แม้ระยะทางจากย่างกุ้งสู่เมืองแปรจะแค่ 179 กม. แต่ก็ใช้เวลาเดินทางกว่า 5 ชั่วโมง ในเวลา 4 โมงเย็น รถบัสจึงจอดอย่างสงบนิ่งที่สถานีขนส่งเมืองแปร ซึ่งมีลักษณะไม่ต่างจากสถานีอองมินกาลาร์ในย่างกุ้งนัก แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยมีเพียงห้องแถวชั้นเดียว 2 แถวหันหลังชนกัน และมีรถบัสจอดอยู่ข้างหน้า สิ่งที่เราต้องทำเป็นอย่างแรกหลังจากที่ลงจากรถ คือ การหาตั๋วรถไปพุกามในวันพรุ่งนี้
![](/f/37120/604f709eff1741731c0b9f57.jpg)
ท่ามกลางการรุมล้อมของไซก้า หรือสามล้อถีบ เราสอบถามรถไปพุกามกับโฟตอ คนถีบสามล้อที่พอพูดภาษาอังกฤษได้ โฟตอเดินนำเราไปที่โต๊ะขายตั๋วของบริษัทหนึ่ง เราสอบถามถึงรถไปพุกาม หรือที่คนพม่าเรียกว่า บะกัน (Bagan) คนขายตั๋วตอบว่า จากเมืองแปรไม่มีรถไปพุกาม ต้องไปต่อรถที่เมืองจองปะดอง (Kyaukpadaung) เรางงๆว่าเมืองที่ชื่อฟังแล้วแสนจั๊กกะจี้นี่อยู่ตรงไหน จึงหยิบแผนที่ส่งให้คนขายตั๋ว เพื่อชี้ตำแหน่ง เขาดูแผนที่สักพักแล้วจึงชี้ไปที่ชื่อเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งทางแยกที่จะเข้าเมืองพุกาม
![](/f/37120/604f70ef4c89b8732f9f0eb0.jpg)
ในเมื่อไม่มีรถที่วิ่งถึงพุกามโดยตรง เราจึงขอจองตั๋วไปจองปะดองในวันรุ่งขึ้น คนขายตั๋วบอกว่า ตั๋ววันพรุ่งนี้เต็ม แต่วันนี้พอมีที่เหลือ ทำให้แท่งลังเลที่จะไปจองปะดอง เพื่อต่อรถไปพุกามเสียแต่วันนี้ แต่เป็นไปไม่ได้หรอก อุตส่าห์มาถึงเมืองแปรแล้ว ขืนนั่งรถไปจองปะดองเสียแต่วันนี้ สู้นั่งรถจากย่างกุ้งไปพุกามโดยตรงไม่ดีกว่าหรือ
![](/f/37120/604f71224c89b8732f9f0eb1.jpg)
ผมหันไปถามโฟตอ ว่ามีบริษัทอื่นอีกไหม เขาบอกว่ามี โดยนำเราเดินไปยังห้องแถวซึ่งอยู่ด้านหลัง โชคดียังคงเป็นของเรา บริษัทนี้มีตั๋วไปจองปะดองในวันพรุ่งนี้ เราจึงจองตั๋วในราคาคนละ 8300 จ๊าต เล่นเอาเงินจ๊าตที่แลกมาเกือบหมดกระเป๋า และเพื่อตอบแทนน้ำใจของโฟตอ เราจึงจ้างให้เขาพาเราไปส่งในตัวเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีขนส่งประมาณ 2 กม.
![](/f/37120/604f719acf931e73245a7d37.jpg)
ไซก้า หรือ สามล้อถีบของพม่านี้คันไม่ใหญ่เหมือนบ้านเรา โดยเป็นจักรยาน ที่ติดที่นั่งเล็กๆไว้ฝั่งขวาของคนถีบ ที่บอกว่าที่นั่งเล็กๆ เพราะขนาดตัวผมไม่ใหญ่ เวลานั่งลงไปยังพอดีกับเบาะที่นั่ง จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า แท่งจะอึดอัดเพียงใดที่ต้องนั่งบนเบาะแคบๆนี้
![](/f/37120/604f71d3ff1741731c0b9f5d.jpg)
ทีแรกโฟตอ จะให้ผมกับแท่งนั่งรถเขาเพียงคันเดียว เพราะที่นั่งข้างคนขับนั้นสามารถนั่งได้ 2 คน โดยหันหลังชนกัน แต่ประเมินจากน้ำหนักของคนและกระเป๋าแล้ว คิดว่าโฟตอคงปั่นไปส่งเราได้ไม่เกินปากทางออกสถานีขนส่งแน่ แท่งจึงเลี่ยงไปนั่งสามล้อถีบอีกคันเพียงแค่ 1 เหรียญสหรัฐ เราก็ได้นั่งไซก้า สามล้อถีบสุดแสนคลาสสิคชมเมืองแปร
![](/f/37120/604f72274c89b8732f9f0eb3.jpg)
โฟตอชี้ชวนให้ผมชมสถานที่ต่างๆ บนถนนโบโจ๊ค (Bogyoke) ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่ตัดตรงจากสถานีขนส่ง สู่ตัวเมือง และไปสุดที่แม่น้ำอิรวดี บนเส้นทางนั้นเรียงรายไปด้วยเจดีย์สีทอง ที่งามอร่ามชวนให้สายตาได้ชื่นชม แล้วบรรดาเจดีย์เล็กเจดีย์น้อยที่ว่างดงามเหล่านั้น ก็ถูกความงามอันยิ่งใหญ่ของชเวซันดอว์บดบังจนสิ้น
![](/f/37120/604f729700ad2e7316df0d02.jpg)
แล้วโฟตอก็จอดรถหน้า Smile Motel ซึ่งตั้งอยู่เยื้องกับชเวซันดอว์ พร้อมบอกเราว่านี่เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองแปร ห้องพักสะอาดน่าอยู่ แต่ติดที่ว่าราคาสูงไปนิด เราจึงคิดหาที่พักที่ราคาถูกกว่านี้ ทั้งๆที่ผู้จัดการโรงแรมยอมลดราคาจาก 18 เหลือ 15 เหรียญสหรัฐ แล้วก็ตาม
![](/f/37120/604f72d100ad2e7316df0d03.jpg)
โฟตอถีบไซก้าผ่านวงเวียนอนุสาวรีย์นายพลอองซาน ซึ่งตั้งอยู่สี่แยกกลางเมือง แล้วเลี้ยวขวาสู่ถนนลานมาดอว์ (Lanmadaw) สิ่งที่ปรากฏบนสองฟากฝั่งถนนคือย่านการค้าขาย ซึ่งทำให้ผมประหลาดใจอยู่มิใช่น้อย ที่เมืองเล็กๆอย่างเมืองแปร แถมยังอยู่ในประเทศที่ค่อนข้างปิดตัวเองจากโลกภายนอก จะมีร้านค้าขายเสื้อผ้าแบนด์เนมตั้งอยู่หลายร้าน แต่เพียงแค่ 2 ช่วงตึก ความคึกคักของตัวเมืองก็สิ้นสุดลง
![](/f/37120/604f7306ff1741731c0b9f65.jpg)
โฟตอเลี้ยวซ้ายเข้าไปยังซอยเล็กๆ แล้วหยุดลงที่เกสท์เฮ้าส์แห่งหนึ่ง ซึ่งราคาห้องถูกเกินกว่าที่คาดคิด เพียงคืนละ 6 เหรียญสหรัฐ แต่ดูจากสภาพภายนอกก็ทำให้เราลังเลว่าจะอยู่ที่นี่ได้หรือไม่ แถมเจ้าของเกสท์เฮ้าส์ยังแนะนำว่าควรขึ้นไปดูห้องพักก่อนตัดสินใจ ซึ่งเป็นคำแนะนำที่มีประโยชน์จริงๆ เพราะสภาพภายในห้องพักนั้นโทรมกว่าสภาพภายนอกเสียอีก เราจึงตัดสินใจได้อย่างไม่ยากที่จะไม่พักที่นี่ โดยเดินกลับขึ้นไซก้า พร้อมให้โฟตอพาไปหาที่พักที่อื่น
![](/f/37120/604f7337ff1741731c0b9f67.jpg)
ห่างออกไป 1 ช่วงตึก โฟตอจอดรถที่หน้า Myat Lodging House ซึ่งผมบอกกับตัวเองว่า หากห้องพักที่นี่ไม่แย่จนเกินไป เราคงไม่รบกวนให้โฟตอเหนื่อยมากไปกว่านี้ แล้วด้วยสภาพห้องที่สะอาด แถมพี่สาวเจ้าของเกสท์เฮ้าส์ยังอัธยาศัยดี จึงทำให้เราเลือกพักที่นี่ ในราคาคืนละ 10 เหรียญสหรัฐ
![](/f/37120/6052120600ad2e7316df0d8f.jpg)
เมื่อเป้ถูกปลดลงจากหลัง สิ่งแรกที่ทำคือการอาบน้ำ เพราะขณะนี้เราเกือบกลายเป็นมนุษย์คลุกฝุ่น หลังจากที่ต้องผจญกับฝุ่นตลอดเส้นทาง และเมื่อร่างกายได้รับความสดชื่น ความกระปรี้กระเปร่าก็กลับมา เราจึงชวนกันไปเดินหาอาหารเย็น แต่แทนที่จะเดินตัดตรงไปยังตลาดยามค่ำ เรากลับเดินอ้อมโดยแวะไปชมแม่น้ำอิรวดี (Ayeyarwaddy) ซึ่งแม้ในเวลานี้พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่เราก็ยังสามารถเห็นความกว้างใหญ่ของแม่น้ำสายนี้ โดยทางทิศใต้มีสะพานแขวนนาวาเดย์ (Nawaday) สะพานเพียงแห่งเดียวในเมืองแปรที่ทอดข้ามแม่น้ำกว้างสายนี้ และที่อีกฟากหนึ่งของสายน้ำ เป็นเทือกเขาอาระกันโยมา (Arakan Yoma) ที่ทอดตัวขนานกับสายน้ำ โดยในยามที่ท้องฟ้าเริ่มมืดมิดได้ปรากฏแสงสีทองงามอร่ามที่สาดส่องเจดีย์ชเวมองคามุนี (Shwe Mongkamani) เจดีย์งามริมสายน้ำ ซึ่งเพียงแค่นี้ ก็ทำให้เราตกหลุมความงามของสายน้ำและแสงสีทองขององค์เจดีย์ จนต้องหยุดมองเสียนาน
![](/f/37120/604f73d600ad2e7316df0d05.jpg)
ตลาดยามค่ำของเมืองแปรนั้นตั้งอยู่บนถนนโบโจ๊ค บริเวณอนุสาวรีย์นายพลอองซาน ยาวไปจนเกือบถึงแม่น้ำอิรวดี โดยมีอาหารคาวหวานให้เลือกมากพอควร ค่ำนี้เราเลือกกินข้าวแกงพม่า ข้าวนั้นจะถูกนำไปผัดกับน้ำมัน พร้อมใส่เมล็ดถั่วลันเตาและหอมเจียวลงไปด้วย ผมเลือกกินคู่กับปลาทอดชิ้นโต พร้อมด้วยเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้คือ กะหล่ำปลีดิบซอยราดด้วยซอสพริก
![](/f/37120/604f74b34c89b8732f9f0eb7.jpg)
![](/f/37120/604f7428cf931e73245a7d3c.jpg)
![](/f/37120/604f741300ad2e7316df0d08.jpg)
กินอาหารคาวไปแล้ว ถ้าให้ครบสูตรก็ต้องต่อด้วยของหวาน เราจึงซื้อของหวานมาลองกินเสียหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวุ้นซึ่งมีให้เลือกหลายแบบ แถมแม่ค้ายังใจดีหั่นวุ้นให้เราลองกินเสียเกือบครบทุกแบบ เรียกว่ายังไม่ได้ซื้อ ก็ลองกินเสียอิ่มแล้ว
![](/f/37120/604f746e00ad2e7316df0d0a.jpg)
![](/f/37120/604f745c00ad2e7316df0d09.jpg)
การขายนั้นไม่ได้คิดราคาตามชิ้น แต่ใช้วิธีชั่งน้ำหนัก ฉะนั้นจึงสามารถเลือกวุ้นหลายแบบมาชั่งรวมกันได้ นอกจากนี้เรายังได้ของทานเล่นอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายขนมเบื้องญวน แต่ไส้ถั่ว และขนมครกอีก 1 กระทง โดยแต่ละอย่างมีราคาเพียง 100 จ๊าตเท่านั้น ค่ำนี้จึงอิ่มจนหนักท้อง แต่เบากระเป๋า
![](/f/37120/604f749d4c89b8732f9f0eb5.jpg)
กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง
วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 13.19 น.