ก่อนจะไปพบกับความไร้สาระแบบเต็มรูปด้านล่าง เรามาแวะอ่านสิ่งที่น่าสนใจ กันสักครู่นะคะ ............

เนื่องด้วยเป็นทริปนี้ที่มีการแพลนไว้แค่ 2 ที่ที่เหลือทางเราและเพื่อนบันเลงสดแบบชนิดที่ว่าไปตายเอาดาบหน้าของจริงเลยละคะ

  • ทริคสำหรับทริปนี้ [ ไม่เชิงทริคเรียกว่าข้อควรรู้ไว้ดีกว่านะคะ ]

1.เนื่องจากช่วงก่อนที่เรามามีงานของ ททท ที่สิริกิตต์เพื่อนในกลุ่มก็เลยเสนอให้เราไปซื้อวอชเชอร์เข้าเมือง+ค่าชุดเข้าเมืองมัลลิกา [ ในราคา 300 บาท จากราคา 590 บาท ]

2.เราจองห้องพักผ่อนทางไลน์ OHDEE HOSTEL โดยตรงปลอดภัยและสะดวกส่วนใครจะจองออนไลน์เราแนะนำให้รีบจองก่อนวันเดินทางเยอะนิดนึงนะคะ

3.สถานีรถไฟกาญจนบุรีไม่ใช่ที่เดียวกับ บขส กาญนะคะแม่งไกลกันด้วย แฮร่

4.ถ้ามาขึ้นรถที่ บขส เราแนะนำให้กินข้าวร้านทางด้านขวามือ อย่าพลาดแบบเรา !!!

5.ถนนคนเดินสังขละอยู่ซอยเทศบาล 2 ไม่ใกล้กับสะพานนาจาาาา


- - เฉลี่ยค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่างเเล้ว - -

1.ค่าแท็กซี่ขาไปต่อคน 25 บาท
2.ค่าตู้ไปสังขละ ( ไป-กลับ ) 350 บาท
3.ค่าลงเรือต่อคน 100 บาท
4.ค่าที่พัก 590 บาท
6.ค่าบัตรเข้า ม.มลก ต่อคน 300 บาท
7.ค่าเหมารถ+มอไซค์ ต่อคน 500 บาท
8.เบ็ดเตล็ด 500-1000 บาท

รวม ต่อคนไม่เกิน 3150 บาท


- - กรุงเทพ - กาญจนบุรี - สังขละบุรี - -

----------------- วันที่ 1 -----------------

-เรากับเพื่อนนัดรวมกันเวลา 06.30 แล้วออกเดินทางไปสถานีรถไฟธนบุรี

-รถไฟออกจากกรุงเทพ 08.00 น. ถึงกาญ 10.50 น. [ เวลาเรทประมาณ 30 นาที ]

-เหมารถจากสถานีรถไฟกาญมา บขส กาญ (ราคา 100/5 ตกคนละ 20 บาท)

-ต่อรถตู้จาก บขส ออกเวลา11.30 น. ไปถึงสังขละเวลา 14.30 น. (คนละ 175 บาท)

-พอถึงสังขละเราเดินไปที่พักเพราะห่างจากที่เราลงรถ 300 เมตร เราพักที่ OHDEE HOSTEL

-อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเราก็ให้พี่เจ้าของที่พักเรียกรถพาเราไปสะพานมอญเพื่อไปลงเรือ เราใช้เวลา ประมาณ 1.45 ชั่วโมงในการชม 3 วัด ราคาเหมาลำ 500 บาท ( ราคา 500/5 คนละ 100 บาท )

-เวลา 18.45 เราให้คนเรือมาส่งที่ทางขึ้นสะพานฝั่งมอญเพื่อเดินตลาดมอญ [ ตลาดฝั่งนี้ของราคาถูกกว่าฝั่งไทยแถมของเยอะกว่าด้วย ]

-เดินข้ามมาที่ฝั่งไทยเราเรียกพี่วินพ่วงแถวนั้นไปส่งเราที่ถนนคนเดินสังขละเพื่อไปกินหมูจุ่ม จากนั้นก็ กลับห้องนอน

---------------- วันที่ 2 -------------------


-06.00 เราใช้บริการชุดตักบาตรของพี่วินพ่วงเพราะจะได้นั่งรถฟรีไม่ต้องจ้าง 5555
(ราคา90 ส่บาตรได้ 3 องค์ / 90 บาท)

-10.30 เช็คอินน์ออกจากที่พัก

-เวลา 11.40 รถออกจากสังขละครั้งนี้เรามาลงที่ไทรโยค 14.20 น.เพราะจะไปเมืองมัลลิกาต่อแต่ ผิดแผนนนนนน 5555555

-15.00 เราออกจากไทรโยคถึงถ้ำกระเเ
{ ทางรถไฟสายมรณะ } 15.45 น.

-ออกจากถ้ำกระแซ 16.30 ถึงเมืองมัลลิกา 17.00 น. {ม.มัลลิกาปิด 19.00 น.}

-เราออกจากเมืองมัลลิกา 19.00 พอดีแล้วเหมารถไปบ้านลุงเพื่อน {ที่พักคืนที่ 2 } ถึงที่บ้าน 20.05 ( ราคาเหมา 1500/5 ตกคนละ 300 บาท )

--------------- วันที่ 3 -------------------

-ช่วง 10.30 เราปลีกตัวออกจากเพื่อนเพื่อไปทำธุระเล็กน้อยแล้วนัดเจอกันที่สถานีรถไฟสะพานข้ามแม่น้ำแควเวลาไม่เกิน 14.30 น.ก่อนรถไฟมา 20 นาที เราออกจากกาญเวลาประมาณ 15.15 ถึงกรุงเทพ 18.45 ซึ่งครั้งนี้เรทกว่าขาไปค่อนข้างมาก


แวะอีกสักนิดก่อนเที่ยวมารู้จักพวกเราและหน้าที่ของแต่ละนางในทริปก่อนดีฟ่าาาาา เย้ๆๆๆ


ประกาศ!!ใครเจอบุคคลในภาพโปรดเข้ามาทักทายได้ทางเราไม่กัด เพราะเพื่อนเราสวยและใจดีมา
  • เท้าความก่อนนะว่าเรา เด็กเป็ด เจ๊แพรว พี่โย่ง เป็นเพื่อนห้องเดียวกัน ส่วนแม่พลอยเป็นเพื่อนสนิท ต่างห้องของพี่โย่งกับเจ๊แพร
  • ซ้าย 1 นางคือ " เจ๊แพรวแฟลตสยาม " เรายกให้เป็นเมนเทอร์ของทริปเลยเรื่องโพสต์ท่าถ่ายรูป
  • ซ้าย 2 เพื่อนร่วมทริปเก่าแก่ของเรา " เจ้าเด็กเป็ด จอมป่วน " ป่วนทุกที่ ทุกเวลาแถมไม่ชอบกินผัก
  • กลาง เราขอมอบ AKA ให้ " แม่พลอยกล้องแตก " เรื่องจิกกล้อง ปากจือ สายเซะซี่ไว้ใจแม่พลอย
  • รองสุดท้าย คาเมร่าเองไงจะใครละแต่เพื่อนเรียก " ป้าแพรชอบกินชาเขียว " เพื่อนว่างี้อะก็ตามนั้นเนอ

สุดท้ายขวามือ " เกษโย่งหรือพี่โย่ง " นางเรียนเก่งม๊ากกกแถมซูมภาพเก่งมากอีกด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆ



และนี่คือโฉมหน้าของผู้รับหน้าที่สำคัญของทริปนี้


- - - - - นั่นก็คือ ช่างภาพ แฮร่ - - - -

ก็สำคัญไหมอะ ถ้าขาดเราไปเพื่อนจะต้องหอบไม้ไปเซลฟี่นะเอาเส้ แค่นี้สำคัญพอย๊างงงง 📷


- - สาระตรงนี้ไม่มีเอาสนุกล้วนๆ ถ้าพร้อมมั่วแล้วตามเรามา - -


เอาละถึงสถานีเอาบัตร ปชช ไปแลกตั๋วแล้วรอรถไฟกันเถอะ



อย่างที่บอกแทบไม่ได้แพลนอะไรไว้เลยก็ตามเวรตามกรรม นั่งช่วยกันหาบนรถไฟวนไปค่ะ



หลังจากหลับ ฟังเพลง แชท หาข้อมูล บลาๆมากมาย เราก็มาถึงสถานีกาญจบุรีแล้วละคะ



เราใช้บริการรถสองแถวเหมาไปขนส่ง วิ่งคุณลุงคนนี้ก็มาขับพาเราเที่ยวในวันถัดมาด้วย เบอร์ลุง 0817005707 [ เผื่อเพื่อนๆอยากใช้บริการแล้วยังหารถไม่ได้ค่ะ ]



เมื่อถึง บขส ก็ไปซื้อตั๋วแค่นั้นรอเวลาขึ้นรถไปต่อ แต่ระดับพวกเราแล้วเพี้ยนกับเพี้ยนมาอยู่ด้วยกัน ท้องดันมาร้อง เพ๊ะโค๊ะๆ ก็เลยหาอะไรกินภายในเวลา 15 นาที ไม่ผิดค่ะยัดข้าวกันก่อนรถออก 15 นาที ทันก็บ้าแล๊ววววว 55555


หลังจากหลับมากันอย่างเต็มที่เราก็มาคาร์ดิโอด้วยการแบกเป้เดินเข้าที่พัก สวยไสยๆแบบ พวกเราสบ๊ายยยย ( หร๊าาาา าาาา า )



อันนี้คือบรรยากาศที่พักของเรา เอาจริงๆเราชอบนะมีครัวให้ได้ทำอาหารเองด้วย เครื่องครัว/ เครื่องปรุงพร้อมมาก แถมพี่เจ้าของที่พักก็ใจดีแนะนำดีด้วยใครที่โนแพลนมาที่นี่มีให้หมด
ปล.ที่ที่พักมีทั้งบริการพาไปพม่า + ชุดตักบาตร ด้วยน๊าาาา



หลังจากเก็บของอาบน้ำแต่งหน้าแล้วเราก็มาโดนปะแป้งทานาคาเฉ๊ยยย โดนปะไม่พอแอบเสียเงินด้วย ( ด่านนี้เค้าจะเดินมาปะแป้งเราแล้วเเต่เราจะให้เค้าละคะ )



อันนี้เป็นแพที่เราจะต้องไปลงเรือเพื่อข้ามไปวัดนะคะ



ซูมเข้ามาอีกนิดมันคือแพไม่ไผ่คะคู๊ณณณข่าาา อารมณ์แบบเหยียบลงไปได้ยินเสียงเอี๊ยดดด เดินไม่ดีมีระบบหนีบเท้าแบบแมนนวลด้วยนะคะ ทางเราโดนหนีบมาแล้วเรียบร้ออยยย



สะพานมองมอญถ้ามองจากแพขึ้นไป


ลงเรือแล้วล้าววววไปวัดกันเถอะคะ อ่อบรรยากาศริมน้ำก็สวยนะไม่เชื่อดูเจ้าเด็กเป็ดสิคะยังถ่ายรูปเลย



และนี่คือหน้าที่หลักของช่างภาพทริปนี้ค่ะ ถ่ายกันเองทะม๊ายยยย ไปถ่ายเพื่อนโน่นนนนนน นนน น



หอระฆังวัดวังก์วิเวการาม (หลวงพ่ออุตตามะ)



อันนี้น่าจะเป็นอารมณ์เหมือนกุฎิหรือเปล่าไม่มั่นใจ ใครรู้ว่าคืออะไรเม้นบอกเราหน่อยนะคะ



แชะ แชะ !!! อะถ่ายกันเองสนุกสุดดด



ถึงตอนนี้เรากำลังจะเดินไปที่โบสถ์ของวัดกันนะคะ พร้อมแล้วไปข้างในกันเล้ยยย



ด่านแรกเราจะเจอน้องๆมาขายดอกไม้ ธูป เทียน ให้ได้ไหว้พระกันนะคะ ซึ่งด่านนี้เราขอผ่านก่อน เพราะเป็นคริสตเตียน



เจ๊แพรวสายธรรมะก็เลยจัดการจ่ายค่าดอกไม้เสร็จสรรพ ไปไหว้พระกันเล๊ยยยย



อ่อ!!อันนี้เป็นดอกไม้จากน้องๆนะค 1 ชุด ราคา 20 บาท จะมีดอกไม้ 1 ไม้ ธูป เทียน แล้วก็ทองคำเปลว



มาไหว้พระกันเถอะทุกคน .



หันมาที่ผนังวัดเราจะเห็นพระจำนวน 2500 รูปอยู่บนนั้นค่ะ แต่ตอนนี้เราคิดว่าไม่น่าจะถึงแล้ว แฮร่



อันนี้คือด้านหน้าวัดซึ่งเราเดินเข้าผิดทางนคะทุกคน ใครไปหลังเราพอเค้าจอดใก้ลงเรือให้อ้อมมาตรงที่ เค้าจอดเรือรอทางนั้นจะเป็นด้านหน้าวัด 5555555555



นั่งเรือจากวัดวังก์ไปต่อวัดที่ 2 ซึ่งคือวัดป่าอะไรไม่แน่ใจ ในส่วนของวัดนี้พวกเราขอข้ามค่ะเพราะเดิน ค่อนข้างไกล + เราจะเซฟเวลาเพื่อไปเดินตลาดฝั่งมอญ




พอเราขึ้นมาจากเรือก็เจอสาวน้อยสองคนนี้กำลัง BATTLE ฝีปากกันอยู่ อิอิ



แรงเหลือเยอะไปหน่อย โดดวนไปค่ะเพื่อน โดด เอ้าโดด



บรรยากาศริมแม่น้ำก่อนเราจะไปวัดที่ 3 ค่ะเอามาฝากทุกคนเลย



พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้วน๊าาาาา ฟิ้ววววว



วัดที่ 3 ค่ะวัดศรีสุวรรณ ซึ่งพี่คนขับเรือบอกว่าให้มาช่วงกลางเดือนเมษาถึงช่วงเดือนที่ 5 เพราะน้ำจะแห้งแล้วสามารถเดินเข้าไปชมในวัดได้ ซึ่งครั้งนี้เราก็ฟลาว์ไป แต่จะบอกว่าแค่บรรยากาศระหว่างทางก็ โคตรๆคุ้มแล้วค่ะ มันดี๊ต่อตับไตไส้พุงมากๆ



จุดนี้เป็นเหมือนแลนด์มารค์ให้ขึ้นไปถ่ายรูปซึ่งแบล็คดร็อปก็คือสะพานมอญนั่นเอง ถ้าอยากรู้ว่าถ่ายรูปว่าถ่ายออกมาจะเป็นยังไงตามมาค่ะ




ถ่ายออกมาแล้วเป็นแบบนี้




หรือจะแอ๊คแบบนี้




เจ๊ไปทำไรตรงนั้นขึ้นมาได้แล้วเพื่อนให้อภัยแล้วว




อันนี้ตลาดฝั่งมอญนะคะ วึ่งภารกิจของพวกเราวันนี้คือจะตามล่าหาเสื้อผ้าเพื่อไปใส่ตอนเช้าวันพรุ่งนี้เพราะเราตั้งใจว่าจะมาตักบาตรกัน [ ใครไม่สะดวกซื้อตอนที่เราซื้อชุดตักบาตรเค้าจะมีเสื้อผ้ามอญให้ใส่ ]




หมูจุ่มมาถึงสังขละบุรีต้องมากิน มาแล้วไม่กินก็เหมือนมาไม่ถึงน๊าาาา



OHIYOGOSAIMASU เช้าวันที่ 2 ด้วยการใส่บาตร




บรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำถ้ามองไปจากสะพานมอญ (ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น)




น้องๆมารอขายชุดทำบุญตอนเช้าบนสะพานมอญ




ยิ่งมอง ยิ่งสบายตา




ซิกเนเจอร์ของสะพานมอญ ใครมาแล้วพลาดถ่ายรูปนี่ก็เหมือนมาไม่ถึงอีกอะ



พระอาทิตย์ที่นี่ค่อนข้างซิ่งค่ะ ขึ้นมาไม่ถึง 5 นาทีสว่างจ้าเลยเธ๊ออออ กดแทบไม่ทัน



อากาศที่นี่ตอนเช้าก็ดี๊ย์ดี เย็นชื่นนปอดด



จงบรรยายสิ่งที่เห็นจากภาพนี้ 10 คะแนน



ยิ่งไทยใจงาม ยิ้ม ไหว้ ทายทัก



แคมเปญ : สาวมอญ V.ตกลงยังไม่ลงตัว




ตัดมาที่ช่างภาพก็ยังตกลงกันไม่ได้ว่าสรุปแล้วจะแอ๊คไง




อะ DAB ไปเลยจบเรื่องไปไม่ลำไย




ทีมนางแบบ VS ทีมช่างภาพ




เราจะมิ้งทวนสะพานมอญด้วยภาพนี้ แล้วออกจากสังขละเพื่อไปเที่ยวกันต่อเลยนะคะ




เรามาถึงน้ำตกไทรโยคก่อนคุณลุงคนขับรถก็เลยตกลงกันว่าจะเอายังไง



ระหว่างที่เพื่อนตกลงกันเราก็แอบเดินมาถ่ายรูปบรรยากาศบริเวณน้ำตกกัน วึ่งที่นี่ยังคงคอนเซ็ปไม่มีน้ำเหมือนครั้งก่อนที่เรามา จะบ้าตายยยใจร้ายเกินไปแล้วนะ ถ้าใครอยากอ่านของเก่าเราแปะ ลิ้งค์ให้ที่คำบรรยายให้นะคะ https://th.readme.me/p/14966



เพื่อนตกลงกันว่าระหว่างรอคุณลุงเราจะฝากท้องที่ ' ร้านไกลกรุง '



อย่างที่บอกว่าไม่มีแพลนเลยบังเกิดแพลนแบบกระทัน เราจะไปถ้ำกระแซ [ ทางรถไฟสายมรณะ ] ซึ่งเรียกกระทันหันแบบสุดๆ หรรษาสุดๆ



นี่คือทางเส้นเก่าที่ตัดไปถ้ำกระเเซซึ่งคุณลุงบอกว่าทางนี้จะโหดกว่าทางตัดใหม่ ก็แน่อะสิค่ะแม่มเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงเขาอย่างกะเล่นไวกลิ้งง ความบันเทิงไม่ได้จบเพียงแค่นี้อยากรู้ว่าเจอกับอะไร ตามมาต่อค่ะ ถถถถ



มาแล้วต้องเอาให้คุ้ม ว่าแล้วเมนเทอร์ก็สบัดผม



ตามมาด้วยสายจิกกล้องแตก



และแจกความสดใสโดยจอมป่วนน



แอ๊คใหญ่รวมกันไปหนึ่งใบ



พี่โย่งสายกลัวแต่เพื่อนลงความเห็นแล้วว่าพี่โย่งต้องมากับพวกเราด้วย ก็นะขาสั่นไปตามระเบียบ



ขอแอ๊คบ้างให้ชื่นใจเนอะ




ทุกคนจำที่ตรงนี้ที่เจ๊ยืนสวยๆไว้นะคะ แล้วเดี๋ยวจะรู้ว่าทำไมเราถึงให้จำไว้



ซ้อมวิ่งไว้ก่อน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 .....



หลังจากซ้อมแล้วเชิญมาวิ่งหนีรถไฟของจริง เป็นช้อตที่เรียลมากเพราะทางเราหนีบอีเตะวิ่งหนีรถไฟ ไปที่จุดที่เจ๊แพรวยืนแอ๊คสวยอยู่




ปู๊นนน นน น รถไฟมาแล้วววจ้าา



โบกี้แรกก็โบกไม้โบกไม้โบกมือทักทายกันไปตามระเบียบ



แต่โบกี้หลังนี่มีของดีแอบยิ้มอ่อนให้ทางเรา ฝรั่งหล่อแถวนี้หล่อบอกต่อเลยข่าาา สาย ฝ.ต้องมาา



ตรงนี้คือวัดถ้ำกระแซสายธรรมะอย่างเจ๊แพรวและทีมนางแบบก็ทำบุญกันไป อ่อเกือบลืมบอกว่าถ้าใครนั่งรถไฟสถานีน้ำตกขาไปวัดอยู่ขวามือนะคะ แล้วก็จะมีหน้าผาที่ให้เอามือไปเเตะกันด้วย เราถ่ายมาดูได้ที่ลิ้งค์ด้านบนได้เลยนะคะ




หลังจากไหว้พระขอพรเสร็จ เราก็เตรียมตัวเดินทางไปเมืองมัลลิกากันเลย

อันนี้เป็นบัตรเข้าเมืองมัลลิกานะคะ ใครที่ซื้อบัตรที่หน้าทางเข้าจะได้บัตรแบบนี้มาเลย ส่วนใครที่เป็นวอชเชอร์แบบเราต้องเอาวอชเชอร์มาแลกเป็นบัตรแบบนี้ก่อน




มุมมหาชนเมืองมัลลิกา ช็อตเสี่ยงชีวิตของช่างภาพสุดๆเจ้าคะ



เดินเข้ามาเราก็จะเจอกับร้านค้าเยอะแยะเลย แต่เรายังซื้อของอไรไม่ได้ต้องไปที่แบงก์กันก่อนไป แลกเงินกันเจ้าคะ




ก่อนจะไปแบงก์เจ๊บอกขอสวยก่อน แวะผลัดแป้งให้หน้านวลๆกันเถอะเจ้าคะ




หลังจากมาถึงแบงก์เราก็ทำการเเลกเงินเป็นเงิดแบบนี้ ในอัตรา
1 สตางค์ มูลค่า 5 บาท เจ้าคะ
2 สตางค์ มูลค่า 10 บาท เจ้าคะ
5 สตางค์ มูลค่า 25 บาท เจ้าคะ
10 สตางค์ มูลค่า 50 บาท เจ้าคะ




ก่อนออกจากแบงกืเหล่าคุณๆเค้าก็ต้องขอชักภาพกันสักหน่อยนะเจ้าคะ



รูปรวมที่ภูมิใจที่สุดในทริปเพราะมีครบ 5 คนในยูนิฟรอม์เดียวกัน แฮะๆ



เตรียมเก็บร้านกลับเรือนกันบ้างแล้วเจ้าคะ




บรรดาคุณเค้าก็เดินขึ้นไปเพื่อชมเมืองมัลลิกายามเย็นกันเจ้าคะ




บันไดวนสุดๆ วนจนตาลายเยยเจ้าคะ




ไงล๊าาสูงด้วยสวยด้วยเจ้าคะ




ชักภาพกับผู้ดูแลความเรียบร้อยสักภาพจะเป็นไรไป



รวมบรรดาคุณหญิง คุณหญิงพลอยกล้องแตก คุณหญิงแพรวแฟลตสยาม คุณหญิงเกดไม่กินผัก


จงให้คำอธิบายกับภาพนี้ 10 คะแนน



เดอะเฟสตอมเปญ : หญิงไทยสายรั่ว



ผู้ทุ่มเทซูมหน้าเพื่อนของทางเรา แล้วก็เป็นคนที่ชักภาพสวยๆให้เราหลายใบเช่นกันนะเจ้าคะ



หลังจากเราออกจากเมืองมัลลิกามา เราก็มาถึงที่พักคืนที่ 2 ของเราในทริปนี้ก็คือบ้านลุงของพี่โย่ง
ซึ่งคุณลุงเป็นช่างทำหนังค่ะ แถมคุณลุงใจดีสอนพวกเราเพ้นท์แล้วก็ให้ช้างกลับมาคนละตัวด้วย



ซึ่งงเจ้าเด็กเป็ดก็ไม่รอช้าเเสดงฝีมือเล้ยย เกษโย่งบอกพวกเราว่าถ้าเพ้นท์แล้วเอาไปขายเนี่ย ขายได้ตัวละ 250 บาทเลยละ



ตอนเช้าวันที่ 3 ของทริปนี้เราปลีกตัวจากเพื่อนเพื่อมาคุยงาน วึ่งนี่ก็คือทางผ่านที่ไปและกลับที่เราไปคุยงานของเราสำหรับเราถือว่าเป็นโบนัสของทริปนี้
ซ้ายใหญ่ ต้นไไม้ของพ่อ วัดเหนือ
กลางบน หอธรรม จ.กาญจบุรี
กลางซ้าย หอธรรม จ.กาญจบุรี
กลางขวา ทางขึ้นจุดชมวิว
กลางล่าง ริมแม่น้ำแคว
ขวาบน ป้ายเมืองกาญจนบุรี
ขวากลาง ตลาดเก่า
ขวาล่าง วัดญวน



เรามาคุยงานที่ร้าน LIBRARY CAFE ก็เลยเก็บภาพมาฝากค่ะ หลังจากคุยงานเสร็จเราก็กลับไปเจอเพื่อนๆที่สถานีสะพานข้ามแม่น้ำแคว



แบกกระเป๋าคาร์โอเตรียมตัวขึ้นรถไฟกลับบ้านกันเถอะ



ทริปนี้เราขอจบที่สะพานข้ามแม่น้ำแควนะคะ เราไม่ได้เก็บรูปมาเยอะมากเพราะทริปที่แล้วเราไปมาแล้ว

เอาล่ะถึงเวลาแล้วที่จะต้องกลับบ้านจริงๆ



สำหรับเราคิดว่าจุดหมายปลายทางไม่ได้สำคัญไรเลย แต่สิ่งที่สำคัญคือพวกเราไปเจออะไรด้วยกันไปทำอะไรด้วยกันมาบ้าง และที่สำคัญที่สุดคือมิตรภาพของเรามันเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางเสมอ






จนกว่าจะได้พบกันใหม่
BARHOBFANG X KANCHANABURI


































Camera Rasza

 วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 17.59 น.

ความคิดเห็น