากมีอุปกรณ์ครบเลย ที่พักดีกว่าตามที่เที่ยวหลายๆที่เลยแหละ แต่อยู่ริมถนนไม่มีวิวเลยถูก แนะนำเลยใครจะมาแวะพักก่อนเดิมทางที่นนี้แจ่มมากครับ อยู่ก่อนถึงตัวเมืองอุตรดิตถ์ไม่เกิน10โล อ้อติดกับปั้มปตทอีกตะหากปั้มเลยไป200เมตร มี7-11ทั้งคืน


ตื่นตี5 กำลังหลับสบายมากๆ แอร์เย็นฉ่ำมันช่างนอนต่อจริงๆแต่ไม่ได้เป้าหมายของเรารออยู่ดีดตัวเอง อาบน้ำแต่งตัว ออกมาแวะปั้มหน้าที่พัก เติมน้ำมันอัดให้เต็มและมื้อเช้าเบาๆไปกินที่ภูพญาพ่อ

ขับมาตามแมบมีป้ายบอกภูพญาพ่อแต่สักพักป้ายก็หายหาไม่เจอเลยขับตาม gps ต่อ ภูพญาพ่อนี้เป็นจุดชมวิวอยู่ระหว่างรอยต่อกับจังหวัดแพร่ เวลาประมาณ 6โมงกว่าๆ ยามเช้าท้องฟ้าครึ้มๆ ขี่มาจนถึงห้วยน้ำรี ที่นี้เป็นจุดชมวิวระหว่างทาง ไม่รู้ว่าเป็นสถานที่อะไรหรือป่าวก็ไม่แน่ใจยังเช้าไม่พบเจอใคร แต่วิวสวยหมอกงามมากเลยแวะถ่ายรูปก่อน

ถือว่าเป็นรางวัลของการเปิดทริปนนี้ได้ดีเลยกับสายหมอกตามหุบเขาไม่ต้องเยอะแบบทะเลแบบนนี้แหละสวยดี ไม่รู้เลยว่าอุตรดิตถ์ก็มีหมอกด้วย




เส้นทางไปภูพญาพ่อนั้นไม่ยากเป็นทางดำราดยางแต่จะแคบหน่อยพอช่วงใกล้ถุงประมาณ 10โลได้จะเป็นดินแดงแต่กินแดงแข็งเหมือนพึ่งปรับหน้าดินถนน รถเก๋งไม่โหลดก็มาได้เหมือนว่ากำลังจะราดยางมั้ง

ระหว่างทางเจอสายหมอกหยอกเย้าทักทายตลอดทางทำให้การเดินทางของผมช้าลงอีกแล้ว


เพราะผมชอบเสพความงามกับสิ่งที่พบเจอต่อหน้าก่อนไม่จำเป็นต้องรีบไปให้ถึงจุดหมาย ค่อยๆไปเรื่อยๆ เพราะเราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ผมเลยต้องมีความสุขกับสิ่งตรงหน้าก่อน


หมอกเยอะมาก

ทางไม่ยากชิลๆครับแต่คนแทบไม่มีเลย กลางคืนไม่ควรมาเส้นนี้




เจอน้ำตกระหว่างทาง


แล้วเราก็มาถึงภูพญาพ่อเกือบ8โมง ตรงนนี้หมอกขาวปิดไม่เห็นอะไรเลย

ไหว้พระขอพรให้ทริปนี้ผ่านไปได้ด้วยดี


อย่างที่บอกผมชอบมีความสุขกับสิ่งตรงหน้าก่อนเพราะไม่รู้ทางต่อไปจะพบเจออะไรอย่างที่นนี้ พามาถึงหมอกขาวโพลนเย็นจนเิ่มหนาวผมพักกินมื้อเช้าเบาๆที่ซื้อจากปั้มกันมา จน8โมงกว่ายังไม่มีทีท่าว่าฟ้าจะเปิด โชคดีที่ผมแวะถ่ายรุประหว่างทางไปแล้วไม่ได้รีบมาจนถึงไม่งั้นคงไม่ได้รูปเลย 555 ตอนนี้มองไม่เห็นวิวอะไรเลยแต่ไม่เสียใจ ที่ภูพญาพ่อเคยเห็นรูปมาตามเน็ตแล้วแต่วิวระหว่างทางนนี้สิที่ไม่เคยเห็นมาก่อน


ออกเดินทางกันต่อเส้นทางนนี้ไปทะลุกับพระธาตุช่อแฮครับ เส้นทางยังคงเป็นดินแดงอีกประมาณ 20กว่าโลกว่าจะเจอทางดำ

ระหว่างทางเจอบ้านหลังนึงอีกแล้ว บรรยากาศดีมาก ไม่มีคนอยู่

แวะถ่ายรูปหน่อย บรรยากาศดีจริงๆเป็นหุบเขาข้างหน้า


ถึงแล้วถนนดำ

ระหว่างทางมีน้ำตกเชิงทองแต่ก็ไม่ได้แวะ แล้วก็มีลำธารระหว่างทางครับสวยๆ

มีร้านกาแฟเยอะด้วยแต่ว่ายังเช้าไม่ค่อยมีร้านเปิด



เจอตรงไหนก็จอดไปเรื่อยครับ กว่าจะพ้นแพร่555

ถึงพระธาตุช่อแฮก็ต้องแวะกันก่อน

กว่าจะออกจากแพร่ได้ปาเข้าไป10โมงกว่า


พอเข้าเส้นหลักไม่มีวิวอะไรให้ชมก็บิดแหลกครับ ซัดยาวๆ มาถึงวัเพระธาตุเขาน้อยมาน่านกี่ครั้งยังไงก็ต้องแวะ


วิวสวยงามมากเห็นได้ทั้งเมือง




ถึงแล้วท่าคู่มา





ต่อจากพระธาตุเขาน้อยเข้าเมืองไปอีกหน่อย ซุ้มลีลาวดี ในคลิปแอบใส่ชื่อผิดเป็นจามจุรี อิอิ


เข้าเมืองเหนือต้องนุ่งผ้าถุงเตรียมมาจากบ้าน555

หนุ่มเราก็ผ้าขาวม้าแล้วกันเข้ากับบรรยากาศอิอิ



เดินมาอีกฝั่ง

วัดภูมินทร์


ไหว้พระขอพร



แล้วอย่าลืมมากระซิบรักบันลือโลก กับปูม่าน ย่าม่านกันครับ

เที่ยงแก่ๆ ร้อนและหิวไม่ได้แวะวัดอื่นแล้วครับ


ขี่ออกมาอีกนิดแถวๆศาลหลักเมืองแวะกินข้าวซ้อนน้ำเงี้ยวห้องแอร์ด้วยราคาไม่แพง40บาท

ของคาวแล้วต้องต่อด้วยของหวาน ร้านขนมหวานป้านิ่มครับ ใกล้ๆกันนั้นแหละขี่มาอีกนิด อร่อยมากครับ อย่าลืมแวะมาลองกัน


จากนั้นก็ยิงยาวอีกครั้งเป้าหมายคืนนี้เราจะไปนอนที่ปัว มาถึงปัวประมาณ บ่าย3 จุดหมายที่แรก วังศิลาแลง


ทางเข้าเป็นทุ่งนาสวยงาม ที่จริงเขาทางถูกแล้วตามป้ายแต่นึกว่าผิดเลยวนออกขี่ขึ้นไปอีก

มาถึงฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำโฮมสเตย์เป็นทั้งร้านอาหารร้านกาแฟ ที่พัก มีฟาร์ม มีพิซซ่าด้วยแต่ไม่ได้กินครับ เขาบอกว่าข้างล่างถูกแล้วเลยขี่ลงมาอีกรอบ



มาถึงตรงที่เป็นเหมือนประตูน้ำ ไม่ใช่แพลทตินั่มนะ หมายถึงประตูปิดเปิดปล่อยน้ำครับ นั้นแหละแล้วเดินต่ออีกหน่อย ไม่ไกล300 เมตรได้


ถึงแล้ววังศิลาแลง แต่วันนี้น้ำแดงมาก ช่วงที่ไปพายุเข้าภาคเหนือครับ ลุ้นอยู่ตลอดทั้งทริปว่าจะโดนฝนไหม



น้ำเชี่ยวแรงมากครับลงไปถ่ายข้างล่างไม่ได้




ออกจากวังศิลาแลง ขี่ออกมาย้อนทางเดิมผ่านแต่แรกแล้วร้านกาแฟบ้านไทลื้อครับ คนเยอะเหมือนกันที่นี้

วิวสวยบรรยากาศดีแถมมี ไวไฟฟรี พักเสียหน่อย



บรรยากาศที่ร้าน







พักอยู่นานครับ ได้เวลาไปต่อ 5 โมงแล้ว

ปิดท้ายด้วยวัดภูเก็ตอยู่ใกล้ๆกันเลยแต่ละที่ขี่รถไม่นาน

วิวดีงามครับมีไวไฟฟรีเหมือนกันนะที่วัด




ออกมาแวะถ่ายรูปวิวถนนกับภูเขาสวยๆกันก่อน

จากนั้นก็เข้าที่พักคืนนี้เรานอนที่โรงแรมแสงอรุณ อยู่ในซอยตรงแถวๆ7-11ปัว เข้ามาไม่ลึกอยู่ขวามือคืนละ400 บาท เป็นห้องพักแบบสไตล์มีทั้งรายวันรายเดือน มีไวไฟ แอร์ ราคาถูกดีมาก แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาอีกและ แต่หลักร้อยมีเยอะครับในปัวลองหาดูใครเน้นถูกก็ที่นี้เลยแนะนำ สอาดปลอดภัย ออกมานิดเดียวก็มี7-11แล้ว


หลังจากเข้าที่พักเอาของเก็บเปลี่ยนชุดออกมาหาข้าวเย็นกินที่ร้านในตัวเมืองนี้แหละคนเยอะเลย


หลังจากกินข้าวเสร็จฝูงนกมากมายเยอะมากก็บินอยุ่นานแล้ว แล้วก็เข้าที่พักพักผ่อนครับกับวันแรก12ชั่วโมงพอดีกับการเดินทาง


ตื่นแต่เช้าวันนี้เวลาเดิมตี5กว่าๆ อาบน้ำแต่งตัว ออกไปติมน้ำมันปั้มตรงข้ามให้เต็มแล้วอัดใส่ถังสำรองอีกออกจากปัวจุดหมายวันนี้ถนนลอยฟ้าสายโรแมนติกสายแรกของทริปนนี้ 1148 เริ่มกันแต่ต้นทางเป้าหมายจะลากไปถึงภูลังการีสอร์ท

เลี้ยวเข้าถนนมาได้ไม่นาน ก็สายหมอกออกมาต้อนรับแต่เช้าพร้อมแสงอาทิตย์กำลังจะโผล่

เหมือนเคยครับผมไม่รีบร้อนค่อยๆเสพวิวจอดถ่ายรูปไปเรื่อยระยะทางเช้านี้80กิโลได้แต่ทางดำง่ายๆวิ่งเรื่อยๆ


สองข้างทางสวยมากบางช่วงก้มีหมอกบังบางช่วงก็เห็นเป็นวิว



จอดกันเรื่อยๆ ลมเย็นหนาวๆ







หมอหหนาขึ้นเรื่อยๆ

มาถึงเขาลูกนนี้เชื่อว่าหลายๆคนคงจำได้ดีใครผ่านถนนเส้นนี้ต้องเป็นอันแวะถ่ายรูป



แล้วเราก็มาถึงภูลังการีสอร์ทแต่ว่าที่่ถ่ายรูปตอนนี้กลายเป็นร้านกาแฟเมจิคเมาท์เท่น ไม่รู้ว่าเสร้จนานหรือยังเพราะเมื่อ2ปีก่อนที่ผมมานอนที่ภูลังการีสอร์ทตรงร้านกาแฟนนี้พึ่งทำเป็นโครงบ้านอยู่เลย

เช้าวันนี้ทะเลหมอกตรงนนี้ไม่มี หรือว่ามีแต่เช้าก็ไม่ทราบเรามาถึง 8โมงแล้ว


นั่งพักให้หายเหนื่อยกินน้ำกินท่า มื้อเช้าวันนี้กล้วยกับแซนวิส



เช็คอินท่าคู่แล้วไปต่อได้


กลับมาถึงเขาลูกเดิมหมอกลอยขึ้นบนสวยงามต้องจอดอีกแล้ว







ขี่ย้อนกลับมาถึงจุดชมวิวทะเลหมอกถ้ำสะเกิน จุดชมวิวเล็กตรงหัวโค้งมีทางเดินดินขึ้นมานิดนึงแต่ป้ายหายไปแล้วและขาดคนดูแลหญ้ารกสูงมาก

แต่หมอกยังดันขึ้นสูงทำให้มองไม่เห็นจากจุดชมวิวนี้



จากนั้นไปต่อ เราจะเจอป้ายถนนสาย 1097 ถ้าเห็นแล้วก็ตบไฟเลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย

เมื่อคุณเข้ามาได้ไม่นานนักคุณก็จะพับกบ เอ้ย พบกับวิวแบบนนี้

วิวแบบว่าอลังการมาก ไมู่้ว่าตอนเช้าๆแถวๆนี้จะมีทะเลหมอกบ้างไหม แต่ว่าลมค่อนข้างแรงก็อาจจะไม่มี

ที่นี้ปลูกนากันริมถนนแบนนี้เลย


สวยชอบมากครับบเส้นนี้

แล้วก็มีให้ดูตลอดทาง เส้นนี้ไม่ไกลประมาณ 20กว่ากิโลได้ ตัดมาออกเส้นหลัก101 จากนั้นเราก็เลี้ยวซ้ายไปให้สุดทางถ้าเลี้ยวขวาจะกลับปัว



วิ่งมาเรื่อยๆดูป้ายห้วยโก๋รน เฉลิมพระเกียรติเอาไว้

ขับมาเรื่อยๆก็จะพบกับวิวแบบนนี้อีกแล้ว ตลอดทางจะได้พยวิวแบบนนี้ตลอดแต่ก็ไม่ได้จอดตลอดเพราะอาจจะไม่ถึง55

ถึงชายแดน แวะกินข้าวเที่ยงกันที่นนี้ ได้ข้าวว่าช่วงนนี้เริ่มปล่อยให้รถข้ามแดนได้แล้ว แจ่วเลย คงได้มีโอกาศมาอีกแน่ๆเที่ยวแล้วข้ามไปลาว


ไปต่อจุดหมายของเราคืนนี้คือ โครงการสถานีพัฒนาเกษตรที่สูง ตามแนวพระราชดำริ บ้านสะจุก-สะเกี้ยง ในเฉลิมพระเกียรตินี้แล

ทริปนนี้ไม่ค่อยพบเจอผู้คนเลยตลอดเส้นทางเจอรถน้อยมากแต่ว่าไม่น่ากลัวเพราะรอบก่อนที่มารถยนต์เคยมาเส้นนี้แล้ว รอบนนี้วิ่งคล้ายๆเดิมแต่วิ่งย้อนศร และที่ติดใจอยากมาสะจุก-สะเกี้ยงแต่ว่ามีแค่รถเก๋งเลยไม่ได้เข้าพอมีมอไซด์ที่น่านนี้เลยเป็นที่แรกๆที่อยากจะมา


วิวสองข้างทางสวยงามเขียวไปทั้วมาหน้าฝนก็ดีแบบนนี้



ตลอดเส้นทางตั้งแต่ห้วยโก๋รนไปยังบ่อเกลือตอนนี้กำลังทำถนนอยู่นครับไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่แต่มอไซด์รถกระบะมาได้สบายส่วนรถเก๋งยังไม่แน่นำ ถ้าเสร็จเมื่อไหร่จะเป็นถนนสุดฟินอีกเส้นครับ เส้นนี้ที่จริงก็คือ1081 เหมือนกันนะ แต่เป็นช่วงห้วยโก๋รนถึงบ่อเกลือถนนยังไม่ค่อยดี อีกช่วงของ1081เดี่ยวรีวิวพรุ่งนนี้อันนั้นถนนดีมากวิวสวยมากเช่นกัน



เจอสายน้ำลำธารเรื่อยๆ





นาขั้นบันไดที่นนี้มีให้ดูเรื่อยๆระหว่างทางครับกำลังเชียวชะอุ่มเลย


จากแดดออกดีๆ ฝนลงสะแล้วมาลงตอนจะเลี้ยวเข้าสะจุกสะเกี้ยงอีก แต่ไม่กลัวลุยกันเลย แต่พอเลี้ยวทิ่มหัวเข้ามาฝนก็เป็นใจหยุดให้ซะงั้น เส้นทางเข้า โครงการสถานีพัฒนาเกษตรที่สูง ตามแนวพระราชดำริ บ้านสะจุก-สะเกี้ยง นั้น ระยะทางไม่ไกลประมาณ 4 กิโลจากเส้นหลัก1081 แต่เส้นทางเป็นหลุมบ่อใหญ่มากและมีช่วงที่ดินหนังหมูและก้อนกรวดกับทางชัน แต่ไม่เยอะนิดเดียว 15นาทีก็เข้ามาถึงแล้ว ถ้าเป็นมอไซด์มาได้สบาย ยกเว้นถ้ารถสปอต์คันใหญ่ๆอาจจะลำบากหน่อย ส่วนกระบะมาได้ แต่รถเก๋งอย่ามาเลยน่าจะไม่ไหวนะครับ

หลังจากขึ้นมาถึงแล้ว ช่วงนนี้หน้าฝนไม่มีคนเขามาเที่ยวกันไม่เจอใครเลย

แต่เราติดต่อไว้ก่อนแล้ว โดยที่พักที่นี้นั้นจะมีแค่ไม่กี่หลังครับ โดยที่นี้ไม่ได้รับการจอง เพราะว่าบ้านพักนั้นที่จริงทำไว้ให้เจ้าหน้าที่ที่มาดูงานถ้านักท่องเที่ยวมาตอนที่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาก็สามารถเข้าพักได้เลยฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายให้เท่าไหร่ก็ได้ตามสดวก หรือจะกางเต็นก็ได้ฟรีเหมือนกัน มีห้องน้ำห้องครัวสามารถทำอาหารได้ แต่ถ้ามาช่วงหน้าหนาว จะมีอาหารบนนนี้และมีของขายของโครงการ แต่ช่วงนี้หน้าฝนจะเงียบเหงามากครับ

เนื่องจากไม่มีคนเราเลยได้พักห้องแรกเป็นปูนมีห้องน้ำในตัว



บรรยากาศฟินๆ พร้อมวิวไร่ชา พอเข้าห้องได้สักพักฝนก็ตกทันทีสายฝนโปรยปรายกับวิวข้างหน้ามารู้สึกบอกไม่ถูกจริงๆ

หลังจากฝนหยุด เลยขี่รถจะออกไปซื้อของกินมื้อเย็น มีร้านค้าในหมู่บ้านเลยมาหน่อย และจะขี่ไปจุดชมวิวเปียงซ้อ

เส้นทางมาเปียงซ้อก็ไม่ยากมีทางดินและทางดำ

มาถึงแล้วสวยมาก แต่ฝนพึ่งตกไป หมอกจะหนาๆหน่อยมองไม่ค่อยชัด เดี่ยวจะมาใหม่ตอนเช้า



ขี่กลับเข้ามาที่โครงการขี่ขึ้นไปด้านบนโครงการ

มีสวนมีฟาร์มต่างๆแต่ไม่มีคนอยู่เราเลยไม่ได้กล้าเข้าไปดู

กลับมาฟินกันต่อที่ห้องพัก


มื้อเย็นอันโอชะของเราคืนนี้คือมาม่าปลากระป๋อง อิอิ กินง่ายอยู่ง่ายครับไม่อยากทำอะไร เลยต้มมาม่าเอา


บรรยากาศยามเย็นน

แสงสุดท้าย

ค่ำคืนนั้นเงียบเหงาจนน่ากลัวครับแต่ที่นนี้ก็ปลอดภัยครับ ช่วงมืดมีทหารขึ้นมาให้เราเซนบันทึกว่ามาเข้าพักคุยอยู่นานว่ามีทหารเฝ้าข้างล่างทางขึ้นทั้งคืน แล้วพี่ทหารก็ยังบอกว่าตรงบ้านเปียงซ้อข้างในไม่มีอะไรเข้าไปก็ระวังๆเพราะมีพวกต่างด้าวด้วยเพราะว่าถ้าเข้าไปจนสุดบ้านเปียงซ้อจะเป็นเขตของลาวสามารถเดินข้ามได้เลย ให้ระวังหน่อย แต่อย่างไรถ้ามาหน้าฝนควรมีเพื่อนสัก3-4คนครับ จะได้ไม่วังเวง 555 แต่คืนนั้นก็กลับสนิทไม่มีอะไรยันเช้า

ตื่นเช้ามากับบรรยากาศเย็นๆเมื่อคืนมีฝนตกปรอยๆ

มีหมอกอยู่ไกลๆเช้านนี้อาบน้ำเตรียมเดินทางกลับ ระยะทางอีก800กว่าโล โอโหแค่คิดก็เหนื่อย555

ก่อนกลับเราก็ช่วยค่าน้ำค่าไฟไป300 มีทั้งน้ำไฟฟรี เครื่องทำน้ำร้อนฟรีอีกจะไม่ให้เลยก็กระไร555




ออกจากโครงการขี้ย้อยแวะไปจุดชมวิวอีกรอบ


เช้านนี้ชัดเจนขึ้นวิวสวยมีหมอกด้วย




ได้เวลาไปต่อ


ตรงหินกรวดตรงนนี้เสียวดีจริงๆ ชันเสียด้วย


ออกมาเสพวิวเสพบรรยากาศกันต่อเช้านนี้




มีหมอกด้วย


เส้นทางช่วงใกล้ถึงบ่อเกลือทำเกือบตลอดเลยช่วงนนี้


สายหมอกยังคงหยอกเย้าเราตลอดทาง


เลี้ยวซ้ายเข้ามาบ้านอุ่นไอมาง สะปัน หน่อย



เช้าๆดื่มน้ำเปรี้ยวๆให้สดชื่นหน่อย




ออกจากสะปัน แวะมาต่อบ่อเกลือ


กับมุมเดิมๆ ทำไมยิ่งเที่ยวคนไปด้วยยิ่งน้อยลงนะ555 ปีแรกมากะกลุ่มวีออส3คัน อีกปีมาคันเดียว 3คน รอบนี้มามอไซด์2คน รอบหน้าไม่มาคนเดียวนะเหงา555

แวะบ่อเกลือกันจั้กหน่อย



ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม


ออกจากบ่อเกลือไปกันต่อที่ถนน1081 บ่อเกลือ-สันติสุข อีก1เส้นการันตีความงาม




กับโค้งหมายเลข3 ดลข3นี้มีทั้งขาไปขากลับ แต่จำได้ว่าถ้าวิ่งจากสันติสุขมาบ่อเกลือวิ่งจะสวยกว่านิดนึง



เจอถนนขาด ขาดแบบหน้ากลัวหายไปทั้งเลน

ไปดูใกล้หน่อย


ถ่ายจากตรงถนนขาดครับ ไม่รู้ว่าถ้าไปนอนเล่นศาลาตรงนั้นจะฟินไหมนะ



วิวตลอดข้างทางสวยงามครับแต่เริ่มหิวข้าวเช้ายังไมไ่ด้กินเลยเลยไม่ค่อยได้จอด


มารอบนนี้มีร้านกาแฟเปิดใหม่ครับแต่เขาว่าเปิดมาเป็นปีแล้ว

พอถึงสันติสุขก็แวะหาข้าวกินกัน

ออกจากสันติสุขเข้าเมืองน่านอีกครั้งวิ่งเส้นหลักแล้วฉีกซ้าย 1026 เพื่อจะไปหมู่บ้านปรงมงปากนาย ระหว่างทางนาจะช่วงก่อนถึงนาหมื่น มีโรงบ่มใบยาเก่าอยู่ริมถนนเลยเจอแล้วไม่รอช้าก็ว่าเขาถ่ายๆกันที่ไหนแต่ว่าน่าจะมีหลายที่ในน่าน

เป็นโรงบ่มใบยาเก่าครับที่นนี้ ดูคลาสสิคดี


ไปต่อก็จะถึงปากนาย เส้นทางวิวรอบก็งามเช่นกันเส้นนี้วิวอาจจะไม่เยออะตลอดทางแต่ว่าสวยและเขาลูกอื่นจะอยู่ใกล้เรากว่าเส้นอื่นทำให้ดูสวยชัดเจนดีครับ


ดูใกล้ๆเลย


ถึงหมู่บานประมงประมาณบ่าย2กว่า

ขี่ลงมาท่าเรือ

โอ้ววไม้เยอะมากๆ กว่าแพจะเข้ามาได้นานมาก ลุงบอกว่าสองสามวันก่อนฝนตกแรงทางเหนือนู้นน้ำเลยพัดไม้มารวมกองตรงนนี้ โชคดีของเรามากๆสรุปทั้งทริปไม่เจอฝนจังๆเลยเสื้อกันฝนเตรียมมาจะกรอบตายขาถุง

ในที่สุดเราก็ได้ขึ้น รถใหญ่อย่างเรา 150 บาท ที่จริงก็อ้อมอีกละครับถึงจะข้ามมาอุตรดิตถ์ได้แต่ถ้าวิ่งตรงๆถึงก่อนอยู่แล้ว555 บอกว่าว่าทริปนนี้ตั้งใจวิ่งอ้อมโลกเพื่อชมความงามะหว่างสองข้างทาง


รถยนต์ก็มีนะครับ

หลังจากข้ามมาถึงอุตรดิตถ์ได้ 3 โมงกว่า แล้ว รู้สึกวังเวงกลัวมืดเลยรีบขับ แต่กว่าจะออกถนนใหญ่ได้ก็นานใช่ย่อยกว่าจะออกน้ำปาด ผ่านทองแสงขัน แล้วมาออกเส้นหลักกันเกือบเย็น

ทำเวลาได้กำลังดีครับถึง พิษณุโลก6โมงกว่าแวะกินข้าวอีกรอบจะบอกว่าตอนนี้ตูดปวดมาก55 เนื่องจากสะสมหลายวัน วันนี้วันเดียวประมาณ500โลแล้ว เหลืออีก300โล ออกจากพิษณุโลกซัดกันยาวมาพักอีกทีนครสวรรค์ แล้วยิงยาวถึงบ้านเกือบเที่ยงคืนพอดีทำเวลาได้ดีมาก เช้าตื่นตี5กว่าอาบน้ำออกไปทำงานอีก 5555

สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้

ค่าน้ำมัน

215บาท 8.236ลิตร

220บาท 8.33ลิตร

140บาท 5.30ลิตร

150บาท 5.64ลิตร

110บาท 4.13ลิตร

200บาท 7.44ลิตร

150บาท 5.58ลิตร

140บาท 5.16 ลิตร

170บาท 6.35 ลิตร

200บาท 7.53 ลิตร

150บาท 5.70ลิตร

120บาท 4.57ลิตร

กินคืนแรก100

ที่พัก 350

กินตอนเช้า50

กินข้าวกลางวัน85

ขนมหวาน50

ค่ากาแฟ40

ที่พักสอง 400

ข้าวเย็น160

ข้าวเช้าวันที่สอง 50

กาแฟเช้า 70

มื้อกลางวันห้วยโก๋น 70

มื้อเย็น 50

ที่พัก300

เช้าน้ำอุ่นไอมาง น่าจะ150

มื้อเช้า 80

ข้ามแพ150

ข้าวเย็น 80

และมีน้ำเล็กๆน้อยๆระหว่างทางผมกะแฟนไม่ค่อยกินอะไรจุกจิกระหว่างทางกินเป็นข้าวเป็นมื้อๆเลยอย่างมากก็แปบซี่ ทริปนนี้รวมน้ำมันแล้วเลยตกคนละ 2000 นิดๆ คุ้มมากๆนี้ถ้ามีเพื่อนมาด้วยประหยัดได้อีกเพราะจะได้กางเต็นนอนแต่ว่ามาแค่2คนหน้าฝนเลยเอาที่พักทุกคืนดีกว่าเพื่อความสดวกและปลอดภัย


มาถึงเจ้า CRF250Rally

ระยะทางทั้งหมด2050 กิโล เติมน้ำมันไป 12 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1965 บาท 73.966 ลิตร

เท่ากับทริปนี้ตกกิโลละ 0.95บาท อัตราเฉลี่ย 27.71โล/ลิตร

ก็ถือว่ายังอยู่ในเกนฑ์ประหยัดนะครับโลละบาท ได้ช่วงถนนในน่านทั้งนั้นแหละวิวมันสวยมากขับช้าชิลๆตลอดทุกวัน มีขาไปกับขากลับจากพิดโลกเนี้ยแหละบิดยับ จะบอกว่าเจ้าแลลี่นี้ถ้าบิดแหลก120-130+ตลอดนนี้น้ำมันนี้ห้วบๆไวใช่ย่อยเลยนะ 100กว่าโลเหลือ2ขีดต้องหาปั้มแล้ว แต่ก็อย่างว่าซ้อนสองของเต็มลำได้เท่านนี้ก็โอเคแล้วอย่าลืมว่าเป็นรถวิบากเขาทำมารอบต้นกลางจัดพอไปเค้นปลายมากมันเลยกินน้ำมันแต่ก็รับได้ อิอิ

สำหรับใครอ่านมาถึงตรงนนี้แล้วถ้าไม่เคยไปน่านต้องรีบไปแล้วคุณจะหลงรักเหมือนผม3รอบแล้ว แล้วมีแพลนอยากจะมารอบ4อีกยังไม่ได้เก็บสวนยาหลวงดอยผาผึ้งเลยสงสัยจะได้มาอีก555 แล้วก็ใครจะขี่มอไซด์เที่ยว CRF250Rally ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีครับ ไปได้ทุกเส้นทาง กับระยะทาง10000กว่าโลตอนพิมนนี้18000 แล้วพบว่าปัญหาเดียวที่ควรแก้ไขเวลาเดินทางไกลคือเมื่อยตูดครับ เวลาไกลมากๆแบบ2000โลนี้วันกลับมันระบมเหลือเกิน แต่กลับมาบ้านนอนวันเดียวก็หายละเช้าขี่ใหม่สบาย อยากไปไกลๆอีกแล้ว 555 จุดนนี้ผมยังไม่ได้แก้สักทียังหาร้านที่ทำเบาะแล้วจบจริงๆไม่ได้ ไม่กล้าลองด้วยรอให้มีคนอื่นเขาลองทำก่อน ถ้าดีจะไปทำบ้าง อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรถูกใจจ๊อดจริงๆ


ทริปหน้าจะเพิ่มความ advance ให้ตัวเอง ด้วยการบินเดี่ยวเที่ยวเชียงใหม่4วัน คันเดียว2คนเช่นเคยกับเส้นทางที่ยากขึ้นทางดำมันง่ายไป รอบนี้ลัดเข้าทางชาวบ้านวนอยู่ในป่า จะสนุกมันส์แค่ไหนเร็วๆนี้จะมาเล่าให้ฟังครับ

แล้วพับกันใหม่กับคู่รักตะลอนทัวร์ อิอิ

เที่ยวทั่วไทยไปกับCRF (วีออสเร่ิมน้อยใจแต่ก่อนต้องเป็นเที่ยวทั่วไทยไปกับวีออส555)

เหลี่ยมพาเที่ยว

 วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 23.15 น.

ความคิดเห็น