ความเดิมที่ผ่านมา พี่ใหญ่กับหนูเล็ก ออกเดินทางท่องเที่ยวแบบจำใจ
เพราะพลาดที่จองตั๋วโปรเที่ยวญี่ปุ่นได้ในช่วง Japan Golden Week
ช่วงเวลาที่จิ้งจกไม่ได้ทัก แต่กูรูญี่ปุ่นทุกคนทักว่า อย่าไปเลย ญี่ปุ่น คนจะเยอะ รถจะแยะ รถจะติด ของจะแพง
แต่ทำไงได้ เงินทองเป็นของหายาก จองตั๋วโปรได้แล้วก็ต้องไป เอาไงเอากัน
ถ้าใครยังไม่ได้อ่านที่มาที่ไป หรืออยากย้อนรอยการผจญภัย ย้อนไปอ่านได้ค่ะ
Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#1 (Kawaguchiko-Shibazakura)
Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#2 (Drive to Karuizawa)
ไปกันต่อเลยดีกว่า
เป้าหมายในการเดินทางของวันนี้ใช้ระยะทางค่อนข้างใกล้ประมาณร้อยกิโลเมตรได้
พวกเราจึงไม่ได้รีบร้อนกันมากนัก ซ้ำยังวางแผนที่จะแวะเที่ยวรายทางกันบ้างเล็กน้อยด้วย
GPS ปลายทางเช้านี้ที่ Ueda เมืองเล็กๆ บนทางผ่าน
จาก Karuizawa ออกเดินทางด้วยทางหลวงหมายเลข 18 ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้ทางหลวงหมายเลข 144
Karuizawa มีสนามกอล์ฟชั้นดีจำนวนมากมาย
ย้อนกลับทางที่มาเมื่อวานบนทางหลวงหมายเลข 18
เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 144
มุ่งสู่ Ueda
Honda N-Box เข้าแถวกันอยู่ริมทาง น่ารักจนต้องแวะเก็บภาพ
วิถีชาวบ้านที่พบเห็นได้ตลอดทาง
ซุปเปอร์มาร์เก็ตริมทาง ขอแวะเดินเล่นกันหน่อย
ได้ผลไม้ไปกินกันล๊าววว
ของคาวก็อีก จัดไป
เดินสืบราคาเอาไว้ก่อน
อันนี้ไม่ใช่แนวเรา แค่เก็บภาพส่งไปยั่วชาวบ้าน
ขนมชวนลิ้มลองไปหมด
ไวน์ชนิดกล่อง
หลังจากช้อปปิ้งอาหารการกินเป็นเสบียงกันไปเต็มตะกร้า ก็ได้เวลาออกเดินทางต่อ
ทิวทัศน์สองข้างทางที่เดินทางไป Ueda เต็มไปด้วยบ้านเรือนผู้คน เรือกสวนไร่นา กว้างสุดตา
แต่ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับหนูเล็กเป็นภูเขาที่โอบล้อมเราไว้ตลอดเส้นทางมากกว่า
มันให้บรรยากาศของการท่องเที่ยวได้ดีทีเดียว
ขับรถกันมาแบบเรื่อยๆ ไม่เร่งร้อน ไม่นานก็เข้าสู่เมือง Ueda
ซึ่งเป้าหมายของเราเป็นปราสาทเก่าซึ่งนับเป็นสัญลักษณ์แห่ง Ueda
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเดินเที่ยวได้ฟรีสำหรับบริเวณโดยรอบ
แต่หากจะขึ้นบนหอคอย (Castle Tower) จะต้องเสียค่าธรรมเนียม 250 เยน
การมาเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิถือเป็นปกติที่จะพบคุณครูพาเด็กๆ นักเรียนมาทัศนศึกษาตามสถานที่ต่างๆ
นัยว่าเพื่อเป็นการเปิดหู เปิดตา สร้างโลกทัศน์ใหม่ให้แก่เด็กๆ
และที่แห็นเป็นประจำคือการพาทัศนศึกษาโบราณสถานของประเทศ
ภาพหมู่น่ารักๆ
คงเพื่อปลูกฝังการความรักชาติและความภาคภูมิใจในชาติให้แก่เด็กๆ กระมัง
สำหรับเด็กอนุบาลหรือประถมต้นแบบที่เราพบนี้
นอกจากคุณครูแล้วก็จะมีผู้ปกครองอาสาสมัครมาช่วยดูแลเด็กๆ ด้วย
เพราะการพาเด็กออกมาจำนวนมากต้องช่วยกันดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ
แต่เท่าที่เห็นเด็กๆ เขาก็ค่อนข้างมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยกันดี
เขาจะมีวิธีสอนให้เด็กดูแลกันเองด้วยการจับมือเป็นบัดดี้กัน
มีทีมต้อนรับแบบนี้
แบบนี้ด้วย
เดินเข้าไปด้านในกันดีกว่า
ปราสาท Ueda สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1583 โดยผู้บัญชาการกองทัพนาม Sanada Mazayuki
ซึ่งนำทัพเข้าโจมตีป้อมปราการของกองทัพของโชกุน Tokugawa ในช่วงสงครามกลางเมืองของญี่ปุ่น
เราไม่ได้เสียค่าธรรมเนียมเพื่อเข้าชมปราสาท แค่เพียงเดินในสวนกันเท่านั้น
หลังจากเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจปล่อยอารมณ์ไปกับบรรยากาศเก่าๆ กันจนได้เวลาพอสมควรแล้ว
พวกเราก็เริ่มออกเดินทางสู่เป้าหมายที่แท้จริงของวันนี้ นั่นคือ วัด Zenkoji พุทธศาสนสถานอันเก่าแก่ของ Nagano
ว่ากันว่าถ้าใครมา Nagano แต่ไม่มาเยือนวัดนี้ ก็ถือว่ายังมาไม่ถึง
โดยเฉพาะพุทธศาสนิกชนอย่างเราๆ ยิ่งไม่ควรพลาดที่จะสักการะสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ชมทิวทัศน์สองข้างทางสู่วัด Zenkoji
ภูเขาลูกนี้รูปร่างเหมือนพีรามิด
ระหว่างทางมีดอกไม้สวยๆ ให้เห็น
เห็นบ้านเมืองแบบนี้เริ่มเข้าใกล้เป้าหมายแล้ว
เราไปถึงบริเวณวัดราวๆ บ่ายโมงแล้ว จึงหิวได้ที่ ร้านที่เขาแนะนำกันว่าควรมาลิ้มลองสักครั้ง
เป็นร้านโซบะที่บริเวณปากประตูทางเข้าวัด ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ดั้งเดิม
เราจึงไม่รีรอที่จะไปต่อแถวเช่นเดียวกันนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ
ร้านนี้เลย
เท่าที่ดูแล้ว อาจเป็นเพราะคนที่นี่เขามีวัฒนธรรมที่ดี คนที่นั่งรับประทานจะไม่มัวละเลียดนั่งเล่น
อิ่มแล้วเขาก็รีบลุกกัน เพราะเห็นว่ายังมีคนรอคิวเข้ามาใช้บริการกันอีกมาก ทำให้แถวที่รออยู่ยาวๆ นั้นสั้นลงเร็วมาก
พวกเรารอกันเพียงประเดี๋ยวเดียวก็ได้ลิ้มลองของอร่อยกันแล้ว
ทำเส้นโซบะกันให้เห็นๆ
ดูหน้าตาและราคาระหว่างรอเข้าแถวได้เลย
ไม่นานก็มาวางอยู่ตรงหน้า
ถ้ามา Nagano สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือการกินโซบะแบบเรานี่ล่ะ
เพราะ Nagano ตั้งอยู่บนที่ราบสูงซึ่งเหมาะกับการเจริญเติบโตของต้นโซบะมาก
นอกจากเนื้อดินแล้วยังได้รับน้ำจากภูเขาที่บริสุทธิ์สะอาดมากมาย
และความบริสุทธิ์ของอากาศทำให้ผลิตแป้งโซบะที่มีรสชาติอร่อยได้
โซบะ (Soba) ทำมาจากแป้งบักวีค (Buckwheat) เส้นมีสีน้ำตาลอ่อน รสชาติอร่อยเพราะไม่ผสมแป้งชนิดอื่นลงไปมากนัก
โดยทั่วไปจะเสิร์ฟพร้อมวาซาบิและสาหร่ายโนริ
หากเสิร์ฟแบบเย็นบนถาดไม้ไผ่จะเรียกว่า "ซารุโซบะ" (Zaru Soba) ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมในฤดูร้อน
ร้านค้าบริเวณหน้าวัด
เมื่อท้องอิ่มทีนี้ก็ได้เวลาไปเที่ยววัด Zenkoji กันได้เสียที
Zenkoji เป็นวัดเก่าแก่ที่ว่ากันว่าก่อตั้งก่อนที่จะมีพุทธศาสนาเข้ามาเผยแพร่ในญี่ปุ่นเสียอีก
สร้างขึ้นราวๆ ศตวรรษที่ 7 หรือประมาณปี ค.ศ.642
ชุมชนโดยรอบพัฒนาขึ้นมาจากการมีวัดเป็นศูนย์กลาง
จนกระทั่งมีการก่อร่างสร้างเมือง Nagano กันขึ้นมาอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1897
ทางสู่วัด Zenkoji
วัด Zenkoji เป็นวัดพุทธที่สำคัญแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เป็นวัดที่นำพระพุทธรูปมาประดิษฐานเป็นแห่งแรกของญี่ปุ่น
เป็นวัดศูนย์กลางการเติบโตของเมืองที่ต่างจากเมืองอื่นที่มักเติบโตจากปราสาท
ที่สะดุดตาแต่แรกเห็นก็คงเป็นประตูขนาดใหญ่ที่เห็นได้แต่ไกล Nimon Gate
Nimon Gate
ใบเซียมซีถูกฝากไว้เต็มต้น
Nimon Gate แบบชัดๆ
ทั้งสองข้างจะมีรูปปั้นยักษ์ขนาดใหญ่เป็นผู้พิทักษ์
รองเท้าฟาง
รองเท้าฟางที่แขวนเรียงรายไว้เต็มไปหมดทั้งสองด้านเป็นสัญลักษณ์ของความมานะและอดทนของพระญี่ปุ่น
ที่จะสานรองเท้าฟางนี้มอบให้ไว้แก่กันสำหรับเดินลุยหิมะในฤดูหนาว จึงไม่ใช่ของต่ำอย่างรองเท้าทั่วๆ ไป
เมื่อเดินผ่าน Nimon Gate เข้ามาทั้งสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านขายขนม อาหาร ไอศกรีม และของที่ระลึกต่างๆ
จากนั้นจะเจอสะพานข้ามห้วยเล็กๆ ที่หากไม่สังเกตให้ดีก็อาจจะไม่ทันรู้สึกว่ามันคือสะพาน
ตรงจุดนี้มีเรื่องเล่าว่าเมื่อปี ค.ศ.1197 โชกุน Minamoto Yoritomo ได้ขี่ม้ามายังวัดแห่งนี้
พอมาถึงบริเวณนี้เกือกม้าเกิดเข้าไปติดในรูที่พื้นทำอย่างไรก็ไม่ออก
ทำให้โชกุนต้องเดินเท้าจากจุดนี้เข้าไปในวัดไม่สามารถขี่ม้าเข้าไปได้
จุดที่โชกุนต้องเดินเท้าเข้าไป
นับตั้งแต่นั้นไม่ว่าโชกุนหรือจักรพรรดิ์องค์อื่นๆ เสด็จมาก็จะต้องลงจากม้าหรือพาหนะอื่นๆ ที่บริเวณนี้แล้วเดินเท้าเข้าไป
เมื่อเดินผ่านเข้ามาด้านข้างจะมีเทวรูปนั่งเรียงรายกันอยู่ 6 องค์ (Rokujizo)
เทวรูปทั้งหกองค์
เป็นตัวแทน 6 สิ่งของความเป็นจริงบนโลกนี้ นั่นคือ มนุษย์ สวรรค์ นรก ความหิวโหย สัตว์เดรัจฉาน และการเบียดเบียน
เมื่อเดินต่อมาจะพบกับประตูชั้นที่ 2 คือ Sanmon Gate
Sanmon Gate
ประตูชั้นที่ 2 นี้มีทางขึ้นให้ไปชมข้างบนได้โดยมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย
หากไม่ประสงค์จะขึ้นก็สามารถเดินต่อเข้าไปด้านในได้เลย
ตรงกลางลานจะมีกระถางธูปรูปสิงห์ขนาดใหญ่สำหรับให้จุดธูปไหว้พระ
ในขณะเดียวกันผู้คนก็พากันไปยืนเอามือโกยควันเข้าหาตัว
เพราะเป็นความเชื่อของคนญี่ปุ่นว่าจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ตัว
หนูเล็กกับพี่ใหญ่ไม่พลาดแน่กับกิจกรรมแบบนี้พากันไปยืนโกยควันเข้าหาตัวกันอยู่เป็นนานสองนาน
ส่วนศาสนสถานหลักของวัดนี้ก็คือ Zenkoji Hondo ซึ่งเป็นอารามไม้ขนาดใหญ่อันเก่าแก่งดงาม
Zenkoji Hondo
สำหรับพระประธานหลักแห่งวัดนั้นคือ Hibutsu หรือรู้จักกันในนามว่า Secreat Buddha
ที่ได้ชื่อเช่นนี้เพราะเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ถูกห้ามให้ใครเห็นเป็นอันขาดแม้กระทั่งเจ้าอาวาสวัด
ภายหลังได้มีการสร้างพระพุทธรูปองค์จำลอง Maedachi Honzon ขึ้น
ซึ่งองค์นี้สามารถแสดงต่อที่สาธารณะได้
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกๆ 6 ปี เรียกว่างาน Gokaicho นั้น
จะมีการนำพระพุทธรูปดังกล่าวออกมาทำพิธีเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่
เขาจะนำเชือกสีทองผูกที่ข้อมือขวาของพระพุทธรูปและโยงเชือกไปผูกที่เสาหน้าโบสถ์ที่มีความสูง 10 เมตร
ชื่อว่า Ekobashira ผู้เข้าชมที่สัมผัสกับเสาที่โยงด้ายทองมาก็เหมือนกับการได้สัมผัสพระพุทธรูปองค์จริง
ถือว่าได้บุญมาก ครั้งล่าสุดก็คือในปีนี้ ค.ศ.2015
ภายในวิหารหลักของวัดเขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป
ส่วนไฮไลต์อีกอย่างที่นักท่องเที่ยวบางคนต้องการจะมาสัมผัสก็คือการลงไปเดินใต้วิหาร
ซึ่งจะเป็นทางเดินที่มืดมาก เป็นการสอนเชิงปรัชญา นักท่องเที่ยวจะเหมือนคนตาบอดที่ต้องเดินไปภายในโลกมืด
ต้องใช้มือคลำทางผ่านกำแพงไปเรื่อยๆ จนถึงทางออก
นอกจากตัวพระอารามหลัก บริเวณรอบๆ ยังมีสิ่งก่อสร้างอีกหลายอย่าง
อย่างเจดีย์ที่ด้านหลังนั้นก็เป็นที่ตั้งของ Zenkoji History Museum
ทางเดินสู่เจดีย์ด้านหลัง
เจดีย์ซึ่งจัดแสดงสิ่งของล้ำค่ารวมไปถึงพระพุทธรูปปางต่างๆ
สวนที่ซากุระยังคงบานสะพรั่ง
งามขนาดดดด
เมื่อเดินย้อนออกไปที่ด้านหน้ายังมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ อีกมากมาย
รอยพระพุทธบาทจำลอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าของชาวพุทธ
มีมาสคอตเป็นพระด้วยยยย
เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
พริกป่น สินค้าเลื่องชื่อของ Nagano
ไอศกรีมรสแอปเปิ้ล อย่าลืมชิม
หลังจากใช้เวลาที่วัดกันอย่างเต็มที่พวกเราก็ต้องออกเดินทางไปยังที่พักสำหรับค่ำคืนนี้กันเสียที
ที่พักวันนี้อยู่ที่บริเวณ Yudanaka Onsen ซึ่งเป็นบริเวณที่มีประวัติอันยาวนานเกี่ยวกับรีสอร์ท
เพื่อสุขภาพคู่กันกับบริเวณที่เรียกว่า Shibu Onsen ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาแช่ออนเซ็นกัน
เพียงแต่ว่ารีสอร์ทที่อยู่ในพื้นที่ของ Yudanaka Onsen ค่อนข้างจะมีบรรยากาศน่าพักกว่า
เพราะได้รับการปรับปรุงให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น
และการเดินทางมาก็ไม่ยากนักเพราะอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Yudanaka
และนอกจากจะมีบ่อน้ำร้อนตามรีสอร์ทต่างๆ แล้ว ยังมีห้องอาบน้ำสาธารณะใกล้ๆ
สถานีรถไฟให้นักท่องเที่ยวสามารถลองไปใช้บริการได้ด้วย
ซึ่งนักท่องเที่ยวที่อ่อนล้าจากการเดินทางด้วยรถไฟมาเป็นระยะทางไกลๆ ก็สามารถไปผ่อนคลายได้สบายๆ เลย
เราเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 292 ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง
สองข้างทางจะผ่านถนนเส้นหนึ่งซึ่งปลูกต้นแอปเปิ้ลไว้เป็นจำนวนมาก
นั่นเป็นเพราะ Nagano มีภูมิประเทศแบบที่ราบสูงและมีภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโต
ทำให้ผลผลิตได้สีดี รสชาติหวาน กรอบ อร่อย ชื่อเสียงเลื่องลือ
Nagano เป็นจังหวัดที่ผลิตแอปเปิ้ลได้มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น
(อันดับ 1 คือจังหวัด Aomori) สำหรับแอปเปิ้ลพันธุ์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัด Nagano คือ Tsugaru และ Fuji
คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานแอปเปิ้ลกันมากเนื่องจากเป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยลดคลอเลสเตอรอล ลดความดัน
และยังช่วยบำรุงหัวใจด้วย แอปเปิ้ลของจังหวัด Nagano นั้นจะมีช่วงการเก็บเกี่ยวตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงเดือนมกราคม
ยังไปตามทางหลวงหมายเลข 292 ต่อไป
เทือกเขายังล้อมเราไว้ตลอดเส้นทาง
รอยต่อระหว่างฤดู ทำให้ยังคงได้ชมซากุระตลอดการเดินทาง
ใกล้ถึงล่ะ Yudanaka
Yudanaka Seifuso
Yudanaka Seifuso (
http://www.yudanaka-seifuso.com/english/)
เป็นที่พักแบบเรียวกัง (ryokan) ที่หนูเล็กนึกอยากมาพักเป็นพิเศษ
เพราะเท่าที่หาข้อมูลมา เขาจัดที่พักได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นดีจริงๆ
หลังจากติดต่อแจ้งว่าเราจองที่พักมาเรียบร้อยแล้ว หนุ่มเจ้าของก็พาเราไปดูห้องพักที่เตรียมไว้
บริเวณที่จัดไว้ให้นั่งเล่น
ห้องอาบน้ำ
ที่วางเสื้อผ้าข้าวของต่างๆ
เขาแนะนำด้วยว่ามีที่อาบน้ำกลางแจ้งด้วย สามารถไปใช้บริการได้ แต่เสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย
ดังนั้น เมื่อเก็บสัมภาระเข้าที่เรียบร้อย เราก็ต่างแยกย้ายกันไปจัดการกับตัวเอง
หนูเล็กและพี่ใหญ่เลือกใช้ห้องอาบน้ำในที่พัก มีแต่หนุ่มผู้ร่วมเดินทางที่ไปใช้บริการกันสองคน
และเราก็มาร่วมจัดการกับมื้อเย็นราคาย่อมเยากัน
แค่นี้ก็อร่อยแล้ว
สาเหตุที่เราเลือกมาพักที่นี่เพราะเรามีโปรแกรมการเดินทางไปเที่ยวสถานที่ใกล้ๆ นี้ในวันพรุ่งนี้เช้า
โปรแกรมวันพรุ่งนี้เป็นสิ่งที่หนูเล็กใจจดจ่อรอคอยและอยากได้มาสัมผัสบรรยากาศจริงๆ เสียที
หลังจากที่เฝ้าดูบรรยากาศผ่านจอคอมพิวเตอร์มาตลอดหลายเดือนก่อนหน้านี้
แวะทักทายพูดคุยและชมภาพถ่ายเรื่องเที่ยวของคนคอเดียวกันได้ค่ะ
https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/
Piyai&Noolek
วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.45 น.