เหนียวที่ พี่น้อง EP.13 : ครั้งหนึ่งเราเคยไปภูกระดึงด้วยกัน

ภูกระดึง ” สถานที่ ที่หลายคนต้องนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ ของการเริ่มต้นเดินป่า
แต่สำหรับเราเป็นคนที่ไม่ได้ชอบการเดินป่ามาก่อนนะ รู้สึกชอบการเดินทางมากกว่าการได้พบเจอผู้คน การที่เจอเรื่องราวระหว่างทาง มันเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจเราพองโตมากเลย

“ สำหรับเราการรีวิวภูกระดึงคงไม่มีอะไรดีไปกว่าเราได้เขียนเรื่องราวที่เราเจอ อย่างน้อยก็ให้ตัวเองได้เก็บไว้อ่าน วันนึงก็จะทำให้เราคิดถึงช่วงเวลานั้นอีกครั้ง ”


จุดเริ่มต้นทริปภูกระดึงของพวกเรา

เริ่มต้นที่ความรู้สึกส่วนตัว ที่รู้สึกว่าเออถึงเวลาแล้วที่เราจะไปภูกระดึงซักที อยากรู้จริงๆมันจะเป็นยังไง ประจวบเหมาะกับ สภาพอากาศ ช่วงเวลาตอนนั้นที่คนยังไม่น่าเยอะมาก และประสบการณ์เที่ยวคนเดียวของเรา ทำให้เราอยากเอามันไปใช้กับภูกระดึงดู สถานที่ที่ใครต่างบอกว่าอยากกลับไปอีก แต่คราวนี้ก่อนไปเราได้ไปสั่งเสียลงในกลุ่มเพื่อนว่า “ เดี๋ยวจะไปภูกระดึงว่ะ สนป่าว ” เพราะรู้ว่ามีเพื่อนคนนึงสนใจ

บอม 1 ในเพื่อนสนิทวิศวะจุฬาฯ ที่เรียกว่าเรารู้ใจกันมาก จนถึงมากที่สุด
(อาจจะคิดไปเองฝ่ายเดียว 555 ) 

มันเป็นคนที่ชอบเสพความชิวเวลาไปเที่ยว
พวกเราไปเที่ยวด้วยกันบ่อยมาก จนรู้ว่าไอ้บอมจะเป็นคนเดียวที่ไม่ชอบการถ่ายรูป [แต่เพื่อนชอบถ่ายมันนะ] ความสุขของไอ้บอมคือการใช้ร่างกายสัมผัสสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แล้วหวนคิดถึงอะไรบางอย่างเป็นมุมเล็กๆของชายตัวใหญ่คนนึงที่ทำให้รู้สึกว่า

“ เออ มึงแม่งเท่ ว่ะ ” แน่นอนว่าอะไรที่มันชอบ ใจมันอยากทำมันจะเด็ดขาดกับตัวเอง
ไปคือไป เพราะงั้นทริปนี้เลยเริ่มต้นที่เรา 2 คน แบบมั่นใจเลยมึงไปกับกูแน่!


โจ อีก 1 คนที่เป็นเพื่อนสนิทในแก็งเดียวกัน คิ้วท์บอยจุฬาที่เรียกได้ว่า มันคือคนแรกที่รู้จักในวันแรกของการมาเรียนวิศวะ ไอ้โจเป็นคนที่เคยไปภูกระดึงมาแล้ว เมื่อ 4 ปีก่อน เลยไม่คิดนะว่ามันจะไปด้วยอีก แต่ด้วยความว่างเพราะเพิ่งออกจากงานเก่ากับการเป็นคนเหงาเริ่มอยากออกเที่ยว ก็เลยได้ตกลงว่าจะไปด้วยกันอีกคน


สรุปทริปนี้เลยเป็นทริปเด็กกระโปก 3 คน บนภูกระดึง


เส้นทางการเดินทาง

หมอชิต 2 - ผานกเค้า - อช.ภูกระดึง - ซำต่างๆ - หลังแป - วังกวาง - ผาหมากดูก - ผานกแอ่น - เส้นทางชมน้ำตก - สระอโนดาด - ผาเหยียบเมฆ - ผาหล่มสัก - ป้ายผู้พิชิตผู้กระดึง – กรุงเทพ

การไปเที่ยวครั้งนี้เรากับบอม แทบจะไม่ศึกษาอะไรบนภูกระดึงเลย แบบอยากไปเจอ อยากไปถามอย่างเดียว แต่เราก็มีไกด์ส่วนตัว โจของเรานี่เอง ที่คอยวางแผนว่าจะไปนู้นนี่นั่นอยู่เพื่อให้เราสามารถไปได้ครบใน 3 วัน 2 คืน

การเดินทางขึ้นภูกระดึงพวกเราตกลงกันว่าจะไม่ใช้ลูกหาบ โจบอกว่ามันเคยใช้รอบก่อนสบายไป ส่วนเรากับบอมก็สายตาต่อตาฟันต่อฟันอยู่แล้ว แบกเอง วัดตัวเองไป


เดินขึ้นภูกระดึง มันจะแค่ไหนกันนะ

ความท้าทายแรกของการไปภูกระดึงคือการเดินขึ้นเนี่ยแหละ 
“อีกนิดเดียว” คำพูดที่มักจะได้ยินคนที่สวนลงมาบอก
แต่จริงๆแล้วแค่การให้กำลังใจกัน 😂 ตามสไตล์ภูกระดึงเนี่ยแหละ ก็เป็นสีสันไปอีกแบบ

ตลอดทางขึ้น ตั้งแต่ซำแฮก จนถึงหลังแป บอกเลยพวก
เราแวะทุกซำ แต่แวะแบบแปปเดียวนะ มีซำสุดท้ายแวะกินข้าวเลยเพราะหิว 

เราเดินกันแบบแบบไม่หยุดแต่ชิวๆ มองบรรยากาศรอบทางไปเรื่อยๆ คุยกันเรื่องนู้นเรื่องนี้บ้าง ตามประสาคนไม่เจอกันนาน จากที่พวกเราเห็นตรงกัน จริงๆคิดว่าก่อนถึงซำแฮกอ่ะ นั่นเป็นทางที่โหดสุดละ ถ้าผ่านไปได้ก็สบายแล้ว

พวกเราใช้เวลาเดินขึ้นจนถึงวังกวางประมาณ 3 ชม. หน่อยๆ รวมพัก ก็มาถึงหลังแป แต่เส้นทางมันยังไม่จบเท่านี้ ต้องเดินต่อไปอีก ~3 km. เพื่อไปลานกางเต็นท์ ไฮไลท์ขอที่นี่คือ เส้นทางเดินไปเนี่ยแหละ สวยมาก ตรงกลางมีต้นสนกลางถนน ที่น่าจะเคยเห็นในรูปกันมา กับป่า 2 ข้างทางที่ทำให้เกิดความสงสัยว่า ทำไมข้างนึงมันไหม้ อีกข้างเขียวชะอุ่ม และก็ได้คำตอบว่า อ้อออ มันเกิดไฟไหม้ขึ้น แต่เค้าช่วยกันดับทันเลยออกมาเป็นแบบนี้

แดดแรงๆที่แผดเผา ทำเอาเราไปถึงหลังแปแบบแทบจะหมดแรง พวกเราเลยตกลงเคลียของแล้วพักกันในเต็นท์ และรอไปดูพระอาทิตย์ตกตอนเย็นที่ผาหมากดูก


ดวงเราจะได้เจอกันจริงๆ “ พี่เต้ ” เพื่อนใหม่คนแรกของการเดินทาง

ตกเย็นหลังพักผ่อนพวกเราตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ผาหมากดูกและก็ทำให้พวกเราได้เจอกับ 

"พี่เต้" อีกครั้ง

ต้องเล่าก่อนว่าวันที่ไปจากหมอชิต เราได้พบกับพี่ที่นั่งข้างๆเรา และด้วยความเป็นคนเสือกๆอีกแล้ว
ก็เริ่มชวนคุยก่อนเลย พี่เต้เป็นคนที่มาภูกระดึงแบบจู่ๆก็มา เก็บกระเป๋าแปปเดียว
แล้วมาซื้อตั๋วหน้าหมอชิตเลย ถ้ามีก็ไป ไม่มีก็ไม่ไป แค่นั้น ตอนแรกเราไม่ได้สนิทกันมาก ก็แค่ชวนคุยในฐานะเพื่อนร่วมทางที่จะไปภูกระดึงด้วยกัน

แต่ดวงพวกเราก็ได้เจอกันอีกหลายครั้งตั้งแต่ ขึ้นรถ ไปสองแถว ลานกางเต็นท์ และสุดท้ายผาหมากดูกจนทำให้
เออ!! ถ้าเราจะเจอกันขนาดนี้ เราขอชวนพี่เค้ามากินมื้อเย็นด้วยกันเลยดีกว่า
และหลังจากนั้น พวกเราก็แลกเปลี่ยนอะไรกันมากมาย จนทำให้เราสนิทกันมากขึ้น
ความประทับใจของนักเดินทาง 2 กลุ่มที่ได้มาเจอกัน ผ่านค่ำคืนแรกพี่เต้ตั้งใจจะกลับเช้าวันที่ 2 เลย พี่เต้เลยอาสาเลี้ยงหมูกระทะกับเบียร์พวกเรา ทั้งๆที่เราเพิ่งเคยเจอกัน

ต้องขอบคุณเต้มาก พวกเรารู้สึกโชคดีจริงๆที่ได้เจอกันตั้งแต่บนรถเลย


พระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น กับช่วงเวลาที่ดีสุดๆของเรา

การตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น คงเป็นของคู่กันกับการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติไปแล้ว

"ผานกแอ่น" สถานที่ยอกฮิตที่ทุกคนที่ไปภูกระดึง ต้องไปเยือนซักครั้ง ต้องยอมรับเลยว่าเป็นผาที่ทำให้เราจดจำมา จังหวะที่เราเดินไปถึง ผู้คนที่นั่งรายล้อมกันเต็มผา สายลมที่พัดกระแทกเข้าหน้า กับเสียงลมที่ตีเข้าหน้าผา ทำให้ตอนนั้นเราตะลึงไปเลย เป็นสถานที่ ที่ชอบที่สุดตอนไปภูกระดึงเลยล่ะ

การนั่งเสพบรรยากาศวิวพระอาทิตย์ขึ้น กับโมเม้นต์ของใครหลายคนตอนนั้น บางที่เราแอบมองว่าเป็นเหมือนช่วงเวลาแห่งการเติมไฟของใครหลายคนเลย โดยเฉพาะไอ้บอม จู่ๆมันก็โพสต์ story เท่ๆ 

“ ชีวิตคนเราก็ต้องการ แค่นี้แหละ ตื่นมาทำเรื่องเดิมๆ ไม่ผิดก็ซ้ำ ” เนื้อหาตอนมันลงก็จะ งงๆ หน่อย แต่ความหมายประมาณนี้ 5555 แน่นอนใครไม่ได้อยู่ต่อหน้าวิวแบบนั้น สภาพจิตใจที่เหนื่อยล้า กับการเยียวยาด้วยธรรมชาติตรงหน้า มันทำให้อินจัดเลยล่ะ 

โมเม้นต์ขากลับพวกเราเดินกลับกันกลุ่มสุดท้าย ฉากนั้นคือช่วงเวลาที่ชิวที่สุดของการไปเที่ยวแล้วมั้ง แบบเราไม่ต้องการอะไร เราแค่เดินไปเรื่อยๆ คิดถึงอะไรก็ควักมาคุยโม้กัน บางทีการไปเที่ยวกับเพื่อนของเรา
อาจจะต้องการโมเม้นต์แค่นั้นเองจริงๆ 😚


เริ่มต้นวันที่ 2 เส้นทางเดินชมน้ำตก 

หลังจากเติมพลังใจกันที่ผานกแอ่น วันที่สองเราก็ต้องปั่นจักรยานลุยตามแผนที่ไอ้โจวางไว้

เดินลุยน้ำตก เส้นทางศึกษาธรรมชาติ
ปั่นไปนั่งพักกับน้ำเย็นๆที่สระอโนดาด
ไปดูผาเหยียบเมฆ เป็นผาที่สวยที่สุดเท่าที่เคยไปมา 
และจบที่ผาหล่มตามตำราภูกระดึงสักก่อนกลับมาแคมป์ 
กับจักยานคู่ใจที่ทำให้ต้องร้องทรมานกับเบาะที่กระแทกตูดเราไปตลอดทาง จนเพื่อนรำคาน >< 

ช่วงเช้าๆเราเดินน้ำตกกันกว่า 3 ชม. ยิ่งเข้าไปลึกก็ยิ่งสวย เข้าไปเราได้เจออะไรมากมาย สภาพป่าที่ผ่านกาลเวลา วิวน้ำตกกับการ

นั่งกินปาท่องโก๋ที่ไอ้บอมพกติดตัวไป เดินๆ แวะข้างทางเอามือจุ่มน้ำโง่ๆ ไปยืนมองน้ำตก ทักทายผู้คนระหว่างทาง 

ช่วงเวลาของวันที่ 2 มันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เราไปถึงสระอโนดาดก็เกือบบ่ายๆ นั่งฝอยกับชาวขอนแก่น สระผมให้ไอ้บอม รอไอ้โจเอาจักรยานลงน้ำ 

ก่อนที่จะปั่นไปผาเหยียบเมฆต่อ ผาเหยียบเมฆเป็นผาที่เราว่าสวยกว่าผาหล่มสักอีกนะ วิวด้านล่างหน้าผา กับสีฟ้าของท้องฟ้าตรงหน้า มุมเปิดโล่งที่อยากจะนั่งพักจากระยะทางที่เราผ่านมากว่า 10 km. 

ถึงแม้ผาเหยียบเมฆท จะเป็นผาที่ประทับใจที่สุดและสวยมาก 
ซึ่งเป็นเหมือนรางวัลของเราที่เหน็ดเหนื่อยเดินมาถึง

แต่การเดินทางของเราก็ยังไม่จบลง ก่อนที่จะหมดวัน เรายังมีเป้าหมายสุดท้ายอยู่คือ ไปดูผาหล่มสักซักครั้ง


ความหมายของคำว่าผู้พิชิต สำหรับเรา

ก่อนสิ้นแสงอาทิตย์พวกเราก็มาถึงผาหล่มสัก ปลายทางของใครหลายๆคนในการมาพิชิตภูกระดึง มันน่าใจหายนะที่พรุ่งนี้เราต้องกลับบ้าน ช่วงเวลานั้นเหมือนกับวันสุดท้ายของการไปค่ายซักค่ายในวัยเด็ก ที่เราอยากจะอยู่แบบนี้แหละ ไม่อยากกลับบ้าน 

พอกลับมานึกถึงเรื่องราวที่เจอ เราพบว่า เสน่ห์ของภูกระดึง " จะเริ่มออกมาเรื่อยๆ เมื่อทุกคนเหนื่อย แต่มีเป้าหมายการเดินทางเดียวกัน ถึงจะมาจากต่างที่กัน มันทำให้เราได้เจอเพื่อนใหม่ เรื่องราวใหม่ๆ จากคนที่ได้พบกัน พี่เต้มิตรสหายใหม่จากการเที่ยวครั้งนี้ ชาวขอนแก่นที่เราเจอกันโคตรบ่อย พี่เมและเพื่อนๆที่เราถ่ายรูปให้ที่ผาข้างทาง พี่โจอี้ผู้ปักหลักใช้ชีวิตบนภูกระดึง ลุงๆป้าๆ ร้านค้าบนภูกระดึง 

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่สามารถเอามาเล่าได้หมดเลย มันเป็นสิ่งที่ทำให้คิดถึงชีวิตบนภูกระดึงครั้งแรกจริงๆ

มีบางคนขึ้นภูกระดึงครั้งแรก บางคนขึ้นมาหลายครั้งแล้ว หลายคนขึ้นแข่งกับเวลาและสถิติ ความเหน็ดเหนื่อย

ความงดงามของวิวที่ได้เจอ หรือแม้แต่ความท้าทายที่หลายคนตั้งเอาไว้ ความสนุกของการขึ้นแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน

ส่วนสำหรับเรา “ การได้มาพิชิตภุกระดึงคงมองไปที่ช่วงเวลาที่ผ่านมา เราพาตัวเองไปเจอเรื่องราว
บนภูกระดึงมามากแค่ไหนกันนะ แล้วเราสุดท้ายเราจะคิดถึงภูกระดึงแบบคนอื่นรึเปล่านะ ”
:)


ทั้งทริปชอบรูปนี้ที่สุดละ ขอฝากเอาไว้ในนี้แล้วกัน “จดหมายถึงเพื่อนรัก”

ปกติยิ่งสนิทกันมันก็จะพูดอะไรแบบนี้ไปทำไมก็ไม่รู้นะ แต่ด้วยการที่พวกเราต้องแยกย้ายไปใช้ชีวิตของแต่ละคน ต่างต้องเจออะไรมากมายในแต่ละวัน ความรับผิดชอบที่มากขึ้น การเจอกันแต่ละครั้งของพวกเรามันเลยมีความหมายแหละ มันทำให้รู้สึกเหมือนเราได้กลับไปเป็นเด็กกระโปกอีกครั้ง

ภาพความสนุกในวันเก่าๆมันหวนกลับมาให้นึกถึง และยังคงคิดถึงไอ้พวกที่เหลือที่ไม่ได้มาด้วยกัน 

สุดท้ายก็อยากบอกเพื่อนไว้ว่า
“ ไปเที่ยวกับพวกมึงแม่งดีว่ะ ”
หวังว่าซักวันเราจะมีโอกาสได้เดินทางแบบนี้กันอีกครั้งนะ คิดถึงพวกมึงว่ะ แก็งเด็กโปก 😁


เขียนโดย : ป.ปลาตัวกลม

ติดตามเรื่องราวของพวกเราได้ที่
Facebook :
เหนียวที่ พี่น้อง
Instagram : nt_phinong
youtube :
https://www.youtube.com/channel/UCQHYzD7wnJRAnpnlv-7jcKw
read me :
https://th.readme.me/id/ppongsakorn

nnatsu roll

 วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.42 น.

ความคิดเห็น