ประเดิมหลังรีวิวเมื่อต้นปีสำหรับทริป KL ประเทศมาเลเซีย
https://th.readme.me/p/1832
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยครับ ทริปนี้เป็นการเดินทางโดยรถคู่ใจของผม Honda Civic 2015
กับเส้นทางประวัติศาสตร์ที่ผมเคยมาที่นี้เมื่อครั้งยังเยาว์ ประถมน่าจะได้ ก็เลยมีเเนวคิดจะเดินทางมาอีกรอบ .....
กล้องที่ถ่ายในทริปนี้นะครับ
Canon 60D + Lens 50mm f1.8 + 18-55
Contact
instagram @iddekfilm
https://www.facebook.com/Isarapabc-153377218149435/
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยครับว่า ที่เลือกไปที่อุทยานแห่งชาติเขาน้ำค้าง ก็เพราะว่า ย้อนรอยประวัติศาสตร์ผู้ก่อการร้ายโจรจีนคอมมิวนิสต์ มุดอุโมงค์ฐานที่มั่นเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 และที่เรียกว่าเขาน้ำค้าง ตามตำนานเล่าขานกันมาแต่โบราณ เขาน้ำค้างเป็นยอดเขาสูง มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี สมัยโบราณคนที่เคยขึ้นไปบนยอดเขาจะพบว่ามีน้ำค้างเป็นเกล็ดอยู่ตามยอดหญ้า ลักษณะเป็นใยแมงมุม แม้แต่ตอนเที่ยงวันยังมีน้ำค้างประปรายอยู่บนยอดหญ้า ซึ่งเป็นสภาพที่แปลกและแตกต่างไปจากที่อื่นจึงเรียกขานกันว่า “เขาน้ำค้าง" ///
ดีนะไม่มีหิมะตก
สำหรับการเดินทางโดยรถยนต์ สามารถเดินทางมายังเขาน้ำค้างได้ 2 เส้นทางครับ
เส้นทางที่ 1 จากอำเภอเมืองจังหวัดสงขลาไปตามถนนสายสงขลา-นาทวีถึงแยกป่าชิงอำเภอจะนะ ระยะทาง 35 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาผ่านแยกเข้าอำเภอจะนะถึงอำเภอนาทวี ระยะทาง 24 กิโลเมตร จากอำเภอนาทวี ผ่านสามแยกบ้านสะท้อน บ้านนาปรัง ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาน้ำค้าง ระยะทาง 27 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้น 86 กิโลเมตร
เส้นทางที่ 2 จากอำเภอหาดใหญ่ไปทางแยกคลองหวะตามถนนสายหาดใหญ่-สะเดา ถึงอำเภอสะเดา ระยะทาง 57 กิโลเมตร จากอำเภอสะเดา ผ่านบ้านม่วง บ้านเกาะหมี ตำบลสำนักแต้ว ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาน้ำค้าง ระยะทาง 27 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้น 84 กิโลเมตร
เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครับ หมดไปเพราะเเวะหาของกินบ้าง ห้องน้ำบ้างไปเรื่อย ๆ เเล้วเราก็มาถึงอุทยานแห่งชาติเขาน้ำค้างครับ โดยเมื่อมาถึงก็จะเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนน้อยยย !!! ส่วนใหญ่คงจะเป็นเพราะระยะทางครับ ก็หาที่จอดรถกันเอาเองครับ เพราะทางสถานที่ไม่ได้มีที่จอดรถให้ ก็หาที่ว่างเเล้วก็ลุย
หลังจากนั้นเราก็มาถึงอุโมงค์ฐานที่มั่นเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 หรืออุโมงเขาน้ำค้างนั้นเหละครับ เค้าว่ากันว่าเป็นที่หลบภัยในช่วงสงความโลกครั้งที่ 2 (จะพูดวนทำไม) บรรยากาศทั่วไปที่มาถึงจำนวนคน ค่อนข้างบางตาครับ อาจจะเป็นเพราะว่าเราถึงไปก็เกือบเย็นเเล้ว รออะไรหล่ะครับ ไปกันเลย
สำหรับคนที่นำรถมา ก็สามารถจอดรถตามสบายเลยครับ เข้ามาเสร็จก็จะเจอป้ายวินเทจ ๆ และความร่มรื่นของป่าใหญ่ โดยก่อนจะถึงทางเข้าอุโมงค์ เราก็ต้องชำระเงินค่าบำรุงก่อนท่านละ 40 บาทครับ โดยจะนำไปใช้จ่ายเรื่องการซ่อมเเซมไฟในอุโมงค์ รวมถึงส่วนอื่น ๆ (อันนี้ขอบอกนะครับ ใครจะถ่ายรูปตอนซื้อตั๋ว ผมไม่เเนะนำเพราะเจ้าหน้าที่จะทำหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจน) 555 ก็ขออนุญาตเค้าซักนิดอะนะครับ
เมื่อชำระเงินเสร็จเราก็จะเขามาถึงโซนจัดเเสดงของใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ ส่วนใหญ่จะเป็นของใช้ที่อยู่ในถ้ำ ซึ่งน่าจะเก็บมานานเเล้วครับ ส่วนพวกตัวอย่างปงตัวอย่างปืน ไม่เเนะนำให้จับนะครับไม่ได้มีวิญญานหรือว่าอะไรหรอกครับ ผมกลัวสนิม ^^ หลังจากนั้นเราก็จะเจอภาพถ่ายของพี่ ๆ ทหารสมัยนั้นครับพอเดินตรงมาอีกนิดก็จะเจอเหมือนที่รวมกระดูก ของพี่ ๆ ทหารครับ ซึ่งโดยรวมมาถึงตรงนี้ก็มีการจัดพื้นที่ได้ดีครับ
เดินต่อมาอีกนิดก็จะเจอบ่อปลาขนาดใหญ่ครับ และกรงชะนี เเละลิงประมาณ 4 ตัว ที่เดินวนไปวนมา (ดูเเล้วเหนื่อยเเทน)น่าจะเป็นลิงที่ป่วยครับ (อันนี้ผมไม่เเน่ใจ) ก็เเวะเข้าไปทักทายก่อนที่จะเข้าสู่ในตัวถ้ำที่น่าสนใจครับ เดินต่ออีกนิดเราก็เข้าสู่ทางเข้าถ้ำครับ ^^
จริง ครั้งนี้ที่เราไป เราไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนก่อนดี เพราะถ้าสังเกตุจากรูปบนนั้น เราต้องขึ้นไปทางบันได 108 ขั้น ทางขึ้นภูเขาเหลียงซานก่อน เเต่ไม่ครับ เราเริ่มที่จะเข้าไปในถ้ำก่อนเลย ทำให้รีวิวของเราครั้งนี้ จะเเปลกจากที่อื่น ๆ เหมือนเราเริ่มจากทางออกก่อน เเล้วไปสู่ทางเข้า เเล้ววนมาทางออกเหมือนเดิม เพื่อ !!! เเต่ก็ดีครับ สนุกดี 55 เริ่มกันเลยครับ
เมื่อเราเดินเข้าอุโมงค์มา เราก็จะเจอทางเดินสั้น ๆ ก่อนจะเลี้ยวซ้ายขึ้นบันได 54 ขั้น เพื่อไปยังห้องประชุมเเละห้องผู้นำตลอดเส้นทาง ผมเป็นคนชอบมองรูเล็ก ๆ ตามซอกทางเดินครับ ซึ้งเมื่อมองเข้าไปเราก็จะเจอเจ้าที่ (เเมงมุม) บางทีก็แอบคิดถ้าเจองูผมคงวิ่งหนี (เเล้วจะมองทำไมเน้อ) 55 สำหรับบันได 54 ขั้น ครึ่งทางก็จะมีที่นั่งให้พักครับ ตรงนี้เป็นช่วงปรับอากาศในร่างกายเลยครับ ใครที่หายใจออกไม่ออก ก็อยู่ที่ช่วงนี้เหละครับ หลังจากขึ้นมาสุดทางเเล้ว เราก็จะเจอห้องเเรก ห้องประชุมครับ
สำหรับห้องประชุม ก็จะเป็นห้องที่อยู่มุมหนึ่งของในถ้ำครับก็เป็นจุดเเรกที่นั่งพักเพื่อปรับสภาพอากาศได้เราก็ไปนั่งเเล้วแอบคิดถึงตอนสงครามโลกยุคนั้น ก็ตื่นเต้นครับ ประชุมไปด้วย ต้องเตรียมพร้อมรบไปด้วยขวามือก็จะเป็นบันไดไปห้องผู้นำครับ เราอย่ารอช้า ไปห้องผู้นำเลยดีกว่าครับ
สำหรับห้องผู้นำก็จะมีภาพของผู้นำสมัยนั้น อยู่ในห้องครับ ก็จะมีที่นอน ที่ทำงานเล็ก ๆ เดินไปอีกนิดก็จะเจอที่ปลดทุกข์ผู้นำ (ส้วม) ดูใหม่ไปหน่อยครับเลยไม่ได้เก็บรูปมา ก็ดูยิ่งใหญ่สมกับห้องผู้นำครับ
หลังจากออกจากห้องผู้นำ เดินผ่านห้องประชุม เราก็จะเจอกำเเพงกั้นมาอีกห้อง เมื่อเราหันมามองขวามือเเล้วก็ต้อง ตกใจ !!!!!! เ..ย !!! ใครเป็นคนคิดที่เอาหุ่นมานั่งที่ห้องโทรเลขครับ ตกใจกล้องเเทบหล่น เราก็เจอหุ่น (เราอาจจะเห็นตามตลาดขายเสื้อผ้าทั่วไป) นั่งพิมพ์ในห้องโทรเลข เล่นเอาคุ้มค่าครับ ผมคิดว่ามันอาจจะกลยุทธ์ให้มีอะไรน่าตื่นเต้น ๆ ทำนะครับ 555555
เดินตรงไปอีกนิด เราก็จะเจอลานฝึกยิงปืนครับ ซึ่งจะมีทางเดินยาว เพื่อให้ทหารที่ฝึกได้ตั้งระยะเพื่อยิงปืนตามความเห็นผมทหารสมัยนั้น คงตื่นเต้นมากเเน่เลยครับ ไหนข้างนอกจะสงคราม ข้างในฝึกยิงปืน ทั้งต้องส่งโทรเลขน่าจะเหมือนในหนังสงครามของพวกทหารอเมริกา 5555 (ทุกห้องจะมีภาพในสมัยก่อน ให้เราได้ชมทุกห้องครับ)
อากาศในถ้ำ ค่อนข้างดีเลยครับ ความมหัศจรรย์ของถ้ำคือ อากาศถ่ายเทดีครับ ไม่รู้สึกอึดอัด ที่สำคัญไม่มีค้างคาวครับใครที่ไม่ชอบเรื่องขี้ค้างคาว ที่นี้สบายใจได้ เดินเล่นไปมา ก็จะมีของเก่า ๆ ที่จัดเเสดงครับ ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ดีดเก่า ของใช้เก่า ๆดูเเล้วมันคลาสสิคดี เดินต่อมาเรื่อย ๆ ก็จะเจอ ห้องทำอาหารครับ ตอนเเรกก็แอบงงว่า สมมุติทอดปลาเค็มนะ ผมว่าคงหอมกันทั้งถ้ำเลย เเต่ก็นะช่วงนั้นสงครามนิ ใครจะมาคิดเหมือนเเก !!! 5555
ลืมบอกครับ ทริปนี้ไปกันหลายคน ก็จับมาเป็นแบบถ่ายรูปได้ ก็สวยไปอีกแบบครับ หลังจากนั้นเราก็เดินออกมาชั้นบนของถ้ำซึ่งเป็นลานกิจกรรม ขวามือจะผ่านห้องส้วมสหาย จนถึงยอดเขาเหลียงซาน จะพบหลุมระเบิดขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีห้องประชุมใหญ่ ห้องพยาบาล สนามบาส บ้านท่านผู้นำ และห้องวิวาห์ห้าดาว ซึ่งทางการท่องเที่ยงแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ ได้มีการจัดกิจกรรมเติมรัก...เขาน้ำค้าง วิวาห์แบบโจรจีนคอมมิวนิสต์ ในวันวาเลนไทน์เป็นประจำทุกปี
ห้องวิวาห์ห้าดาว ก็จะเป็นเหมือนกระต๊อบเล็ก ๆ ที่ตกเเต่งด้วยดอกไม้เเละป้ายไวนิลครับ สมัยก่อนหน้าจะทำป้ายไม้สวย ๆเเต่ด้วยเวลาที่นาน ก็คงปรับมาเป็นไวนิล ในส่วนด้านบนของถ้ำก็จะมีป้อมปืน เเละที่ฝังระเบิด ใครที่ชอบเเนวเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ไม่น่าพลาดครับ หลังจากเดินไปไม่นานเราก็เจอทางเดินลงถ้ำ อีกรอบครับ เดินเข้าทางนี้ไม่นานก็เจออุปกรณ์ขุดถ้ำครับ
เดินมาอีกนิดเราก็จะเจอห้องฝึกขับมอเตอร์ไซต์ ในถ้ำครับ อันนี้ตื่นเต้นมาก เเละมีคำถามมากมายว่า เพื่อ !!!!!คือ ฝึกเเล้วขับในถ้ำ ไหนจะควันรถ ไหนจะเสียง ผมว่าคงตื่นเต้นดีครับ อีห้องยิงปืน ปัง !! ปัง !! ฝังนี้ก็บิดคันเร่ง แว๊นนนนนนน !!!! แว๊นนนนนนน !!!! เเต่ก็นับถือครับ กว่าจะได้มาขนาดนี้
ลัดมาเรื่อย ๆ ก็เจอห้องผ่าตัด ห้องพยาบาลครับ เป็นเตียงไม้เล็ก ๆ เเละมีภาพประกอบตอนรักษาพยาบาลตอนเเรกผมก็นั่งพักเหนื่อยที่เตียงนะครับ พอไปเจอรูปเท่านั้นเหละครับ เดินต่อดีกว่า ^^ ก็น่าจะเป็นห้องสุดท้ายในทริปนี้ครับ นับถือความพยายามในการขุดของคนสมัยนั้นจริง ๆ ครับ
เราใช้เวลาเดินอยู่ประมาณเกือบสองชั่วโมงครับ เหงื่อนิท่วมเลย เเต่ก็ดีใจว่าบ้านเรายังมีที่สวย ๆ ให้เราได้ไปเจอได้ถ่ายรูปเสมอ เเนะนำเลยครับ ใครที่ชอบเที่ยวแบบนี้ อีก 1 ที่ที่อยากไปครับ จริง ๆ เรย์เเมคก็เคยมาทำรายการที่นี้เเล้วนะครับ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ สัญญาว่าจะมารีวิวอีกเรื่อย ๆ Thanks : 2 หนุ่ม และ 1 สาวที่ร่วมทริป Nat Natjadee & Chemima Prasumdert & Wanicbut Wattanamatiphot ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงานผมนะครับ ถ้าเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เป็นประโยชน์ของการเดินทางของคุณผมดีใจมากครับ ทริปหน้าจะไปไหน รอติดตามนะครับ สำหรับผลงานเก่า ๆ ของผมสามารถเข้าไปอ่านได้นะครับตามลิงค์
[CR]ll ปีใหม่นี้ที่ Kuala Lumpur ll เมืองรถไฟ กับมุมชิค ๆ [มาเลเซีย]
ll Countdown at Kuala Lumpur ll a city of train and chick corners ll
[CR]ชิค ๆ กับรถไฟสายหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ [มาเลเซีย]
https://th.readme.me/p/1739
Isarapab Chumruksa
วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 23.15 น.