"ทักษิณราชตำหนัก ชนรักศาสนา นราทัศน์เพลินตา ปาโจตรึงใจ แหล่งใหญ่แร่ทอง ลองกองหอมหวาน"


รู้หรือเปล่าคะว่า เป็นคำขวัญของจังหวัดไหนเอ๋ย?

เป็นคำขวัญของจังหวัดนราธิวาสค่ะ จังหวัดชายแดนใต้สุดของประเทศไทย


I am Devil ยัยตัวร้าย ได้มีโอกาสบิน เที่ยวบินปฐมฤกษ์ กับสายการบิน "ไทยสมายล์"

กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – นราธิวาส เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2558 ที่ผ่านมาค่ะ

ซึ่งทาง ไทยสมายล์ ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนราธิวาส

ได้จัดทริปคณะสื่อมวลชน ทัศนศึกษาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดนราธิวาส

ระหว่างวันที่ 10 – 12 เมษายน 2558


อยากทราบมั้ยคะว่า จังหวัดนราธิวาสมีแหล่งท่องเที่ยวที่ไหนบ้าง

ตาม I am Devil ยัยตัวร้าย มาเที่ยวกันค่ะ

สามารถค้นหา และจองเที่ยวบิน ได้ที่ เว็บไซต์ ไทยสมายล์ ได้ที่ Thai Smile

ไฟท์บินมีวันละ 1 เที่ยวบิน ด้วยประเภทเครื่องแอร์บัส A320 ดังนี้ ค่ะ

ไฟท์ WE 291 เวลา 13.55 น. Bangkok – Suvarnabhumi (BKK) – 15.30 น. Narathiwat (NAW)

ไฟท์ WE 292 เวลา 16.05 น. Narathiwat (NAW) – 17.40 น. Bangkok – Suvarnabhumi (BKK)

I am Devil ยัยตัวร้าย เดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมเดินทางสู่นราธิวาสค่ะ

ต้องไป Check in และโหลดกระเป๋า ก่อนค่ะ

เค้าท์เตอร์ สายการบินไทยสมายล์ อยู่ที่ เค้าท์เตอร์ E ค่ะ


เดินเข้าไปใน Gate เพื่อรอเวลาเรียกขึ้นเครื่องค่ะ

เมื่อได้เวลา Boarding Time เราต้องนั่งรถไปขึ้นเครื่องที่ลานจอดค่ะ


เมื่อมาถึงต้องเซอร์ไพรส์สุดๆ ได้นั่งเครื่องบินลำแรก ในธีม ลายการ์ตูนเน็ทเวิร์คอเมโซน

ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา

I am Devil ยัยตัวร้ายก็ได้รับเชิญวันงานแถลงข่าวด้วยค่ะ

ซึ่งเครื่องบินลำนี้ จะบินแค่เส้นทาง ภูเก็ต และมาเก๊า ค่ะ

เป็นอะไรที่ร้อง WOW มากค่ะ ไม่คิดไม่ฝันจะได้บินลำนี้ค๊า


คณะสื่อมวลชนพร้อมเดินทางสู่จังหวัดนราธิวาสค่ะ


I am Devil ยัยตัวร้าย ก็พร้อมเดินทางสู่จังหวัดนราธิวาสแล้วเช่นกันค่ะ


เมื่อเครื่องบิน บินขึ้นสู่น่านฟ้า จะมีจอทีวีให้เราชมด้วยค่ะ


สำหรับสายการบินไทยสมายล์มีเสิร์ฟอาหารว่างบนเครื่องให้ด้วยค่ะ

อย่าเพิ่งตกใจว่าทำไม เที่ยวบินปฐมฤกษ์ เส้นทางนราธิวาส แอร์สาวสวยหายไปไหน

ไม่ได้หายไปไหนค่ะ แต่แอบมีเซอร์ไพรส์ กัปตัน วรเนติ หล้าพระบาง

กรรมการบริษัท รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด

ท่านเสิร์ฟอาหารว่างด้วยตนเองค่ะ


I am Devil ยัยตัวร้าย ขอเรียก กัปตัน วรเนติ (วอ-ระ-เนศ) ค่ะ

ท่านเป็นกันเอง อัธยาศัยดี และใจดีมากค่ะ

ถ้าใครได้มาพูดคุยกับท่านแล้วล่ะก็ จะรู้เลยค่ะว่า ท่านน่ารักมากค๊า



สำหรับอาหารว่างทริปนี้ เป็นพายทูน่า วุ้นส้ม และน้ำเปล่า

เครื่องดื่ม ชา กาแฟ และน้ำส้ม สามารถเติมได้เรื่อยๆ ค่ะ



พิเศษสุดสำหรับ เครื่องบิน ธีม ลายการ์ตูนเน็มเวิร์คอเมโซน ลำนี้

กระดาษรองถาดอาหาร จะเป็นลายการ์ตูนเน็ทเวิร์คด้วยค่ะ

ซึ่งมาจากการ์ตูนเน็ทเวิร์ค เรื่อง แอดเวนเจอร์ไทม์ ค่ะ


เมื่ออิ่มอร่อยกับอาหารว่างแล้ว ซึ่งเป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์ มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกกันค่ะ

โดย กัปตัน วรเนติ กล่าวต้อนรับทุกท่านสู่เที่ยวบินปฐมฤกษ์เส้นทางนราธิวาส ค่ะ


ผู้โดยสารทุกท่านที่บินเที่ยวบินนี้ ต่างก็ร่วมเล่นเกมส์ที่ทางสายการบินไทยสมายล์จัดขึ้นค่ะ

โดยของรางวัลจะเป็น Gift Voucher เงินสด

และ Voucher บัตรสวนน้ำการ์ตูนเน็ทเวิร์ค อเมโซน พัทยา ค่ะ


โฉมหน้าของผู้ได้รับรางวัลจากการเล่นเกมส์ค่ะ

ไม่ได้มีรางวัลเดียวนะคะ มีหลายรางวัลเลยค่ะ


ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 35 นาที ค่ะ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง

นราธิวาสอากาศจะปลอดโปร่งแบบนี้หรือเปล่าน๊า


เมื่อมาถึงท่าอากาศยานนราธิวาส หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรอต้อนรับค่ะ


ต้อนรับด้วย 2 ท่าน หญิง ชาย แต่งกายด้วยชุดชาวมุสลิมค่ะ


ภายในอาคารก็มีการแสดงพื้นเมืองของนราธิวาสให้รับชมค่ะ


คณะรอต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์สู่นราธิวาส มีเรือกอและ เรือประมงที่ใช้ในแถบภาคใต้ตอนล่าง

และเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดนราธิวาสด้วยค่ะ


ผู้โดยสารทุกท่านที่เดินทางเที่ยวบินนี้ จะได้พวงมาลัยทุกคนค่ะ


พนักงานไทยสมายล์ รอต้อนรับด้วยค่ะ


สำหรับที่ท่าอากาศยานนราธิวาส มีรถตู้ให้บริการด้วยค่ะ อัตราค่าบริการ ดังนี้ ค่ะ

- ดี.ดี. ทัวร์

อัตราค่าโดยสารรถตู้ limousine fares
สนามบินนราธิวาส – สุไหงโก-ลก ราคา 180 บาท
สนามบินนราธิวาส – ตาบา ราคา 180 บาท
สนามบินนราธิวาส – ตากใบ ราคา 160 บาท

- ห.จ.ก. พันธ์วิภา

สนามบินนราฯ ไป โก-ลก ราคา 180 บาท
สนามบินนราฯ ไป สามแยกตากใบ ราคา 160 บาท
สนามบินนราฯ ไป ตลาดตาบา ราคา 180 บาท
สนามบินนราฯ ไป เทศบาลเมืองนราฯ ราคา 80 บาท


พิธีเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เส้นทางนราธิวาส


ก่อนกล่าวพิธีเปิดงาน การแสดงโชว์รำพัดค่ะ


เริ่มกล่าวพิธีเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์เส้นทางนราธิวาส โดยประธาน

คุณณัฐพงศ์ ศิริชนะ

ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส


ร่วมกับประธาน คุณจักรกฤษณ์ กาญจนศูนย์

กงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู


และประธาน คุณวรเนติ หล้าพระบาง

กรรมการบริษัท รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด


ประธานในพิธี ร่วมกันตัดริบบิ้น พิธีเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เส้นทางนราธิวาส


การแสดงรำตาลีกีปัส ปิดท้ายค่ะ


ประธานพิธีเปิดต่างมอบของที่ระลึกให้ซึ่งกันและกันค่ะ


หลังจากเสร็จพิธีเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เส้นทางนราธิวาสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทางสายการบินไทยสมายล์ ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนราธิวาส

ได้จัดทริปคณะสื่อมวลชน ทัศนศึกษาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดนราธิวาส

เพื่อประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวสู่จังหวัดนราธิวาส ค่ะ


สถานที่แรกที่เราจะไปเที่ยวชมกัน นั่นคือ "มัสยิดประจำจังหวัดนราธิวาส"


มัสยิดกลาง เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม

ตั้งอยู่บ้านบางนรา ก่อนถึงหาดนราทัศน์

สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2524 เป็นมัสยิดกลางประจำจังหวัดนราธิวาสแห่งที่ 2 สร้างเป็นอาคาร 3 ชั้น แบบอาหรับ ชั้นล่างจะเป็นห้องประชุมใหญ่ ห้องละหมาดอยู่ 2 ชั้นบน ยอดเป็นโดมขนาดใหญ่ มีหอสูงสำหรับส่งสัญญาณ (อาซาน) เรียกชาวมุสลิมเข้าละหมาด


จากมัสยิดกลาง เราสามารถเดินมายังสถานที่ท่องเที่ยว แห่งที่ 2 "สะพานปรีดานราทัศน์"

เพื่อชมพระอาทิตย์ตกดินจากตรงสะพานได้เลยค่ะ


2 ฝั่ง จะเป็นหมู่บ้านชาวประมงของที่นี่ค่ะ


นอกจากนี้ บริเวณแห่งนี้ ยังเป็นสถานที่เลี้ยงปลากระพงในกระชังด้วยค่ะ


สถานท่องเที่ยว แห่งที่ 3 คือ "หาดนราทัศน์"

ตั้งอยู่อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ขับเลยสะพานปรีดานราทัศน์ไม่ไกลค่ะ

การเดินทาง อยู่เลยจากตัวเมืองนราธิวาสไปตามถนนสายพิชิตบำรุง 1 กิโลเมตร สามารถใช้บริการรถจักรยานยนต์ รถสามล้อ หรือรถสองแถวเล็ก จากตัวเมืองนราธิวาสไปยังหาดนราทัศน์ได้สะดวกค่ะ


หาดนราทัศน์ เป็นหาดทรายขาวสะอาดยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ไปสิ้นสุดที่ปลายแหลมด้านปากแม่น้ำ

บางนารา ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันเรือกอและ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี แนวสน ทำให้บรรยากาศริมทะเลร่มรื่นมากขึ้น ใกล้ๆ มีหมู่บ้านชาวประมงตั้งเรียงรายตามริมแม่น้ำบางนรา และบริเวณอ่าวมีเรือกอและของชาวประมงจอดอยู่มากมาย

สามารถชมพระอาทิตย์ตกดินได้เช่นกันค่ะ

แอบเสียดายวันที่ I am Devil ยัยตัวร้าย ไปฟ้าไม่ค่อยเป็นใจเลยค่ะ


ตามชายหาดจะมีชาวนราธิวาส และนักท่องเที่ยวใกล้เคียงมาพักผ่อน

บ้างก็มาเป็นครอบครัว บ้างก็มากับกลุ่มเพื่อน

ซื้ออาหารมารับประทาน พักผ่อนริมชายหาด


เด็กๆ เล่นก่อกองทรายกันค่ะ

นึกถึงสมัยเด็กๆ ที่ไปเที่ยวทะเล เลยค่ะ

I am Devil ยัยตัวร้าย อยากกลับไปวัยเด็กอีกครั้งจัง ^___^


บริเวณหาดนราทัศน์ จะมีรถเข็ญขายอาหาร ขายน้ำ ให้เลือกซื้อทานได้เลยค่ะ


ก่อนเราจะเข้าที่พัก ไกด์ น้องซาร่า พาแวะซื้อของฝากกันก่อนค่ะ

กรือโป๊ะ หรือข้าวเกรียบสดทอด ของอร่อยเมืองนราธิวาสค่ะ

ใครมาเยือนที่นี่ อย่าพลาดซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับไปด้วยนะคะ

สำหรับร้านนี้เจ้าของใจดีน่ารักมากค่ะ ทอดกรือโป๊ะ ให้พวกเราได้ชิมด้วยค่ะ

ร้านจะอยู่ไม่ไกลจากที่เราพัก อยู่ในย่านตลาดในเมืองนราธิวาสค่ะ


เราเข้าพักที่โรงแรมตันหยงค่ะ อยู่ในเมืองนราธิวาสเลยค่ะ

สามารถเข้าไปดูข้อมูลจากเว็บไซต์ โรงแรมตันหยง ได้ค่ะ

(ตอนที่เข้าพักค่ำแล้ว I am Devil ยัยตัวร้าย เลยเก็บภาพโรงแรมในวันรุ่งขึ้นค่ะ)


โรงแรมตันหยง เป็นโรงแรมอาคารเดียว มีห้องพักทั้งหมด 4 ชั้นค่ะ


บริเวณล็อบบี้ของโรงแรม


มาดูภายในห้องพักกันค่ะ ภายในห้องพักไม่ได้ใหม่มากนะคะ

เพราะเป็นโรงแรมที่เปิดมานานแล้ว ถึงดูไม่ใหม่มากแต่ก็สะอาดค่ะ

ภายในห้องพักจะมีตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น น้ำเปล่า 2 ขวด ให้บริการค่ะ


บริเวณโต๊ะเครื่องแป้ง จะมีทีวีแต่เป็นรุ่นเก่านะคะ

และมีชุดโซฟาอยู่ในห้องพักด้วยค่ะ


เตียงนอนจะเป็นเตียงคู่สำหรับห้องพักนี้ค่ะ

ภายในห้องพักค่อนข้างที่จะกว้างขวางเลยทีเดียว


เตียงนุ่ม นอนสบายค่ะ I am Devil ยัยตัวร้าย นอนหลับปุ๋ยเลยค่ะ

เราพักที่นี่ 2 คืนค่ะ


มาดูภายในห้องน้ำกันบ้างค่ะ มีผ้าเช็ดตัว สำหรับ 2 ท่าน

เครื่องอาบน้ำจะมีสบู่ และหมวกอาบน้ำให้บริการค่ะ

ใครอยากแช่ตัวน้ำอุ่นๆ ก็มีอ่างอาบน้ำด้วยนะคะ


เราขึ้นมาทานอาหารค่ำที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมตันหยงค่ะ

เมนูอาหาร สำหรับค่ำคืนนี้ ได้แก่

ออเดิร์ฟ ข้าวเกรียบปลา

ยำผักกรูด

ไก่ฆอและ (จะหาทานได้ในภาคใต้ค่ะ)

ปลากระพงทอดน้ำปลา

แกงส้มปลากระพงยอดมะพร้าว (หรือ แกงเหลือง)

น้ำบูดู พร้อมผักสด (น้ำบูดู จะหาทานได้ 3 จังหวัดชายแดนใต้) เป็นเมนูที่ต้องลองค่ะ


เมนูที่พลาดไม่ได้ นั่นก็คือ

แกงไตปลา ทานคู่กับเส้นหมี่ และไข่ต้มค่ะ

อาหารทุกเมนู รสชาดจัดจ้าน ถึงเครื่องแกง รสชาดเข้มข้น

I am Devil ยัยตัวร้ายก็เป็นคนใต้ค่ะ รสชาดถือว่าถูกปากมากเลย

เมนูที่ชอบเป็นพิเศษ คือ แกงไตปลา และน้ำบูดู ค่ะ


เมื่อทานของคาวกันแล้วตามด้วยของหวาน

เสิร์ฟด้วยผลไม้ แตงโม สัปปะรด มะม่วง และแคนตาลูป

และของหวาน โรตี ทานพร้อมนมข้นหวาน และน้ำตาล

ถ้ามานราธิวาส โรตี ต้องไม่พลาดเช่นกันค่ะ

ค่ำคืนนี้พักผ่อน เก็บแรงไว้ไปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในวันรุ่งขึ้นค่ะ

เช้าวันรุ่งขึ้น วันที่ 2 ทานอาหารเช้าที่โรงแรมตันหยง


อาหารเช้าของโรงแรมจะเป็นอาหารทั่วไปตามโรงแรมอื่นๆ เลยค่ะ

ที่ I am Devil ยัยตัวร้าย อยากนำเสนอ นั่นก็คือ "ข้าวยำ"


ข้าวยำ มาจากคำว่า นาซิกาบู เป็นภาษามาลายูท้องถิ่น

นาซิ แปลว่า ข้าว กาบู แปลว่า ยำ

ประกอบด้วยข้าวสุกราดด้วยน้ำบูดู สีของข้าว สีม่วง ได้มาจากดอกอัญชัน

ข้าวยำเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ที่มีผักสมุนไพรเป็นส่วนประกอบ

เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด ใบยอ แตงกวา ถั่วฝักยาว ถั่วงอก ดอกดาหลา

โรยหน้าด้วยมะพร้าวคั่ว สมันที่ทำมาจากเนื้อปลา หรือกุ้งแห้งป่น

พร้อมเครื่องปรุงพริกไทย พริกป่น และมะนาว

ตั้งแต่ I am Devil ยัยตัวร้าย ขึ้นมาอยู่ กทม. ไม่ได้ทานข้าวยำเลยค่ะ

มานราธิวาสครั้งนี้ อาหารที่เคยทานก็ได้กลับมาทาน

เป็นอะไรที่ชอบมาก อาหารถูกปาก และเป็นอาหารที่เราชอบด้วยค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลกลางวัฒนธรรม


สถานที่ท่องเที่ยว แห่งที่ 4 คือ "อุทยานแห่งชาติ อ่าวมะนาว-เขาตันหยง"

ตั้งอยู่ หมู่ 1 ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส

การเดินทาง ตามทางหลวงหมายเลข 4084 (นราธิวาส – ตากใบ) 3 กิโลเมตร และมีทางแยกไปสู่หาดอีก 3 กิโลเมตร

จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง คือ

มีหาดทรายขาว สลับด้วยโขดหินที่อยู่กระจัดกระจาย

โอบล้อมด้วยเนินเขาสูงตลอดแนวจนถึงเขตพระราชฐาน


เส้นทางศึกษาธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง

จะมีพันธุ์ไม้ประเภทพันธุ์ไม้ป่า และยังมีน้ำตกสามารถลงเล่นได้ มีชื่อว่า "น้ำตกธาราสวรรค์"


เจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ เล่าถึงประวัติของอุทยานฯ ค่ะ

(สามารถตามอ่านได้ที่ สำนักอุทยานแห่งชาติ)


I am Devil ยัยตัวร้าย ไม่ได้เข้าไปในอุทยานฯ ค่ะ

เวลาไม่พอ มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่ต้องไปเที่ยวชม

ก็เลยได้เก็บภาพอ่าวมะนาวมาฝากกันค่ะ


อ่าวมะนาว เป็นชายหาดที่ยาวต่อเนื่องจากชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของจังหวัดปัตตานี เป็นโค้งอ่าวเชื่อมต่อกัน ยาวประมาณ 4 กิโลเมตร มีโขดหินคั่นสลับโค้งหาดเป็นระยะๆ ด้านหนึ่งติดพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ บริเวณริมหาดมีสวนรุกขชาติ และทิวสนร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อน


มีชาวนราธิวาส และนักท่องเที่ยวใกล้เคียง มาพักผ่อน เล่นน้ำกันค่ะ


สถานที่ท่องเที่ยว แห่งที่ 5 คือ "วัดชลธาราสิงเห"

ตั้งอยู่ หมู่ 3 ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส

การเดินทาง จากตัวเมืองออกไปตามเส้นทางสาย นราธิวาส – ตากใบ (ทางหลวง 4084) ถึงสี่แยกตลาดอำเภอตากใบแล้วเลี้ยวซ้ายไปอีก 100 เมตร จะถึงปากทางเข้าวัด สามารถนั่งรถโดยสารประจำทางเส้นที่จะไปอำเภอตากใบ มีทั้งรถสองแถว รถตู้ และรถบัส ลงที่แยกอำเภอตากใบ และเดินไปอีก 500 เมตร แต่รถตู้จะเข้าไปส่งถึงวัดค่ะ

วัดชลธาราสิงเห เดิมเรียกว่า วัดท่าพรุ หรือ วัดเจ๊ะเห สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2403 ปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระครูโอภาสพุทธคุณ (พุด) วัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เพราะมีการปักปันเขตแดนระหว่างไทย กับมลายูของอังกฤษ ในช่วง พ.ศ. 2451 – 2452 รัชกาลที่ 5 ทรงอ้างว่าวัดธาราสิงเหเป็นมรดกทางพุทธศสานาของไทย จึงไม่ต้องเสียดินแดนทางตอนเหนือของแม่น้ำตากใบให้แก่อังกฤษ ด้วยเหตุนี้วัดชลธาราสิงเหจึงได้รับขนานนามว่า "วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย" นับแต่นั้นมาศาสนสถานในวัดชมธาราสิงเห มีการก่อสร้าง และปฏิสังขรณ์สืบต่อมาหลายยุคหลายสมัยตามแบบสถาปัตยกรรมไทยภาคใต้ สิ่งก่อสร้างสำคัญภายในวัดประกอบด้วย

1. พระอุโบสถ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2416 ในรัชสมัยพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นสถาปัตยกรรมแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 ภายในเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องไตรภูมิ เทพชุมนุม และพุทธประวัติ เป็นต้น

2. เจดีย์ ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังสูง สร้างในราวกลางพุทธศตวรรษที่ 25

3. พระพุทธไสยาสน์ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2484 เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นประดับกระจกสีทอง ประทับอยู่บนนาค พระพุทธรูปนี้ประดิษฐานอยู่ในคูหาที่ประดับด้วยเครื่องถ้วยยุโรป จีน และญี่ปุ่น

4. หอระฆัง เดิมเป็นหอไตรกลางน้ำ เมื่อชำรุด จึงได้ย้ายมาสร้างบนบก และดัดแปลงเป็นหอระฆัง

5. กุฏิเจ้าอาวาส สร้างระหว่าง ปี พ.ศ. 2437 – 2456 ภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง

6. กุฏิพระครูวิมลสถาปนกิจ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2482 ภายในมีภาพจิตกรรมฝาผนัง

7. กุฏิสิทธิสารประดิษฐ์ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2498 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์สถานวัดชลธาราสิงเห เมื่อปี พ.ศ. 2543

กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนวัดธาราสิงเห เป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 และได้ดำเนินการบูรณะ ปรับภูมิทัศน์โบราณสถานภายในวัดชลธาราสิงเห อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 – 2544 เพื่อรักษาโบราณสถานแห่งนี้ไว้เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติสืบต่อไป


เรามาชม กุฏิสิทธิสารประดิษฐ์ (อาคารพิพิธภัณฑ์วัดชลธาราสิงเห) กันก่อนค่ะ

กุฏิสิทธิสารประดิษฐ์ (อาคารพิพิธภัณฑ์วัดชลธาราสิงเห) สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2548 เป็นอาคารยกไม้พื้นสูง หลังคาทรงปั้นหยามุงกระเบื้องดินเผา หลังคากุฏิเป็นหลังคาซ้อนกันหลายๆ ชั้น ตรงยอดหลังคา และปลายมุงหลังคา ทำเป็นรูปหัวนาค หรือหางหงส์ ภายในกุฏิตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรม เช่น บริเวณหน้าบัน เป็นภาพพุทธประวัติตอนปรินิพพาน บานประตูเป็นภาพทวราบาล ฝ้าเพดานตกแต่งด้วยรูปพระอาทิตย์ พระจันทร์ เทวดา เป็นต้น กุฏิหลังนี้ใช้เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์วัดชลธาราสิงเห ตั้งแต่ พ.ศ. 2543


เข้ามาชมด้านในกุฏิกันค่ะ

จากที่ I am Devil ยัยตัวร้าย ได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมา

กุฏิหลังนี้ได้บูรณะใหม่ จึงทำให้ฝ้าเพดานที่มีรูปพระอาทิตย์ พระจันทร์หายไปค่ะ


ตัวอย่างภาพบริเวณหน้าบันค่ะ


ก่อนที่เราจะเดินชมภายในกุฏิ มาทราบเรื่องราวจากวีดีทัศน์กันก่อนค่ะ


เรามาเดินชมภายในกันค่ะ ว่าจะมีเรื่องราวอะไรให้เราชมบ้าง

อย่างรูปปั้น 2 ท่านนี้ กำลังเซ็นต์สัญญาข้อตกลงอะไรสักอย่างนี้ล่ะค่ะ

I am Devil ยัยตัวร้าย ก็ไม่ทราบเหมือนกัน ไม่ได้ถามเจ้าหน้าที่ ต้องกราบขออภัยด้วยค่ะ


ดูเหมือนจำลองศาลา หรือกุฏิ นี่ล่ะค่ะ

ถ้าข้อมูลผิดพลาดก็ต้องขออภัย มา ณ ที่นี่ ด้วยค่ะ


งานแกะลวดลายไทย ลายกนก


โซนนี้จะแสดงเครื่องมือทำมาหากินของชาวบ้าน มีอุปกรณ์หาปลา ดักไซ ซุ่ม ค่ะ


ปลายมุงหลังคา ของ กุฏิสิทธิสารประดิษฐ์ (อาคารพิพิธภัณฑ์วัดชลธาราสิงเห)

เป็นลวดลาย ฉลุลายไทย ถือว่าเป็นกุฏิที่วิจิตร สวยงามมากค่ะ

ไม่คิดเลยใช่มั้ยคะ ว่า จังหวัดนราธิวาส ยังมีของดี ขนาดนี้

I am Devil ยัยตัวร้าย ก็คิดเช่นเดียวกันค่ะ


วันที่ I am Devil ยัยตัวร้าย มาเที่ยวชม ใกล้กับเทศกาลวันสงกรานต์

จึงมีชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นชาวไทย ชาวไทยมุสลิม ก็มาช่วยกันจัดดอกไม้

เพื่อรดน้ำ ดำหัว ผู้สูงอายุ ในวันสงกรานต์

จากที่สอบถามไกด์ ว่าทำไมชาวมุสลิมถึงมาช่วยงานในวัดได้

เพราะ ไม่เคยเห็นชาวไทยมุสลิมเข้าวัดค่ะ

ไกด์ เลยบอกว่า ถ้ามีงานบุญ ชาวไทยมุสลิม ก็มักจะเข้ามาช่วยงานบุญเสมอค่ะ


มณฑปประชานารถ

ไม่มีแหล่งข้อมูลกล่าวถึงประวัติความเป็นมา ทราบเพียงแต่

สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 โดยโกซู้ (ศ.ฤ.ท.) ตระกูล ศักรพันธ์ และญาติโยม ค่ะ


พระอุโบสถ

พระอุโบสถ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2416 ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางของวัด หันหน้าไปทางแม่น้ำตากใบซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ โครงสร้างก่ออิฐถือปูน หลังคามุงกระเบื้องดินเผา หลังคาเป็นชั้นซ้อนทางด้านหน้า และหลังคาของอุโบสถ มีชายคาปีกกนกลดหลั่นกันลงมา 3 ชั้น มีเสานางเรียงทรงสี่เหลี่ยมรองรับเชิงชาย เครื่องบน ประดับช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ หน้าบันประดับด้วยปูนปั้น รูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ประตูและหน้าต่างก่อเป็นซุ้มมงกุฏ มีกำแพงก้าว และใบเสมอมาล้อมรอบจำนวน 8 ซุ้ม


ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานเป็นรูปปางมานวิชัยภายในซุ้มเรือนแก้ว นอกจากนี้ยังปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนัง เล่าเรื่องไตรภูมิ พระพุทธประวัติตอนต่างๆ เช่น เสด็จชั้นสวรรค์ดาวดึงส์ เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ และพระพุทธเจ้าโปรดพระพุทธบิดา เป็นต้น ภาพเทพชุมนุม และสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนท้องถิ่นในอำเภอตากใบ


พระเจดีย์

พระเจดีย์ เป็นเจดีย์พระประธานของวัดชลธาราสิงเห ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของวัด สร้างขึ้นในราว พ.ศ. 2456 – 2462 สร้างเสร็จใน พ.ศ. 2484 ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆัง ก่ออิฐถือปูน บนฐานสี่เหลี่ยมทรงสูง ล้อมรอบด้วยลานประทักษิณ พระเจดีย์แสดงรูปแบบศิลปกรรมพื้นถิ่นภาคใต้


ศาลาริมน้ำ

ศาลาริมน้ำ ตั้งอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ เป็นศาลาโถงมณฑปที่มีลักษณะงดงาม เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคถึงอำเภอตากใบ แล้วเสด็จขึ้นประทับ ณ ศาลาริมน้ำหลังนี้ เพื่อทอดพระเนตรการแข่งขันเรือ และถวายปัตตุปัจจัยบำรุงวัด


สถานที่ท่องเที่ยวแห่ง ที่ 6 คือ "สะพานคอย 100 ปี"

เกาะยาว ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดชลธาราสิงเห จากสี่แยกตลาดอำเภอตากใบ เลยไปยังแม่น้ำตากใบ มีสะพานไม้ชื่อ "สะพานคอย 100 ปี" ทอดข้ามแม่น้ำตากใบไปยังเกาะยาว ซึ่งทางด้านตะวันออกของเกาะจะติดกับทะเล มีหาดทรายละเอียดสีน้ำตาล บรรยากาศสงบเงียบ ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ประกอบอาชีพประมง และสวนมะพร้าว


สะพานคอย 100 ปี เป็นสะพานไม้ที่ทอดตัวข้ามไปยังเกาะยาว อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ทำไมถึงต้องเรียก สะพานคอย 100 ปี เพราะสมัยก่อนเกาะยาว อยู่ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอตากใบ ฝั่งด้านนึงติดกับทะเลอ่าวไทย

ส่วนอีกฝั่งด้านหนึ่งติดแม่น้ำตากใบ เป็นเกาะที่มีความยาวประมาณ 9 กิโลเมตร จะเดินทางมายังฝั่งที่ว่าการอำเภอต้องใช้เรือ กว่าจะมีการสร้างสะพานไม้ ระหว่างเกาะยาวไปยังฝั่งที่ว่าการอำเภอต้องคอยถึง 100 ปี นี่คือที่มาทำไมถึงได้เรียก สะพานคอย 100 ปี


สะพานไม้ มีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก จึงได้มีการรณรงค์ซ่อมแซมสะพานไม้

และได้มีการก่อสร้างสะพานคอนกรีตขึ้นมาควบคู่ กับสะพานไม้เดิม ค่ะ


จังหวัดนราธิวาส ขึ้นชื่อของฝาก นั่นก็คือ ปลากุเลา

เลยมาร้านของฝากค่ะ ร้านที่เราไป ชื่อร้าน "อ้อยูงทองปลากุเลา"


ปลากุเลาตากใบ เป็นปลากุเลาเค็ม ผลิตภัณฑ์ชุมชนสินค้าโอทอป ระดับ 5 ดาวของ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เคล็ดลับความอร่อยของปลากุเลาตากใบนั้น อยู่ที่การคัดเลือกปลาที่มีคุณภาพ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ปลาสดใหม่ที่จับได้ใน อำเภอตากใบ และในทะเลนราธิวาสเท่านั้น เมื่อได้ปลาสดใหม่มา จะมาขอดเกล็ด ควักไส้ เครื่องในทิ้ง ล้างทำความสะอาด จากนั้นนำเกลือยัดไปในท้อง และน้ำปลาไปหมักเกลือ ในภาชนะที่ปิดฝามิดชิด เมื่อหมักได้ที่แล้วจึงนำล้างตากด้วยการผูกเชือกที่หางห้อยหัวลง โดยปลาตัวใหญ่ต้องให้กระดาษห่อหัวปลา เพื่อป้องกันแมลงวันมาไข่ ส่วนตัวปลาตัวเล็กไม่ต้องห่อ


ราคาปลากุเลา กิโลละ 1,000 บาทขึ้นไปค่ะ

ทางร้านจะบรรจุลงในกล่องอย่างสวยงามเรียบร้อย พร้อมเป็นของฝากได้เลย

แต่วันที่เราไป ทางร้านบอกกับเราว่า ปลากุเลาของทางร้านตากแดดยังไม่ได้ที่

ก็เลยไม่มีสินค้าให้เราซื้อเป็นของฝากกลับไปค่ะ


ร้านอ้อยูงทอง ยังมีของฝาก เช่น กะปิ น้ำบูดู ข้าวเกรียบ เป็นต้น ค่ะ

สามารถสอบถามได้ที่เบอร์โทร 073-581044 ค่ะ


สถานที่ท่องเที่ยว แห่งที่ 7 "ด่านตากใบ"

ด่านตากใบ หรือ ด่านตาบา ตั้งอยู่ที่บ้านตาบา ตำบลเจ๊ะเห อยู่ห่างจากตัวอำเภอตากใบ 5 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 4084 (อำเภอเมือง – อำเภอตากใบ) เป็นช่องทางการท่องเที่ยว และค้าขาย ระหว่างประเทศไทย – มาเลเซีย อีกแห่งหนึ่งนอกจากด่านสุไหงโก-ลก ผู้ที่จะข้ามไปซื้อของที่ร้านค้าปลอดภาษี ด่านศุลกากรเพนกาลันกูโบ รัฐกลันตัน ของประเทศมาเลเซีย สามารถข้ามแดนไปได้แบบเช้าไป-เย็นกลับ แต่หากจะข้ามไปนานกว่านั้น สามารถขอใบผ่านแดน แบบ 3 เดือน เข้า-ออกครั้งเดียวได้ โดยต้องเตรียมคำร้องจากสำนักงานอำเภอที่ตัวเองมีชื่อในทะเบียนบ้านไปยื่นที่สำนักงานอำเภอตากใบ สอบถามข้อมูล โทร. 073-581421


การข้ามฟากสามารถข้ามไปโดยเรือหางยาว หรือแพขนานยนต์ ซึ่งจะออกทุก 30 นาที

ระหว่าง 06.30 น. – 17.30 น. ค่าโดยสารคนละ 7 บาทค่ะ รถบัส 100 บาท


ถ้านำรถยนต์เข้าไปไกลกว่าด่านศุลกากร จะต้องทำประกันรถยนต์ก่อน และมีข้อกำหนดว่าต้องเป็นรถที่ติดฟิล์มไม่เกิน 40 เปอร์เซ็นต์ และมีเข็มขัดนิรภัย เพราะฝั่งมาเลเซียเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยรถยนต์ ค่าประกัน 600 – 700 บาท ระยะเวลาประกันตั้งแต่ 9 วันถึง 1 ปี


ใครจะข้ามฟากกับเรือหางยาง ก็สามารถมารอได้ที่นี่ค่ะ


ส่วนมากคนจากประเทศมาเลเซียจะข้ามฝากมาประเทศไทย

เพื่อมาซื้อของแล้วก็ข้ามฟากกลับค่ะ


คนท้องที่ บอกให้ถ่ายรูปพวกเค้าได้ไหม

I am Devil ยัยตัวร้าย บอกได้ค่ะ มองกล้องยิ้มนะคะ

1…2…3 แช๊ะ น่ารักมากค่ะ


บริเวณด่านตากใบ จะเป็นตลาดซึ่งมีของขายเยอะเลยค่ะ

ขายผลไม้ตามฤดูกลาลค่ะ


มีขนมขาย ซึ่งถ้าใครเคยไปตลาดกิมหยง อำเภอหาดใหญ่

ขนมที่ขายย่านด่านตากใบจะคล้ายๆ กันค่ะ


ผ้าคลุมศรีษะ ของชาวมุสลิม แม่ค้าบอกว่า ชาวมาเลเซีย ชอบข้ามฟากมาซื้อ

เพราะราคาที่ไทย ถูกกว่ามาเลเซีย

ราคาผืนละ 130 บาท ถ้าซื้อ 2 ผืน ราคา 250 บาทค่ะ


รถเบนซ์ ทางภาคใต้ จะใช้บริการเป็นรถแท็กซี่ค่ะ


ทานไก่ฆอและ กันมั้ยคะ อร่อยดีค่ะ ไม้ละ 10 บาท


รู้จักมั้ยคะ ว่าคืออะไร ลูกเหนียงนก ค่ะ ทานกับนำพริก มีกลิ่นฉุนค่ะ


ก่อนจะเดินท่องเที่ยวยังสถานที่ต่อไป เราแวะรับประทานอาหารเที่ยงกันที่

ร้าน "ตากใบลากูน"

ตั้งอยู่เลขที่ 311/2 หมู 7 ถนนตากใบ – ตาบา จังหวัดนราธิวาส

เบอร์โทรติดต่อ 073-581478


มาดูรายการอาหารกันค่ะ

เปาะเปี๊ยะ

ไก่ผัดเม็ดมะม่วง

กุ้งผัดกะปิ


ยำลากูน

แกงส้มปลากระพงใส่ยอดมะพร้าว

ผัดพักรวม

และน้ำบูดูผักสด


อาหารอร่อยทุกเมนูเลยค่ะ อาหารทางใต้รสจะจัดจ้าน

แต่ I am Devil ยัยตัวร้าย ชอบ อาหารถูกปากมากเลยค่ะ

ร้านอาหาร ตากใบลากูน ไม่ใช่เพียงแต่เป็นร้านอาหารนะคะ

ยังเป็นรีสอร์ทให้บริการห้องพักด้วยค่ะ

เป็นความโชคดีของเราที่ได้มาเจอกับขบวนขันหมากของชาวไทยมุสลิม

และต้องขอขอบคุณที่ให้เราถ่ายภาพค่ะ


เจ้าบ่าวของเรามาดเข้ม หล่อเหลาเลยค่ะ ขันหมากของที่นี่จะแปลกตามาก

โดยเฉพาะขันหมากที่มีกระเป๋า และรองเท้าให้ฝ่ายเจ้าสาวค่ะ


สถานที่ท่องเที่ยว แห่งที่ 8 คือ "ศูนย์ศิลปาชีพ ณ วัดพระพุทธ"

ตั้งอยู่ หมู่ที่ 3 ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส


เรามาชมการทอผ้า 7 สี ค่ะ


อุปกรณ์ ที่ต้องใช้ในการทอผ้า ด้ายสีต่างๆ ค่ะ


คุณป้า กำลังสาธิตการทอผ้าค่ะ


ผลิตภัณฑ์สินค้าโอทอป เป็นผ้าขาวม้าค่ะ


สถานที่ท่องเที่ยว แห่งที่ 9 คือ "ศูนย์วิจัย และศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร"

ป่าพรุโต๊ะแดง ป่าพรุแห่งสุดท้ายของประเทศไทย ซึ่งคลุมพื้นที่ของ 3 อำเภอ คือ อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุไหงปาดี มีพื้นที่ 120,000 ไร่ แต่ส่วนที่สมบูรณ์มีเพียง 50,000 ไร่ มีสัตว์ป่า และพรรณไม้หลากหลาย มีลำน้ำสำคัญไหลผ่าน คือ คลองสุไหงปาดี แม่น้ำบางนรา และคลองโต๊ะแดง อันเป็นที่มาของชื่อป่า


ป่าพรุ หรือ Peat Swamp Forest เกิดขึ้นได้อย่างไร คำตอบคือ เกิดจากแอ่งน้ำจืดที่ขังนิ่งเป็นเวลานาน มีการสะสมของชั้นดิน และอินทรีย์วัตถุ ซากพืช ซากต้นไม้ จนย่อยสลายอย่างช้าๆ กลายเป็นดินพีท (peat) หรือดินอินทรีย์ที่มีลักษณะหยุ่นยวบเหมือนฟองน้ำมีความหนาแน่นน้อยอุ้มน้ำได้มาก และพบว่ามีการสะสมระหว่างดินพีทกับดินตะกอนทะเลสลับชั้นกัน 2-3 ชั้น เนื่องจากน้ำทะเลเคยมีระดับสูงขึ้นจนท่วมป่าพรุ เกิดการสะสมของตะกอน มีน้ำทะเลขังอยู่ด้านใน พันธุ์ไม้ในป่าพรุตายไป และเกิดป่าชายเลนขึ้นแทนที่ เมื่อระดับน้ำทะเลลดลง และมีฝนตกลงมาสะสม น้ำที่ขังอยู่จึงจืดลง และเกิดป่าพรุขึ้นอีกครั้ง ดินพรุชั้นล่างมีอายุถึง 6,000 – 7,000 ปี ส่วนดินพรุชั้นบนอยู่ระหว่าง 700 – 1,000 ปี


ต้นหมากแดง สูงโปร่ง พบเยอะในพรุโต๊ะแดง ค่ะ


ใครมาแล้วอย่าลืมมา เก็บภาพที่ระลึกตรงนี้กันนะคะ ^_____^


เดินเข้าไปเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เป็นสะพานไม้ต่อลัดเลาะเข้าไปในป่าพรุ

ระยะทาง 1,200 เมตร


พันธุ์ไม้ที่พบในป่าพรุมีกว่า 400 ชนิด มีป้ายชื่อต้นไมที่น่าสนใจบอกด้วยค่ะ


สะพานไม้ที่สร้างขึ้น เพื่อเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ไม่ได้ตัดต้นไม้ที่ขวางทาง

สร้างคล่อมต้นไม้เลยค่ะ


ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่าพรุแห่งนี้ ต้นไม้สูงใหญ่ ให้ร่มเงาได้เป็นอย่างดีเลย


เก็บภาพบางส่วน ในการเดินป่าพรุ มาให้ชมบางส่วนค่ะ


หนอนคัน ถ้าโดนคงคันน่าดูเลยค่ะ


บึงบัว ไม่ได้ยลโฉมดอกบัวเลยค่ะ ไปไม่ตรงกับช่วงฤดู


ในป่าพรุพบสัตว์ป่าไม่น้อยกว่า 200 ชนิด

I am Devil ยัยตัวร้าย ได้เจอกับฝูงลิงน้อยด้วยค่ะ


สามเณร ได้มาเดินป่าศึกษาธรรมชาติที่ป่าพรุด้วย กำลังถ่ายเจ้าลิงน้อยด้วยค่ะ


สถานที่ท่องเที่ยว แห่งที่ 10 "ด่านสุไหงโก-ลก"

ตัวเมืองสุไหงโก-ลก เป็นด่านการค้าชายแดนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด และยังสามารถเดินทางข้ามไปมาได้สะดวกทั้งชาวไทย และชาวมาเลเซีย มีสะพานเชื่อมระหว่างประเทศ เปิดตั้งแต่เวลา 05.00 น. – 21.00 น. ชาวไทยมักข้ามไปยังฝั่งรันเตาปันยา เพื่อซื้อเครื่องใช้ต่างๆ รวมทั้งขนม และของเล่น มีร้านค้าปลอดภาษี ส่วนคนชาวมาเลเซียจะข้ามมาซื้ออาหาร และผลไม้

การเดินทาง ด่านสุไหงโก-ลก อยู่ห่างจากสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก 1 กิโลเมตร การเดินทางจากตัวเมืองนราธิวาสสามารถไปได้ 2 เส้นทาง คือใช้ทางหลวงหมายเลข 4055 (นราธิวาส – ระแงะ) แล้วแยกซ้ายที่บ้านมะนังตายอ ไปตามเส้นทางหมายเลข 4056 ผ่านอำเภอสุไหงปาดี เข้าสู่อำเภอสุไหงโก-ลก หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 4054 จากตัวเมืองนราธิวาสไปยังอำเภอตากใบ แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 4057 (ตากใบ – สุไหงโก-ลก) ระยะทาง 66 กิโลเมตร จากด่านสุไหงโก-ลก สามารถขับรถข้ามสะพานเข้าไปเที่ยวเมืองโกตา บาห์รู ของมาเลเซียได้ แต่ต้องทำประกันรถยนต์


เรามาดิวตี้ฟรี ปิดแล้วค่ะ เปิดถึงเวลา 17.00 น. ตามเวลาประเทศมาเลเซีย

เราเลยได้มาช็อปปิ้ง ห้างแห่งนี้แทน เหมือนซุปเปอร์มาร์เก็ตบ้านเราเลยค่ะ


ผ่านแว๊บแรก คิดว่าเป็นวัดจีน แต่ไม่ใช่ค่ะ เป็นมัสยิด ที่อยู่ฝั่งมาเลเซีย

ไกด์ไม่ได้บอกชื่อมัสยิดแห่งนี้ค่ะ


สถานที่ท่องเที่ยว แห่งที่ 11 คือ "ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ"

ตั้งอยู่ที่ซอยภูธร ถนนเจริญเขต ในเขตเทศบาลตำบลสุไหงโก-ลก

ศาลเจ้าแม่โต๊ะโม๊ะ เดิมทีเจ้าแม่โต๊ะโมะ ประดิษฐานอยู่ที่บ้านโต๊ะโม๊ะ อำเภอสุคิริน ต่อมาชาวบ้านได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่อำเภอสุไหงโก-ลก เป็นที่นับถือของขาวสุไหงโก-ลก และชาวจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งชาวจีนในประเทศมาเลเซียเป็นอย่างมากทุกๆ ปี จะมีการจัดงานประเพณีประจำปีที่บริเวณศาลเจ้า ตรงกับเดือนสามของจีน (ประมาณเดือนเมษายน) ในงานจะมีกิจกรรมมากมาย เช่น มีการจัดขบวนแห่เจ้าแม่ ขบวนสิงโต ขบวนเอ็งกอ ขบวนกลองยาว และยังมีการลุยไฟด้วย

ซึ่งในปีนี้ จัดงานสมโภชเจ้าแม่โต๊ะโมะ ขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมาค่ะ


นักท่องเที่ยว และชาวสุไหงโก-ลก เริ่มเล่นน้ำสงกรานต์กันแล้วค่ะ


หมดแล้วค่ะกับอีก 1 วัน ในการท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดนราธิวาส

เราเดินทางกลับสู่ตัวเมืองนราธิวาส เพื่อรับประทานอาหารมื้อค่ำ


"ร้านมังกรทอง"

ตั้งอยู่ถนนสุริยะประดิษฐ์ 2 (ริมแม่น้ำบางนรา) อำเภอเมืองนราธิวาส

เบอร์โทรติดต่อ 073-511835


เมนูอาหารประกอบไปด้วย

น้ำบูดู พร้อมผักสด

ยำผักกรูด

ไก่นึ่ง ราดซีอิ้ว

แกงไตปลา พร้อมเสิร์ฟเส้นหมี่ และไข่ต้ม

ลูกชิ้นปลาล่วงจิ้ม

และเมนูสุดโปรด ไข่เจียวกุ้งสับ

รสชาดของร้านนี้อร่อยทีเดียวเลยค่ะ


เดี่ยวหาว่ามาไม่ถึง 3 จังหวัดชายแดนใต้ เราต้องมาลองนี่เลยค่ะ "โรตี"


เรามาร้าน "โรตีแบแอ"

ตั้งอยู่ตรงข้ามมัสยิดยุมอียะห์ หรือมัสยิดรายอ


มีเมนูให้เลือก มะตะบะ (มีเฉพาะเนื้อวัว) ราคาแผ่นละ 30 บาท

โรตีจะมีทั้ง ใส่กล้วย ราคาแผ่นละ 25 บาท

โรตี ใส่ไข่ ราคาแผ่นละ 17 บาท

หรือ โรตี ธรรมดา ราคาแผ่นละ 8 บาท


ต้องทานคู่กับชาเย็นค่ะ

I am Devil ยัยตัวร้าย สั่งโรตี ใส่ไข่ ชอบมากเลยค่ะ


ค่ำคืนนี้ I am Devil ยัยตัวร้าย หลับสบาย

เพราะท้องอิ่ม แถมได้ทานของอร่อยด้วยค่ะ

สำหรับค่ำคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีค่ะ


อรุณสวัสดิ์เช้าวันใหม่ วันที่ 3 แล้วค่ะ

ที่ I am Devil ยัยตัวร้าย ได้มาท่องเที่ยวอยู่ที่จังหวัดนราธิวาส

เช้านี้อยากทานนาซิดาแฆ เลยออกมาหาซื้อค่ะ

ร้านอาหารอิสลาม "เจ๊สะนิ"

เดินออกมาจากโรงแรมตันหยง เลี้ยวขวาเดินมาประมาณ 200 เมตร อยู่ฝั่งตรงข้ามค่ะ


นี่เลยค่ะ ที่ I am Devil ยัยตัวร้าย อยากทานมาก นาซิดาแฆ

อาหารพื้นเมืองของชาวไทยมุสลิม 3 จังหวัดชายแดนใต้

มีน้ำแกงหลายอย่างให้เลือกเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น แกงไก่ แกงเนื้อ แกงไข่ ไก่ทอด

นิยมทานเป็นอาหารมื้อเช้าค่ะ


ได้มาแล้วค่ะ I am Devil ยัยตัวร้าย เลือกแกงไก่ และไข่ต้มด้วย

ราคา 35 บาทค่ะ


นาซิดาแฆ มีหลายความหมาย หมายถึง ข้าวสำหรับคนอนาถา สืบเนื่องมาจากส่วนประกอบสำคัญของนาซิดาแฆ เป็นส่วนผสมระหว่างข้าวจ้าว กับข้าวเหนียว ผู้มีรายได้น้อย ถ้ามีข้าวจ้าว กับข้าวเหนียวเพียงบางส่วนนำมาปนกันทำเป็นอาหารได้แล้ว

ในความหมายอื่น คำว่า "ดาแฆ" มาจาก "ดาฆัง" ในภาษาอินโดนีเซีย แปลว่า หาบ ดังนั้น นาซิดาแฆ แปลว่า ข้าวหาบ คำว่า ดาแฆ ของชาวไทยมุสลิมภาคใต้ หมายถึง คนต่างถิ่น ดังนั้น นาซิดาแฆ หมายถึง ข้าวของคนต่างถิ่น คือเป็นข้าวที่ชาวอินโดนีเซีย เป็นผู้นำมาเผยแพร่ในแถบนี้


บางคนเรียก นาซิดาแฆ ว่า ข้าวมันแกงไก่ เพราะนิยมทานกับแกงไก่ นอกจากแกงไก่แล้ว ยังมีแกงเนื้อ แกงปลา หรือแกงไข่ ด้วยค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูล และใครอยากทราบข้อมูลวิธีการทำ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ครัวไกลบ้าน


ทางโรงแรมตันหยง ได้จัดโต๊ะหมู่บูชา ไว้สรงน้ำพระ เนื่องด้วยเทศกาลวันสงกรานต์ค่ะ


สถานที่ท่องเที่ยว แห่งที่ 12 คือ "องค์พระพิฆเนศ"

ตั้งอยู่ใกล้กับศาลเจ้าโก้วเล้งจี่ ใกล้โรงเรียนอนุบาลนราธิวาส


ลักษณะองค์พระพิฆเนศเป็นปูนปั้น มีความสูง 14 เมตร หน้าตักกว้าง 5.50 เมตร พระหัตถ์ขวาบนถือดอกบัว พระหัตถ์ขวาล่างอยู่ในท่าประทานพร พระหัตถ์ซ้ายบนถือศาสตราวุธ พระหัตถ์ซ้ายล่างถือขนมโมทกะ จัดว่าเป็นเทวรูปองค์พระพิฆเนศที่สวยงามที่สุดในประเทศ สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในปีมหามงคลเฉลิมพระชนม์มายุ 80 พรรษา ในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 น. – 16.00 น.

สองถามข้อมูลเพิ่มเติม เบอร์โทร. 073-511433


I am Devil ยัยตัวร้าย ขอพรจากพระพิฆเนศ เทพแห่งความสำเร็จ ^_____^


สถานที่แหล่งท่องเที่ยว แห่งที่ 13 "พุทธอุทยานเขากง"

ตั้งอยู่วัดเขากงมงคลมิ่งมิตรปฏิฐาราม ตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส

การเดินทาง จากตัวเมืองใช้เส้นทางนราธิวาส – ระแงะ ทางหลวงหมายเลข 4055 ประมาณ 9 กิโลเมตร


พระพุทธอุทยานเขากง (วัดเขากง – พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล) มีเนื้อที่ทั้งหมด 142 ไร่ บริเวณเขากง เคยเป็นแหล่งสำคัญทางพระพุทธศาสนามาแต่โบราณ ดังปรากฏหลักฐานทางโบราณคดี ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าจังหวัดนราธิวาสเคยเป็นแหล่งสังคมชาวพุทธ ประมาณราวๆ พ.ศ. 800 – 900 เป็นอย่างน้อย


พระพุทธรูปทักษิณมิ่งมงคล สีทองปางปฐมเทศนาขัดสมาธิเพชร เป็นศิลปะสกุลช่างอินเดียตอนใต้ เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2509 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2512 องค์พระเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กประดับด้วยโมเสกสีทอง หน้าตักกว้าง 17 เมตร ความสูงวัดจากพระเกศบัวตูมถึงบัวใต้พระเพลา 24 เมตร จัดเป็นพระพุทธรูปกลางแจ้งที่งดงาม และใหญ่ที่สุดในภาคใต้


หลวงปู่ปอเลาะ อดีตท่านนับถือศาสนาอิสลาม ท่านป่วยหนักไปรักษาที่ไหนก็ไม่หาย จนเมื่อท่านมารักษาที่วัดแห่งหนึ่ง ท่านก็ได้กล่าวว่า ถ้ารักษาท่านหายป่วย ท่านจะบวชเป็นพระ และไม่นานท่านก็หายป่วย ท่านจึงมีความเลื่อมใสในศาสนาพุทธ ท่านจึงได้บวชเป็นพระตั้งแต่บัดนั้น ต่อมาท่านได้เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดเขากง ซึ่งชาวบ้านทั้งในจังหวัดนราธิวาส และจังหวัดใกล้เคียง ศรัทธา และนับถือท่านมาก


สถานที่ท่องเที่ยว แห่งที่ 14 คือ "มัสยิดวาดีอัลฮูเซ็น หรือ มัสยิดตะโละมาเนาะ"

ตั้งอยู่บ้านตะโละมาเนาะ ตำบลลุโบะสาวอ

การเดินทาง ห่างจากตัวเมืองนราธิวาสประมาณ 25 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 42 แล้วแยกที่บ้านบือราแง


มัสยิด 300 ปี หรือมัสยิดวาดีอัลฮูเซ็น หรือ มัสยิดตะโละมาเนาะ นายวันฮูเซ็น อัส – ซานาวี ผู้อพยพมาจากบ้านสะนอยานยา จังหวัดปัตตานี เป็นผู้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2167 เริ่มแรกสร้างหลังคามุงใบลาน ต่อมาเปลี่ยนเป็นกระเบื้องดินเผา ลักษณะของมัสยิดมีความแตกต่างจากมัสยิดทั่วไป คือ เป็นอาคาร 2 หลังติดต่อกัน สร้างด้วยไม้ตะเคียนทั้งหลัง ลักษณะการสร้างจะใช้ไม้สลักแทนตะปู รูปทรงของอาคารเป็นแบบไทยพื้นเมืองประยุกต์เข้ากับศิลปะจีน และมลายู ส่วนเด่นที่สุดของอาคาร คือ เหนือหลังคาจะมีฐานมา รองรับจั่วบนหลังคาอยู่ชั้นหนึ่ง ส่วนหออาซานซึ่งมีลักษณะเป็นเก๋งจีน ตั้งอยู่บนหลังคาส่วนหลัง ฝาเรือนใช้ไม้ทั้งแผ่นแล้วเจาะหน้าต่าง ส่วนของช่องลมแกะเป็นลวดลาย ใบไม้ ดอกไม้สลับลายจีน


ปัจจุบัน มัสยิดแห่งนี้ ยังใช้เป็นสถานประกอบศาสนกิจของชาวมุสลิม หากต้องการเข้าชมภายในต้องได้รับอนุญาตจากโต๊ะอิหม่ามประจำหมู่บ้าน โดยทั่วไปเข้าชมได้บริเวณภายนอกเท่านั้น


มัสยิดแห่งนี้ ยังเป็นโรงเรียนด้วยค่ะ ด้านข้างจะเป็นห้องเรียน

นักเรียนที่มาเรียนเป็นชาวมุสลิมทั้งหมด

ไม่มีฝาผนังกั้นเป็นห้องเรียน มีแต่เพียงหลังคา และอีกด้านจะเป็นกำแพงมัสยิด


ห้องเรียน มีแค่เพียงหลังคาไว้บังแดด ถ้าวันไหนฝนตก คงเปียกกันหมด

เพราะไม่ได้กั้นเป็นห้องเรียน ที่มีผนังทั้ง 2 ด้าน


ห้องเรียนหลังนี้ ถึงจะกั้นเป็นห้องเรียนก็จริง แต่ไม่มีฝาผนัง ฝนตกหนักๆ ลมพัดแรงๆ

ก็ไม่สามารถเรียนต่อได้ค่ะ


อาคารหลังนี้แบ่งเป็นห้องเรียน 2 ห้อง ไม่ได้มีกำแพงกั้นค่ะ


ยังมีอาคารเรียน ที่เป็นห้องเรียนมีทั้งผนัง และกั้นห้องเรียนเป็นสัดส่วน

แต่มีเพียงไม่กี่ห้องค่ะ การแต่งกายของนักเรียนที่นีค่ะ

I am Devil ยัยตัวร้าย เลยขอถ่ายคู่กับนักเรียนที่นี่ เป็นที่ระลึก


ด้านหลังมัสยิดเป็นที่จอดรถจักรยานของเด็กๆ นักเรียน


การแต่งกาย ชุดนักเรียนชาย


เด็กๆ นักเรียน ยิ้มหวาน ต้อนรับพวกเรา

เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ แล้ว อยากให้มาเที่ยวจังหวัดนราธิวาสกันเยอะๆ นะคะ


2 สาว ยินดีต้อนรับสู่มัสยิดวาดีอัลฮูเซ็น ค่ะ


สถานที่ท่องเที่ยว แห่งที่ 15 คือ "อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี"

ตั้งอยู่เลขที่ 67 ถนนพิพิธปาโจ อำเภอบาเจาะ

การเดินทาง อยู่ห่างจากตัวเมืองนราธิวาส 26 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 42 ไปยังอำเภอบาเจาะ ถึงบริเวณสี่แยกเข้าตัวอำเภอ ให้เลี้ยวขวาไปตามถนนอีก 2 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ

อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี สมัยก่อนเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี เป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาสันกาลาคีรี ที่แบ่งเขตแดนไทย – มาเลเซีย เคยเป็นที่ซ่องสุมของผู้ก่อการร้าย จึงไม่ค่อยมีผู้ใดเข้ามาสัมผัสความมหัศจรรย์ของผืนป่าดงดิบแห่งนี้ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง ต่อมา พ.ศ. 2517 กรมป่าไม้จึงจัดตั้งวนอุทยานน้ำตกปาโจ และกลายมาเป็นอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี ซึ่งมีพื้นที่ 294 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของนราธิวาส ยะลา และปัตตานี

เทือกเขาบูโดนี้จัดเป็นส่วนหนึ่งของป่าดิบร้อนแบบอินโด – มาลายัน ป่าดิบชื้นเขตร้อน ซึ่งมีความชื้นสูง เพราะมีน้ำฝนตกตลอดปี และเป็นป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุด เมื่อเทียบกับป่าประเภทอื่นในพื้นที่เท่าๆ กัน


พันธุ์ไม้เด่นของที่นี่ คือ "ใบไม้สีทอง" หรือ "ย่านดาโอ๊ะ" ที่ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในโลกที่ป่าแห่งนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2531 โดย ดร.ชวลิต นิยมธรรม ใบไม้สีทองเป็นใบไม้เลื้อย มีลักษณะใบคล้ายชงโค หรือใบเสี้ยว แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก บางใบใหญ่กว่าฝ่ามือเสียอีก มีขอบหยักเว้าเข้าทั้งที่โคนใบ และปลายใบ ลักษณะคล้ายวงรีสองอันอยู่ติดกัน ทุกส่วนของใบจะปกคลุมด้วยขนกำมะหยี่เนียนนุ่ม มีสีทอง หรือสีทองแดงเหลือบรุ้ง เป็นประกายสวยงามยามต้องแสงอาทิตย์


ใบไม้สีทอง เป็นไม้เลื้อย มีลำต้นเป็นเถาขนาดใหญ่ เติบโตโดยการเกาะเลื้อยพันขึ้นไปผลิใยคลุมเรือน ยอดของต้นไม้ใหญ่ในป่า สูงถึง 30 เมตร ใบรูปหัวใจ ปลายใบรูปหัวใจกลับ กว้าง 10 ซม.ยาว 18 ซม. ผิวใบมีขน ละเอียดคล้าย กำมะหยี่สีทอง หรือสีเหลืองเคลือบสีเงินปกคลุม ใบมีสองชนิด คือ กลุ่มใบสีเขียวทำหน้าที่สังเคราะห์แสง และกลุ่มใบสีทอง ซึ่งบริเวณปลายกิ่งขณะยังเป็นใบอ่อนมีสีม่วงแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเมื่อใบแก่ขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งใบแก่เต็มที่จะเป็นสีคล้ายสีทองแดงระยะสุดท้ายจะเปลี่ยนเป็นสีเงินแล้วจะทิ้งใบ ระยะที่จะเห็นใบเป็นสีทองชัดเจนในช่วงเดือน มิถุนายน – กรกฎาคม ของทุกปี ต้นที่ปรากฏใบสีทองต้องมีอายุมากกว่า 5 ปี ดอกสีขาวเกิดเป็นช่ออยู่บริเวณปลายกิ่ง ลักษณะคล้าย ดอกเสี้ยว เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. ช่อหนึ่งๆ มี ตั้งแต่ 10 ดอกขึ้นไปมีกลิ่นหอม ออกดอกประมาณเดือน ตุลาคม – กุมภาพันธ์ ผลเป็นฝักแบบคล้ายฝักดาบ ยาว 23 ซม. กว้าง 6 ซม. มีขนสีน้ำตาลแดงคล้ายกำมะหยี่ปกคลุม หนึ่งฝักมี ประมาณ 4-6 เมล็ด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


ในอุทยานฯ มีน้ำตกอยู่หลายแห่ง เช่น น้ำตกภูแว น้ำตกปาโจ และน้ำตกปากอ

แต่ที่รู้จักกันทั่วไป คือ "น้ำตกปาโจ"

น้ำตกปาโจ เป็นน้ำตกที่มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงกว้าง คำว่า "ปาโจ" เป็นภาษามลายูท้องถิ่นมีความหมายว่า "น้ำตก" ที่น้ำตกปาโจนี้ มีทางขึ้นไปสู่ต้นน้ำเป็นชั้นๆ รวม 9 ชั้น นับว่าเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด และสวยงามแห่งหนึ่งของภาคใต้ แต่เนื่องจากสภาพป่าโดยรอบไม่สมบูรณ์นัก ในหน้าแล้งน้ำจึงค่อนข้างน้อย


ระหว่างทางเดินไปยังน้ำตกปาโจ มีป้ายบอกชื่อพันธุ์ไม้นานาชนิดให้ทราบ

ซึ่งต้นนี้ คือ ต้นกฤษณา

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aquilarai malaccensis Lamk
ประโยชน์ : ใช้ทำเครื่องสำอาง ทำธูป เป็นส่วนผสมของยา


ส่วนต้นนี้ กระทังใบใหญ่

ถือว่าเป็นเส้นทางศึกษาธรามชาติ พันธุ์ไม้ ได้ด้วยเลยค่ะ


ชาวจังหวัดนราธิวาส และจังหวัดใกล้เคียง มาพักผ่อน เล่นน้ำ

บ้างก็มาเป็นครอบครัว บ้างก็มากับกลุ่มเพื่อน

น้ำตกปาโจ สามารถนำอาหารขึ้นไปรับประทานยังบริเวณน้ำตกได้ค่ะ


เราไปเดินเล่น ชมความสวยงามของน้ำตกปาโจกันค่ะ


มาเป็นครอบครัว นำอาหารมารับประทาน มาเที่ยวปิคนิค พักผ่อน


วันนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะค่ะ เล่นน้ำคลายร้อน สบายเลยค๊า


น้ำตกปาโจ สายน้ำไหลค่อนข้างจะมีน้ำน้อย

ถ้ามาช่วงหน้าฝนคงได้เห็นสายน้ำไหลจากน้ำตก สวยกว่านี้แน่นอนค่ะ


ถึงน้ำตกจะมีน้ำไม่ค่อยมากนัก ก็มีนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำกันคับคั่งเลยทีเดียว


เด็กๆ เล่นน้ำตก กันอย่างเพลิดเพลินอุรา เลยค่ะ


หินสลักจารึกพระปรมาภิไธยย่อ

หินสลักจารึกพระปรมาภิไธยย่อ หิน ภปร. ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ราชกาลที่ 9 สิริกิติ์ในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงเสด็จประพาสน้ำตกปาโจ วันที่ 24 มีนาคม 2502


เราแวะทานมื้อเที่ยงที่ ร้านอาหาร "ริมน้ำ"

ตั้งอยู่เลขที่ 45/6 ถนนนราธิวาส – ตากใบ อำเภอเมืองนราธิวาส

เบอร์โทรติดต่อ 073-511559


เมนูอาหาร ประกอบด้วย ดังนี้

เป็ดย่างน้ำแดง

ยำสามกรอบ

แกงส้มปลากระพง

ยอดมะพร้าว

ปูนิ่มผัดผงกระหรี่

ปลากระพงทอดน้ำปลา

สลัดครีมกุ้ง

ไข่เจียวกุ้งสับ

แกงไตปลา พร้อมผักสด

และผลไม้รวม

อาหารรสชาดจัดจ้าน เข้มค้น อร่อยทุกเมนูค่ะ


ของหวานถ้วยนี้ ไม่เหมือนใครเลยค่ะ "Coffee Ice"

ไอศครีม ในกาแฟ แปลกไม่เหมือนใครค่ะ


สถานที่ท่องเที่ยว แห่งที่ 16 เป็นที่สุดท้าย ก่อนจะอำลาจังหวัดนราธิวาส

คือ ร้าน "อ่าวมะนาวบาติก"

ตั้งอยู่เลขที่ 356/3 หมู่ 12 บ้านบูกิ๊ตอ่าวมะนาว ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมืองนราธิวาส

เบอร์โทรติดต่อ 081-8984571, 081-7381957


เมื่อปี พ.ศ. 2536 นายพิสชัยวุตธ และนางมีนะ หะยีกะจิ ได้ริเริ่มช่วยกันทำผ้าบาติกเป็นงานอดิเรก ซึ่งต่อมาเล็งเห็นว่าหากยึดอาชีพนี้อย่างจริงจังน่าจะสร้างรายได้ดีให้แก่ครอบ และคนในหมู่บ้าน จึงได้เริ่มคนหมู่บ้านจัดตั้งกลุ่มช่วยกันผลิตผ้าบาติก ต่อมาในปี พ.ศ. 2537 การส่งเสริมอุตสาหกรรมโดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ 11 ได้คัดเลือกกลุ่มที่ผลิต กลุ่มนี้เข้าอยู่ในโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรม และได้ส่งเสริมอุตสาหกรรมในด้านต่างๆ จนสามารถผลิต ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และเป็นที่ยอมรับขอ ตลาด สร้างรายได้ให้กับสมาชิก ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 45 คน สามารถนำผ้าบาติกมาแปรรูปได้กว่า 68 ชนิด จนหมู่บ้านอ่าวมะนาวได้เป็นแหล่งผลิตผ้าบาติกแห่งหนึ่งที่สำคัญของจังหวัดนราธิวาส

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม


ช่างกำลังวาดลายลงผ้าขาว ผ้าขาวใช้ผ้าได้หลายอย่าง เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าทอมือ ผ้าไหม ผ้าป่านมัสลิน ยกเว้นผ้าที่มีใยสังเคราะห์ เพราะสีจะไม่ติดผ้า


การวาดลวดลายบนผ้า เขียนลายด้วยเทียนละลาย

ซึ่งมีส่วนผสมของขี้ผึ้ง และพาราฟิน เพื่อกันสีไม่ให้ซึม


เพ้นสี Reactive เมื่อแห้งแล้วแช่น้ำยา Fixing Agent กันสีตก


โรยเกลือ เพื่อให้ดูดซึม ให้แห้งไวขึ้น


ผ้าบาติกผืนนี้ ผ่านการต้มในน้ำเดือด เพื่อละลายเทียนออก

ล้างน้ำ ผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปรีดให้เรียบ วางออกจำหน่ายในขั้นต่อไป

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยตำบลดอทคอม


ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าบาติก มีหลายชนิด ได้แก่ กางเกง กระโปรง หมวก

กล่องดินสอ กระเป๋า ผ้าเช็ดหน้า ผ้าพันคอ แฟ้ม รองเท้า ฯลฯ


เต็มอิ่มกับการท่องเที่ยวในจังหวัดนราธิวาส 3 วัน 2 คืน

เที่ยวอย่างจุใจ กับ 16 สถานที่ ครบทั้งที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก และของฝาก

เตรียมตัว Check in กลับสู่เมืองกรุงกันค่ะ


และที่ขาดไม่ได้ สีสันในทริปครั้งนี้ ไกด์ ซาร่า

ความฮา ความสนุกที่มอบให้พวกเราตลอดทริปค่ะ


เข้ามารอที่ Gate เพื่อรอเรียกขึ้นเครื่องกลับค่ะ


ได้เวลากลับสู่เมืองกรุง กับสายการบินไทยสมายล์ พร้อมให้บริการด้วยเครื่องบินแอร์บัส A320


ภายในตัวเครื่องบินแอร์บัส A320


ลำนี้ก็มีจอทีวี ให้เราเพลิดเพลินตลอดระยะเวลาบินค่ะ


อาหารว่างเสิร์ฟด้วย พายทูน่า วุ้นส้ม และน้ำเปล่า

ชา กาแฟ และน้ำส้ม ยังคงเสิร์ฟให้บริการ เหมือนขามาเลยค่ะ


บ๊าย…บาย จังหวัดนราธิวาส จังหวัดชายแดนใต้สุดของประเทศไทย


ทยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มองเห็นเมืองนราธิวาส หวังว่าสักวัน คงได้กลับมาเยือนอีกครั้ง


ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 35 นาที เพลิดเพลินกับมองวิว จากเครื่องบินค่ะ


I am Devil ยัยตัวร้าย ชอบนั่งริมหน้าต่างค่ะ

ชอบมองทัศนียภาพ และชอบถ่ายภาพเก็บไว้

ภาพนี้ตอนแรกที่ถ่ายไม่ได้สังเกตุเห็นเงาเครื่องบิน

ไม่แน่ใจว่าเป็นมุมสะท้อน เลยทำให้เกิดเงาเครื่องบิน ค่ะ


เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ก็มาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้วค่ะ

ก่อนบินมาถึงทางกัปตัน ได้แจ้งสภาพอากาศว่ามีฝนเล็กน้อยค่ะ


เดินทางกลับมาสู่กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ


ขอขอบคุณสายการบินไทยสมายล์ และ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนราธิวาส

ที่ได้ร่วมจัดทริปคณะสื่อมวลชน ทัศนศึกษาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดนราธิวาสขึ้น

เมื่อวันที่ 10 – 12 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา


ขอขอบคุณเพื่อนๆ สื่อมวลชน ที่ได้ร่วมเดินทางในครั้งนี้

ขอขอบคุณไกด์ ซาร่า และทีมงานที่นำพวกเราเที่ยวจังหวัดนราธิวาส

ขอขอบคุณพนักงาน ททท. สำนักงานนราธิวาส สำหรับข้อมูล และดูแลตลอดทริป

ขอขอบคุณพนักงานสายการบินไทยสมายล์ น้องปราง น้องจุ๊ และน้องเก่ง

ที่ดูแลพวกเราตลอดการเดินทาง

และขอขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่ไม่ได้กล่าวถึง มา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ


นี่เป็นครั้งที่ 2 ของ I am Devil ยัยตัวร้าย ที่ได้มาเยือนจังหวัดนราธิวาส แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ท่องเที่ยวจังหวัดนธาธิวาสอย่างจุใจ กับ 16 สถานที่ ทั้งที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก และของฝาก จากข่าวเหตุการณ์ไม่สงบของทาง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าที่จะมาท่องเที่ยวมากนัก แต่รู้มั้ยคะว่า สถานที่ท่องเที่ยวภายในจังหวัดนราธิวาส มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ และงดงาม หลายสถานที่ และความน่ารัก ความเป็นกันเองของชาวนราธิวาส ด้วยค่ะ ถ้ามีเวลา และโอกาส อยากให้ทุกท่าน มาท่องเที่ยว และสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของจังหวัดนราธิวาส อย่างที่ I am Devil ยัยตัวร้ายได้สัมผัสมาแล้วค่ะ


ทุกการเดินทาง ของ I am Devil ยัยตัวร้าย ได้สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละสถานที่ ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ อยู่เสมอ ได้เรียนรู้ศึกษาธรรมชาติ และได้หลงเสน่ห์แต่ละสถานที่ ที่ไปมา และพบกับความน่ารักของผู้คนในท้องที่นั้นๆ I am Devil ยัยตัวร้าย ไม่คิดที่จะหยุดความฝัน การเดินทางยังคงเดินต่อไป จนกว่าจะไม่มีเรี่ยวแรงในการท่องเที่ยวค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมรีวิวค่ะ สามารถพูดคุยกันได้ที่

เพจ : I am Devil ยัยตัวร้าย ผจญภัย

เพจ : Bloggertrip

เว็บไซต์ : Bloggertrip

ยัยตัวร้าย สะพายกล้อง

 วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.06 น.

ความคิดเห็น