คงเพราะความรู้สึกเมื่อได้ยืนบนดินแดนแห่งนี้ มันเหมือนเวลาที่เดินไปอย่างช้าๆ
องค์ประกอบต่างๆ รอบๆ กายค่อยๆ เคลื่อนผ่านบนพื้นฐานของความสุข
นี่กระมังที่เค้าถึงเรียกกันว่า น่านเนิบๆ
อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางบนเส้นทางสายธรรมชาติในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL https://www.facebook.com/PEESAT.PANTIP
ภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง “กระซิบรักบันลือโลก"
เพียงแลมองก็รู้สึกถึงมนต์ขลัง จนกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของน่านไป
คงเหมือนกับดินแดนแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของขุนเขา วิถีชีวิต และวัฒนธรรม
ผมกลับมาเยือนเมืองน่านอีกครั้ง และเป็นครั้งที่สี่ในรอบปี
แม้จะมาอีกซักสิบหรือยี่สิบครั้ง ผมก็ยังอยากมาอยู่ดี
“วัดภูมินทร์" กับภาพวาดของปู่ม่านย่าม่านกระซิบรักบันลือโลกคือจุดเริ่มต้นของบันทึกการเดินทางของผมในครั้งนี้
ความสวยงาม ความเลื่อมใส ความศรัทธาของผู้คนสัมผัสได้ตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาภายในวัด
“วัดพระธาตุช้างค้ำ" อีกหนึ่งวัดที่งดงาม เพียงแค่เดินข้ามถนนมาจากวัดภูมินทร์ก็จะพบกับความสวยงาม
วัดต่างๆ ในตัวเมืองน่านจะอยู่ไม่ไกลกันนัก มีจักรยานซักคัน หรือเดินชมเมืองไปอย่างเนิบๆ
ผมว่าเพลินดีนะ...
ซุ้มลีลาวดีด้านหน้าพิพิธภัณฑสถานเมืองน่าน อีกจุดหนึ่งซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกัน
รอยยิ้มของนักท่องเที่ยวที่มาแอ็คท่าถ่ายรูปภายในซุ้ม เห็นแล้วก็พลอยมีความสุขไปด้วย
“วัดพระธาตุเขาน้อย" กับวิวทิวทัศน์ในมุมสูง
องค์พระเกศาธาตุพระพุทธรูปยืนอย่างสง่าและงดงาม
ประหนึ่งคอยปกป้องคุ้มครองผู้คนเมืองน่าน
“ปัว" อำเภอเล็กๆ ของน่าน
หากแต่ความสวยงาม ความอลังการของขุนเขาหาได้เล็กไม่
อากาศที่บริสุทธิ์รายล้อมไปด้วยขุนเขา
ทุ่งนาสีทองมองแล้วทำให้รู้สึกสบายใจ
ผมเคยมาเยือนเมืองแห่งขุนเขาแล้วครั้งหนึ่ง
และผมก็หลงรักจนอยากมาบ่อยๆ
จากเมืองปัว ผมลัดเลาะสู่เส้นทางดอยภูคา
วิวทิวทัศน์ข้างทางบนความสูงรายล้อมไปด้วยขุนเขาน้อยใหญ่
ทิวเขาหัวโล้นสลับกับพืชไร่ข้าวโพด
เอกลักษณ์ของเมืองน่านโดยเฉพาะ
อาจดูไม่สบายตาไม่สบายใจในความรู้สึก
ในความหัวโล้นถ้าเปลี่ยนเป็นต้นไม้สีเขียวๆ คงจะดี
แต่กระนั้นก็ดูแปลกตาและอลังการในความรู้สึก
และยิ่งเพิ่มความยิ่งใหญ่อลังการขึ้นไปอีก เมื่อสายหมอกชโลมขุนเขา
สิ่งเหล่านี้กระมังที่หล่อหลอมจูงใจให้ผู้คนมาเดินเนิบๆ ที่ดินแดนแห่งนี้
ไม่เว้นแม้แต่ผมที่หลงเสน่ห์และกลับมาเยือนอีกครั้ง
ลานดูดาวของอุทยานแห่งชาติชมพูภูคา จุดกางเต็นท์พักแรมที่บรรยากาศใช้ได้ทีเดียว
ยามนี้ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ดอกนางพญาเสือโคร่งที่ลานดูดาวร่วงโรยลงตามกาลเวลา
หลงเหลือเพียงบางส่วนที่น้อยนิดไว้ให้เชยชม
“บ่อเกลือ" อีกหนึ่งอำเภอในหุบเขาเมื่อเดินทางเลยจากดอยภูคาออกไป
ความเจริญของสังคมเมืองอาจเทียบไม่ได้กับปัว
วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมนี่แหละคือมนต์เสน่ห์ที่น่าสัมผัส
แต่หากวันหนึ่งความเจริญย่ำกราย
นักท่องเที่ยวแห่แหนกันเข้ามา
ถึงเวลานั้นคำถามน่าจะเกิดขึ้นมากมาย
และมนต์เสน่ห์ของบ่อเกลือยังน่าจะหลงใหลอยู่หรือไม่
บ่อเกลือในวันนี้มีทั้งไร่สตรอเบอร์รี่ มีร้านอาหารสวยๆ ริมน้ำ มีรีสอร์ทหรูๆ ผุดขึ้นบ้างตามยุคสมัย
แต่โดยรวมทั่วไปก็ยังคงรูปแบบและวิถีชีวิตในแบบชนบทพึ่งพิงอิงแอบธรรมชาติ
ในยามเช้าที่สายหมอกล่องลอยเหนือผืนนาข้าว สร้างความประทับใจได้ไม่แพ้ทะเลหมอกที่ฟูฟ่อง
หากเปรียบกับดอกไม้ที่กำลังผลิบาน
บ่อเกลือในวันนี้ก็กำลังอยู่ในช่วงแรกแย้ม
จะผลิบานสดสวย หรือจะร่วงโรยก่อนเวลาขึ้นอยู่กับการดูแล
วันนี้เมืองในซอกหลืบของขุนเขาที่ยังคงความงดงาม
และทำให้ผู้มาเยือนอย่างผมรู้สึกประทับใจ
มีโอกาสผมคงได้กลับมาเยือนอีกครั้งอย่างแน่นอน
จากบ่อเกลือผมเลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอเฉลิมพระเกียรติ
“อุทยานแห่งชาติขุนน่าน" ตั้งอยู่ริมถนนสายหลักเลยจากบ่อเกลือออกมาประมาณ 6-7 กิโลเมตร
ป้ายบอกอุทยานฯ ที่มีให้เห็นตลอดเส้นทางเชิญชวนให้เข้าไปสัมผัส
ในวันธรรมดาไร้ซึ่งนักท่องเที่ยว ทุกอย่างเงียบสงบ ท่ามกลางขุนเขา
หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยแม่สะแตงอำเภอทุ่งช้าง ในยามเช้า
แสงสีทองที่สาดส่องขุนเขาเผยให้เห็นถึงความงามของเทือกเขาที่สลับซับซ้อน
จากจุดเริ่มต้นในเมืองน่าน พลันออกมานอกเมือง
ทุกอย่างทุกเส้นทางคือขุนเขาจริงๆ
ไม่แน่ใจนักว่าบ้านนี้เมืองนี้มีภูเขาเยอะที่สุดในประเทศหรือไม่
แต่ที่แน่ใจคือ ไปทางไหนก็มีแต่คำว่างดงาม
ผมย้อนกลับมาทางอำเภอบ่อเกลือเพื่อไปยังอำเภอสันติสุข
“พระตำหนักภูฟ้า" ที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
ตั้งอยู่ระหว่างทางห่างจากบ่อเกลือราว 20 กิโลเมตร ครั้นเมื่อพระองค์ได้เสด็จมาเยี่ยมราษฎรที่อำเภอบ่อเกลือ ทรงจัดตั้งศูนย์ภูฟ้าพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีให้กับประชาชนทั่วไป
ในยามเช้าที่สายหมอกปกคลุมเกือบท่วมขุนเขา
เรื่องราวของการเดินทางทุกวินาทีมีแต่ความตื่นเต้น และความสวยงาม
บางทีเรื่องราวระหว่างทางก็เชิญชวนให้เราได้จดจำมากกว่าจุดหมายปลายทางเสียอีก
เส้นทางจากบ่อเกลือมายังสันติสุข เส้นทางลอยฟ้าที่วิ่งลัดเลาะไปตามขุนเขา
เรื่องราวระหว่างทางมีให้ได้เก็บเกี่ยวความสุขตลอดเส้นทาง
ต้นเดือนกุมภาขุนเขาที่เคยเขียวขจีแปรเปลี่ยนเป็นสีทอง
ไร่ข้าวโพดที่เก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นลง หลงเหลือแต่ความเหี่ยวแห้ง
วัฏจักรของวิถีชีวิตในการทำมาหากินเลี้ยงชีพ
สายฝนในฤดูใหม่คงทำให้ทุกอย่างกลับมาเขียวอีกครั้ง
ช่วงเวลาที่เหลือคงได้แต่รอ รอเพื่อกลับมาเริ่มต้นเพาะปลูกพืชไร่อีกครั้ง
ต้องยอมรับว่าเส้นทางสายนี้เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่สวยงาม “บ่อเกลือ-สันติสุข"
เส้นทางบนความสูงชัน ที่ทำให้รู้สึกเหมือนเราได้โบยบินไปตามทางที่สวรรค์ปูพรมเอาไว้
“อุทยานแห่งชาติแม่จริม" อุทยานฯเล็กๆที่อาจไม่โด่งดังเหมือนที่อื่นๆภายในจังหวัด
ตั้งอยู่ อ.แม่จริม และ อ.เวียงสา ห่างจากตัวเมืองน่านราว 50 กว่ากิโล
จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติแม่จริม คงเป็นการล่องแก่งลำน้ำว้า เส้นทางศึกษาธรรมชาติ
รวมถึงการสัมผัสวิถีชีวิตของชาวเขาบ้านร่มเกล้า
ผมยังจำเรื่องราวของฤดูร้อนที่ผ่านมาได้ดี
อีกหนึ่งเส้นทางที่งดงามไม่แพ้เส้นทางอื่นๆ “สองแคว-ท่าวังผา"
เช้าวันนั้นผมเดินทางออกมาจากภูลังกา มุ่งหน้าสู่น่านบนเส้นทางสายนี้
และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ผมมาจังหวัดนี้
“อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน" อยู่ห่างจากเมืองน่านประมาณ 112 กิโลเมตรบนเส้นทาง “ท่าวังผา-สองแคว"
จุดชมวิวที่ดูธรรมดา แต่หากเป็นช่วงฤดูหนาว ที่นี่คือสวรรค์ของคนชื่นชอบทะเลหมอก
“อุทยานแห่งชาติศรีน่าน" อีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิต
โดยใช้เส้นทางไปยัง อ.เวียงสา สู่ อ.นาน้อย ระยะทางราว 70 กว่ากิโลเมตร
“ดอยเสมอดาว" แหล่งท่องเที่ยวของอุทยานฯศรีน่าน
ความสวยงามของขุนเขา และทะเลหมอกในยามเช้า
ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนกันอย่างไม่ขาดสาย
ที่ดอยเสมอดาวนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ผมหลงรักน่าน
เพียงครั้งแรกที่ได้สัมผัสที่นี่ มันทำให้ผมอยากรู้
อยากรู้ว่าสถานที่อื่นๆของน่านจะสวยงามเหมือนกับที่นี่หรือไม่
4 ครั้งที่ผมได้เดินทางแบบเนิบๆ บนเส้นทางสายน่าน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา มันคือประสบการณ์ที่มีคุณค่า
และผมก็ไม่เคยผิดหวังกับมันเลยซักครั้ง
ขากลับจากน่านลงสู่ภาคกลาง
ผมใช้เส้นทางจากนาน้อยไปยังนาหมื่นสู่หมู่บ้านชาวประมงปากนาย
เพื่อเอารถข้ามแพไปยังอีกฟากสู่ อ.น้ำปาด ลงไปยังอุตรดิตถ์
หมู่บ้านชาวประมงปากนาย บรรยากาศโดยรอบที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขา
สายน้ำที่สงบนิ่งจากเขื่อนสิริกิติ์ ทำให้ดินแดนแห่งนี้เหมาะสำหรับการพักผ่อน
อาชีพหลักของชาวบ้านแถบนี้คงหนีไม่พ้นการทำประมง
ที่นี่มีร้านอาหาร มีบ้านพักที่เป็นแพให้เลือกหา
แม้จะดูเปลี่ยวไปบ้าง แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ดูแล เพราะอยู่ในเขตของอุทยานฯศรีน่าน
สายน้ำที่สงบเงียบ คงเปรียบได้กับวิถีชีวิตที่สงบเรียบง่าย
ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนสุดทางที่กำลังจะออกจากน่าน
ทุกเรื่องราวเป็นอะไรที่พิเศษที่สุดสำหรับผม
การจากลาไม่เคยมีอยู่จริง แค่คิดก็เหมือนได้เริ่มต้นเดินทางอีกครั้ง
...ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเดินทางไปกับบันทึกการเดินทางของผม สวัสดีครับ...
อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางบนเส้นทางสายธรรมชาติในแบบฉบับของผม ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL
https://www.facebook.com/PEESAT.PANTIP
ม่วงมหากาฬ
วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 19.41 น.