นครศรีธรรมราชชชชชช... ในที่สุดก็สมหวังได้มาเยือน เมื่อโชคชะตาพาไปให้เก็บกระเป๋าเดินทางลงใต้สัมผัสเมืองคอนที่ฝันใฝ่ว่าอยากจะไปมานาน แถมยังเป็นนครศรีธรรมราชแบบที่ใจผมต้องการคือไม่ต้องแคร์ทะเลใสๆ หรือหาดทรายยาวๆ แต่เป็นนครศรีธรรมราชแบบสีเขียว เขียวชอุ่มท่ามกลางสายฝน ผืนป่า และสายหมอกที่ลอยปกคลุมเทือกเขาหลวง

ทริปเที่ยวใต้ไร้ทะเลมีแต่ป่าเขาและน้ำตก เตร็ดเตร่สามชุมชนน่าเที่ยวตามแนวเขาหลวง คีรีวง อ.ลานสกา พรหมโลก อ.พรหมคีรี และกรุงชิง อ.นบพิตำ เป็นชุมชนที่จะว่าคล้ายก็คล้ายกัน แต่ในความคล้ายและใกล้เคียงก็มีความแตกต่างที่เป็นเสน่ห์ให้น่าสัมผัสของแต่ละแห่ง

ด้วยความที่ไม่ไกลกันมาก และไม่ไกลจากตัวเมืองนครศรีธรรมราชเท่าไหร่ ผมเลยเลือกเดินทางทริปนี้ด้วยมอเตอร์ไซค์เช่าครับ เช่าจากคีรีวงวันละ 200 บาท แล้วตะลอนขี่รถเที่ยวเปลี่ยนที่นอน พรหมโลก กรุงชิง ก่อนกลับมาคืนรถที่คีรีวง นั่งสองแถวกลับเข้าเมืองนครศรีธรรมราช แบบสบายๆ

สามชุมชนน่าเที่ยวเทือกเขาหลวง มีอะไร เป็นยังไง บอกเลยทริปนี้เสพธรรมชาติ และรอยยิ้มจากชาวบ้านจนเต็มอิ่มเลยเชียวครับ



ชุมชนที่ 1 : คีรีวง

หมู่บ้านในอ้อมกอดขุนเขาและสายน้ำกับความชิลระดับสิบ ลองได้มาเห็นแล้วจะรู้ว่าไม่ได้อวดสรรพคุณเกินเลย เพราะที่นี่คือเมืองแห่งสายน้ำลำธารจริงๆ ไปตามถนนเส้นไหนในหมู่บ้านก็เจอแต่ลำธารลำน้ำไหลมาจากภูเขา

คีรีวงตั้งอยู่ในเขตตำบลกำโลน อำเภอลานสกา ห่างตัวเมืองนครศรีธรรมราชแค่ 30 กิโลเมตร เดินทางสะดวกมากเพราะมีสองแถวจากตัวเมืองให้บริการตั้งแต่เช้าถึงเย็นๆ (ขาเข้าจะเยอะกว่าขาออก) ค่ารถเพียง 25 บาท

ชาวบ้านที่นี่มีอาชีพหลักคือทำสวนผลไม้ ทุเรียนกับมังคุดเป็นสินค้าสำคัญ ก่อนจะขยับขยายเพิ่มเติมเรื่องท่องเที่ยวตั้งแต่ช่วงสักสิบกว่าปีที่ผ่านมา และมาบูมสุดขีดในยุคโลกออนไลน์ราวสองสามปีก่อน ทุกวันนี้คือชุมชนที่ใครก็มาเที่ยวได้ง่ายๆ ครับ

สะพานบ้านคีรีวง

แลนด์มาร์คของคีรีวง ถ้าไม่มาก็เหมือนมาไม่ถึง เพราะนี่คือสะพานข้ามสู่หมู่บ้านนี่นา (ฮา...) จากจุดนี้เราจะเห็นชัดเจนว่าหมู่บ้านในอ้อมกอดขุนเขาและสายน้ำเป็นอย่างไร มีลำห้วยใหญ่ไหลผ่าน ไม่น่าแปลกใจทำไมอากาศดีสุดๆ

อ้อ... บนสะพานห้ามรถทุกชนิดจอดแช่นะครับ ใครอยากถ่ายรูปเช็คอิน (ทุกคนนั่นแหละ) พอลงจากสะพานให้เลี้ยวขวาจะพบจุดจอดรถกว้างขวาง ไปจอดที่นั่นแล้วค่อยเดินมาที่สะพานจะได้เที่ยวเล่นสบายใจไม่ต้องคอยกังวล

พักชุมชนกลุ่มโฮมสเตย์

ถึงคีรีวงจะเปลี่ยนไปเยอะแต่ใช่ว่าที่นี่จะไร้การท่องเที่ยวชุมชน ยังคงมีน้ำจิตน้ำใจชาวบ้าน มีโฮมสเตย์ (ที่ปรับรูปแบบตามยุคสมัย) มีไกด์ท้องถิ่น มีอาหารพื้นบ้าน ขอเพียงบอกเถอะว่าเรามากันกี่คน อยากเที่ยวแบบไหน อยากเที่ยวอะไร ต้องการอะไร เขาสามารถจัดให้เราได้ครับ

ครั้งนี้ผมไปคนเดียวก็ติดต่อกลุ่มโฮมสเตย์บ้านคีรีวง ผ่านทาง “พี่วิว” ผู้ทำหน้าที่ประสานงานกลุ่ม แต่ผมให้ตำแหน่งพี่วิวว่าหัวหน้าแก๊งค์ (ฮา...) ได้บ้านพักยายณี ห้องพัดลมรวมนอนได้หลายคน มีห้องน้ำในตัว ราคาคนละ 300 บาท พอตกเย็นพี่วิวก็ชวนออกไปทานข้าวบ้านใกล้ๆ กินอาหารปักษ์ใต้แท้ๆ แถมฟรีอีกต่างหาก อะไรที่เป็นชุมชนอะไรก็ง่ายอย่างนี้แหละครับ

ต้องการเที่ยวและเข้าพักกับชุมชน ติดต่อคุณวิว ผู้ประสานงานกลุ่ม โทร. 0878238474

นอกจากโฮมสเตย์แบบชุมชนแท้ๆ คีรีวงยังขึ้นชื่อเรื่องผลิตสินค้าโอท็อป มีกลุ่มงานฝีมืองานอาชีพมากมาย อย่างเช่น ผลิตสบู่เปลือกมังคุด ทำผ้าบาติก ผ้ามัดย้อม ผลิตเครื่องประดับจากลูกไม้ และอื่นๆ อีกเพียบ กระจัดกระจายอยู่ในหมู่บ้าน ทุกกลุ่มยินดีต้อนรับเราแน่นอน เข้าไปเที่ยวชมหรือซื้อของกันได้เลย

กรณีไม่มีรถส่วนตัวก็เช่าจักรยานปั่นเที่ยวได้ หรือจะเช่ามอเตอร์ไซค์ก็สะดวกดี (โทร. 0801423276 วันละ 200 บาท ไม่มีมัดจำ) ไม่อย่างนั้นหากมาหลายคนจะเหมารถสองแถวเที่ยวเป็นกลุ่มก็สนุกดี ราคาตั้งแต่ 800 บาท ขึ้นไปตามเวลาและระยะทาง ติดต่อคิวรถสองแถวตรงสะพานบ้านคีรีวงได้โดยตรง

ลองลิ้มทุเรียนบ้าน

นอกจากลองทานอาหารถิ่นปักษ์ใต้ มาคีรีวงก็ต้องอร่อยกับผลไม้สดๆ จากสวน ช่วง กรกฎาคม - สิงหาคม เป็นช่วงมังคุดกำลังเยอะ ทุเรียนบ้านเต็มต้น โดยเฉพาะขาทุเรียนไม่อยากให้พลาดต้องมาลองทุเรียนบ้าน คือทุเรียนพันธุ์ท้องถิ่นที่มีมาแต่ดั้งเดิม ลูกจะเล็ก พูเล็ก เนื้อค่อนข้างเละ เพราะรอเก็บเฉพาะลูกที่หล่นจากต้นเองเท่านั้น หาซื้อไม่ยากในหมู่บ้านครับ กิโลละ 60-80 บาท แล้วแต่ช่วงเวลา

หนานหินท่าหา

จุดเล่นน้ำในคีรีวงมีเพียบเพราะไปไหนมาไหนก็มีแต่ลำธาร อยากลงตรงไหนก็ตามใจชอบ ชาวบ้านหลายคนนิยมอาบน้ำตามลำธารนี่แหละ แต่ถ้าจะให้เลือกจุดเล่นน้ำซึ่งถือเป็นจุดท่องเที่ยวด้วยก็ต้องนี่เลย หนานหินท่าหา เป็นจุดเก๋ๆ ถ่ายรูปเพราะมีสะพานแขวนข้ามลำธาร มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ จะเช่าห่วงยาง เสื้อชูชีพก็มี ตรงนี่น้ำไม่ลึกและใสแจ๋วน่าเล่นจริงๆ

เป็นพื้นที่สาธารณะ ไม่กำหนดเวลาเปิด-ปิด สำหรับรถยนต์จะมีจุดรับฝากรถของชาวบ้าน มีค่าที่จอดรถ 20-30 บาท

น้ำตกสอยดาว

อ่านให้ดี วิธีเดินทางไปน้ำตกสอยดาวคือเมื่อเลยหนานหินท่าหาไปแล้วให้ตรงขึ้นเขาไปตามทางสวนของชาวบ้าน จากนั้นเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เลี้ยวขวา เลี้ยวซ้าย เลี้ยวซ้าย เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา จริงๆ คือถ้าไม่มีชาวบ้านนำทางไปก็ไม่มีทางไปเองถูกครับ (ฮา...)

บอกแล้วเที่ยวกับชาวบ้านดีกว่าเที่ยวเองครับ

น้ำตกสอยดาวเป็นน้ำตกสูงชั้นเดียว อยู่บนภูเขาในพื้นที่สวนผลไม้ ไม่มีป้ายบอกอะไรทั้งนั้น เข้าถึงได้เฉพาะรถมอเตอร์ไซค์แล้วต่อด้วยเดินเท้า แถมพอถึงน้ำตกแล้วก็ต้องปีนป่ายกันอีกหน่อย ดังนั้นอยากเที่ยวให้ติดต่อชาวบ้านนำไปครับ ถ้าพักกับกลุ่มโฮมสเตย์ก็บอกพี่วิวหาไกด์ให้หน่อยก็ได้ ค่าตอบแทนสินน้ำใจว่ากันไป ยากนิดหน่อยแต่สวยสดชื่นถึงใจแน่นอน

น้ำตกวังไม้ปัก

น้ำตกเที่ยวง่ายเพราะที่นี่ขี่รถและขับรถไปถึงได้เลย ส่วนจักรยานก็ถึงครับแต่เมื่อยแน่ (ฮา...) ชั้นล่างเป็นแอ่งปลาแงะหรือปลาพลวงอยู่เต็มไปหมด น้ำตกสามารถเดินไต่หินขึ้นไปได้เรื่อยๆ ตามความสามารถของแต่ละคน มีจุดเล่นน้ำแช่น้ำกระจัดกระจายกันไป

เป็นพื้นที่สาธารณะ ไม่กำหนดเวลาเปิด-ปิด ไม่มีค่าเข้าและค่าที่จอดรถ

เรือนธาราทิพย์ ข้าวแกงปักษ์ใต้

มาเที่ยวใต้ก็ต้องกินข้าวแกงใต้ ผมเจอร้านอร่อยต้องบอกต่อไม่ไกลจากคีรีวง อยู่ริมทางหลวง 4015 กม. 4 ร้านสะอาด บรรยากาศดี บริการดีมาก ข้าวแกงอร่อย น้ำพริกผักสดจัดไม่อั้นตามสไตล์ ที่สำคัญคือราคาไม่แพง ข้าวแกง 2 อย่าง 3 อย่าง ก็ 40-50 บาท ปกติ แถมมีเมนูพิเศษอย่างน้ำพริกปลาทู ต้มจืดมะระ ต้มจืดกระดูกหมูร้อนๆ

จะแวะระหว่างเข้าคีรีวง หรือแวะตอนออกมาก็ได้ทั้งนั้น
อยู่ริมถนน 4015 กม. 4 ฝั่งไปคีรีวง อ.ลานสกา
เปิดทุกวัน ยกเว้นวันที่ 1 และ 16 ที่ไม่ตรงกับ เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ตั้งแต่ 6.00 - 16.00 น. หรือจนกว่าของหมด.
โทร. 0899405583



ชุมชนที่ 2 : พรหมโลก

ตำบลพรหมโลก ตัวอำเภอพรหมคีรี ตีนเขาหลวง มองจากหมู่บ้านจะเห็นเทือกเขาหลวงอันยิ่งใหญ่เด่นตระหง่านอยู่ข้างหน้า มีคลองนอกท่า ซึ่งเป็นสายน้ำเดียวของน้ำตกพรหมโลกเหมือนเส้นเลือดของหมู่บ้าน เป็นชุมชนอากาศดี อยู่กันง่ายๆ ชาวบ้านทำสวนผลไม้ ทุเรียน มังคุด และมีการท่องเที่ยวระดับชุมชนที่ยังเข้มแข็ง

ที่นี่อยู่ห่างจากคีรีวง 40 กิโลเมตร ห่างตัวเมืองนครศรีธรรมราช 30 กิโลเมตร มีถนนสายหลักคือ ทล.4016 ผ่านตัวอำเภอและทางเข้าชุมชน รถสองแถวจากตัวเมืองนครศรีธรรมราชมีวิ่งมาลงที่สี่แยกตัวอำเภอปากทางเข้าชุมชน

กินอยู่แบบโฮมสเตย์

ที่พรหมโลกมีรีสอร์ทและมีโฮมสเตย์แบบสมัยใหม่ให้บริการอยู่นิดหน่อย แต่ขอแนะนำให้เที่ยวกับชุมชนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์จะฟินกว่ามาก ติดต่อไปได้เลยที่ชมรมท่องเที่ยวโดยชุมชนพรหมโลก แล้วเราจะได้สัมผัสอะไรมากกว่า

โฮมสเตย์ของชมรมคือโฮมสเตย์แท้ๆ อยู่กินในบ้านชาวบ้าน ราคาประหยัดหัวละ 250 บาท รวมอาหารเช้า หากจะทานอาหารเย็นก็เพิ่มพิเศษอีกร้อยกว่าบาท ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวที่เหลือติดต่อไว้ได้เลย อยากเที่ยวไหน ทำอะไร กิจกรรมสนุกๆ ทำขนมไทย ทำอาหารใต้ ทำผ้าบาติก ศิลปะท้องถิ่น ต้องการอะไรเอ่ยปากบอก พี่ๆ น้าๆ ลุงๆ ป้าๆ พร้อมสนองให้ ขอเพียงคนไปเที่ยวเสนอมาเถอะ

ต้องการเที่ยวและเข้าพักกับชุมชน ติดต่อคุณสาว ผู้ประสานงานชมรม โทร. 0810819150

www.facebook.com/CBTPromlok

เที่ยวนี้ผมได้พักบ้านผู้กว้างขวาง จ่าอาทิตย์โฮมสเตย์ ไม่กว้างขวางได้อย่างไรเพราะลุงทิตย์เป็นตำรวจเกษียณอายุราชการจาก สภ.พรหมคีรี นี่แหละ บ้านลุงทิตย์ก็อยู่ข้างๆ สถานีตำรวจ ร่มรื่น สะอาด กว้างขวาง มีต้นมังคุดปลูกอยู่สองสามต้น เด็ดกินตามสบาย

ลุงอาทิตย์กับภรรยาป้าเล็ก อยู่ชั้นล่าง ด้านบนจัดเป็นห้องพักนักท่องเที่ยว ห้องน้ำที่บ้านมีห้องเดียว ถ้าไปหลายคนก็รอคิวหน่อย ทีวีลงมาดูข้างล่าง ห้องครัวอยู่ข้างหลัง สรุปแล้วคือโฮมสเตย์ที่เป็นโฮมสเตย์ เหมือนมาพักบ้านญาติผู้ใหญ่ยังไงยังงั้น

โอกาสหน้าจะแวะมาเยี่ยมลุงทิตย์อีกครับผม

น้ำตกพรหมโลก

มาพรหมโลกต้องเที่ยวน้ำตกพรหมโลก น้ำตกสวยใหญ่ไหลมาจากเขาหลวง เป็นหน่วยพิทักษ์ของอุทยานแห่งชาติเขาหลวงด้วย ซึ่งหากเรามาเองจะทำได้เพียงชมวิวในจุดที่กำหนดและเล่นน้ำด้านล่าง แต่หากอยากสัมผัสมากกว่านั้น เที่ยวกับชุมชนสิครับจะมีไกด์ท้องถิ่นพาเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เห็นอะไรสวยกว่าการเที่ยวเอง

พี่สาว ผู้ประสานงานชมรมท่องเที่ยวโดยชุมชนพรหมโลกนำทางผมเองเลย ทางเดินไม่ยาก มีอุปสรรคให้สนุกและเหนื่อยพอหอมปากหอมคอ น้ำตกชั้นบนสวยยิ่งใหญ่และใสแจ๋วน่าเล่นเลยล่ะครับ

บอกนิดหน่อยว่าหากฝนตกบนเขาหลวง อุทยานฯ จะปิดไม่ให้เที่ยวชมทันทีเพื่อความปลอดภัย แต่เรายังสามารถเล่นน้ำบริเวณธารน้ำด้านล่างก่อนเข้าอุทยานฯ ในส่วนร้านค้าร้านอาหารได้ครับ

เปิดทุกวัน 8.30 - 16.30 น. (จะปิดกรณีมีฝนตกบนเขาหลวง)
ค่าเข้าผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ค่าธรรมเนียมรถยนต์ 30 บาท มอเตอร์ไซค์ 20 บาท
เส้นทางศึกษาธรรมชาติไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเที่ยวเอง ต้องมีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ หรือไกด์ท้องถิ่นนำทางเท่านั้น

วังปลาแงะ

ปลาแงะ = ปลาพลวง และวังปลาแงะก็เป็นสายน้ำเดียวกับน้ำตกพรหมโลกนั่นแหละ เป็นจุดที่ชาวบ้านชอบมาเล่นน้ำ เพราะน้ำค่อนข้างตื้นและใสแจ๋ว มีแนวฝายกันน้ำให้โดดน้ำเล่น ฝูงปลาพลวงว่ายไปว่ายมาเต็มไปหมด รอบพื้นที่มีทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร แวะไปพักผ่อนสบายๆ ได้เลย

เป็นพื้นที่สาธารณะ ไม่กำหนดเวลาเปิด-ปิด ไม่มีค่าเข้าและค่าที่จอดรถ

พรหมคีรี ขนมจีนเส้นสด

“ไปกินขนมจีนกัน” ลงจากน้ำตกพรหมโลก พี่สาวก็ชวนผมไปทานขนมจีนร้านอร่อย ตั้งอยู่หน้าทางเข้าวังปลาแงะ ชื่อร้านพรหมคีรีเส้นสด แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นขนมจีนเส้นสดทำเอง แต่ที่สดกว่าเส้นเห็นจะเป็นผักแกล้มหลากหลาย ปลูกเอง เด็ดเอง ส่งตรงจากสวนหลังบ้านเลยครับ

น้ำพริก น้ำยา แกงไตปลา เลือกผสมตามใจชอบ สูตรพี่สาวบอกมาคือผสมกันให้ครบทุกอย่าง นัวๆ แซ่บๆ กันไป นอกจากอร่อยเลิศอยากจะบอกว่าขนมจีนหนึ่งจาน ราดน้ำยาเข้าไป กินผักแบบเต็มที่ แค่ 20 บาท ดีงามนครศรีธรรมราชจริงๆ

ร้านพรหมคีรีเส้นสดอยู่หน้าทางเข้าวังปลาแงะ
เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 8.00 ถึงบ่ายๆ จนของหมด
โทร. 0844425152

มังคุดคัด ของดีพรหมโลก

มังคุดคือมังคุด (แหงสิ) ส่วนคัดไม่ได้หมายถึงการคัดเลือกคัดสรร แต่คัดเป็นภาษาถิ่นหมายถึงการปลอกเปลือก แกะเปลือก รวมกันแล้วกลายเป็นมังคุดคัดที่เราอาจเคยเห็นเสียบไม้ขายตามตลาดย่านนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ถือเป็นของดีประจำถิ่นหากินยากครับ

มังคุดคัดต่างจากมังคุดธรรมดา คือมังคุดคัดจะเลือกเอามังคุดที่เริ่มแก่แต่ยังไม่สุก เปลือกสีเขียว นำมาปลอกเปลือก ซึ่งวิธีปลอกหรือคัดนี่แหละจะยากมากเพราะมันยังไม่สุก เปลือกติดเนื้อ มีน้ำยาง พอปลอกเสร็จแล้วถ้าต้องการให้เนื้อดูขาวสวยก็ต้องแช่น้ำเกลือนิดๆ

รสชาติมังคุดคัดจะฝาดน้อยๆ เปรี้ยวหน่อยๆ กรอบกรุ๊บ ทานได้ทั้งลูก ที่เสียบไม้ขายกันสามลูกก็ตกราคาลูกละตั้งกว่า 10 บาท แต่ถ้าถามว่าหากราคาดีแบบนี้ทำไมถึงไม่ขายเฉพาะมังคุดคัด จะรอให้สุกทำไม คำตอบคือวิธีการคัดต้องอาศัยความชำนาญ ผลมังคุดคัดก็เก็บไว้ไม่ได้นาน ทำวันไหนต้องกินวันนั้น เลยไม่มีขายนอกพื้นที่สักเท่าไหร่

แต่ถ้ามาพรหมโลกไม่ต้องกลัวไม่ได้กิน แต่ไม่ได้มีวางขายริมถนนนะครับ อยากทานต้องบอกชาวบ้าน บอกโฮมสเตย์ที่เราพัก หรือแจ้งทางชมรมไว้ก่อนได้เลย

บ้านต้นกาแฟ

ร้านกาแฟ ร้านอาหารเล็กๆ ริมถนนใหญ่ รสชาติดี แถมราคาไม่แพง เอสเปรสโซ่เย็น 40 บาท เท่านั้นเอง เป็นร้านยอดนิยมของคนละแวกนี้ บรรยากาศบ้านไม้ผสมปูน ตกแต่งวิทเทจนิดๆ ถือว่าเป็นจุดพักผ่อนชั้นดีครับ ใครที่ชีวิตขาดกาแฟไม่ได้ต้องแวะมาสักหน่อย

อยู่ริมถนน ทล.4016 ก่อนถึง สภ.พรหมคีรี เล็กน้อย

เปิดทุกวัน 7.00-18.00 น.

วัดเขาขุนพนม

บอกชื่อวัดเขาขุนพนม คนไกลอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกเป็นวัดที่ เสก โลโซ มาสร้างชื่อยิงปืนขึ้นฟ้าไว้ หลายคนคงร้องอ๋อที่นี่เองหรือ (ฮา...)

วัดแห่งนี้มีเรื่องเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์น่าสนใจครับ เพราะว่ากันว่าเป็นที่ประทับและจำพรรษาในฐานะพระภิกษุของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หลังสิ้นสุดยุคกรุงธนบุรี ตามความเชื่อว่าพระองค์ไม่ได้ทรงถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ แต่ทรงหลบลี้มาผนวชที่นครศรีธรรมราช

แต่เราไม่ได้มาเพื่อถกเถียงเรื่องประวัติศาสตร์นะ เรามาเที่ยวถ้ำต่างหาก และไม่ใช่ถ้ำแบบถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน แต่เป็นถ้ำโปร่ง ปากปล่องใหญ่โต เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป เรียกว่าถ้ำเหวตากฟ้า การไปถ้ำเที่ยวต้องเหนื่อยสักหน่อย ขึ้นบันไดกว่า 200 ขั้น แต่สวยคุ้มค่าน่าชมครับ

อยู่ตำบลบ้านเกาะ ห่างจากชุมชนพรหมโลก ประมาณ 5 กิโลเมตร

น้ำตกอ้ายเขียว

อีกหนึ่งน้ำตกสวยและเที่ยวง่ายของเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวง ฝั่งอำเภอพรหมคีรี ลักษณะคล้ายน้ำตกพรหมโลก ซึ่งหากไปเที่ยวน้ำตกพรหมโลกมาแล้ว อย่าให้บัตรเข้าอุทยานฯ สูญเปล่า แวะมาเที่ยวที่นี่ด้วยเลย

จุดเล่นน้ำเหมาะๆ คือชั้นล่างตรงลานจอดรถ ส่วนเส้นทางศึกษาธรรมชาติจะพาเราขึ้นไปชมน้ำตกสวยๆ ชั้นบน เดินไม่ไกลมาก

ที่นี่จะจัดการเหมือนน้ำตกพรหมโลกคือหากมีฝนตกบนเขาหลวง อุทยานฯ จะปิดไม่ให้เข้าเพื่อความปลอดภัย แต่ก็เหมือนกับพรหมโลกอีกเช่นกันแหละ คือก่อนเข้าอุทยานฯ จะมีร้านอาหารและจุดเล่นน้ำด้านล่าง ซึ่งถึงภายในอุทยานฯ จะปิด แต่เราก็มาเที่ยวตรงนี้ได้

เหมือนกันทุกอย่างกับพรหมโลก จนต้องเรียกว่าน้ำตกคู่แฝดเลยล่ะ
อยู่ที่บ้านในเขียว เข้าจากถนน ทล. 4016 ประมาณ 4 กิโลเมตร
ทางเข้าบ้านในเขียวอยู่เลยทางเข้าบ้านพรหมโลก 3 กิโลเมตร
เปิดทุกวัน 8.30 - 16.30 น. (จะปิดกรณีมีฝนตกบนเขาหลวง)
ค่าเข้าผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ค่าธรรมเนียมรถยนต์ 30 บาท มอเตอร์ไซค์ 20 บาท
ใช้บัตรเข้าร่วมกับน้ำตกพรหมโลกในวันเดียวได้


ชุมชนที่ 3 : กรุงชิง

กรุงชิงเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอนบพิตำ ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามด้านธรรมชาติและอากาศสดชื่น เพราะว่าพื้นที่อยู่ติดกับเทือกเขาหลวง อีกทั้งผู้คนในพื้นที่ก็ทำอาชีพสวนยาง สวนผลไม้ ทำให้มองไปทางไหนก็เขียวสดชื่นสายตา

การท่องเที่ยวที่กรุงชิงมีหลายจุด แต่ละจุดมีกลุ่มดูแลต่างกันไปทั้งที่เป็นชาวบ้านและผู้ประกอบการรีสอร์ทหรือนำเที่ยว สำหรับการเที่ยวครั้งนี้ผมเน้นไปที่บ้านพิตำ หรือชุมชนบ่อน้ำร้อนกรุงชิง ซึ่งอยู่ทางเข้าน้ำตกกรุงชิงด้วย

จากถนนใหญ่เข้าสู่ชุมชนประมาณ 7 กิโลเมตร ไม่มีรถโดยสาร แต่จะมีรถตู้ประจำทางวิ่งจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช ผ่านแยกตรงถนนใหญ่วันละสองเที่ยว เช้าตรู่กับบ่ายหรือเย็น การท่องเที่ยวจึงสะดวกที่สุดด้วยรถส่วนตัว หรือใช้บริการนำเที่ยวของชุมชน

เที่ยวกับชุมชนบ่อน้ำร้อน

ในกรุงชิงมีที่พักและรีสอร์ทหลายราคาให้เลือก แต่หากใครชอบกินอยู่กับชุมชนต้องติดต่อที่นี่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ่อน้ำร้อน ถือเป็นศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว ทั้งติดต่อที่พัก นำเที่ยว อาหารการกิน และทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเรา

ที่พักซึ่งกลุ่มวิสาหกิจดูแลอยู่มีสามแห่งครับ หนึ่งคือในอาคารของกลุ่มที่บ่อน้ำร้อน ราคาคนละ 200 บาท การเข้าพักต้องแจ้งล่วงหน้า สองคือห้องพักรวมในหมู่บ้าน ห้องพัดลม ดัดแปลงมาจากบ้านของชาวบ้าน ค่าที่พักคนละ 250 บาท และสามคือห้องแอร์ ห้องน้ำส่วนตัว ดัดแปลงมาจากบ้านชาวบ้านเช่นกัน ห้องละ 500 บาท นอนได้สองคน

เนื่องจากห้องพักรวมเต็มเพราะมีกรุ๊ปใหญ่มาเที่ยว ผมเลยนอนพักห้องแอร์ครับ ลักษณะเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ด้านในแบ่งเป็นห้องย่อยๆ พักสบาย ปลอดภัยหายห่วง

สำหรับเรื่องการท่องเที่ยว กิจกรรมเด่นๆ ของที่นี่คือ

1.ล่องแก่ง อันนี้ผมไม่ได้เล่นเพราะไม่ได้เตรียมตัวมา ราคาคนละ 250 บาท เด็ก 150 บาท เป็นราคาสำหรับ 3 คน ขึ้นไป

2. บ่อน้ำร้อนกรุงชิง เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ ชุมชนจัดทำพื้นที่ไว้อย่างดี มีบ่อแช่น้ำร้อนสองบ่อ ห้องอาบน้ำร้อนหลายห้อง ร่มรื่นและสะอาดมาก ค่าแช่น้ำร้อน แช่ตัว 30 บาท แช่เท้า 10 บาท มีผ้าเช็ดตัวผ้าถุงให้เช่า และมีบริการนวดตัว นวดแผนไทย อีกต่างหาก

3. ทะเลหมอกเขาจังโหลน ตื่นเช้านั่งรถขึ้นไปชมทะเลหมอกและวิวสวยๆ

หากใครไม่มีรถส่วนตัว อยากเที่ยวในชุมชนหรือแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในนครศรีธรรมราช ก็ติดต่อรถเหมารับ-ส่ง หรือนำเที่ยวที่วิสาหกิจชุมชนบ่อน้ำร้อนนี่แหละ จะให้ไปรับสนามบินก็ยังไหว ราคาว่ากันตามระยะทางและเวลา แต่รับรองได้ว่าไม่คิดโหดเว่อร์ครับ

ทุกกิจกรรมท่องเที่ยวและที่พัก

ติดต่อวิสาหกิจชุมชนบ่อน้ำร้อน คุณเพ็ญ 0844436867 น้องไข่มุก 0872672787

บ่อน้ำร้อน

นี่แหละบ่อน้ำร้อนกรุงชิง จัดทำพื้นที่ดีมาก หากพักที่วิสาหกิจชุมชน สามารถมาแช่น้ำทั้งวันทั้งคืนตามสบายเลย อุณหภูมิกำลังดี รับรองฟินเว่อร์

ทะเลหมอกเขาจังโหลน

“เขาจังโหลนแปลว่าอะไร” ผมถามน้องไข่มุก ผู้ประสานงานชุมชนก่อนขึ้นไปเที่ยว คำตอบคือ จังแปลว่าเยอะ โหลนคือพื้นที่ที่มีการถากถางจับจองทำไร่ทำสวน พอรวมกันเขาจังโหลนก็แปลว่าภูเขาเยอะแยะที่เต็มไปด้วยสวนด้วยไร่ ประมาณนั้นแหละ

พื้นที่เกษตรที่ว่าคือสวนยางพาราและสวนผลไม้ของชาวบ้าน จุดชมวิวเขาจังโหลนเพิ่งพัฒนาให้เที่ยวแค่ประมาณปีเดียว การขึ้นไปให้นั่งรถกระบะชาวบ้านโดยติดต่อผ่านกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ่อน้ำร้อน จอยกรุ๊ปอื่น แจมกรุ๊ปอื่น ตามสถานการณ์ในแต่ละวันว่ากันไป

ค่ารถไม่แพงหนึ่งคัน 400 บาท ค่าพื้นที่เข้าชมคนละ 50 บาท หากเราไม่ได้เหมาไปแจมกลุ่มอื่นๆ อาจให้สัก 100 บาท ว่ากันตามความเหมาะสม

แม้วันที่ผมขึ้นไปจะมีหมอกไม่มากแต่ก็พอเห็นบรรยากาศสวยๆ ที่สำคัญคือเที่ยวสบาย ชาวบ้านดูแลดีน่ารักมากครับ ประทับใจจริงๆ

น้ำตกรุงชิง

ไฮไลท์ของกรุงชิง ถ้าไม่ใช่น้ำตกกรุงชิงแล้วจะเป็นที่ไหนเล่า

บอกก่อนเที่ยว บอกเสียงดังฟังชัดเลยว่า เดินไป-กลับ เข้าป่า 7.4 กิโลเมตร อ่านตัวเลขไม่ผิด ใครไม่แข็ง ใครไม่พร้อม ใครไม่ไหว ไม่ต้องเข้าไปนะครับ (ฮา...)

น้ำตกกรุงชิงเป็นอีกหน่วยพิทักษ์ของอุทยานแห่งชาติเขาหลวง เป็นหนึ่งในน้ำตกขนาดใหญ่ของบ้านเรา การจะเข้าไปต้องเดินเท้า ไป-กลับ 7.4 กิโลเมตร เส้นทางเดินโดยรวมค่อนข้างง่าย ชัดเจน แต่อุปสรรคโดยเฉพาะหน้าฝนคือที่นี่มี “ทาก” ตัวทากดึ๊บๆ ดูดเลือดนั่นแหละ และทางลงน้ำตกชัน ชันมาก ชันสิบกะโหลก ดีที่อุทยานฯ ทำบันไดปูนไว้ให้

เพราะฉะนั้นจะเที่ยวที่นี่ต้องเตรียมพร้อม การแต่งกาย ถุงกันทาก รองเท้าดีๆ ข้าวกลางวัน น้ำดื่มระหว่างททาง ปกติสามารถเดินเข้าไปได้เอง ยกเว้นใครต้องการเจ้าหน้าที่นำทางให้ติดต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (แต่จะมีเจ้าหน้าที่ว่างนำหรือเปล่าก็แล้วแต่ล่ะนะ) หรือจะติดต่อไกด์ชุมชนก็ตามสะดวก

สำหรับบ้านพักและลานกางเต็นท์ที่หน่วยพิทักษ์ฯ ดีมากครับ แต่หากจะแคมปิ้งก็ควรเตรียมอาหารมาทำเองเพราะร้านสวัสดิการไม่เพียงของกินเล็กน้อย และที่ไม่มีคือสัญญาณโทรศัพท์ ไม่ต้องเดินหาครับ (ฮา...)

ค่าเข้าผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ค่าธรรมเนียมรถยนต์ 30 บาท มอเตอร์ไซค์ 20 บาท
เก็บค่าเข้าเฉพาะเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ หากอยู่พื้นที่ด้านนอกไม่เสียค่าเข้า
เส้นทางเที่ยวน้ำตกเปิดให้เข้าตั้งแต่ 8.00-14.00 น.

ระหว่างเส้นทางสู่น้ำตกกรุงชิง พบเจออะไรสวยๆ มากมายครับ ขาไป 3.7 กิโลเมตร หากเดินจ้ำอย่างเดียวก็ราวชั่วโมงกว่าๆ แต่ถ้าเดินถ่ายรูปด้วยมีเกือบสองชั่วโมงครับ

หากเดินถึงบันไดปูนทางลงก็แสดงว่าถึงน้ำตกแล้วล่ะ มองเห็นขาลงแล้วไม่อยากนึกถึงขาขึ้นเลย (ฮา...)

น้ำตกใหญ่มีหลายชั้น ชั้นสวยที่สุดและเป็นไฮไลท์คือชั้นที่ 2 (เราเริ่มจากชั้นบนเดินลงไปชั้นล่างเรื่อยๆ) ชื่อว่าหนานฝนแสนห่า อลังการเกินบรรยายและคุ้มค่ามากครับ

หากเริ่มเดินเข้าน้ำตกสักสิบโมง ก็จะได้เวลาทานข้าวกลางวันกันที่หนานฝนแสนห่าพอดี และมิื้อนี้ของผม น้องไข่มุกเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ข้าวหมูทอด คั่วกลิ่้ง ไข่ต้ม กับน้ำเปล่าอีกหนึ่งขวด ทั้งชุดนี้แค่ 50 บาท นี่ไม่คิดจะเอากำไรเลยใช่ไหม (ฮา…) เป็นมื้อกลางวันที่อิ่มมากๆ ทั้งข้าวและบรรยากาศ

ส่วนชั้นเล็กกว่าที่เหลือบางชั้นสามารถลัดเลาะเดินลงไปชมได้เช่นกัน แต่ระวังหน่อยนะครับเพราะว่าทางค่อนข้างรกและชันพอสมควร

ทั้งหมดนั่นแหละครับคือสามชุมชนหน้าฝนน่าเที่ยวของนครศรีธรรมราช คีรีวง พรหมโลก กรุงชิง แต่ละที่แม้จะมีระบบระเบียบการดูแลต่างกัน ทรัพยากรต่างกันเล็กน้อย แต่ทุกที่ก็เต็มไปด้วยธรรมชาติสวยงาม และการันตีด้วยรอยยิ้มของผู้คน

เที่ยวชุมชน เที่ยวธรรมชาติ เข้ากันได้แน่ๆ ที่นครศรีธรรมราช ผมไปลองมาให้แล้วและบอกเลยว่าเส้นทางนี้ไม่อยากให้พลาด นึกถึงปักษ์ใต้อย่านึกถึงแค่ทะเล เพราะมันมีดีมากกว่านั้นเยอะเลยล่ะครับ


ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง

http://www.facebook.com/alifeatraveller

ความคิดเห็น