หลังจากที่รถทัวร์เข้าตลาดปากช่องบ้านเราเจ๊งไปแล้ว เหลือแต่รถมินิบัสกับรถตู้ที่เราไม่ค่อยชอบ ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยงจ้ะ 5555 เราก็เลยลองมองหาทางอื่นที่จะกลับบ้านได้ แล้วน้องที่รู้จักกันก็แนะนำรถไฟมาให้ บวกกับช่วงนั้นมีบล็อกเกอร์ชอบนั่งรถไฟไปเที่ยวกัน เราก็เลยอยากลองบ้าง
แล้วด้วยความที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับรถไฟเลย เราก็เลยถามน้องที่แนะนำมาว่าปกติเขาดูตารางรถไฟกันที่ไหนน่ะ น้องก็ให้แอพมาชื่อว่า "SRT Timetable Fares" โหลดแอพได้ที่นี่นะจ๊ะ ->[https://play.google.com/store/apps/details?id=marstech.srt.timetablefares&hl=en_US] เราก็เลยกดค้นหาขบวนรถไฟจาก กรุงเทพ-ปากช่อง
ขบวน 135 รอบ 06.40 เราพยายามออกจากไปบางแสนด้วยรถเที่ยวแรกก็ยังไม่ทัน ขบวนนี้ก็เลยไม่เหมาะกับเราจ้ะ
ส่วนขบวน 71 รอบ 10.05 มีทั้งชั้น 2 ที่เป็นรถแอร์ และ ชั้น 3 ที่เป็นรถพัดลม แต่เราเคยนั่งแค่ชั้น 3 ราคา 186 บาท (ราคาเปลี่ยนแปลงได้ตลอด)
ลักษณะ: เป็นขบวนสั้นๆ ประมาณ 3 ตู้รถไฟ เป็นตู้แอร์หนึ่งตู้ ตู้พัดลม 2 ตู้
ข้อดี:
- ถ่ายรูปวิวข้างทางได้ชัดเจน ถ้าจังหวะดีจะเจอขบวนรถไฟอื่นแซงเราไปด้วย สวยมาก
- รถออกมาช่วงเวลาสายและไปถึงตอนบ่าย อากาศยังไม่ทันร้อนมาก นั่งชั้น 3 เลยไม่ทรมาน
ข้อเสีย:
- แพง
- จากต้นทางที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ถ้าเราขึ้นไปบนรถไฟช้าเราจะไม่มีที่นั่ง แม้ว่าตั๋วเราจะระบุที่นั่งก็ตาม TT^TT
- คนขายอาจจะขายตั๋วยืนให้ในช่วงที่มีคนเยอะๆ
- ไม่มีแม่ค้าขึ้นมาขายของ
-ฝุ่นเยอะ
ขบวนต่อไป ขบวน 233 รอบ 11.40 เราคิดว่ารอบนี้เหมาะกับเราที่สุด เพราะไม่เช้าเกินไป มีแค่ชั้น 3 อย่างเดียว ราคา 36 บาท
ลักษณะ: เป็นขบวนยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ยาวสุดลูกหูลูกตา
ข้อดี:
- ถ่ายรูปวิวข้างทางได้ชัดเจน และสวยมาก เพราะเป็นรถไฟขบวนยาวเราก็จะได้รูปทางโค้งๆ มาด้วยเยอะมาก
- มีของขายตลอดสาย ราคาจับต้องได้
- ถูก
ข้อเสีย:
- อาจจะร้อนในบางฤดู
- ฝุ่นเยอะ
- ห้องน้ำเป็นแบบนั่งยอง สภาพน่ากลัวมากเลยไม่กล้าถ่ายมา ระลึกไว้ในความทรงจำก็พอ 55555555
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ -> [รวบรวมความกล้า ก้าวขาขึ้นรถไฟอีกครั้ง]
ขบวน 145 รอบ 15.20 รอบนี้ไม่เหมาะกับเราเพราะมาถึงที่ตลาดปากช่องดึกเกินไป อาจจะเหมาะกับคนที่มีที่พักอยู่ใกล้ๆ กับตลาด
แนะนำ: จากกรุงเทพไปปากช่องนั่งรถไฟขบวนไหนก็ได้ เพราะจากที่นั่งมารถไฟจะมีความตรงเวลาสูงมาก และไม่ต้องจอดรอหลีกให้ขบวนไหน อย่างช้าที่สุดอาจจะสัก 30 นาที
มีขบวนขาไปแล้ว ก็ต้องมีขบวนขากลับบ้าง
ขบวน 234 รอบ 10.09 รอบนี้ดูเหมือนเวลาในตารางจะดีนะ แต่ให้สังเกตคำว่า "ธรรมดา" ธรรมดาในภาษารถไฟแปลว่าช้ามากกกกกกกกก สามารถดีเลย์ได้เป็นชั่วโมงๆ เลย ดังนั้นขบวนนี้เราจะไม่เลือกอย่างแน่นอน 5555 เราเคยไปรอบรถรอบ 11.40 ขบวนที่เรารอมาถึงแล้ว ขบวนนี้ยังจะล่าช้าได้อีกเป็นชั่วโมงเลย ไม่แนะนำอย่างยิ่ง
ขบวนต่อไป ขบวน 72 รอบ 11.27 มีทั้งชั้น 2 และ ชั้น 3 ในรอบนี้เราจะเลือกขึ้นรถแอร์บ้างเพราะว่าขามา มารถพัดลมแล้ว ขากลับอยากจะลองนั่งรถแอร์บ้าง เปรียบเทียบกันว่าชอบแบบไหนมากกว่า ราคาชั้น 2 รถแอร์อยู่ที่ 292 บาท
ลักษณะ: เป็นขบวนสั้นๆ คล่องตัว คลุกฝุ่น 555
ข้อดี:
- แอร์เย็นฉ่ำ
- มีแม่ค้าขายของประจำรถ สั่งข้าวเที่ยงได้ และแมลงทอดอร่อยมากกกกก ให้เยอะ ราคายี่สิบ >///<
- ห้องน้ำดีกว่าที่คิดไว้เยอะมากเป็นชักโครก ดูดีกว่าที่หัวลำโพงอีก 5555
-มีความตรงเวลาสูงมาก บางครั้งมาก่อนเวลาด้วยซ้ำ (ตกใจ555)
ข้อเสีย:
- ถ่ายรูปไม่สวย กระจกมัวสุดๆ
- แอร์อัด ทั้งคนเยอะของเยอะ
- ราคาแพงกว่ารถตู้เกือบเท่าตัว
ขบวน 136 รอบ 14.00 มีชั้น 2 และ ชั้น 3 ที่เป็นพัดลมทั้งคู่ ต่างกันแค่เบาะที่นั่ง ราคา 86 บาท ขึ้นชื่อว่า "รถเร็ว" นางไม่ได้เร็วสมชื่นนะจ๊ะ วันนั้นนางดีเลย์ไป 1 ชั่วโมงเต็มๆ 555555
ลักษณะ: เป็นขบวนยาวมากกกกกกกกกกกกกกกก
ข้อดี:
- ถ่ายรูปสวย เพราะนางขบวนยาวมากกกกกก
- มีของมาขายตลอดเวลา
ข้อเสีย:
- ร้อนมาก ฝุ่นเยอะมาก
- ไม่ตรงเวลาอย่างถึงที่สุด TT^TT
ติดตามความลำบากของเราในขบวนนี้ได้ที่ -> [วายป่วงทันทีที่คิดขึ้นรถไฟ]
แนะนำ: ขบวนขากลับให้เลือกรอบ 11.40 ที่เป็นรถแอร์เถอะ แพงหน่อยแต่จะไม่เสียอารมณ์อย่างแน่นอน
จบไปแล้วสำหรับการรีวิวรถไฟ 4 เที่ยว 4 ขบวนที่เหมาะกับเรา ถ้าไปปากช่องครั้งหน้าเราก็จะนั่งรถไฟอีก เพราะรถไฟถึงมันจะร้อนหรือลำบากยังไง มันก็ยังคงมีเสน่ห์ในตัวมันเอง วิวข้างทางที่เราไม่ค่อยจะได้เห็น วิถีชีวิตชุมชน รวมไปถึงความ Slow life ที่พาหนะอื่นให้กับเราไม่ได้
ติดตามทริปรถไฟอื่นๆ ได้ที่ -> [นั่งรถไฟไปเที่ยวปีนัง&ตามหาคาเฟ่ harry 2020 (ตอนที่ 1)] หรือติดตามการเดินทางอื่นๆ ของเราได้ที่ เพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน
ขอบคุณที่ติดตามค่าาาา ❤
Try to Try ก็แค่ออกไปลอง
Try to try ก็แค่ออกไปลอง
วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 14.38 น.