และนี่ก็คือจุดตั้งแคมป์ของผมในค่ำคืนนี้หนึ่งสถานที่อย่าง "ดอยทูเล" ที่ไม่เคยอยู่ในแพลนของปีนี้เลย และไม่เคยรู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับที่แห่งนี้เลย แต่กลับถูกเสนอเข้ามาในแพลนอย่างงงๆ ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีจากพี่คนนึงในคอมเมนต์เฟสบุ๊คของผม และรู้ตัวอีกทีก็ตอนโอนเงินค่ารถไปเรียบร้อย

แต่ก็นั่นแหละครับ ! เมื่อโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์มาถึงจุดๆ หนึ่ง ความหนาวเย็นเริ่มมาเยือน สมองผมเองนี่แหละที่สั่งงานให้ไปหาสถานที่เย็นๆ ท้าลมหนาวแรกของปีนี้

การเดินทางในครั้งนี้จึงอุบัติขึ้นไปกับเพื่อนร่วมทางอีก 10 ชีวิต ในการพิชิตยอดดอยทูเล 2 วัน 1 คืน กับระยะทาง 7.5 กม.


พวกเราเดินทางด้วยรถตู้จาก กทม. ด้วยระยะเวลา 10 กว่าชั่วโมง มายัง อบต. ท่าสองยาง จ. ตาก หลังจากที่ทำธุระส่วนตัว กินอาหารเช้า และตุนเสบียงกันเรียบร้อย เราก็นั่งรถกระบะรับจ้าง จาก อบต. ท่าสองยาง เพื่อไปยังจุดเดินเท้าขึ้นยอดทูเล ที่บ้านแม่จวาง ซึ่งระยะทางก็ห่างจาก อบต. ท่าสองยาง ไม่มากนัก

ไม่ถึง 10 นาทีผมก็มาถึงยังบ้านแม่จวาง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางพิชิตยอดทูเลแห่งนี้ เหล่าบรรดาลูกหาบที่เราได้นัดแนะไปก็จะมารออยู่ตรงนี้ ซึ่งทริปนี้ผมเลือกที่จะใช้เงินในการแก้ปัญหา และก็คิดถูกที่จ้างลูกหาบแบกสัมภาระของตัวเอง



เริ่มออกเดินประมาณ 9.30 น. ช่วงแรกก็จะเดินตัดผ่านทุ่งนาของชาวบ้าน ที่ดูแล้วเป็นทัศนียภาพที่น่าจะถ่ายรูปกันก่อนที่จะขี้เกียจถ่ายกันเมื่อความเหนื่อยล้าเริ่มมาเยือน


แดดในช่วงสายของวันนี้ค่อนข้างร้อน ท้องฟ้าปลอดโปร่งนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ไม่พบเจอกับฝน สำหรับสัมภาระใครที่แบกไหวก็แบก แบกไม่ไหวก็จ้างลูกหาบ แต่อย่าลืมว่าคุณจะต้องเดินด้วยระยะทางประมาณ 7.5 กม. กับเวลา 6 - 7 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ก็ตัดสินใจกันให้ดีๆ


ผ่านทุ่งนามาได้ไม่นานก็จะมาพบเจอกับหนทางที่ค่อนข้างชันในระยะทางยาวๆ รู้สึกเหมือนเดินขึ้นเขาลูกแล้วลูกเล่า แต่จะเจอทางเรียบๆ บ้าง แต่นับครั้งได้เลยแหละ


ขอตัดภาพมาที่ธารน้ำตกที่เป็นจุดพักริมห้วยเลยก็เแล้วกัน ซึ่งก็มาถึงตรงนี้ประมาณ 12.30 น. พอดี ก็ถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมแก่การกินข้าวกลางวันเพื่อเพิ่มพลังงานให้แก่่ร่างกายไปใช้ต่อในอีกชั่วโมงที่เหลือจากนี้


แหล่งน้ำตรงนี้เหมาะสำหรับล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แต่หากจะกินแบบดิบๆ เลย ไม่ขอแนะนำ ทางที่ดีอาจจะขอความช่วยเหลือให้พี่ๆ ลูกหาบของเราต้มน้ำให้กินก็ได้ หรือหากใครพกที่กรองน้ำแบบพกพามาด้วย นับว่าคุณคือผู้โชคดีจะได้ไม่ต้องไปต้มให้เสียเวลา

น้ำเพียงคนละ 2 ขวดเล็กอาจจะไม่เพียงพอ อันนี้ผมขอเตือนเลย ยังดีที่คนในกลุ่มพกที่กรองน้ำไปด้วย ทำให้เติมน้ำใส่ขวดเพิ่มไปได้ทำให้ไม่ต้องลำบากแต่อย่างใด


จากธารน้ำเดินมาตรงนี้ก็เกือบบ่ายสองได้ ยอดเขาไกลๆ ตรงนั้นคือดอยทูเลที่เราจะขึ้นไป มองไปก็แอบท้ออยู่เหมือนกันเพราะมันดูห่างไกลจากตรงนี้เหลือเกิน


บ่าย 3 โมงก็มาถึงจุดที่ต้องบอกว่าชันที่สุดของการพิชิตดอยทูเล ที่เราจะต้องใช้มือช่วยในการปีนป่ายและหาที่จับให้มั่นคงเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย แต่ไม่ต้องกลัวนะเพราะมันไม่ได้โหดและอันตรายขนาดนั้น

ถึงตรงนี้ก็บอกได้เต็มปากแล้วว่าเรามาถึงยังเนินเขาของดอยทูเลแล้ว อีกแค่อึดใจเดียวเท่านั้นเราจะถึงลานกางเต๊นท์แล้ว

จุดเนินมหาโหดตรงนั้นมาถึงตรงนี้ก็ปาเข้าไปเกือบชั่วโมงเหมือนกันรวมแวะพัก ตอนนี้ก็เวลาก็ย่างเข้า 4 โมงแล้ว ผมได้มาถึงยังน้ำตกบนดอยทูเล ใครจะอาบน้ำ เล่นน้ำก็ตามสบายเลยแต่ระวังๆ กันด้วย


ในที่สุดก็พาร่างกายตัวเองมาถึงยังลานกางเต๊นท์สักที


อย่าพึ่งตกใจไปที่เห็นยอดสูงๆ นั้นไม่ใช่จุดที่เราจะไปพักนะ เราพักกันด้านล่างตรงนี้แหละ


ที่เห็นพื้นที่โล่งๆ นั้นใครอยากกางเต๊นท์ตรงนั้นก็กางได้เลย แต่กางคืนลมจะแรงก็ตัดสินใจดีๆ

ธงที่เห็นอยู่หลายคนอาจจะสงสัยว่าคือธงอะไร ผมจะบอกให้ก็ได้ว่าธงนี้คือ "ธงชาติกะเหรี่ยง" หรือหากผิดก็ขออภัยด้วยครับ

ที่เห็นสังกะสี 5 หลังไกลๆ นั้นคือ ห้องน้ำ ไม่ต้องกังวลนะว่าจะต้องไปซุ่มอยู่ในโพรงหญ้า

และนี่ก็คือจุดตั้งแคมป์ของผมในค่ำคืนนี้

บนนั้นคือยอดที่สูงที่สุดของดอยทูเล ที่ผมจะขึ้นไปดูพระอาทิตย์ในตอนเช้า


เรียกน้ำย่อยกันไปก่อนด้วยป้ายผู้พิชิต NO. 24 ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆ กับลานกางเต๊นท์

แล้วช่วงเวลาทำหน้าที่ของดวงตะวันก็ใกล้สิ้นสุดลง มันค่อยๆ เคลื่อนลงอย่างช้าๆ ลาลับหายไปกับขอบฟ้า


อีกมุมหนึ่งยังหลงเหลือแสงสว่างจากดวงตะวันทำให้เห็นภาพจิตรกรรมจากธรรมชาติที่สวยงามไปอีกแบบ



เมื่อแสงตะวันหมดหน้าที่ แสงจันทราก็เริ่มสว่างไสว แม้จะไม่ใช่คืนจันทร์เต็มดวง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหลงใหลที่มีต่อดวงจันทร์ของผมน้อยลงเลย


ผมตื่นเช้ามาพร้อมกับความหวังที่จะได้เห็นทะเลหมอก แม้ว่าจะอยู่ไกลออกไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสุขของผมน้อยลงเลย และเป้าหมายของการมาพิชิตดอยทูเลก็ได้ประสบความสำเร็จแล้ว เมื่อผมได้มายืนอยู่ในจุดที่เรียกว่าเป็น "ผู้พิชิตดอยทูเล ณ ความสูง 1350 เมตร"


หนึ่งเรื่องที่ผิดหวังนิดๆ คือฝุ่นละอองขนาดเล็กค่อนข้างเยอะทำให้เห็นภูเขาบางลูกไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสวยงามลดลง


นี่เป็นต้นหญ้าที่คุณจะเห็นได้บ่อยมากบนดอยทูเลแห่งนี้


อีกด้านหนึ่งคุณจะเห็นทิวเขาที่สลับซับซ้อนกันไปอย่างสุดลูกหูลูกตา คงเป็นภาพที่ใครหลายๆ คนอยากจะมาเห็น


เกือบ 7 โมง แสงตะวันก็กลับมาทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง


เมื่อแสงตะวันทำงานสัมพันธ์กับธรรมชาติ ทุ่งหญ้าก็เห็นเด่นเป็นสีทองสมกับที่เขาเรียกว่า "ภูเขาสีทอง" หรือเป็นภาษาปกาเกอะญอว่า "ทูเลโค๊ะ" สมหวังดั่งที่ตั้งใจจะมาเห็นด้วยตาตัวเอง โดยมีทะเลหมอกทำหน้าที่เป็นฉากหลังกันอย่างลงตัว


บนดอยทูเลมีสันเขามากมาย แต่ก็ไม่สามารถเดินไปได้ทุกสัน แต่มุมมองก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก อย่าเสี่ยงที่จะเดินไปเพราะอาจเกิดอันตรายได้


สันเขามุมนี้เป็นสันเขาเดียวกับที่เรามองเห็นจากด้านล่างนั่นแหละ


จากบนยอดนี้มองลงไปก็คือจุดตั้งแคมป์ของเหล่านักเดินทาง


ทะเลหมอกวันนี้อยู่ไกลเหลือเกิน แม้จะไม่สุขที่สุด แต่ความสุขเล็กๆ ก็คือความสุขเหมือนกัน


ที่เห็นหมู่บ้านด้านล่างนั้นก็คือ บ้านแม่จวางที่เราเดินขึ้นมาเมื่อวาน และเรากำลังจะเดินทางกลับไปยังที่นั่นอีกครั้ง เราเริ่มออกเดินกันตอน 9.45 น.


14.30 น. ผมก็เดินกลับมาถึงยังบ้านแม่จวาง ซึ่งใช้เวลาเดินลงมานั้นประมาณเกือบ 5 ชั่วโมง ไวกว่าตอนเดินขึ้นเกือบ 3 ชั่วโมง และการเดินทางในครั้งนี้ก็มาถึงตอนสุดท้ายของทริปนี้

ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น

  • รถรับจ้างจาก อบต. ท่าสองยาง ไปยังจุดเดินเท้า บ้านแม่จวาง ราคา 600 บาท (ไป-กลับ)
  • ลูกหาบ ราคา1,400 บาท (ไป-กลับ) แบกได้ 25-30 กก ต่อคน

การเดินทาง :

  • รถส่วนตัว จอดที่บริเวณ อบต. ท่าสองยาง เพราะยังไงก็ต้องลงทะเบียนที่นั่น และเปลี่ยนเป็นรถกระบะเพื่อไปยังจุดเดินเท้าที่บ้านแม่จวาง
  • รถสาธารณะ นั่งรถทัวร์มาลงที่ บขส. แม่สอด แล้วต่อรถสองแถวประจำทาง แม่สอด - แม่สะเรียง ไปลงที่ อบต. ท่าสองยาง และติดต่อให้ อบต. มารับก็ได้ หรือจะหารถชาวบ้านเข้าไปก็ได้

เบอร์ติดต่อ อบต. ท่าสองยาง 085 - 2670549

หรือติดต่อได้ที่เพจ : ดอยทูเล https://www.facebook.com/DoiTuLay/

ฉันจะไป : I Will Go

 วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 17.17 น.

ความคิดเห็น