เขาพนมเบญจา เทือกเขาสูงสุดของจังหวัดกระบี่ ชื่อนี้ฝังอยู่ในหัวผมมานาน สนใจอยากสัมผัสธรรมชาติพิชิตความสูงสักครั้ง แต่อุทยานฯ ปิดเส้นทางเดินป่าระยะไกลมาสักพักใหญ่ ผมเองติดตามข่าวเรื่อยมาจนกระทั่งปี 64 พอแว่วว่ามีการเปิดเป็นระบบระเบียบแล้วนะ จึงรีบโทรไปสอบถามอุทยานฯ และได้รับคำตอบอันน่าชื่นใจว่า นักท่องเที่ยวสนใจจองทริปวันไหนคะ
ปกติฤดูร้อนเหมาะกับการเดินป่าภาคใต้ เพราะหมดช่วงมรสุม แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่น ไฟป่า ภัยร้อนแล้งเหมือนพื้นที่ภาคอื่น ดังนั้นพอเขาพนมเบญจาเปิดให้เที่ยวอย่างเป็นกิจจะลักษณะ นักแบกเป้ทั้งหลายเลยเฮโลไปกันทุกสัปดาห์ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แน่นทุกวีคตั้งแต่ปีใหม่เรื่อยมา
เพื่อความสะดวกสไตล์คนทำงานอิสระ ผมเลยรวบรวมพรรคพวกไปวันธรรมซะเลย จันทร์ อังคาร พุธ ปลายเดือนมีนาคม เป็นกลุ่มเดียวที่ขึ้นเขาวันดังกล่าวสบายมาก
![](/f/39722/61f0d0a95ac74e550ef5b00f.jpg)
พูดกันถึงที่นี่ก่อน… พนมเบญจาคงเป็นเพียงเทือกเขาขนาดเล็กหากเทียบกับขุนเขาอื่นของภาคใต้อย่าง เขาหลวงนคร เขาบรรทัด หนำซ้ำยังเป็นอุทยานแห่งชาติซึ่งมีขนาดเล็กอันดับต้นๆ ของประเทศ เนื้อที่แค่ 50 ตารางกิโลเมตร แต่ถึงอย่างนั้นก็จัดว่าเล็กดีรสโต
เทือกเขาแห่งนี้หากมองจากทางอำเภอเขาพนมจะเห็นรูปร่างซ้อนกันคล้ายผู้หญิงนอนหงาย มีหน้าตา จมูก คอ หน้าอก ชาวบ้านเก่าก่อนเรียกว่าเขานม (น่าจะสื่อถึงดูเหมือนนมสาว) แล้วทีนี้เมื่อมองมาบนเขานับไปนับมามียอดสูงๆ ห้ายอด เลยกลายเป็นพนมเบญจาฃ
ที่มาของชื่อพนมเบญจาอีกแบบคือการผูกโยงตำนานไทยๆ รายละเอียดอาจต่างกันตามแหล่งที่มาของผู้เล่า แต่สรุปใกล้เคียงกันว่าเขาแห่งนี้่คือร่างของนางเบญจา หญิงสาวผู้ชอกช้ำในความรักที่สุดท้ายมาทอดร่างนอนหงายกลายเขาหินลูกใหญ่ พนมเบญจาก็คือภูเขานางเบญจานั่นไง
![](/f/39722/61f0d0e988ed8e3d93c584a5.jpg)
จุดสูงสุดของเขาพนมเบญจาคือยอดนมสาว 1,397 เมตร ปัจจุบันไม่อนุญาตให้ขึ้นไปสุดยอด เพราะอุทยานฯ สำรวจพบว่าเป็นที่อยู่ของเลียงผา ดังนั้นเส้นเทรลที่กำหนดให้เที่ยวตอนนี้มีเส้นเดียวคือ เริ่มจากจุดสตาร์ตถึงแคมป์แรกเชิงคอนางนอน วันต่อมาขึ้นสู่แคมป์สองที่คอนางนอน (ใครเดินวันเดียวมาถึงนี่เลยก็ได้) จากนั้นจะเดินตัวเปล่าไปชมวิวที่หน้าผากนาง และวันสุดท้ายลงทางต้นน้ำตกต้นหาร ซึ่งเป็นเทรลเก่าดั้งเดิมแต่เลิกใช้ไปแล้วเพราะโหดเกิน
(1)
ทริปนี้พวกเราสมาชิก 10 คน เดินทางด้วยการจ้างรถตู้ กทม. ไปกระบี่แบบรวดเดียว ออกจากจตุจักรตอนหนึ่งทุ่ม ยิงยาวถึงกระบี่ก่อนหกโมงเช้า จัดการหาของกินให้เรียบร้อย พอสักเจ็ดโมงก็ถึงที่ทำการอุทยานฯ (น้ำตกห้วยโต้) แล้วครับ
![](/f/39722/61f0d110ac32f23d9c12f21d.jpg)
มาถึงแล้วเตรียมตัวเองให้พร้อม รวมถึงลงทะเบียน จ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ แล้วค่อยขึ้นรถกระบะเจ้าหน้าที่จากที่ทำการฯ อำเภอเมือง วนอ้อมไปอีกฝั่งเขาพนมเบญจา ที่บ้านต้นหาร อำเภอเขาพนม ระยะทางไม่เท่าไหร่แค่ราวๆ 65 กิโลเมตร !!! ใช้เวลานิดๆ แค่ 1.30 ชั่วโมง !!!
![](/f/39722/61f0d12188ed8e3d93c584a6.jpg)
หายสงสัยเลยว่าทำไมเจ้าหน้าที่ย้ำหนักหนาว่าให้พวกเรามาถึงที่ทำการฯ ก่อนแปดโมงเช้า (ฮา…)
![](/f/39722/61f0d12e5ac74e550ef5b010.jpg)
![](/f/39722/61f0d133ac32f23d9c12f21e.jpg)
เราขึ้นเป้ออกสตาร์ตใกล้สิบโมง เดินขึ้นแหลกลาญแบบไม่ต้องวอร์มขากันเลย ทางที่นี่ถือว่าชันเอาการ แถมวันที่เราไปอากาศค่อนข้างอบอ้าว เดินในป่าใต้ร่มไม้ก็จริงแต่ไม่ได้สัมผัสถึงความเย็นใดๆ เหงื่อไหลท่วมตัวเปียกปอน
![](/f/39722/61f0d1485ac74e550ef5b011.jpg)
เดินไปพักไปตามจังหวะความเหนื่อย ตลอดทางเห็นต้นไม้ใหญ่ให้ร้องโอ้พอสมควร และเพราะเป็นป่าช่วงหน้าแล้งจึงมีข้อดีคือเดินง่าย ตามร่องทางเรื่อยๆ เทรลชัดเจน ตั้งแต่เปิดเขามาไม่กี่เดือน มีนักพิชิตเขามากันให้ควั่กทุกสุดสัปดาห์
![](/f/39722/61f0d15b88ed8e3d93c584a7.jpg)
![](/f/39722/61f0d15e88ed8e3d93c584a8.jpg)
![](/f/39722/61f0d16288ed8e3d93c584a9.jpg)
ผ่านมาห้าชั่วโมงนิดๆ พวกเราถึงจุดตั้งแคมป์แรก ทำเวลาได้ไม่เลว หากจะต่อไปแคมป์สองคอนางเลยก็ได้ แต่เราตัดสินใจพักกันตรงนี้แหละ สองคืนสองแคมป์จะได้บรรยากาศไม่เหมือนกัน
แคมป์แรกอยู่ในป่าพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ผูกเปลได้ กางเต็นท์ได้ แต่ที่เรียบๆ เหมาะกับการกางเต็นท์ไม่เยอะเท่าไหร่ สี่ห้าหลังก็แน่นแล้ว
![](/f/39722/61f0d17a88ed8e3d93c584aa.jpg)
![](/f/39722/61f0d17e88ed8e3d93c584ab.jpg)
![](/f/39722/61f0d18c88ed8e3d93c584ac.jpg)
ส่วนน้ำกินน้ำใช้ไม่มีปัญหาเพราะมีแอ่งน้ำซับใสแจ๋ว พกเครื่องกรอกน้ำมาด้วยกรองกินสบายหายห่วง
![](/f/39722/61f0d19288ed8e3d93c584ad.jpg)
เวลามีมากมายสำหรับกิจกรรมชาวแคมป์วันนี้ พวกเราหุงหาอาหาร ทำกับข้าวเฮฮาตามระเบียบ
![](/f/39722/61f0d19f88ed8e3d93c584ae.jpg)
![](/f/39722/61f0d1a45ac74e550ef5b012.jpg)
![](/f/39722/61f0d1a75ac74e550ef5b013.jpg)
(2)
วันที่สองไม่เร่งรีบ ตื่นเจ็ดโมง กินข้าว เก็บแคมป์ ราวเก้าโมงกว่าค่อยเริ่มเดิน เจ้าหน้าที่บอกว่าวันนี้ระยะทางแค่ 2 กิโลเมตร เดินลำบากกว่าเมื่อวาน ชันกว่า อุปสรรคมากกว่า แต่ใช้เวลาเพียงไม่นาน
![](/f/39722/61f0d21888ed8e3d93c584af.jpg)
![](/f/39722/61f0d22288ed8e3d93c584b0.jpg)
ชั่วโมงเดียวเท่านั้นพวกเรามาถึงแนวหน้าผาเห็นวิวกว้างเป็นครั้งแรกของทริป อากาศขมุกขมัว เที่ยวป่าหน้าร้อนได้บรรยากาศหน้าฝนอีกแล้วผม (ฮา…) ซึ่งเป็นปกติของการเดินป่า สูงมากเท่าไหร่ ชื้นมากเท่าไหร่ อากาศก็แปรปรวนแบบนี้แหละ
![](/f/39722/61f0d239ac32f23d9c12f21f.jpg)
ตรงหน้าผาแห่งนี้เองที่น้องในทีมคนหนึ่งรู้สึกถึงอาการคันยิบๆ บริเวณขา ไม่ผิดคาดเลยเพราะเปิดมาดูปุ๊บก็เห็นเลือดแดงๆ ปั๊บ ผลงานของทากนั่นเอง ป่าพนมเบญจาเหมือนป่าใต้ทั่วไปคือมีทากตลอดปี เพียงแค่ไม่เยอะมาก ประกอบกับตอนนี้เป็นหน้าแล้งเลยเจอแค่ประปราย แต่น่ากลัวกว่าทากคือเห็บลมซึ่งที่นี่มีเยอะมาก และบางทีกว่าจะรู้ว่าโดนกัดก็ผ่านไปหลายวัน พวกเราสิบชีวิตสรุปหลังจบทริปกลับบ้านสำรวจร่างกายพบว่าเจอเห็บลมครบทุกคนครับ
![](/f/39722/61f0d247f3dae13da9217d76.jpg)
เอาล่ะมาว่าถึงเส้นทางกันต่อ… จากจุดชมวิวแรก เดินเลาะเข้าป่าอีกนิดเดียวก็โผล่ถึงแนวหน้าผาคอนางนอน แคมป์ของเราในคืนนี้ บางกลุ่มอาจเดินรวดวันเดียวมานอนนี่เลยแล้วแต่ความพอใจ
![](/f/39722/61f0d2555ac74e550ef5b014.jpg)
บริเวณนี้เป็นช่องเขา พื้นส่วนใหญ่เป็นหินทราย กว้างขวางจริงอยู่ แต่สำหรับเต็นท์จะพบปัญหาเรื่องการลงสมอบก และต่อให้ปักลงได้ก็ไม่สุดอยู่ดี ต้องแก้ปัญหาด้วยการผูกกับก้อนหินบ้าง มัดดึงเชือกกันเองบ้าง
![](/f/39722/61f0d291ac32f23d9c12f223.jpg)
![](/f/39722/61f0d2af88ed8e3d93c584b3.jpg)
![](/f/39722/61f0d2b488ed8e3d93c584b4.jpg)
![](/f/39722/61f0d2b988ed8e3d93c584b5.jpg)
เราถึงจุดนี้ตั้งแต่สิบเอ็ดโมงครึ่ง แคมป์อยู่ข้างธารน้ำ ตักอาบน้ำสบาย แต่น้ำอาจไม่ใสกริ๊งเหมือนน้ำซับเมื่อวาน
![](/f/39722/61f0d2c8f3dae13da9217d77.jpg)
ผมมัวแต่ถ่ายรูปเล่น ทำเลโอเคสำหรับการเต็นท์ริมผาเลยโดนเพื่อนจองหมด ขอขยับมาปลีกวิเวกแถวนี้แล้วกัน มองจากร่องรอยก็เป็นจุดกางเต็นท์ยามสุดสัปดาห์ที่นักท่องเที่ยวขึ้นมาพร้อมกันหลายกลุ่มแหละนะ ด้านหลังที่เห็นเมฆหมอกคลุมมิดจริงๆ คือยอดนมสาว ซึ่งปัจจุบันไม่อนุญาตให้ขึ้นไปล่ะครับ
![](/f/39722/61f0d2d8f3dae13da9217d78.jpg)
ฟ้าเปิดๆ ปิดๆ ลมพัดหมอกลอยมาที พัดหมอกหายไปที เราใช้เวลาพักผ่อนตามอัธยาศัย ช่างเป็นทริปเข้าป่าที่ชิลเหลือเกิน
![](/f/39722/61f0d2e6ac32f23d9c12f224.jpg)
บ่ายสามโมงตรงเจ้าหน้าที่ตรงค่อยเรียกรวมพลเพื่อเดินไปชมวิวชมพระอาทิตย์ตกที่หน้าผากนาง ระยะทางกิโลเมตรเดียว ทางเดินขึ้นเขายากกว่าทุกช่วงที่เราผ่านมา แต่เพราะเป็นการเดินตัวเปล่าทำให้เบาแรงลงเยอะ
![](/f/39722/61f0d2f4f3dae13da9217d79.jpg)
![](/f/39722/61f0d2f9f3dae13da9217d7a.jpg)
ความสูงมากขึ้น ป่าจึงเริ่มเขียวฉ่ำขึ้น พื้นที่ป่าโบราณที่พนมเบญจาอาจไม่เยอะและกว้างเหมือนป่าทางใต้หลายแห่ง แต่ก็พอมีให้ชื่นใจแหละน่า
![](/f/39722/61f0d3085ac74e550ef5b015.jpg)
![](/f/39722/61f0d30ef3dae13da9217d7b.jpg)
ไฮไลท์ของเขาพนมเบญจาว่ากันว่าอยู่ที่ดอกไม้ป่าหายากอย่าง รองเท้านารีคางกบ และสิงโตพัดเหลือง ค่อนข้างโชคดีว่าเราไปถูกช่วงเวลา เลยพบเห็นเจ้าดอกไม้สวยๆ แบบนี้กับเขาเหมือนกัน
![](/f/39722/61f0d322ac32f23d9c12f225.jpg)
![](/f/39722/61f0d326ac32f23d9c12f226.jpg)
บ่ายสามโมงครึ่งขึ้นมาถึงหน้าผากนาง เป็นลานหินกว้างทีเดียว บรรยากาศขาวไปหน่อย แต่ขึ้นชื่อว่าธรรมชาติอะไรก็ดีทั้งนั้นสำหรับผม แนวภูเขาที่นี่สวยไม่ใช่เล่น
![](/f/39722/61f0d33cac32f23d9c12f227.jpg)
![](/f/39722/61f0d341f3dae13da9217d7c.jpg)
![](/f/39722/61f0d34788ed8e3d93c584b6.jpg)
ฝั่งนี้มองเห็นอ่างเก็บน้ำคลองแห้งอยู่ไม่ไกล หากมองจากตรงนั้นมาทางนี้จะเห็นรูปลักษณ์ของเขาพนมเบญจาว่าเหมือนหญิงสาวนอนหงายอยู่ค่อนข้างชัด
![](/f/39722/61f0d35588ed8e3d93c584b7.jpg)
เราเพลินถ่ายรูปสนุกสนานกันตามสภาพอากาศเอื้ออำนวย แต่ความหวังฟ้าจะเปิดก่อนพระอาทิตย์ตกวูบหายเมื่อลมหอบเอามวลหมอกกลุ่มใหญ่ฟุ้งจนปิดภูเขาทั้งลูกก่อนห้าโมงเย็น เราจึงตัดสินใจว่าคงได้เวลาเดินลง อยู่ไปก็ไม่เห็นอะไรแล้ว (ฮา…)
![](/f/39722/61f0d364f3dae13da9217d7d.jpg)
![](/f/39722/61f0d36988ed8e3d93c584b8.jpg)
ตลอดเย็นจนค่ำหมอกยังปกคลุมขาวโพลน พวกเรานั่งอาบหมอกตากลมเย็นจนได้เวลาสมควรค่อยมุดเต็นท์ใครเต็นท์มัน ซุกถุงนอนอุ่นๆ ฟังเสียงลมโหมกระทบเต็นท์เหมือนเพลงกล่อมเข้านอน
![](/f/39722/61f0d377ac32f23d9c12f228.jpg)
![](/f/39722/61f0d37c88ed8e3d93c584b9.jpg)
ผมนอนอยู่ไกลไม่รู้เรื่องหรอกว่าพอกลางคืนตีหนึ่งตีสอง เพื่อนๆ ลองตื่นมาดูทางช้างเผือก และมีจังหวะโชคดีถ่ายได้สองสามภาพก่อนฟ้าจะกลับมาปิดอีกรอบ ก็ขอหยิบยืมภาพของเพื่อนมาลงให้ชมแล้วกัน
![](/f/39722/61f0d38bf3dae13da9217d7e.jpg)
(3)
ปกติวิวจากแคมป์คอนางเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่ด้วยสภาพอากาศไม่เป็นใจ พวกเราจึงตื่นมาพร้อมกับความขาวโอโม่เจิดจ้าเสียนี่กะไร ทัศนวิสัยการมองเห็นประมาณ 20 เมตร จนกระทั่งเราเก็บแคมป์ ขึ้นเป้ พร้อมเดินลง มวลหมอกยังหนาตาอยู่แบบนั้น
![](/f/39722/61f0d3b7ac32f23d9c12f229.jpg)
![](/f/39722/61f0d3bcac32f23d9c12f22a.jpg)
![](/f/39722/61f0d3c25ac74e550ef5b016.jpg)
ขาลงคนละทางกับขาขึ้น ใช้เส้นทางแยกไปลงตรงต้นน้ำตกต้นหาร แล้วค่อยวนจนบรรจบกับจุดที่เราเริ่มสตาร์ตตอนแรก หมายถึงทริปนี้เราเดินเป็นวงกลม
ทางลงนี้เป็นเทรลดั้งเดิมของเขาพนมเบญจา (หากหาอ่านรีวิวสัก 3-4 ปีก่อนจะพบว่าเดินขึ้นกันทางนี้) เจ้าหน้าที่บอกว่าเปลี่ยนทางใหม่เพราะเส้นนี้โหดเกิน ซึ่งพอเดินลงมาเรื่อยๆ แล้วเราถึงกับกลืนน้ำลาย ขนาดลงยังทิ้งดิ่งเล่นเอาเข่าแทบพัง หากต้องขึ้นทางนี้มีหวังเดี้ยงกันไปข้าง (ฮา…)
![](/f/39722/61f0d3e3ac32f23d9c12f22b.jpg)
![](/f/39722/61f0d3e8ac32f23d9c12f22c.jpg)
ลงมาเรื่อยๆ จนถึงน้ำตก เจ้าหน้าที่บอกว่าแต่เดิมเป็นลำห้วยไม่ใหญ่มาก แต่เกิดเหตุน้ำป่าดินโคลนถล่มซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ โดยเฉพาะครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 (เสิร์ชหาข่าวในกูเกิ้ลดูได้ครับ) ทำให้สภาพพื้นที่เปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นร่องใหญ่และน้ำตกเหมือนที่เห็นในปัจจุบัน
![](/f/39722/61f0d3f6ac32f23d9c12f22d.jpg)
![](/f/39722/61f0d3fbac32f23d9c12f22e.jpg)
![](/f/39722/61f0d402ac32f23d9c12f22f.jpg)
ที่ผมชอบคือชั้นหินบริเวณนี้สวยแปลกตามาก แถมวิวโดยรวมยังดีอีกต่างหาก
![](/f/39722/61f0d40ef3dae13da9217d7f.jpg)
เราออกจากแคมป์ 9.40 น. กลุ่มแรกถึงข้างล่างจุดเริ่มต้นเดินประมาณ 12.30 น. ส่วนกลุ่มสุดท้ายช้ากว่านั้นราว 30 นาที เฉลี่ยตีว่าเดินลงสามชั่วโมงเท่านั้นเอง
![](/f/39722/61f0d43ef3dae13da9217d80.jpg)
คนครบก็ขึ้นรถกระบะเจ้าหน้าที่ไปหาข้าวกินในหมู่บ้าน ก่อนนั่งยาวๆ กลับที่ทำการอุทยานฯ เพื่อจัดแจงสัมภาระ อาบน้ำอาบท่า (ห้องอาบน้ำที่นี่เป็นแบบตักอาบรวมเหมือนค่ายลูกเสือนะ แต่แยกห้องชาย-หญิง) จึงเป็นอันจบทริปพิชิตเขาพนมเบญจา
ในที่สุดก็ได้มาเยือน ได้เห็นในสิ่งที่อยากเห็น ได้รู้จักกับอีกหนึ่งสถานที่ที่ผมอยากทำความรู้จัก ถึงแม้เรื่องสภาพอากาศวิวทิวทัศน์จะไม่โชคดีนัก ไม่ได้เห็นแสงสวยๆ หรือทะเลหมอกเป๊ะปัง แต่ไม่มีอะไรให้ผิดหวัง
นี่คือกิจกรรมศึกษาธรรมชาติ ซึ่งธรรมชาติสอนให้เรารู้อยู่เสมอว่าไม่เคยมีอะไรคาดเดาได้ในชีวิต เพียงแค่เข้าใจและยอมรับมัน ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นทุกข์แล้วล่ะ
ข้อมูลสักนิดหากอยากพิชิตพนมเบญจา
- อช.เขาพนมเบญจา ที่ทำการฯ อยู่เขตอำเภอเมือง ส่วนทางขึ้นยอดเขาอยู่อำเภอเขาพนม ห่างกันประมาณ 70 กิโลเมตร
- เส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะไกล เปิดให้เที่ยวตั้งแต่ประมาณเดือนพฤศจิกายน ถึงพฤษภาคม (เปลี่ยนแปลงตามประกาศอุทยานฯ) โดยต้องจองคิวล่วงหน้าก่อนขึ้นเขา ติดต่ออุทยานฯ โทร 075855216
- ค่าใช้จ่ายกับอุทยานฯ นอกเหนือค่าธรรมเนียมเข้าและค้างแรมปกติ มีค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1,500 บาทต่อคน ต่อวัน (ใช้สองคนต่อหนึ่งกลุ่มไม่เกินสิบคน รวมค่าเจ้าหน้าที่ 6,000 บาท) ค่ารถรับส่ง ที่ทำการฯ – จุดเดิน 1,000 บาท (ต่อนักท่องเที่ยวไม่เกินสิบคนเช่นกัน)
- ที่นี่ไม่มีลูกหาบให้บริการ หากไม่ไหวจริงๆ ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเรื่องสัมภาระในราคา 1,500 บาท ต่อคน ต่อวัน โดยเจ้าหน้าที่จะช่วยแบกเฉพาะอาหารอย่างเดียวเท่านั้น และน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม
- ระยะเวลาท่องเที่ยวที่อุทยานฯ กำหนดคือ 3 วัน 2 คืน เดินรวมทั้งหมดไม่เกิน 15 กิโลเมตร
- มีสัญญาณโทรศัพท์ของ AIS และ ทรู บางช่วงบริเวณแคมป์สองและจุดชมวิวหน้าผากนาง แต่สัญญาณไม่เสถียรและไม่ดีมาก อย่าคาดหวังอะไรนัก
- ทั้งสองแคมป์ผูกเปลได้ กางเต็นท์ได้ แต่แนะนำเปลจะสะดวกสบายกว่า
- มีแหล่งน้ำใกล้กับทั้งสองแคมป์ มีเครื่องกรองน้ำสักเครื่องก็สบายใจหายห่วง
- มีทากบ้าง แต่แมลงตัวร้ายต้องระวังคือเห็บลม แนะนำใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด
- อุทยานฯ เพิ่งกลับมาเปิดเป็นระบบระเบียบ และติดขัดด้านปัญหาโรคโควิด อนาคตอาจปรับเปลี่ยน
ระเบียบต่างๆ ไม่เหมือนข้างต้น ติดตามข้อมูลโดยตรงกับทางอุทยานฯ
ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
https://www.facebook.com/alifeatraveller
นายสองสามก้าว / A Life, A Traveller
วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 11.59 น.