ทีลอเล น้ำตกกลางป่าใหญ่แห่งอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ไหลจากหน้าผาหล่นลงสู่ลำน้ำแม่กลอง (แควใหญ่) ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกลึกลับที่แม้กระทั่งคนอุ้มผางเองยังมีเพียงไม่มากนักที่เคยไปเยือน หรือชำนาญเส้นทางพอพาคนต่างถิ่นเข้าไป

อธิบายก่อนว่าทีลอเลอยู่ในพื้นที่ป่ารอยต่อของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเศวร เดินทางท่องเที่ยวได้จากอำเภออุ้มผางเช่นเดียวกับน้ำตกทีลอซู แม้เป็นคนละน้ำตกแต่ก็มีปลายทางสุดท้ายอยู่ที่เดียวกันคือลงสู่ลำน้ำแม่กลอง ซึ่งทีลอเลมีความพิเศษคือน้ำตกลงแม่กลองโดยตรงไม่ผ่านลำห้วยใดๆ อีก มีต้นน้ำมาจากบึงลากะโตในป่าลึก

อ๊ะๆ หลายคนสงสัย แม่กลองไม่ใช่อยู่ ราชบุรี สมุทรสงคราม หรอกหรือ ขอเล่าให้ฟังเพิ่มว่ามันคือแม่กลองเดียวกันนั่นแหละ อยู่ที่นี่เรียกแม่กลอง (หมู่บ้านในอุ้มผางมีทั้งแม่กลองใหญ่ แม่กลองน้อย แม่กลองคี แม่กลองใหม่ แม่กลองเก่า) พอไหลเข้ากาญจนบุรีดันเปลี่ยนชื่อเป็นแควใหญ่ แล้วพอบรรจบกับแควน้อยที่ปากแพรกถึงกลับมาใช้ชื่อเรียกแม่กลองอีกครั้ง ไหลผ่านราชบุรี สมุทรสงคราม จนลงอ่าวไทยที่สมุทรสงคราม ดอนหอยหลอด

ดังนั้นเมื่อพูดถึงแม่กลองที่อุ้มผาง ให้รู้กันว่ามันคือส่วนเริ่มต้นของแม่น้ำแควใหญ่ และต้นน้ำของแม่น้ำแม่กลองนั่นเอง

เหตุที่ทีลอเลไม่โด่งดังเหมือนทีลอซู หรือน้ำตกใหม่เปิดแค่สิบปีอย่างน้ำตกรูปหัวใจ ปิตุ๊โกร คงเพราะที่นี่เข้าถึงลำบาก วิธีการเที่ยวค่อนข้างยาก ใช้ทรัพยากรเยอะ เลยไม่เป็นที่นิยมของทั้งจากนักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการนำเที่ยวท้องถิ่นในอุ้มผาง

ที่ว่าต้องใช้ทรัพยากรเยอะก็มี 1. รถกระบะรับส่ง อุ้มผาง-ปะหละทะ … 2. เรือยาง ล่องจากปะหละทะไปทีลอเล 5-6 ชม. … 3. ช้าง ขนสัมภาระจากปะหละทะไปทีลอเล … … 4. เดินจากทีลอเลกลับปะหละทะ 20 กม. … เพราะยากแบบนี้แหละถึงไม่ค่อยมีใครจัดทริปจัดทัวร์

แต่โลกหมุนไปแล้ว อุ้มผางก็หมุนตาม ผมมีเพื่อนทำรีสอร์ทนำเที่ยวท้องถิ่นอยู่อุ้มผางชื่อ ดอกเสี้ยวทัวร์
อยากจะลองบูมทีลอเล คู่กับทีลอซู และปิตุ๊โกร สักตั้ง ได้รับไฟเขียวจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางเรียบร้อย ดังนั้นพอผมได้รับคำชวนให้ไปเซอร์เวย์ดูว่าจะจัดทริปทีลอเลให้เหมาะสมอย่างไรเลยไม่รีรอที่จะตอบเซย์เยส เพราะใฝ่ฝันมานานแล้วว่าอยากไปดูน้ำตกที่ตกลงลำน้ำแม่กลองกับตาสักครั้ง


(1)

ทริปนี้ผมหลอกล่อเพื่อนๆ มาด้วยกันได้หยิบมือหนึ่ง (ฮา…) วิธีการเดินทางไปอุ้มผางสำหรับสายแบกเป้นั้นง่ายมาก อันดับแรกนั่งรถทัวร์ บขส. กทม.-แม่สอด ขึ้นที่หมอชิต เหมาะสุดคือรอบค่ำตั้งแต่สองทุ่มเป็นต้นไป หากจองในอินเทอร์เน็ตจะมีแค่เช้ารอบ ค่ำสองรอบ แต่ถ้าไปซื้อที่เคาน์เตอร์จะมีรอบเยอะกว่านั้นครับ ยิ่งเป็นช่วงคนเดินทางเยอะจะมีรถเสริมเรื่อยๆ จองแค่รถ ป.1 405 บาท ก็นั่งสบายแล้วสำหรับสายนี้

ถึงแม่สอดเช้ามืดประมาณตีห้า ช่วงโควิดปิดด่านชายแดน บขส.แม่สอด เลยเงียบเหงาไม่เหมือนครั้งก่อนๆ จากนี้เราต้องเดินทางต่อด้วยสองแถว แม่สอด-อุ้มผาง เที่ยวแรก 7.00 น. นั่งๆ นอนๆ รอรถกันไป สักหกโมงกว่าเดี๋ยวรถมาเข้าคิวเอง ค่ารถ 140 บาท

อ้อ… สำหรับรถทัวร์ขากลับ ช่วงที่ผมไปไม่มีให้จองในอินเทอร์เน็ต (เป็นปกติสำหรับรถสายนี้ด้วยมีคนพม่าใช้บริการเยอะ) แต่เราสามารถซื้อตั๋วรถขากลับล่วงหน้าได้ที่เคาน์เตอร์ บขส. มีรอบรถวิ่งทุกวันนั่นแหละ

ได้เวลารถออกก็ไปพิชิตถนนลอยฟ้า 1,219 โค้งกันครับ ใครไม่ใช่สายแข็งแนะนำกินยาแก้เมารถดักไว้ก่อนเลยเพื่อความสบายตัวสบายหัว ถนนเส้นนี้ทำเอาคนล้มทั้งนั่งมาแล้วนับไม่ถ้วน (ฮา…) ระหว่างทางจะพักเบรกให้กินข้าวและยืดเส้นยืดสายแถวบ้านอุ้มเปี้ยม

ใช้เวลาราว 5 ชั่วโมง ก็ถึงอุ้มผาง บอกโชเฟอร์สองแถวเลยให้มาส่งที่ ดอกเสี้ยวทัวร์ ที่นี่เป็นที่พักและทัวร์นำเที่ยวท้องถิ่นที่ให้บริการมายาวนาน ลักษณะรีสอร์ทนำเที่ยวในอุ้มผางจะเป็นแบบนี้เกือบทุกแห่ง มีห้องพักง่ายๆ ควบคู่กับบริการนำเที่ยวอุ้มผางครบวงจร

อย่างที่บอกครับว่าทริปของเราเป็นทริปสำรวจเส้นทางและเตรียมความพร้อมในการนำเที่ยวครั้งต่อๆ ไป โปรแกรมเลยอาจผิดแผกจากที่ใครเคยไปหรืออาจไปในอนาคตเล็กน้อย จุดหมายหลักคือทีลอเลที่เดียว ไม่ได้เที่ยวที่อื่นๆ ในอุ้มผาง เพราะผมเคยไปมาหลายรอบแล้ว

พักผ่อนตามสบาย รอใกล้เย็นทางรีสอร์ทค่อยพาเราไปลงทะเบียนที่ด่านตรวจเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ทางขึ้นน้ำตกทีลอซู เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมเข้า ค่าพักแรม กรอกแบบฟอร์มขออนุญาตพักแรม และแน่นอนว่ารวมถึงคัดกรองโควิด 19 ยื่นหลักฐานการฉีดวัคซีนให้เรียบร้อย

คืนนี้พักผ่อนเฮฮาตามอัธยาศัย พรุ่งนี้ว่ากันใหม่กับการมุ่งหน้าเข้าทีลอเล


(2)

เราตื่นมาพร้อมหมอกขาวและอากาศหนาวที่อุ้มผาง ทานข้าวต้มอุ่นๆ รองท้อง ล้อหมุนตั้งแต่ 7.30 น. เพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงปะหละทะ จุดลงเรือยางมุ่งหน้าสู่ทีลอเล

โปรแกรมเที่ยวทีลอเลจะเป็นแบบนี้ ขาไป… เราลงเรือยางตัวเปล่า ใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง ส่วนสัมภาระขึ้นช้างไปส่งที่แคมป์ ขากลับ… เรือยางขึ้นช้างกลับมาปะหละทะ ขณะที่เราเดินกลับออกมาระยะทาง 20 กิโลเมตร …. ปกติหากเป็นทริปทัวร์ สัมภาระจะขึ้นช้างอีกเชือกกลับมาด้วย ให้นักท่องเที่ยวเดินตัวเปล่า หรือใครจะจ้างช้างส่วนตัวนั่งกลับออกมาก็ตามกำลังทรัพย์ ค่าบริการช้างตัวละ 2,500 บาท แต่อย่างที่บอกครับว่าทริปเราเป็นทริปสำรวจ เพราะฉะนั้นขาเดินกลับออกมาครั้งนี้ก็ต้องแบกเป้เองสิจ๊ะ (ฮา…)

เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ลงเรือยางล่องไปตามลำน้ำแม่กลองกันเลย จากนี้อีกไม่กี่นาทีสัญญาณทุกอย่างจะถูกตัดขาด มือถือแปรสภาพเป็นเพียงอุปกรณ์เปิดเพลงกับถ่ายรูปเท่านั้น

บรรยากาศลำน้ำแม่กลองช่วงฤดูหนาวสดชื่นมากครับ อากาศเย็น น้ำไม่ขุ่นแดง ป่าสองฝั่งสวยเขียว บางจุดยังมีสายหมอกคลุมห่มเพิ่มบรรยากาศการผจญภัยให้มากขึ้น

ช่วงลำน้ำไหลผ่านพื้นที่เกษตรของชาวกะเหรี่ยงบ้านปะหละทะ บ้านเซปะหละ เราจะเห็นวิธีเดินทางข้ามลำน้ำแบบพื้นบ้านสุดๆ ด้วยถ่อแพไม้ไผ่ พร้อมดึงเชือกที่ขึงราวไว้ระหว่างสองฝั่ง

ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เราจึงเริ่มเข้าสู่โซนของแก่งหิน ซึ่งการล่องเรือไปทีลอเลจะต้องผ่านแก่งต่างๆ หลายจุด มีแก่งใหญ่อย่าง แก่งเลกาติ แก่งบันได แก่งหักศอก สุดท้ายคือแก่งคนมอง ซึ่งจะเป็นจุดพักเที่ยงของเราด้วย

เดือนมกราคมระดับน้ำกำลังดีสำหรับการล่องแก่ง ไม่สูงเกินจนมิดแก่งและไม่ต่ำเกินจนท้องเรือติดแก่ง เมื่อถึงเวลาต้องผ่านแต่ละแก่งก็หาที่นั่งให้มั่นแล้วร้องกรี๊ดออกมาให้สุดเสียง เปียกชุ่มฉ่ำ สนุกมากมายครับ

ใกล้เที่ยง เรามาจอดพักกันที่หาดทรายแก่งคนมอง (ผาหินสูงใหญ่ตรงนี้มีแง่งเล็กๆ บนยอดลักษณะดูเหมือนคนกำลังนั่งมองเราอยู่) กินข้าวกินปลาให้เรียบร้อย เพราะจากนี้ไปจะต้องอยู่บนเรืออีกยาวนานพอดู

หลังออกจากแก่งคนมอง เรือจะล่องตามลำน้ำเอื่อยๆ เป็นช่วงพักผ่อน ชมวิวเพลิน เสพสุขกับธรรมชาติสองฝั่งน้ำ

บ่ายสองโมง เราถึงจุดตั้งแคมป์ริมน้ำแม่กลอง ตอนนี้มีแค่เราตัวเปล่าเพราะสัมภาระที่ขนขึ้นช้างจากปะหละทะยังมาไม่ถึง… เรามาตั้งหลักเตรียมตัวสักแป๊บ น้ำตกทีลอเลอยู่ห่างออกไปอีกแค่ไม่กี่ร้อยเมตร

พร้อมแล้วค่อยล่องเรือยางช่วงสุดท้ายไปน้ำตกทีลอเล ยิ่งเรือคืบหน้าไปมากเท่าไหร่ ใจผมยิ่งเต้นรัวขึ้นเท่านั้น เพราะนี่เป็นจุดหมายหนึ่งในชีวิตที่อยากมาปักหมุดเห็นกับตาสักครั้ง ได้ยินชื่อเสียงครั้งแรกมาเกิน 20 ปีแล้ว มันเลยรู้สึกตื่นเต้นไม่เบา

“เล” เป็นภาษากะเหรี่ยงแปลว่าหิน ทีลอเลคือน้ำตกที่ตกลงหิน แว่บแรกที่เห็นมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ สายน้ำตกจากหน้าผาร่วงใส่ก้อนหินเบ้อเริ่ม เป็นแบบนี้มาไม่รู้กี่พัน กี่หมื่น กี่แสน หรือกี่ล้านปี จนหินใหญ่ใต้น้ำตกไม่เหลือเหลี่ยมเหลือคมใดๆ

แต่ถึงแม้จะรู้สึกว่าทีลอเลนั้นอัศจรรย์ ก็อยากขอให้เก็บคำว่าโอ้โหไว้ก่อนเพราะไฮไลท์ของการเดินทางเที่ยวที่นี่ไม่ใช่ทีลอเล กลับอยู่ที่น้ำตกขั้นบันได อีก 200 เมตร ข้างหน้าต่างหาก

สวย โคตรสวย อย่างงาม งามมาก งามฉิบหาย และอีกสารพัดคำที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์หลุดจากปากพวกเราเมื่อมาถึงน้ำตกขั้นบันได อีกหนึ่งน้ำตกที่ตกสู่ลำน้ำแม่กลองโดยตรง ต่างจากทีลอเลเพียงลักษณะของชั้นของหน้าผา

มองจากฝั่งตรงข้ามอาจไม่เห็นความงามมากนัก แต่พอได้เดินไต่ขึ้นไปตามชั้นน้ำตกเท่านั้นแหละ เพื่อนคนหนึ่งถึงกับบอกผมว่า… ขอบคุณที่ชวนมานะ

ยืนปล่อยให้ละอองน้ำปะพรมใบหน้าสุดสดชื่น กล้อง DSLR ตัวใหญ่ถูกเก็บเข้ากระเป๋ากันน้ำมิดชิด มือถือกลายเป็นอุปกรณ์ถ่ายรูปซึ่งเหมาะสมที่สุด แต่ไม่ว่าจะกล้องไหนก็ขอบอกว่าไม่มีทางถ่ายได้สวยเหมือนภาพที่เราเห็นจริงตรงหน้า

ใช้เวลาอย่างสำราญใจที่น้ำตกขั้นบันไดจนเต็มที่ เมื่อถึงคราวต้องกลับแคมป์จะทำอย่างไรล่ะเมื่อเราล่องเรือมาตามน้ำ… ใช่ครับ ขากลับก็ต้องพายเรือทวนน้ำกลับน่ะสิ (ฮา…)

ฝีพายทั้งหน้าทั้งหลังช่วยกันจ้ำสุดกำลัง พาเรือทวนน้ำจากน้ำตกขั้นบันไดไปน้ำตกทีลอเล กว่าจะถึงจุดตั้งแคมป์ก็เล่นเอาแทบหมดแรงกันเลย

ราวสี่โมงกว่าๆ การผจญภัยตั้งแต่เช้าของวันนี้จึงจบลง ได้เวลาของการพักแรม สัมภาระมาส่งถึงที่เรียบร้อย พวกเราจัดแจงกางเต็นท์ อาบน้ำ หุงข้าว ทำอาหาร ปลาที่หาได้ ผักกูดที่เก็บได้ ได้รับการผันให้เป็นมื้ออาหารอันเรียบง่ายแต่อร่อยล้ำสำหรับทุกคนริมลำห้วยแม่กลอง


(3)

วันถัดมา หลังกินอาหารเช้าเก็บแคมป์ให้เรียบร้อยก็ได้เวลาเดินทางกลับ เหมือนที่บอกตอนแรกครับว่าเราจะนำเรือยางที่พายมาขึ้นหลังช้าง ส่วนสัมภาระซึ่งช้างขนมาให้จะเปลี่ยนมาอยู่บนไหล่เราแทน ระยะทางเดินกลับบ้านปะหละทะราว 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทั้งวันนั่นแหละ

ทริปนี้เราใช้ช้างสองเชือก (หากเป็นทริปนำเที่ยวทั่วไปจะใช้ช้างเท่ากับจำนวนเรือยาง +1 เชือก เพื่อให้มีหนึ่งเชือกขนสัมภาระกลับโดยนักท่องเที่ยวไม่ต้องแบกเอง หรือหากเดินไม่ไหวจะนั่งช้างกลับก็ควักเงินเลย 2,500 บาท จ้างช้างส่วนตัว) พร้อมตัวแถมอีกเชือกติดสอยห้อยตามแม่มาด้วย ทั้งสามเชือกนี้ครอบครัวเดียวกันครับ แม่ พี่สาว น้องชาย

เก้าโมงครึ่ง ช้างพร้อม คนพร้อม ขึ้นเป้แล้วเดินขึ้นเขากันเลย ระยะทางกลับ 20 กิโลเมตร ดูเหมือนไกลแต่ไม่ยากมากเพราะเป็นทางราบกว่า 80% มีขึ้นเขาชันแค่สองสามจุด จุดใหญ่สุดคือจากจุดตั้งแคมป์ขึ้นเขาลูกแรกที่แหละ ชันยาวสัก 1 กิโลเมตร พอพ้นจากนี้ก็สบายแล้ว

เดินป่ากับช้าง ครั้งแรกในชีวิตที่ได้มาทำอะไรแบบนี้ ไม่มีที่ไหนเหมือนแน่นอน

ช่วงทางขึ้นช้างเดินค่อนข้างช้า แต่พอถึงทางราบและลงเมื่อไหร่ แป๊บเดียวเท่านั้นแหละช้างทั้งสามเชือกก็ทิ้งเราไม่เห็นฝุ่น เจอกันอีกทีตามจุดพักต่างๆ

หลังพักหินข้าวกลางวันตอนบ่าย ครึ่งทางที่เหลือยิ่งง่ายกว่าเก่าเพียงแค่ต้องเดินข้ามลำห้วยไปมาหลายรอบ ซึ่งลำห้วยน้อยใหญ่พวกนี้ปลายทางล้วนไหลไปลงแม่น้ำแม่กลองทั้งสิ้น

เห็นน้ำตกเขียวๆ สวยๆ เมื่อไหร่ แสดงว่าเราเข้าใกล้จุดหมายมากขึ้น หากไม่ติดว่าต้องทำเวลาออกจากป่าก่อนเย็นก็อยากโดดน้ำเล่นให้รู้แล้วรู้รอด

หลังเดินยาวนาน 8 ชั่วโมง เราจึงหลุดจากป่ามาสู่พื้นที่เกษตรของชาวกะเหรี่ยงบ้านปะหละทะ เห็นต้นไม้คู่นี้เมื่อไหร่คือช่วงสุดท้ายแล้วล่ะ เดินอีก 400-500 เมตร พ้นไร่นี้ไปคือจุดที่รถมารับแล้ว

และในที่สุด… ถึงแม้สามารถบอกได้เต็มปากว่าทางไม่ยาก แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เดินป่าวันเดียวยาวไกลถึง 20 กิโลเมตร ตีนแทบแตก ไหล่แทบทรุดเลยทีเดียว (ฮา…)

ของขวัญสำหรับการเป็นผู้พิชิตทีลอเลคืนนี้คืออาหารแบบจัดหนัก กับหมูกระทะที่ดอกเสี้ยวทัวร์นี่แหละ อากาศดี อาหารอร่อยเคล้าเครื่องดื่มเย็นๆ กับเรื่องเล่าให้หัวเราะเฮฮาของผู้ร่วมทริป นับเป็นทริปต้อนรับปีใหม่ของผมและพวกเราที่ดีมากจริงๆ


ถึงเวลาโบกมือลาอุ้มผาง มาอย่างไรเราก็กลับอย่างนั้น บอกทางดอกเสี้ยวทัวร์ให้ติดต่อสองแถวมารับตอนสิบโมงกว่าๆ ถึง บขส.แม่สอด บ่ายสามโมง จองรถทัวร์เข้า กทม. หนึ่งทุ่มตรง ก็นั่งรอเวลากันไป

แถว บขส.แม่สอด หาของกินลำบาก ต้องเดินเป็นกิโลโน่นแหละ แถมตอนนี้ร้านค้าใน บขส. ปิดหมด แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องง้อใครที่ไหนอีกแล้ว กดสั่งให้ไรเดอร์ค่ายต่างๆ มาส่งของกินแบบสุดสะดวก หรือกระทั่งสั่งของจาก 7-11 ยังมาส่งได้สบายมาก (ฮา…)

พวกเราจนถึงเวลาหนึ่งทุ่มตรงนั่นแหละครับ ทุกอย่างจึงเป็นไปตามครรลอง ปิดทริปพิชิตน้ำตกทีลอเลไว้ตรงนี้

ทีลอเลไปยาก ทีลอเลไปลำบาก ทีลอเลมันอันตราย จำได้ว่าผมเคยได้ยินคำพูดประมาณนี้ซ้ำๆ มานานมากทำให้ไม่กล้าไป จนกระทั่งได้มาสัมผัสเองถึงคลายทุกข้อสงสัย ถูกต้องว่าที่นี่ไกล ถูกต้องว่าที่นี่ใช้เวลา แต่ถ้าถามว่ามันยากไหม ลำบากมากไหม สำหรับผมคงตอบว่าก็ไม่เห็นยากกว่าที่อื่นๆ สักเท่าไหร่

หรืออย่างน้อยหากมันยังยากอยู่ สิ่งที่ผมได้รับจากทริปนี้คงคุ้มค่ากับความยากทั้งหมดที่ผ่านมา ถ้าไม่เชื่อย้อนกลับไปดูใหม่ตั้งแต่ภาพแรกสิครับ…


แพ็คเกจทริปน้ำตกทีลอเล / น้ำตกทีลอซู / น้ำตกปิตุ๊โกร / ห้องพัก / อาหาร / รถรับส่ง / ล่องเรือยาง / นำเที่ยว ติดต่อ ดอกเสี้ยวทัวร์ โทร. 096-9048877 หรือ www.facebook.com/dokseawresort


รู้สักนิดก่อนเที่ยวทีลอเล

  • จัดการด้านการท่องเที่ยวโดยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง
  • เข้าถึงทางเรือยางเท่านั้น เพราะน้ำตกไหลจากหน้าผาลงสู่แม่น้ำแม่กลองโดยตรง
  • เริ่มต้นนั่งเรือยางจากบ้านปะหละทะ ใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง
  • ขากลับใช้วิธีเดินจากแคมป์กลับมาบ้านปะหละทะ ระยะทางราว 20 กิโลเมตร
  • ต้องใช้บริการช้างจากบ้านปะหละทะเพื่อขนสัมภาระไปยังจุดตั้งแคมป์
  • หากต้องการนั่งช้างกลับ ขอใช้บริการได้ ช้างเชือกละ 2,500 บาท ต่อหนึ่งทริป
  • ตั้งแคมป์ริมน้ำ และมีแหล่งน้ำธรรมชาติตลอดเส้นทางเดินกลับ
  • ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตใดๆ หลังลงเรือยาง
  • การท่องเที่ยวต้องไปกับผู้ประกอบการนำเที่ยวท้องถิ่นเท่านั้น ไม่อนุญาตให้เที่ยวเองทุกกรณีโดยเด็ดขาด

ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวเดินทางของผมได้อีกช่องทาง
https://www.facebook.com/alifeatraveller

นายสองสามก้าว / A Life, A Traveller

 วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.51 น.

ความคิดเห็น