สวัสดีค่ะ เพิ่งเริ่มเขียนเป็นกระทู้แรกผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่มีโอกาสไปเที่ยว จ.น่าน รู้สึกหลงใหลตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเยือน เมื่อปลายปี 56 แล้ว ตอนนั้นยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลก่อนมาเที่ยวมากนัก รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นของแต่ละอำเภอไม่มาก และยังไม่มีเที่ยวบินลงที่น่าน จึงนั่งเครื่องบินมาลงที่พิษณุโลก และเช่ารถขับมาน่าน เที่ยวขุนสถาน นอนกางเต๊นท์ดอยเสมอดาว 1 คืน และไหว้พระ กินเที่ยว นอนในเมืองอีก 1 คืน จากนั้นก็ลงไปเที่ยวแพร่ แวะเยี่ยมน้องสาว นอน 1 คืน แล้วกลับไปขึ้นเครื่องที่พิษณุโลกกลับกรุงเทพ จากวันนั้นก็ตั้งใจจะกลับมา เที่ยวน่านอีก
วันที่ 3-5 กันยายน 2558 เราก็ได้กลับมาเที่ยวน่านอีกครั้ง ด้วยโปรโมชั่นแอร์เอเชีย ฉลอง 3 เส้นทางใหม่ เลย ร้อยเอ็ด และน่าน เริ่มต้นเที่ยวละ 333 บาท เปิดจองช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขาไปโชคดีที่ได้นั่งลำที่เพ้นท์ลายเรือสุพรรณหงส์ ซึ่งเป็นแคมเปญรับปีท่องเที่ยววิถีไทย ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สวยแปลกตาดี ภายในห้องโดยสารมีสื่อโฆษณารูปแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด และแน่นอน “น่าน" คือ 1 ใน 12 เมืองต้องห้ามพลาดด้วย
การเดินทางมาน่านค่อนข้างจะสะดวกสบาย มีให้เลือกทั้งรถทัวร์ และเครื่องบิน
เดินทางโดยเครื่องบิน>>
-สายการบินนกแอร์ บริการ 4 เที่ยวบินต่อวัน ดอนเมือง - น่าน / น่าน - ดอนเมือง
-สายการบินแอร์เอเชีย บริการ 2 เที่ยวบินต่อวัน ดอนเมือง - น่าน / น่าน -ดอนเมือง
-สายการบินกานต์แอร์ บินจากเชียงใหม่ - น่าน / น่าน – เชียงใหม่
เดินทางโดยรถทัวร์>> เท่าที่ทราบ มี นครชัยแอร์, สมบัติทัวร์, บขส.999 (ยังไม่เคยใช้บริการ รอบหน้าอาจได้ใช้บริการ)
เดินทางโดยรถไฟ>> ลง เด่นชัย จ.เเพร่ แล้วต่อรถมาน่าน
เราเดินทางเที่ยวแรกของแอร์เอเชีย 10.25 น.ถึงน่านประมาณ 11.30 น. คนไม่ชอบเร่งรีบอาจจะชอบไม่ต้องตื่นเช้ามาก ส่วนคนที่ต้องไปเที่ยวต่างอำเภอไกล ๆ ชอบขี่รถมอเตอร์ไซค์หรือโดยสารรถสาธารณะ หรือมีเวลาน้อย อาจจะสายไปหน่อย รถทัวร์อาจจะเป็นอีกทางเลือก
เราเช่ารถขับเองที่สนามบินของ Avis สะดวกอิสระดี อยากเที่ยวแบบสบาย ๆ ซื้อ Voucher รถเช่าใน งานท่องเที่ยว ของ ททท. ก็ประหยัดไปได้เยอะค่ะ Avis น่าจะเป็นบริษัทรถเช่าชั้นนำรายเดียวในสนามบินน่านนคร (ปกติใช้บริการบริษัท Budget ) เราจองรถเครื่อง 1.5 ได้เป็น Vios รถใหม่ใช้ได้เลย แต่มีรอยนิดหน่อยรอบตัวรถน่าจะผ่านประสบการณ์มาพอควร เราเลือกเช่าแบบรวมประกันภัยชั้น 1 แบบไม่มีความรับผิดชอบ จะได้เที่ยวอย่างสบายใจหายห่วง
นอกจากนี้ ยังมีรถเช่าของท้องถิ่น มีทั้งแบบเช่าขับเอง และเช่าพร้อมคนขับ มีเคาท์เตอร์อยู่ใกล้ ๆ กัน เรียงกันหลายเจ้าเลย ถ้าขับรถไม่เป็น ไม่ชอบขับเอง ใช้บริการคนน่านได้นะคะ ไปกับคนน่านใจดี ไม่มีใครรู้เรื่องน่านดีเท่าคนน่านค่ะ หากจะเข้าเมืองอาจมีรถโดยสารมาส่งผู้โดยสารขาออกผ่านมา (40-60 บาท)หรือจะใช้บริการ TAXI (100บาท) ราคาไม่เเพง เพราะสนามบินกับใจกลางเมืองใกล้กันมาก นั่งรถ 5-10 นาทีเอง โหลดจักรยานมาด้วยปั่นเที่ยวในเมืองสบาย ๆ เลย หรือจะใช้บริการ TAXI ส่งที่ต่าง ๆ ไปส่งต่างอำเภอ ต่างจังหวัด ถ้ามากัน 2-3 คนเฉลี่ยกันไม่แพงเลย สะดวก รวดเร็ว อีกหนึ่งทางเลือกค่ะ
อัตราค่าบริการข้างล่างนี้
DAY 1 ร้านฝ้ายชาวเขา, น้ำเงี้ยวข้าวซอยแม่สุณี, หอศิลป์ริมน่าน,โฮมสเตย์ตานงค์
หลังจากที่เรารับรถออกมาจากสนามบินแล้ว ก็ขับเข้ามาในเมืองมาเลือกซื้อเสื้อผ้าพื้นเมืองเพื่อจะใส่ในวันพรุ่งนี้ ช่วยกระจายรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจสักหน่อย และแวะทานอาหารกลางวันที่ ร้านน้ำเงี้ยวข้าวซอยแม่สุณี อาหารหน้าตาดังรูปอร่อยทุกอย่างค่ะ ที่สำคัญราคาถูก 30-40 บาท ลองแวะมาชิมดูนะคะ มีแหนมขายด้วยค่อยข้างมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ราคาไม่แพง ซื้อกลับมาทานที่ กทม. อร่อยดี เป็นรสชาติที่ชอบค่ะ
พิกัด จากสนามบินเข้ามาในเมืองผ่านสี่แยกวัดสวนตาล ขับตรงไปนิดหน่อยเจอร้านทางขวามือ อยู่เยื้องกับ ปั๊มน้ำมันค่ะ ป้ายร้านโดดเด่นสังเกตง่าย
น้ำเงี้ยว ข้าวซอยเเม่สุณี
จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปตามเส้นทางวังท่าผา (เส้นทางย้อนกลับไปผ่านหน้าสนามบิน) เพื่อเดินทางไปยังอำเภอปัว ซึ่งเป็นที่พักผ่อนนอนหลับในคืนนี้ เส้นทางนี้ผ่านหอศิลป์ริมน่านค่ะ ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 20 กม. เราก็ถึงหอศิลป์ริมน่าน จอดรถเรียบร้อยฝนก็เทลงมา หน้าฝนก็ต้องมีฝนเป็นธรรมดาค่ะ เย็นสบายดี ชมหอศิลป์ให้ฝนซาแล้วค่อยไปต่อ
“หอศิลป์ริมน่าน" ก่อตั้งโดย อ.วินัย ปราบริบู ศิลปินชื่อดังชาวน่าน ภายในหอศิลป์จัดแสดงงานศิลปะ ภาพวาด งานปั้น งานไม้ งานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินรุ่นอาวุโสจนถึงรุ่นเยาว์
บริเวณชั้น 2 ยังจัดแสดงภาพลายเส้นฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
หอศิลป์ริมน่านตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติริมเเม่น้ำน่านโอบล้อมด้วยภูเขา ทำให้ผู้มาเยี่ยมชมเสพศิลปะได้ความรู้สึกสบายใจและพักผ่อนไปด้วย
ลูกมะค่าหล่นจากต้นพี่สาวเก็บมาเรียงเป็นคำว่า น่าน ใช้เป็นภาพเปิด เก๋ดีค่ะ
อิจฉาเจ้าเเมวน้อย
ค่าเข้าชมหอศิลป์ 20 บาทต่อท่านเท่านั้น เพื่อใช้ให้การบำรุงสถานที่ ได้โปสการ์ดกลับมาเป็นที่ระลึกด้วย ถึงแม้เราจะไม่ได้ถนัดและเข้าใจในงานศิลป์นัก แต่ก็รู้สึกคุ้มค่ามากที่ได้มาชมงานศิลปะที่นี่ มีเวลาสัก 1-2 ชั่วโมง ก็แวะมาชมกันนะคะ ด้านหลังมีร้านกาแฟเล็ก ๆ รสชาติใช้ได้เลย เติมพลังก่อนเดินทางต่อไปยังปัว
กว่าเราจะออกจากหอศิลป์ก็เกือบบ่ายสามโมงแล้ว ฝนยังคงตกเบา ๆ เราขับรถช้า ๆ เพราะถนนลื่นและบางช่วงถนนหนทางชำรุดกำลังซ่อมแซม ระหว่างทางเราผ่านทางเข้าวัดหนองบัว แต่ไม่ได้แวะเพราะทัศนวิสัยฟ้าฝนไม่ค่อยอำนวย ถ้าใครมีโอกาสมาเส้นทางนี้แวะชมกันนะคะ มีจิตรกรรมฝาผนังสกุลช่างเมืองน่านเช่นเดียวกับวัดภูมินทร์ เรามุ่งหน้าไปยังที่พักในคืนนี้ จากตัวเมืองน่านถึงอำเภอปัวประมาณ 60-70 กม. ใช้เวลาชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้วค่ะ แต่เราขับช้าไม่รีบ เจอวิวสวยข้างทางก็แวะถ่ายภาพ กว่าจะถึงก็ เกือบห้าโมงเย็นแล้ว
ขออนุญาตแปะรูปแผนที่ อำเภอปัว จากเพจ ที่นี่เมืองปัว
https://www.facebook.com/pua108
www.pua108.com
เรามุ่งหน้าไปยังปัวสู่ที่พักคืนนี้กันค่ะ ขับตรงไปเรื่อย ๆ เลยแยกเมืองปัวผ่าน ธ.กสิกร ซึ่งโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ไม่พลาดที่เราจะถ่ายภาพไว้
ขับตรงไปเรื่อย ๆ ผ่านสะพานแม่น้ำขว้าง ตรงไปเรื่อย ๆ ให้สังเกตแยกขวามือ มีศาลาพักผู้โดยสาร และป้ายบอกทาง โรงเรียนบ้านส้าน เลี้ยวขวาเข้าไปตรงไปเรื่อย ๆ ผ่านตลาดผ่านโรงเรียน จากนี้เราก็งง โทรหาทางที่พัก โฮมสเตย์ตานงค์ ซึ่งเป็นที่พูดถึงในขณะนี้ คุณป้าเจ้าของที่พักมาตลาดแถวนั้นพอดีขี่มอเตอร์ไซด์พาเราไปยังที่พัก ซับซ้อนเหมือนกันไปเองคงหลง ทางเข้าเป็นทางเล็ก ๆ พอดีรถ 1 คัน สองข้างทางเข้าไปยังโฮมสเตย์เป็นทุ่งนา เราจองบ้านเดี่ยวหลังใหม่ไว้ห้องกว้างมาก ห้องน้ำก็ใหญ่ดี หน้าบ้านมีชานและโต๊ะเล็ก ๆ ไว้นั่งทานอาหาร มีที่ล้างจานให้ด้วย ถ้ามาเป็นครอบครัวห้องนี้เหมาะมากค่ะ
ฝนยังตกปรอย ๆ เราเดินออกไปสำรวจบ้านพัก 3 ชั้น และเดินไปชมทุ่งนาใกล้ ๆ บรรยากาศดีมากแม้ฝนปรอย โฮมสเตย์กลางทุ่งนาเขียวโอบล้อมไปด้วยภูเขา ราคาหลักร้อย คุ้มค่ามาก ช่วงที่ไปราคาห้องพัก 500บาท/ห้อง/2คน ทุกห้อง ไม่รวมค่าอาหาร ห้องพักมีทั้งหมด 5 ห้อง บ้านเดี่ยว 2 ห้อง เก่าและใหม่ บ้านตึก 3 ชั้น มี 3 ห้อง ช่วง High Season ราคาจะปรับขึ้นบ้างนะคะ
โฮมสเตย์ตานงค์
เราไม่อยากขับรถออกไปซื้อข้าวเย็นข้างนอกอีก จึงสั่งอาหารของที่พัก เราไม่ได้แจ้งก่อนล่วงหน้า อาหารเลยไม่ได้จัดเต็มเท่าไหร่ อาหารเย็นคิดคนละ 100 บาท อาหารเช้าเป็นข้าวต้มไข่ดาวคิดคนละ 40 บาท
DAY 2 วัดภูเก็ต, ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ, ลำดวนผ้าทอและร้านกาแฟไทลื้อ, วัดพระธาตุเขาน้อย, ร้านอาหารเฮือนฮอม, ร้านขนมหวานป้านิ่ม, โรงแรมน่านลานนา
ฝนตกหนักทั้งคืนจนถึงเช้า เรารอจนฝนเริ่มซาจึงเช็คเอาท์ออกจากที่พักเกือบ 9 โมง ฝนตกหนักทั้งคืนทำให้น้ำในแม่น้ำเพิ่มขึ้นและไหลเร็ว แม้ฝนจะตกหนักตลอดคืนนาข้าวที่นี่น้ำไม่ท่วมเลยเพราะมีระบบจัดการน้ำที่ดี มีคูเล็ก ๆ ข้างคันนาระบายและผันน้ำเข้าสู่คลอง และลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ บ้านเกิดเราก็ทำนาไม่มีระบบน้ำที่ดีแบบนี้
ออกจากที่พักเราก็ขับกลับตามเส้นทางเดิม ผ่าน ธ.กสิกร (สังเกตง่ายที่สุด) ถึงแยกเลี้ยวซ้ายผ่านโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว (เส้นทางนี้ ผ่านวัดภูเก็ต, ลำดวนผ้าทอกาแฟไทลื้อ และฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ) ขับตรงไปเรื่อย ๆ เจอแยกมีป้ายบอกทาง ไป วัดภูเก็ต ขับไปตามป้ายก็ถึงตัววัด เนื่องจากวัดภูเก็ตสร้างบนเนินเขา ไฮไลท์ของที่นี้คงเป็นจุดชมวิว 180 องศา มองเห็นทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา ฉากหลังเป็นภูเขาทอดยาว สวยงามมาก ๆ วิวจุดนี้ใครถ่ายภาพก็สวยได้เหมือนกัน
จากระเบียงวัดภูเก็ต กลางทุ่งนาเราจะมองเห็นหลังคาวัด ซึ่งเรามาทราบภายหลังว่า เป็นวิหารล้านนาของ “ วัด " มีชุมชนเล็ก ๆ อยู่รอบวัด ทำให้ทัศนียภาพจุดนี้สวยงามสมบูรณ์มากขึ้น
ฝนยังคงตกเบา ๆ ฉากภูเขาด้านหลังจึงปกคลุมไปด้วยหมอกได้ภาพสวย ๆ เยอะเลย
“วัดภูเก็ต" ความพิเศษที่ไม่เหมือนที่ไหนนอกจากวิวที่สวยงามอลังการแล้ว ยังสร้างเป็นโรงแรมธรรมะแห่งแรกในประเทศไทย (Temple Stay)โดยสร้างเป็นอาคาร 4 ชั้น 8 ห้องนอน ลานระเบียงวัดที่เรายืนถ่ายรูป คือชั้นดาดฟ้าของตัวโรงแรมนั่นเอง ผู้เข้าพักเพื่อปฏิบัติธรรมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่จะขึ้นอยู่กับจิตศรัทธาของพุทธศาสนิกชน Temple Stay สร้างขึ้นช่วงต้นปี 2555 โดยได้แนวคิดมาจากประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากวัดที่เกาหลีใต้เปิดเป็นที่พักให้นักท่องเที่ยวเข้าพัก ทางวัดภูเก็ตจึงนำมาประยุกต์ทำเป็นโรงแรมธรรมะ เป็นแนวคิดที่ดีเยี่ยมมาก ๆ ช่วยให้คนเข้าวัดเพื่อปฏิบัติธรรมมากขึ้น และยังได้ศึกษาวิถีชีวิตของคนในชุมชนรอบวัดด้วย
วัดภูเก็ต
ชื่อภูเก็ต ไม่เกี่ยวกับจังหวัดภูเก็ตนะคะ เเต่เพราะตั้งอยู่บ้านเก็ต และพื้นที่เป็นเนินเขา เลยชื่อ วัดภูเก็ต
ลานระเบียงมีตู้อาหารเม็ดปลา ทำบุญหยอดตู้ตามกำลังศรัทธาค่ะ ท่อ PVC ตรงนี้ไว้สำหรับเทให้อาหารปลาในคลองข้างล่าง ไอเดียเก๋มากค่ะ หรือใครอยากลงบันไดไปเดินข้างล่างก็ได้ค่ะ
หลังจากไหว้พระ ชื่นชมภูเขาทุ่งนา เต็มอิ่ม เราก็เดินทางต่อไปยัง ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ โดยออกจากวัดกลับมาเส้นทางหลัก ตรงไปอีกเรื่อย ๆ สังเกตป้ายข้างทาง ก่อนถึงทางเข้าฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ จะผ่านร้านลำดวนผ้าทอและกาแฟไทลื้อก่อนค่ะ เราไปฟาร์มเห็ดก่อน
ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ
วิวสวยค่ะ อยู่บนเนินเขา มีที่พักบ้านเดี่ยววิว 180 องศา 2 หลัง ด้านในเข้ามาอีก มี 3 ห้อง ติดกัน
เรือนหลังใหญ่เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม มีทางลงไปยัง วังศิลาแลง แหล่งท่องเที่ยวแปลกและสวยงามเกิดจากรอยเลื่อน เวลาผ่านไปสายน้ำกูนกัดเซาะหินภูเขาเป็นช่อง ยาว 300-400 เมตร เป็นแหล่งผจญภัยเมืองปัว มาช่วงเข้าหน้าร้อน เดือน มีนาคม เมษายน จะสวยงามมาก ช่วงหน้าฝนน้ำเยอะไม่เหมาะกับการท่องเที่ยว เราจึงไม่ไป
เนื่องจากเป็นฟาร์มเห็ด อาหารที่นี่จึงมีเมนูเห็ดหลากหลายให้เลือก เราสั่งยำเห็ด และผัดเห็ดน้ำมันหอยมารับประทาน รสชาติธรรมดาไปทางจืด อาจจะเป็นรสชาติที่คนเหนือชอบรับประทาน แต่มีหลายคนบอกว่าพิซซ่าเห็ดอร่อยมาก เราไม่ได้ลองชิม พี่สาวดื่มกาแฟคาปูชิโน่ร้อน เราดื่มอะโวคาโดปั่น กาแฟนุ่มหอมอร่อยมาก อะโวคาโดปั่นก็อร่อยหวานน้ำผึ้ง ค่าอาหาร+น้ำ 280 บาท
เวลาล่วงเลยมาบ่ายโมงกว่า ฝนยังคงตกปรอย ๆ เราออกมาจากฟาร์มเห็ดกลับทางเดิม ออกมาแวะร้านกาแฟไทลื้อ ที่นี้ใช้เมล็ดกาแฟสดจากวังท่าผา ยังอิ่มจากฟาร์มเห็ดมา เราสั่งลาต้าเย็นมาดื่ม รสชาติอร่อยดี ที่สำคัญถูกมาก แก้วก็ใหญ่ 30 บาทเอง
ร้านลำดวนผ้าทอ กาเเฟไทลื้อ
ร้านกาแฟริมทุ่งนาสไตล์ไทลื้อ ด้วยบรรยากาศรายล้อมไปด้วยทุ่งนา มีแนวเขาอยู่เบื้องหลัง และมีคลองผันน้ำเล็ก ๆ จึงเกิดเป็นไอเดียเก๋ไก๋ของเจ้าของร้านสร้างเป็นกังหันน้ำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของร้านนี้เลยก็ว่า น้องบาริสต้าบอกกับเราว่า ถ้าเดินไปไม่ถึงกังหันเหมือนยังมาไม่ถึงร้าน เราจึงเดินไปตามสะพานไม้ไผ่สุดคลาสสิคเพื่อไปถ่ายรูปยังกังหัน
ร้านกาแฟไทลื้อ สร้างเป็นห้างกลางนา โต๊ะกาแฟเหมือนตามร้านทั่วไปเปลี่ยนเป็นห้างเป็นหลัง ๆ มีสะพานเดินเชื่อมต่อกัน ทำให้มีความเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด ผู้ใช้บริการมีความเป็นส่วนตัว ใกล้ชิดธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างยิ่ง มีมุมหนังสือเล็ก ๆ ให้หยิบอ่าน จิบชากาแฟชมธรรมชาติ หรือจะเอนหลังนอนพักก็มีหมอนให้พร้อม เราชอบที่นี่มาก ๆ ค่ะ รู้สึกผ่อนคลายจริง ๆ อยู่ได้ทั้งวันเลย
ปัว มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ด้วยเวลาที่จำกัดเราเลยพลาดชมหลายที่ เเต่เราจะกลับมาเยือนเมืองปัว เมืองสงบสุขผู้คนมีรอยยิ้มที่เป็นมิตรไมตรีอีกค่ะมีอุปกรณ์เครื่องใช้เก่าเเก่ของชาวไทลื้อให้ชม
เรานั่งเล่นนอนเล่น ถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ เกือบ 2 ชั่วโมง จุดนี้คงเป็นจุดสุดท้ายที่เราจะอยู่ที่ปัว เย็นนี้เราจะกลับเข้าไปพักในตัวเมืองน่าน
ก่อนกลับเราแวะไปซื้อเสื้อผ้าพื้นเมือง “ร้านลำดวนผ้าทอ" ซึ่งอยู่ติดกับร้านกาแฟไทลื้อ เป็นเจ้าของเดียวกัน ผ้าทอที่นี่ส่งออก สปป.ลาวด้วย พี่เจ้าของบอกว่า จริง ๆ ร้านกาแฟไม่ได้ทำจริงจัง ทำไว้เป็นที่นั่งพักรอสำหรับลูกค้า คุณผู้ชายนั่งพักจิบกาแฟรอคุณผู้หญิงเลือกซื้อเสื้อผ้า ไอเดียดีถูกใจทั้งคนช็อปและคนรอเลยค่ะ
เสื้อผ้าที่นี้ถูกมาก ราคา 100-300 บาท เราได้ชุดเดรสกระเหรี่ยงประยุกต์คนละตัว กระโปรง 1 ตัว เสื้ออีกตัว หมดไป 700 บาทเอง ไม่แพงเลย ถูกกว่าในเมืองมาก ๆ ช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นเคย
สี่โมงเย็นโดยประมาณได้เวลาร่ำลาเมืองปัวแล้ว ฝนหยุดตกพอดีหลังจากตกมาทั้งวัน เรามุ่งหน้ากลับเข้าเมือง แวะถ่ายรูปวิวระหว่างทางบ้าง ถึงตัวเมืองห้าโมงกว่า ๆ เราขับรถขึ้นไปยังวัดพระธาตุเขาน้อย เพื่อสักการะองค์พระ ชมวิวเมืองและแสงสุดท้ายของวันนี้
พาปูข้ามถนน
"วัดพระธาตุเขาน้อย" ตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 240 เมตร อยู่ในอำเภอเมืองน่าน ไม่ไกลจากใจกลางเมืองนัก เป็นปูชนียสถานสำคัญและเก่าเเก่อีกเเห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน สันนิษฐานว่าอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุเเช่เเห้ง เนื่องจากตัววัดตั้งอยู่บนเขาสูง จึงเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์เมืองน่านที่สวยงาม ณ ลานปูน ซึ่งมีพระพุทธรูปปางลีลาองค์ใหญ่สีทองอร่าม "พระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีเมืองน่าน" สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลวโรกาสที่ในหลวงทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 6 รอบ ( 72 พรรษา) ปี พ.ศ 2542 เป็นเเลนด์มาร์คที่สำคัญของจังหวัดน่าน สามารถขับรถไปถึงตัววัดได้เลย หรือจะเดินขึ้นบันไดนาคหน้าวัด 303 ขั้นก็ได้ค่ะ
วิวเมืองจากลานพระพุทธรูป วัดพระธาตุเขาน้อย
จากนั้นเราก็มาเช็คอินที่พักในคืนนี้ “น่านลานนา" โรงแรมค่อนข้างใหม่ ราคาหลักร้อย มี 2 ชั้น 10 ห้องพัก อยู่ย่านใจกลางเมืองใกล้วัดหัวข่วง ซึ่งสามารถเดินหรือปั่นจักรยานไปยังวัดภูมินทร์ วัดพระธาตุช้างค้ำ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ถ้ามาเสาร์-อาทิตย์ มีถนนคนเดินข่วงเมือง ใกล้ที่พักมากค่ะ
โรงเเรมน่านลานนา
ห้องพักสไตล์ล้านนาประยุกต์ กว้างขวาง สะอาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ราคาห้องพักช่วงกรีนซีซั่น ห้อง 2 คน เตียงคู่/เดี่ยว ราคา 600 บาท ห้อง 3 คน ราคา 800 บาท เตียงเสริม 200 บาท/ท่าน ไม่มีอาหารเช้า แต่จะมีชา กาแฟ ขนมปัง ไว้บริการตลอด ช่วงไฮซีซั่นน่าจะปรับราคาขึ้น เป็นโรงแรมในเครือเฮือนข่วงน่าน ใกล้ ๆ กันกับเฮือนข่วงน่านเพียง 200 เมตร มีจักรยานให้เช่า 80บาท/วัน ค่ะ
มุมโปรด
ได้เวลาอาหารเย็น ไม่ค่อยหิวมากเราสั่งอาหารจานเดียวที่ร้าน เฮือนฮอม ข้าวผัดน้ำพริกหนุ่ม, ข้าวคลุกกะปิ, หมูทอดมะแขว่น (มะแขว่นเครื่องเทศขึ้นชื่อของน่าน) รสชาติอร่อยทุกอย่างค่ะ อาหารราคาไม่แพง ทั้งหมดนี้ 250 บาท
พิกัด จากสี่แยกไฟแดงวัดภูมินทร์ ตรงไปตามเส้นทางผ่านวัดมิ่งเมือง(เสาหลักเมือง) ร้านอยู่ตรงข้าม ร้าน 7-11 (ร้านเซเว่นสีน้ำตาลกลมกลืนกับเมืองเก่า) ข้างร้านเซเว่น มีร้านน้ำเต้าหู้บุญศักดิ์ มีน้ำเต้าหู้หลายรสชาติ ขายดีจนต้องมีเบอร์คิว อร่อยใช้ได้ค่ะจากนั้นเราไป “ร้านขนมหวานป้านิ่ม" ขับตรงไปเรื่อยค่ะ ๆ จนเจอสี่แยกไฟแดงจะฝั่งตรงข้ามขวามือจะสังเกตเห็นวัดศรีพันต้น สีทองอร่อม ซ้ายมือก็จะเป็น ร้านขนมหวานป้านิ่ม ขี่จักรยานไปได้นะคะ ไม่ไกลมากสนุกด้วย เมืองน่านเมืองจักรยาน คนนี้ป้านิ่มเจ้าของร้านค่ะ ถ้ายิ้มแย้มกว่านี้จะน่ารักมากเลย
เราสั่งขนมหวานบัวลอยมะพร้าวอ่อนไอศกรีมมารับประทาน ราคา 45 บาท ราคาปกติไม่ถูกไม่แพง รสชาติใช้ได้ค่ะ แต่ไม่ได้โดดเด่น เคยรับประทานที่อร่อยกว่า แปลกตรงที่มีไอศกรีมทำให้อร่อยขึ้นค่ะ
อิ่มท้องแล้ว เราก็กลับที่พัก นอนหลับพักผ่อนเตรียมพร้อมกับการเที่ยววันสุดท้าย
DAY 3 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน, วัดภูมินทร์, วัดพระธาตุช้างค้ำ, วัดหัวข่วง, วัดหัวเวียงใต้, วัดพญาวัด, วัดมิ่งเมือง เสาหลักเมือง, วัดมณเฑียร, วัดพญาภู, วัดสวนตาล, Coffee Sound, ห้องสมุดบ้าน ๆ น่าน ๆ , ศูนย์เครื่องเงินชมพูภูคา, เตี๋ยวไร้เทียมทาน, ร้านข้าวซอยต้นน้ำ, ร้านข้าวซอยแม่สุณี
วันนี้ตื่นแต่เช้า หลับสนิทตลอดคืน เช็คเอาท์ตั้งแต่ 7.30 น. เราขับรถไปที่ศูนย์บริการการท่องเที่ยวข้างวัดภูมินทร์ค่ะ เพื่อที่จะไปสำรองตั๋วนั่งรถรางชมเมืองน่านรอบแรก มาคนแรกยังไม่มีใคร ที่เรารีบมาเพราะวันนี้เป็นวันเสาร์คนเยอะ รถรางเต็มเร็ว ถามคนแถว ๆ นั้นบอกว่าเปิดประมาณ 8.30 น. เราจึงไปเดินเล่นแถว ๆ นั้นก่อน พอใกล้ ๆ เวลาเราก็กลับมาอีก ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเปิดพอดี เราตรงไปสอบถามเรื่องรถราง เจ้าหน้าที่บอกว่ารอบแรกเต็มแล้ว ทัวร์จอง เสียความรู้สึกนิดหน่อยเพราะเราก็รีบมา รอบต่อไปประมาณ 10 โมงกว่า เราจะจองตั๋วก่อนก็ไม่ได้ บอกว่าเจ้าหน้าที่ขายตั๋วยังไม่มา เราก็ไม่อยากรอแล้ว รอไปก็ไม่รู้จะเต็มเพราะทัวร์จองอีกรึป่าว เลยขับรถเที่ยวเองดีกว่า น่าจะมีโควต้าสำหรับทัวร์และคนทั่วไปที่ walk in มา น่าจะเป็นเรื่องดีค่ะ ไปเที่ยวเองก็ไม่มีใครบรรยายประวัติสถานที่ต่าง ๆ ให้ฟัง ไม่มีใครรู้จักน่านดีเท่าคนน่านค่ะ เราก็เลยเดินเที่ยวเองค่ะ แถว ๆ นั้นมีสถานที่สำคัญติดกันเดินถึงกันได้
บ่นให้เเมวฟัง เเมวยังเมิน ^^
“วัดภูมินทร์" จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ คือ สร้างเป็นทรงจตุรมุข ภายในประดิษฐานพระประธานจตุรทิศปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ
วัดภูมินทร์
ซุ้มพญานาคทางเข้าวัดภูมินทร์ หากใครได้ลอดผ่านท้องพญานาคนี้จะโชคดี และได้กลับมายังเมืองน่านอีกค่ะ
มีเรื่องเล่ากันว่า หากใครไปกราบขอพรพระจตุรทิศ พยายามสังเกตหน้าองค์พระ 1 ใน 4 ทิศ จะมีเพียงทิศเดียวที่องค์พระประธานมีลักษณะยิ้มแย้มมากกว่า 3 ทิศที่เหลือ ให้กราบขอพรยังทิศนั้นแล้วจะสมปรารถนา อันนี้เพิ่งอ่านเจอตอนกลับจากน่านแล้วค่ะ ไม่ได้สังเกตเดินเข้าประตูไหนก็ไหว้ขอพรทิศนั้นเลยค่ะ ^^
จิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์ เนื้อหาภาพส่วนใหญ่จะเล่าเรื่อง "คันธกุมาร" เป็นนิทานชาดก ที่มุ่งสอนให้คนทำความดี ช่างวาดได้สอดแทรกภาพวิถีชีวิตของชาวน่านในอดีต เขียนขึ้นในปลายสมัยรัชกาลที่ 4 ลวดลายภาพที่สวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างสูง เป็นเสน่ห์อันประทับใจต่อผู้ที่มีโอกาสได้ชม
จิตรกรรมฝาผนัง “ปู่ม่านย่าม่าน" (ปู่ใช้เรียกแทนผู้ชาย ย่าใช้เรียกแทนผู้หญิง) รังสรรค์โดยศิลปินนามว่า หนานบัวผัน จิตรกรพื้นเมืองเชื้อสายไทลื้อ ได้รับการยอมรับว่าเป็นผลงานที่ปราณีตและเป็นภาพที่โดดเด่นประจำวัดภูมินทร์ เป็นภาพชายหญิงพม่าคู่หนึ่งกำลังกระซิบสนทนา และมีชื่อเสียงว่าเป็นภาพ “กระซิบรักบันลือโลก" กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองน่านที่ปรากฏตามร้านค้า โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สินค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด, โปสการ์ด หรือแม้แต่ของตกแต่งบ้าน อื่น ๆ อีกมากมาย
จากนั้นเราก็ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามวัดภูมินทร์ ทางด้านขวามือเราจะเห็น “วัดพระธาตุช้างค้ำ"ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปสำริด พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี
วัดพระธาตุช้างค้ำ
หลังพระวิหาร เป็นองค์เจดีย์รอบฐานก่ออิฐปั่นเป็นรูปช้างคล้ายเอาหลังหนุนล้อมเจดีย์ไว้ เป็นศิลปะสมัยสุโขทัย
ข้ามมาทางฝั่งซ้ายเป็น “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน" ช่วงเราไปปิดปรับปรับปรุงน่าจะเปิดเร็ว ๆ นี้ หน้าพิพิธภัณฑ์ ฯ มีต้นลีลาวดีปลูกเป็นแถวเรียงเป็นแนว 2 ข้าง เป็นอุโมงค์ต้นไม้ที่สวยงาม กลายเป็นสัญลักษณ์ของน่านอีกแห่ง ใครมาเที่ยวน่านก็ต้องมาถ่ายรูปจุดนี้เป็นที่ระลึก
พิพิธภัณฑสถานเเห่งชาติน่าน
ขอลงรูปตัวเองบ้างค่ะ
ใกล้ ๆ กันกับอุโมงค์ลีลาวดี ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เป็นที่ตั้งของ “วัดน้อย" โบราณสถานวัดน้อย เป็นวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย จากคำบอกเล่าสืบต่อกันมา เชื่อว่าพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ 63 กราบบังคมทูล ถึงจำนวนวัดในเมืองน่านต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 5 แต่ปรากฏว่านับจำนวนวัดเกินไป หนึ่งวัด จึงได้สร้างวัดน้อยแห่งนี้ขึ้นมา
วัดน้อย
ถัดจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เป็น “วัดหัวข่วง" ภายในวัดมีหอธรรม เก็บพระไตรปิฏก และคัมภีร์โบราณ
วัดหัวข่วง
เที่ยงแล้วเราขับรถไปรับประทานอาหารกลางวัน ระหว่างหาร้าน เราแวะนมัสการ “วัดหัวเวียงใต้"
วัดหัวเวียงใต้
และเราก็มาถึงร้าน “ เตี๋ยวไร้เทียมทาน" เราสั่งบะหมี่กระดูกหมูต้มยำ และเกาหลากระดูกหมูต้มยำ ชามใหญ่สมราคา กระดูกหมูชิ้นใหญ่เนื้อเยอะ รสชาติอร่อยค่ะ พี่สาวชอบ แต่เราชอบเปรี้ยวจัดจ้านกว่านี้ มะนาวที่นี้ลูกใหญ่หอมดี แต่ไม่เปรี้ยวเท่ามะนาวแป้น ชามนี้ 50 บาท
เตี๋ยวไร้เทียมทาน
ฝั่งตรงข้ามร้านเตี๋ยวไร้เทียมทาน มีร้านกาแฟและร้านอาหารฟิวชั่น คือร้าน “Coffee Sound และ U Dee Kin Dee" เป็นเจ้าของเดียวกัน เราดื่มกาแฟและนั่งเล่นที่นี้สักพัก ร้านตกแต่งน่ารัก กาแฟก็อร่อยค่ะ
Coffee Sound
จากนั้นเราก็ไปเที่ยวต่อยัง “ห้องสมุดบ้าน ๆ น่าน ๆ" มีหนังสือให้อ่าน เป็นบ้านไม้เก่า 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นใต้ถุนมีร้านกาแฟสดเล็ก ๆ มีมุมจิบกาแฟอ่านหนังสือ เราสั่งชาเย็นมาดื่ม นอนเล่นนั่งเล่นที่ชั้นบนค่ะ บรรยากาศสบาย ๆ เหมือนอยู่บ้านเจ้าของใจดีค่ะ ไม่เสียค่าเข้านะคะ แต่ช่วยอุดหนุนเครื่องดื่ม เพื่อนำรายได้มาบำรุงสถานที่
ห้องสมุดบ้าน ๆ น่าน ๆ
ข้าง ๆ มีบ้านไม้อีกหลังทำเป็นเกสต์โฮม มี 4 ห้องน่ารักค่ะ ราคาหลักร้อย บรรยากาศเหมือนนอนบ้านญาติ เรานั่งเล่นที่ห้องสมุดชั่วโมงกว่า ๆ ค่ะ
ใกล้ห้องสมุดบ้าน ๆ น่าน ๆ มี “วัดมณเฑียร" เราไหว้พระ และต้องจอดรถกันที่นี่เนื่องจากห้องสมุดบ้าน ๆ น่าน ๆ อยู่ในซอยแคบ ๆ จอดรถไม่ได้
วัดมณเฑียร
จากนั้นเราไปวัดศรีพันต้น ไม่ได้ลงรูปมาค่ะ มีรถตู้จอดขวางหน้าประตูโบสถ์ภาพเลยไม่สวย และไปแวะดูเครื่องเงินที่ ศูนย์เครื่องเงินชมพูภูคา เลยบิ๊กซีไปนิดหน่อยค่ะ เครื่องเงินเยอะมีให้เลือกหลากลาย สวยงามค่ะ
ศูนย์เครื่องเงินชมพูภูคา
ออกจากศูนย์เครื่องเงิน เราแวะไปชิมข้าวซอยร้านต้นน้ำ อยู่ติดกับเซเว่นตรงข้ามร้านเฮือนฮอมหาง่ายมากค่ะ เราสั่งข้าวซอยหมู เราไม่ค่อยชอบรสชาตินี้เท่าไหร่ จืด แต่ก็พอทานได้ อาจจะเป็นรสชาติที่คนอื่นชอบก็ได้ค่ะ
ออกจากร้านข้าวซอยไม่ไกลกันนัก เป็น “วัดมิ่งเมือง" เป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองน่าน สิ่งที่เด่นสะดุดตาคือ ศาลาจัตุรมุขลวดลายปูนปั้นสีขาวอันวิจิตรตระการตา มียอดพรหมสี่หน้าเป็นตัวอาคารประดิษฐานศาลหลักเมือง ถัดเข้าไปเป็นโบสถ์ของวัด เป็นศิลปะปูนปั่นจากช่างฝีมือเชียงเเสน ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นตำนานประวัติเมืองน่าน
วัดมิ่งเมือง เสาหลักเมือง
ช่างกำลังเติมสี
บริเวณศาลามีวงดนตรีพื้นเมืองเพื่อการศึกษา น่ารักดีค่ะ สนใจติดต่องานแสดงได้
ยังไม่จบนะคะ ขออนุญาตรีวิวต่อพรุ่งนี้ตอนเย็น ๆ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะขอบคุณ คุณ ไม้ใหม่ไหม้มั้ย ที่เข้ามาอ่านนะคะ
เย็น ๆ จะมารีวิวต่อค่ะเวลายังเหลือเราแวะไป “วัดพญาวัด" ทางไปวัดพระธาตุเขาน้อย ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในเมืองน่าน อาจจะโทรมไปบ้าง แต่หากได้รับการบำรุงดูแล คงความงดงามไว้ ต้องเป็นที่สนใจและอยู่คู่เมืองน่านตราบนานเท่านานค่ะ
วัดพญาวัด
กลับเข้ามาในเมือง “วัดพญาภู" เข้าไปแป๊ปเดียวค่ะ เหมือนในวัดจะมีงาน
วัดพญาภู
และแล้วก็ได้เวลาที่ต้องกลับสู่พระนคร เรากลับไปรับประทานอาหารที่ร้านน้ำเงี้ยวข้าวซอยแม่สุณีอีก ชอบร้านนี้ที่สุดค่ะ อร่อยถูกปาก ราคาย่อมเยาว์ และซื้อแหนมกลับไปเป็นของฝาก
ก่อนกลับแวะวัดสุดท้ายทางไปสนามบิน “วัดสวนตาล" เป็นวัดในตัวเมืองน่านที่เก่าแก่ รองจากวัดพญาวัด ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธาน “พระเจ้าทองทิพย์" พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยองค์ใหญ่ งดงามมาก ช่วงนี้ภายในอุโบสถมีการปรับปรุงส่วนต่าง ๆ ให้สวยงดงามขึ้น
วัดสวนตาล
ด้านหลังพระอุโบสถ เป็นพระธาตุวัดสวนตาล ตอนนี้กำลังดำเนินการบูรณะ เพราะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว โครงสร้างเสียหายบ้างส่วน
ได้เวลากลับบ้านแล้ว เติมน้ำมันเต็มถังคืนรถเช่า เรากลับแอร์เอเชียรอบ 16.45 น. สนามบินน่านไม่ใหญ่มาก แต่ทุกอย่างดูเป็นสัดส่วนพอดีลงตัวน่ารัก ชอบอาคารพักผู้โดยสารขาออกมากค่ะ เพดานสูงโล่งโปร่งดี อิจฉาคนจังหวัดนี้จังเลยค่ะ ดีทุกอย่างเลย น่าอยู่มาก ๆ
ภายในสนามบินมีร้านขายของฝาก ขนม ผ้าพื้นเมือง ราคาของบางอย่างอาจจะสูงกว่าข้างนอกนิดหน่อยตามราคาเช่าที่ แต่ก็ไม่แพงค่ะ อุดหนุนกันเยอะ ๆ นะคะ
ลาก่อน เมืองน่านน่ารัก แล้วจะกลับมาเยือนอีก
สรุปค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่างตลอดการเดินทาง 3 วัน 2 คืน เฉลี่ยคนละ ประมาณ 4,000 บาท
" น่าน " เมืองเล็ก ๆ ที่ไม่ตั้งใจก็ไปไม่ถึง เพราะเป็นเมืองชายเเดนที่ซ่อนตัวกลางขุนเขา
เมื่อได้มาสัมผัสรู้สึกประทับใจจนต้องหาทางกลับไปเยือน น่านไม่ต้องการนักท่องเที่ยว แต่ต้องการเหมือนเพื่อนเหมือนญาติที่มาเที่ยวบ้าน เรียกได้ว่า เป็นเมืองต้องห้ามพลาดอันดับ 1 ในใจเราเลย
น่าน เมืองเก่าที่ยังมีชีวิต นโยบายและกระเเสการท่องเที่ยวเปลี่ยนชุมชนหลายเเห่งในประเทศไทยให้เป็นเมืองท่องเที่ยวจนเเทบไม่เหลือวิถีดั่งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ เเต่น่านยังรักษาสิ่งนั้นไว้ได้ เมืองเล็ก ๆ ที่สงบ วิถีชีวิตที่เรียบง่าย เมืองพระพุทธศาสนา วัฒนธรรมล้านนาตะวันออก สิ่งเหล่านี้คือมนต์เสน่ห์และคุณค่าของเมืองน่านอย่างเเท้จริง อยากให้รักษาไว้ เราเจ้าของกระทู้ไม่ใช่คนเหนือไม่ใช่คนน่าน เเต่รู้สึกในฐานะคนไทยคนนึงที่รักและหวงเเหนมรดกของชาติ ขอสนับสนุนให้เมืองน่านเป็นเมืองมรดกโลกในเร็ววันนะคะ
เเหล่งข้อมูลการท่องเที่ยว จ.น่านค่ะ
เราพลาดที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองน่านเยอะเลยค่ะ สนใจตามกระทู้คุณข้างล่างนี้ได้นะคะ ครอบคลุมภาพสวย
http://pantip.com/topic/33539844
เพจ "เสน่ห์น่านวันนี้" ชมเรื่องราวและสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวจังหวัดน่าน
เพจ "GoNorthThailand" การท่องเที่ยวภาคเหนือ
https://www.facebook.com/GoNorthThailand
สุดท้ายแล้ว เพจผู้เขียนค่ะ แนะนำติชมได้ "เที่ยวเเล้ว เที่ยวเล่า"
https://www.facebook.com/talk2travels/
"จนกว่าจะพบกันใหม่ สวัสดีค่ะ"
เที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า
วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.23 น.