'คะน้าน้อย' สวัสดีค่าาา ^O^

เมื่อวานนี้คะน้าเพิ่งจะลงทริป

# คะน้า Road-trip อุตรดิตถ์ถึงน่าน กางเต๊นท์อุทยานฯ ท่องถนนสายธรรมชาติ สุดทางบนดอยสวนยาหลวง #

เป็นยังไงบ้าง สนุกมั้ย ได้อ่านกันรึยังคะ

และสำหรับวันนี้อาจจะเป็นบล็อกที่สั้นที่สุดเท่าที่คะน้าเคยเขียนมา

แต่รับรองว่าต้องเป็นไอเดียดีๆ ในการท่องเที่ยวสำหรับคนที่มีวันหยุดสั้นๆ แน่นอนค่ะ

เพราะทริปนี้ 2 วัน 1 คืนเท่านั้น

ปิดเทอมใหญ่ทั้งที จะให้เด็กๆ นอนร้อนๆ อยู่บ้านก็ดูจะใจร้ายไปหน่อยเนอะ

และเด็กๆ ที่บ้านก็ชอบเล่นน้ำ ว่ายน้ำกันเก่งทุกคน เลยเป็นที่มาของทริปนี้ค่ะ

'ล่องแพ เล่นน้ำตก นอนกลางน้ำ ที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค'

ทริปนี้คะน้าเดินทางในวันที่ 5-6 พ.ค. ที่ผ่านมานี่เองค่ะ

ยกให้เป็นทริปวันหยุดปิดเทอมของเด็กๆ

ถึงตอนนี้คะน้าร้อนมากแล้ว อยากกระโดดน้ำแล้ว เรารีบไปกันเถอะจ้าาา~



เมื่อเราเข้ามาถึงอุทยานแห่งชาติไทรโยคเรียบร้อยแล้ว

ขับรถตรงมาตามทางเรื่อยๆ ตามป้ายบอกทาง "แพพันทวี"

[ทริปนี้เราจองแพสองชั้น สำหรับไม่เกิน 15 คน ของแพพันทวี ไว้ค่ะ]

ระยะทางไม่ไกลมากจากทางเข้า มีป้ายบอกทางเป็นระยะด้วยค่ะ รับรองได้ไม่หลง



เมื่อมาถึง เราจอดรถไว้ที่ลานจอดรถด้านบน

จะมีบันไดลงมาถึงแพด้านล่าง หลังจากติดต่อเจ้าหน้าที่ เราก็ขนข้าวของลงแพกันได้เลยค่ะ

รอบนี้เราได้แพ หมายเลข 12 ค่ะ (เลขท้ายสองตัวไม่ได้ออก)



ลงมาถึงแพบรรยากาศจะเป็นประมาณนี้ค่ะ น้ำดูเหมือนจะนิ่งแต่จริงๆ ไหลและแอบแรงนะคะ

จะมีคลื่นระลอกน้ำอยู่เป็นพักๆ ก็ตอนเรือแล่นผ่านนี่แหละ

อากาศร้อนแบบไม่ต้องถาม เพราะนี่มันหน้าร้อน และพี่ไทยก็ร้อนแบบไม่ปราณีอยู่ละ 55555



พวกเราทยอยขนของกันลงแพเรียบร้อยแล้ว

ก็เริ่มเดินสำรวจแพ และสาธารณูปโภคต่างๆ กันค่ะ



เด็กๆ เห่อทริปกันเป็นพิเศษ มาถึงไม่รอช้า คว้าเสื้อชูชีพใส่กันทันที

กลัวจะไม่ได้เล่นน้ำ แต่เพราะตรงนี้เป็นท่าเทียบแพ ไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำค่ะ

เด็กๆ เลยได้แต่อดทนรอ เอาเท้าจุ่มน้ำกันไปก่อน

ถึงตอนนี้ ควรนับจำนวนเสื้อชูชีพนะคะ ว่ามีครบคนมั้ย ถ้าขาดให้ขอเพิ่มทันที!!



ในแพบริเวณด้านหน้า มีเตาถ่านไว้ให้ สำหรับทำอาหารทานเองบนแพค่ะ

ถ้าหากไม่อยากทำอาหาร สามารถทานอาหารที่ทางแพเตรียมไว้ให้ได้ด้วยนะ

แต่พอถึงเวลามื้ออาหาร เรือจะมาลากแพกลับมาที่ท่าเทียบ เพื่อทานอาหารตามเวลา

ก่อนจะลากแพกลับไปที่จุดล่องแพสำหรับค้างคืนอีกที ซึ่งเราว่าลากไปลากมามันไม่สนุก

ก็เลยเลือกแบบลากเราไปปล่อยทิ้ง ให้หากินกันเองแบบนี้สนุกกว่า



ชั้นล่างของแพ มีห้องนอน 2 ห้อง พร้อมชุดเครื่องนอนให้ครบ บริเวณด้านหน้าแพมีโต๊ะทานข้าว

มี Day bed ให้นอนชมวิวได้ มีเครื่องเสียงให้ร้องคาราโอเกะ

และมีห้องน้ำ 2 ห้องที่ด้านท้ายแพค่ะ



ตรงกลางมีบันไดวนให้ขึ้นมาถึงชั้นสอง

ชั้นสองเป็นลานกว้างนอนรวมกัน มีที่นอนปูไว้ให้อย่างดีเลยค่ะ

และแพทั้งลำ เป็นพัดลมนะคะ ไม่มีแอร์ ก็ได้แต่ภาวนาว่า...

นอนกลางน้ำในคืนนี้ จะไม่ร้อนจนนอนไม่หลับละกันนะ // สาธุ~


เมื่อเราจัดสัมภาระกันเรียบร้อยแล้ว เราต้องนั่งรอคิวหัวเรือลากกันสักพัก

ระหว่างรอเราได้สอบถามตารางทริปกับทางคุณลุงเจ้าของแพไว้คร่าวๆ ค่ะ

ซึ่งแพของเราเป็นแพลาก คือไม่จอดอยู่กับที่ จะลากเราไปทิ้งไว้กลางน้ำ (ตรงจุดที่เตรียมไว้)

เพื่อให้เราอิสระในการเล่นน้ำ และพักผ่อนอย่างไพรเวทเต็มที่ค่ะ

และจะมีการลากเราไปยังน้ำตก เพื่อให้เล่นน้ำตรงน้ำตกกันอีกด้วย



และเมื่อคิวหัวเรือลากมาถึง แพของเราก็เริ่มออกเดินทาง...



นี่คือวิวระหว่างทางทั้งสองข้างที่แพเราแล่นผ่านค่ะ ธรรมชาติสมบูรณ์มาก

ถึงแดดจะออกแต่พอเข้ามาด้านในลึกๆ จริงๆ (ค่อนข้างไกลจากท่าเทียบ)

อากาศก็ไม่ร้อนแล้ว คือร้อนแหละ แต่ไม่อบอ้าว ได้ไอละอองเย็นๆ จากน้ำด้วย สบายยย~



และนี่คือน้ำตก จุดที่ 1 ที่เราเจอค่ะ แต่น้ำตกนี้ดูด้วยตาเท่านั้น ห้ามเล่นน้ำบริเวณนี้

ถ้าเข้าใจไม่ผิด เพราะบริเวณนี้เสี่ยงต่อการที่น้ำจะลากของแข็งๆ ลงมาฟาดเอาได้

ก็เลยให้นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงค่ะ // ของจริงน้ำตกใหญ่อยู่นะคะ แต่ถ่ายมาหดเหลือเท่านี้ 5555




และนี่คือน้ำตก จุดที่ 2 ซึ่งคือน้ำตกที่แพแต่ละลำ ของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม

จะเวียนสลับกันมาเข้าเทียบ เพื่อให้ลูกทริปได้ลงเล่นน้ำกันค่ะ

(เขามีการจัดตารางเวลาเทียบท่าด้วยนะคะ ถือว่ามีการจัดการคิวกันค่อนข้างดี)

บางทีจอดพร้อมกัน 2 แพ แต่ก็สนุกไปอีกแบบนะคะ ไม่เหงาดี 555555


ผ่านการล่องแพมาสักพักใหญ่ เมื่อเราผ่านน้ำตกจุดที่ 2 และผ่านทางโค้งมาได้ราวๆ 2 นาที

เจ้าหน้าที่ก็พาเราจอดลอยแพกันอยู่บริเวณนี้ค่ะ

เพราะทริปของเรามีเด็กๆ มาด้วยเยอะมาก เราเลยขอบริเวณที่มีน้ำตื้นๆ ให้เด็กๆ เล่นได้

ขอที่ๆ น้ำไม่ไหลแรงมาก เพื่อความปลอดภัย และขอความสงบเป็นสิ่งสุดท้าย


แพจอดนิ่งสนิท...

เด็กๆ ที่อยากจะเล่นน้ำกันเต็มทีก็พากันกระโดดเลยค่ะ

บริเวณนี้มีหาดทราย // ช่างเป็นน้ำตกที่มีความเป็นลูกเสี้ยวทะเล

เด็กๆ เลยวิ่งเล่นได้ด้วย น้องบางคนก็ไปนั่งขุดทรายเล่น เพลินเลย




ส่วนผู้ใหญ่บนเรือก็...กินค่ะ 5555555

ของคาวเราเตรียมกันมาเอง ยกเว้นเครื่องดื่ม

เครื่องดื่มทั้งหมดเราโทรสั่งไปที่ท่าเทียบค่ะ ไม่นานเกินรอ (บางทีก็นานแหละ)

จะมีเรือมาส่งเครื่องดื่มตามรายการที่เราสั่งไป // เช็คบิลกันวันกลับทีเดียว สั่งกันให้สนั่นไปก่อน



ทานอิ่มกันสักพัก หัวเรือลากก็กลับมาหาพวกเราอีกครั้ง (ตามคิว)

เพื่อลากแพเราไปยังน้ำตกจุดที่ 2 ที่อยู่ใกล้ๆ ที่พักของเรานี่เองค่ะ เพื่อให้เราไปเล่นน้ำกัน

ถึงคิวคะน้ากับพี่น้ำได้เปลี่ยนชุดแล้ว ชุดอะไรก็ไม่สำคัญกับเราสองคนเท่า...ชุดชูชีพ 5555555



อย่างที่บอกค่ะว่าแพมี 2 ด้าน คือหัวกับท้าย หากนั่งทางท้ายแพ ก็จะโดนลากไปเฉยๆ

โดนมีน้ำเอ่อท่วมแพให้นั่งแล้วเย็นสบายๆ

แต่ถ้าหากเลือกนั่งหัวแพ ก็จะบ้าๆ บอๆ ตามภาพค่ะ คือแพจะปะทะกับน้ำจนเกิดเป็นคลื่นน้ำ

อารมณ์เหมือนนั่งโต้คลื่นกันไปตลอดทาง สนุกดี~ // ทำไมคะน้าต้องดูสนุกกว่าใครเค้าาา



ก่อนลงเล่นน้ำกันอย่างจริงๆ จังๆ ขอถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึกสักนิด... // เอ้ายิ้มมม~



ไม่ถึง 5 นาที ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป... 55555 เละ!!!



น้องน้ำอุ่น น้องสาวตัวน้อยผู้น่ารักของคะน้า นางใส่ชูชีพที่เอามาจากบ้าน (เพราะพอดีตัว)

พอเห็นน้ำตก ไม่มีความกังวลใดๆ กระโดดตู้มมมมม!!

ก่อนจะว่ายท่าลูกหมาน้อยตกน้ำอย่างสนุกสนาน...

คะน้าชมว่าน้องเก่ง เล่นไม่กลัวเลย ทั้งๆ ที่น้ำดูจะลึกและแรงขนาดนั้น

แต่พอมาคิดในมุมเด็ก เพราะเด็กมีแต่จินตนาการ แต่ไม่มีประสบการณ์

น้องคิดแค่ว่า...น้ำก็คือน้ำค่ะ ต่างจากสระว่ายน้ำที่บ้านก็แค่มันมีน้ำตก เขาเลยไม่กลัว

เขาว่ายน้ำเป็น เขาจะกลัวทำไม...

ต่างจากผู้ใหญ่อย่างเราๆ ที่ห่างหายจากการใช้ชีวิตด้วยจินตนาการไปตั้งนานแล้ว

เราทำทุกอย่างด้วยประสบการณ์ล้วนๆ เรารู้ว่าน้ำลึกและไหลแรง ทำให้เรากังวล

จะให้กระโดดลงไปเลยเหมือนน้องน้ำอุ่น ก็ต้องขอเปลี่ยนเป็นนั่งยองๆ ค่อยๆ หย่อนขาลงไปแทน



และขณะที่เด็กๆ และบรรดาพ่อบ้านเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานอยู่นั้น

หันมาอีกทางก็พบกับ... อิหยังวะ!!! 55555555555555 // เห็นกล้องไม่ได้เลยงี้~~



คะน้าน้อย...ผู้ซึ่งเกิดมาแล้วยี่สิบกว่าปี แต่เพิ่งจะหัดว่ายน้ำเป็นเมื่อสองวันก่อนที่จะมาทริปนี้

ว่ายน้ำเป็น?? ไม่สิ ยังห่างไกลจากคำนั้นอีกเยอะ เอาเป็นว่า...

เพิ่งจะลงน้ำแล้วไม่จม สามารถดำน้ำได้ ลอยตัวได้ และพุ่งตัวไปข้างหน้าได้

จากสระฝั่งนึงไปยังอีกฝั่งนึงด้วยท่าว่ายแบบงงๆ อย่างนี้ถึงจะถูก

และในภาพคะน้ากำลังลองวิชาค่ะ และที่ลอยคอไปได้ไกลอย่างนั้น ไม่ได้ว่ายไปเองนะคะ

น้ำพัดไป!! 555555 // อิบ้าาาาา!!



และจากเมื่อกี้นี้ น้ำพัดแรงจนเกือบจะถูกดูดไปใต้ท้องแพเพื่อนบ้าน ดีที่คว้าเชือกเอาไว้แน่น

พี่เปา (พี่ชายที่ลอยคอไปด้วยกัน) ขึ้นไปยืนบนโขดหินได้ก่อน ก่อนจะช่วยดึงคะน้าออกมา

จากขอบท้องแพให้พ้นจุดน้ำเชี่ยว จากนั้นก็ตะเกียกตะกายตัวเองขึ้นมายืนได้อย่างในภาพ

ก่อนพี่ป้อ พี่ชายอีกคน จะโยนเชือกมาให้จากบนแพ แล้วช่วยดึงคะน้ากลับไปยังแพได้โดยสวัสดิภาพ

// ผ่านจุดนี้มา กลัวน้ำดูดบริเวณท้องแพขึ้นสมองเลยจ่ะ 555555



หลังจากเล่นที่น้ำตกจนหมดเวลาแล้ว หัวเรือลากก็มาลากเรากลับมายังจุดจอดแพที่เดิม

เด็กๆ ยังคงเล่นน้ำกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย



น้องน้ำอุ่น คุณพ่อป้อ และคุณแม่น้ำ จริงๆ ขาดน้องน้ำอิงอีกคน เล่นน้ำอยู่ ยังไม่ขึ้นมา



เวลาผ่านไปจนพบค่ำ...

มื้อเย็นถูกเตรียมไว้ พวกเราผลัดกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอน (ทาแป้งเย็นมาฉ่ำๆ เลยนะ)

และมานั่งทานข้าว ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าห้องนอน...ลมไม่มีเลยค่ะคืนนี้

ไอเย็นจากน้ำที่หวังไว้ก็ยังไม่ปรากฏ เลยต้องนับแกะให้ง่วงและหลับไปเอง 55555

(คะน้านอนกับพี่น้ำ คะน้าอ่ะหลับสนิท แต่พี่น้ำบอกว่า "พี่ลุกมาทาแป้งเย็นทั้งคืนเลย")

จนประมาณช่วงดึกๆ ถึงเช้ามืด อากาศถึงจะเริ่มเย็นลงค่ะ

และพออากาศเริ่มเย็นนี่แหละ พี่น้ำถึงจะได้ผล็อยหลับไปช่วงเช้ามือจนถึงเช้า...



เช้าวันรุ่งขึ้น...

เด็กๆ ตื่นกันแต่เช้าออกมานั่งเล่นในชุดนอน ก่อนอีกสักพักจะเข้าไปเปลี่ยนชุดมาเล่นน้ำกัน

(พี่ป้อ, น้องน้ำอิง, น้องปูน, น้องอิฐ, และน้องน้ำอุ่นตัวจิ๋ว ที่นั่งบนตักพี่เปา)



หันมาอีกด้านของแพ พี่เล็ก แชซังกุงใหญ่ ณ ห้องเครื่องกำลังปรุงมื้อเช้ากันอยู่

มื้อเช้านี้มีข้าวต้มกุ้งและหมูสับ หน้าตาหน้าทานมากเด้อ~



อิ่มท้องแล้ว เล่นน้ำได้...น้ำอิงโดนลุงต้อมแกล้งซะแล้วงานนี้ 5555

ซึ่งพอหลังจากที่เราปล่อยให้เด็กๆ ลงเล่นน้ำกันตรงหาดทรายอยู่สักพักใหญ่

ช่วงบ่ายๆ หัวเรือลากก็พาพวกเรามาที่น้ำตกกันอีกครั้ง

เพื่อเล่นน้ำกันก่อนกลับบ้านในช่วงเย็นวันนี้



ว่ายน้ำเป็นกันทุกคน มีงอแงกันบ้างที่จะไม่ยอมใส่เสื้อชูชีพ ก็ต้องคอยดุไว้

เพราะน้ำเห็นนิ่งๆ แต่จริงๆ แล้วไหลแรงตลอดเลยค่ะ



น้องนัน เสื้อเขียวเปรี้ยวสุดซอย ผู้คอยช่วยดึงๆ ดันๆ คะน้าตอนเล่นไม่ให้น้ำพัดไปไกลๆ

พี่ป้อ ผู้เป็น Lifeguard คู่กับพี่เปาในทริปนี้

และพี่ต้อม พี่ใหญ่สุดของทริป เป็น DJ เปิดเพลงต่างๆ ให้เราฟังกันตลอดระยะเวลาที่อยู่บนแพ

โดยการใช้มือถือเสียบเข้ากับเครื่องเสียง มีสายเรียกเข้าทุก 3 นาที รับสายทีรับรู้ทั้งอุทยานฯ

พอเราบอกให้ดึงสายออกจากลำโพงตอนคุยโทรศัพท์ พี่แกว่าไม่มีความลับ คุยได้ // โอ้ยยยยย!!




เอาล่ะทริปนี้ก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากเล่นน้ำ เพราะจุดประสงค์เดียวหลักๆ คือ

ทริปตามใจเด็กๆ ค่ะ แค่นี้เองจริงๆ ผู้ใหญ่อย่างเราๆ แค่มาเป็นตัวแถมคอยดูแลเด็กๆ เท่านั้นแหละ


แต่ถ้าใครอยากจะไปเที่ยวไทยเท่ ตามสไตล์คะน้าน้อย กับทริปกาญจนบุรี ขอแนะนำให้จิ้มลิ้งค์กันได้ที่

# คะน้า กางเต๊นท์ เดินกลางหมอก นอนกอดกาญฯ #

ทริปนี้หมอกหนาอลังการ กับทริปหรรษากาณจนบุรีในหน้าฝน ฝากไปเยี่ยมชมกันเยอะๆ น้าาาา



และสำหรับทริปนี้...


  1. ค่าบริการแพพันทวี (เล่าเองไม่ได้ตังค์) จองแพสำหรับ 15 ที่ อยู่ที่ 7,300 บาท ( 2 วัน 1 คืน)
  2. ถ้าอยากทานอาหารที่ทางแพเตรียมไว้ให้ จ่ายเหมาเป็นคนละ 1,000 บาท (แพ+กิน)
  3. ถ้าอยากเหมาแพเปียกลากชมรอบๆ อุทยานฯ จ่ายเพิ่ม 1,500 บาท (หรือโปรดเช็คราคากันอีกที)
  4. สัญญาณมือถือ คล่องปรื๋อทุกค่าย สบายใจได้หายห่วง
  5. น้ำเย็นตลอดทั้งวัน เล่นได้ทั้งวัน แต่ถ้าพระอาทิตย์ตกงดเล่น เพราะอันตรายตรงที่มันจะมืดไง
  6. ข้อนี้สำคัญ แพมีเครื่องปั่นไฟ ที่ต้องใช้น้ำมันเติมทุกๆ 3 ชั่วโมง ควรสั่งซื้อน้ำมันสำรองไว้ด้วย และตอนกลางคืนต้องจัดเวรยาม สลับกันมาคอยเติมน้ำมันตลอดคืน เพราะเดี๋ยวไฟดับ พัดลมไม่ติดอีก
  7. จงอาบน้ำในห้องน้ำ ดีกว่าว่ายน้ำอาบ เพราะทรายจะไหลเข้าเต็มกางเกงเลยจ่ะ ไม่สะอาดหรอก
  8. เครื่องดื่มที่สั่งกันสนั่นหวั่นไหว จะถูกคิดราคาตอนเช็คเอ้าท์ ก่อนกลับบ้าน
  9. โกโก้เย็นในรูปคือแวะซื้อขากลับ อร่อยดี
  10. รัก Reader ทุกคนเลยค่ะ // กราบนอบน้อม

    แล้วพบกันทริปต่อไปนะคะ...คะน้าน้อยสวัสดีค่าาาา

เพจ >> https://web.facebook.com/TheLocationKana จิ้มๆ เลย >///<


คะน้าน้อย

 วันพฤหัสที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 13.33 น.

ความคิดเห็น