รถสองแถวมาส่งเราที่สถานีขนส่งเมืองแปร ซึ่งยังพอมีเวลาให้เรากินอาหารก่อนที่รถไปจองปะดองจะออกในเวลาบ่ายสาม
![](/f/37317/606929d25a766870df837a91.jpg)
ร้านอาหารหน้าสถานีขนส่งซึ่งมีอยู่ 3 – 4 ร้านเป็นจุดหมายของเรา ราเลือกเข้าร้านที่มีลูกค้านั่งกินอาหารอยู่ เนื่องจากจะได้ดูว่าเขากินอะไรกัน หากดูน่ากินจะได้สั่งตาม ซึ่งดูแล้วอาหารหน้าตาเหมือนข้าวผัดดูจะน่ากินที่สุด โดยแม่ครัวเรียกว่า ทะเมียนโตะ ราคาจานละ 300 จ๊าต
![](/f/37317/60692a0236e85f70f0aef0f0.jpg)
ในระหว่างที่นั่งรอ ผมจึงเดินไปดูแม่ครัวทำทะเมียนโตะ จึงได้รู้ว่าอาหารที่เราสั่งนั้นไม่ใช่ข้าวผัด แต่เป็นข้าวคลุก ซึ่งสิ่งที่น่าตกใจคือ แม่ครัวนั้นใช้มือคลุกข้าวโดยไม่สวมถุงมือ นี่เพิ่งเป็นวันที่สองของการเดินทาง หากท้องเสียตั้งแต่วันแรกๆ การเดินทางในวันต่อๆไปคงจะลำบาก แต่ไหนๆก็สั่งไปแล้ว อีกทั้งแม่ครัวอุตส่าห์ล้างมือก่อนลงมือคลุกข้าว จะตัดสินใจกินสิ่งที่ตัวเองสั่ง แม้จะยังตะขิดตะขวงใจว่าจะท้องเสียหรือไม่ แต่ทะเมียนโตะจานนี้ก็รสชาติอร่อยไม่ใช่เล่น ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะรสจากมือของแม่ครัวหรือเปล่า
![](/f/37317/60692a3c5a766870df837a92.jpg)
เราเดินแบกเป้ไปยังรถบัสที่เราจองตั๋วไว้ แม้มองจากภายนอกจะดูเหมือนรถแอร์ แต่ก็ไม่มีแอร์อย่างที่คิด โดยเป็นรถบัส 60 ที่นั่ง สำหรับจำนวนที่นั่งซึ่งมากกว่ารถบัสในเมืองไทยนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะเป็นรถบัส 2 ชั้น หรือมีขนาดใหญ่กว่า แต่เป็นเพราะเบาะนั่งนั้นแคบกว่าทำให้มีจำนวนแถวมากกว่า อีกทั้งช่องทางเดินตรงกลางก็มีเก้าอี้เสริมแบบพักเก็บได้ติดไว้ตลอดทางเดิน
![](/f/37317/60692a8b5a766870df837a93.jpg)
![](/f/37317/60692a7d6fe0bd70bd8f7082.jpg)
แม้บรรยากาศภายในรถจะค่อนข้างอึดอัด แต่ด้วยทิวทัศน์สองข้างทางที่เลียบแม่น้ำอิรวดี โดยบางช่วงขนาบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ จนเกิดเป็นอุโมงค์ต้นไม้ที่น่าอัศจรรย์ จึงทำให้ความรู้สึกอึดอัดคลี่คลายลง อีกทั้งภายในรถยังเปิดหนังพม่าสลับกับมิวสิควีดีโอเพลงพม่าให้ชมตลอดทาง ซึ่งทุกครั้งที่เปิดมิวสิควีดีโอ จะต้องมีผู้โดยสารชาวพม่าร้องตาม จนทำให้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้องคาราโอเกะ
![](/f/37317/60692ac26fe0bd70bd8f7083.jpg)
![](/f/37317/60692ab693e8f56670f2b426.jpg)
สำหรับหนังพม่านั้น ผมดูไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เพราะฟังไม่ออก แต่สำหรับแท่งแล้ว แม้จะดูไปหลับไปก็สามารถสรุปเนื้อเรื่องของหนังให้ผมฟังได้เป็นฉากๆ อีกทั้งยังวิจารณ์พระเอกพม่าว่าหน้าตาและรูปร่างไม่ดีเอาเสียเลย เพราะถ้าไม่อ้วนเกินไปก็ผอมเกินไป จนทำให้แท่งคิดว่า หากเขาอยู่ประเทศพม่านานกว่านี้ หน้าตาน้องๆเคน ธีรเดชอย่างเขา คงมีแมวมองมาทาบทามให้เป็นพระเอกหนังพม่าแน่ๆ
![](/f/37317/60692af436e85f70f0aef0f1.jpg)
ในเวลา 3 ทุ่ม รถบัสจอดให้กินอาหารค่ำที่ร้านอาหารข้างทาง เป็นข้าวสวยกินกับสารพัดผักจิ้มน้ำพริก และหลังจากนั้นรถก็จอดอีกเป็นระยะ เพื่อให้ผู้โดยสารได้ลงไปปลดทุกข์ที่ข้างทาง ซึ่งพม่าคงเป็นชาติเดียวกระมัง ที่ผู้ชายต้องนั่งลงเก็บดอกไม้เหมือนผู้หญิง เพราะนุ่งโสร่ง
![](/f/37317/60692b4f5a766870df837a95.jpg)
แม้เบาะจะปรับเอนนอนไม่ได้ แต่เราก็หลับท่ามกลางความมืดมิดของเส้นทางที่รถแล่นผ่าน จนเวลาตี 3 เราจึงสะดุ้งตื่น ด้วยเสียงตะโกนอันดังของเด็กรถว่า จองปะดอง (Kyaukpadaung) ซึ่งผู้โดยสารทั้งคันรถนั้นมีเราเพียงแค่ 2 คนที่ลงที่นี่ แล้วระยะทาง 350 กม. กับเวลาเดินทางที่นานถึง 12 ชั่วโมง ก็สิ้นสุดลง
เราเดินไปยังร้านกาแฟ ใกล้ๆกับที่รถบัสจอด เพื่อสอบถามเด็กหนุ่มลูกเจ้าของร้านถึงการต่อรถไปยังพุกาม เด็กหนุ่มตอบว่ารถจะมาที่นี่เวลาตี 4 โดยให้นั่งรอที่หน้าร้าน และเพื่อเป็นการฆ่าเวลา เราจึงสั่งกาแฟร้อนมาดื่มแก้ง่วง
![](/f/37317/60692b9536e85f70f0aef0f2.jpg)
เวลาค่อยๆถูกเราฆาตกรรมไปเรื่อยๆ จนถึง 03.50 น. เราก็ยังคงนั่งจิบกาแฟฆ่าเวลาอย่างสบายอารมณ์ แล้วอยู่ๆ ชายเจ้าของร้านกาแฟอีกร้านซึ่งอยู่ติดกันก็เดินมาคุยกับเรา ว่าจะไปพุกามไม่ใช่หรือ ทำไมถึงยังนั่งสบายอารมณ์จิบกาแฟอยู่ได้ เรางงๆกับคำพูดของเขา ก็ในเมื่อรถไปพุกามจะผ่านหน้าร้านที่เรากำลังนั่งอยู่ แล้วจะให้เราไปนั่งที่ไหน เขาส่ายหน้าแล้วตอบว่า รถไปพุกามไม่ได้ผ่านที่นี่ แต่ต้องเดินไปยังสี่แยกกลางเมืองแล้วเลี้ยวซ้ายไปอีกราว 10 นาที ให้ตายสิ ! นี่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 นาที ก็จะตี 4 แล้ว ถ้าเป็นจริงอย่างที่เขาบอก มีหวังเราได้ตกรถไปพุกามแน่ !
เราแบกเป้เดินจ้ำอ้าวไปตามถนนสู่สี่แยกกลางเมือง แล้วเลี้ยวซ้ายตามที่ชายผู้นั้นบอก ซึ่งในเวลานั้นเราไม่รู้หรอกว่า เดินไปอีก 10 นาทีตามที่เขาบอกนั้น มันหมายถึงตรงไหน ท่ามกลางความมืดมิดและสับสน รถม้าคันหนึ่งกำลังควบผ่านมา เราจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปถามทาง คุณลุงผู้ขี่รถม้าบอกให้เดินตรงไปยังสี่แยกใหญ่เบื้องหน้า รถไปพุกามจะผ่านบริเวณนั้น จากการฆ่าเวลา ในเวลานี้เรากำลังเดินแข่งกับเวลา ซึ่งดูเหมือนเรากำลังจะแพ้ เพราะเข็มวินาทีนั้นดูเหมือนจะเดินเร็วกว่าขาของเรา ไม่ทันแล้ว เวลาล่วงเลยตี 4 ไปแล้ว เรามาถึงสี่แยกนั้นในเวลา 04.10 น.
![](/f/37317/60692cad6fe0bd70bd8f7085.jpg)
เรายืนอยู่ที่สี่แยกด้วยหัวใจที่คอยลุ้นขอให้รถไปพุกามยังไม่ได้แล่นผ่านไป แล้วรถบัสคันใหญ่ก็เคลื่อนตัวผ่านมา ท่ามกลางความมืดมิด กระจกหน้ารถติดอักษรพม่าที่อ่านไม่ออก จึงไม่อาจรู้ได้ว่ารถคันนี้จะไปไหน แต่อย่างไรเสีย ในเมื่อความหวังกำลังเคลื่อนตัวผ่านมา เราจึงไม่รอช้าที่จะทุ่มสุดตัวเพื่อโบกรถให้จอด แล้วความโชคดีก็เป็นของเราอีกครั้ง เมื่อรถคันนี้เป็นรถไปพุกามที่เราเฝ้าคอย และแล้วการเดินทางอย่างนอกแผน ก็กลับสู่แผนการเดินทางที่วางไว้สักที
กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง
วันพฤหัสที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 10.49 น.