ความเดิมที่ผ่านมา พี่ใหญ่กับหนูเล็ก ออกเดินทางท่องเที่ยวแบบจำใจ

เพราะพลาดที่จองตั๋วโปรเที่ยวญี่ปุ่นได้ในช่วง Japan Golden Week

ช่วงเวลาที่จิ้งจกไม่ได้ทัก แต่กูรูญี่ปุ่นทุกคนทักว่า อย่าไปเลย ญี่ปุ่น คนจะเยอะ รถจะแยะ รถจะติด ของจะแพง

แต่ทำไงได้ เงินทองเป็นของหายาก จองตั๋วโปรได้แล้วก็ต้องไป เอาไงเอากัน

ถ้าใครยังไม่ได้อ่านที่มาที่ไป หรืออยากย้อนรอยการผจญภัย ย้อนไปอ่านได้ค่ะ

Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#1 (Kawaguchiko-Shibazakura)

https://th.readme.me/p/4476

Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#2 (Drive to Karuizawa)

https://th.readme.me/p/4489

ไปกันต่อเลยดีกว่า

เป้าหมายในการเดินทางของวันนี้ใช้ระยะทางค่อนข้างใกล้ประมาณร้อยกิโลเมตรได้

พวกเราจึงไม่ได้รีบร้อนกันมากนัก ซ้ำยังวางแผนที่จะแวะเที่ยวรายทางกันบ้างเล็กน้อยด้วย

GPS ปลายทางเช้านี้ที่ Ueda เมืองเล็กๆ บนทางผ่าน

จาก Karuizawa ออกเดินทางด้วยทางหลวงหมายเลข 18 ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้ทางหลวงหมายเลข 144

Karuizawa มีสนามกอล์ฟชั้นดีจำนวนมากมาย

ย้อนกลับทางที่มาเมื่อวานบนทางหลวงหมายเลข 18

เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 144

มุ่งสู่ Ueda

Honda N-Box เข้าแถวกันอยู่ริมทาง น่ารักจนต้องแวะเก็บภาพ

วิถีชาวบ้านที่พบเห็นได้ตลอดทาง

ซุปเปอร์มาร์เก็ตริมทาง ขอแวะเดินเล่นกันหน่อย

ได้ผลไม้ไปกินกันล๊าววว

ของคาวก็อีก จัดไป

เดินสืบราคาเอาไว้ก่อน

อันนี้ไม่ใช่แนวเรา แค่เก็บภาพส่งไปยั่วชาวบ้าน

ขนมชวนลิ้มลองไปหมด

ไวน์ชนิดกล่อง

หลังจากช้อปปิ้งอาหารการกินเป็นเสบียงกันไปเต็มตะกร้า ก็ได้เวลาออกเดินทางต่อ

ทิวทัศน์สองข้างทางที่เดินทางไป Ueda เต็มไปด้วยบ้านเรือนผู้คน เรือกสวนไร่นา กว้างสุดตา

แต่ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับหนูเล็กเป็นภูเขาที่โอบล้อมเราไว้ตลอดเส้นทางมากกว่า

มันให้บรรยากาศของการท่องเที่ยวได้ดีทีเดียว

ขับรถกันมาแบบเรื่อยๆ ไม่เร่งร้อน ไม่นานก็เข้าสู่เมือง Ueda

ซึ่งเป้าหมายของเราเป็นปราสาทเก่าซึ่งนับเป็นสัญลักษณ์แห่ง Ueda

นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเดินเที่ยวได้ฟรีสำหรับบริเวณโดยรอบ

แต่หากจะขึ้นบนหอคอย (Castle Tower) จะต้องเสียค่าธรรมเนียม 250 เยน

การมาเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิถือเป็นปกติที่จะพบคุณครูพาเด็กๆ นักเรียนมาทัศนศึกษาตามสถานที่ต่างๆ

นัยว่าเพื่อเป็นการเปิดหู เปิดตา สร้างโลกทัศน์ใหม่ให้แก่เด็กๆ

และที่แห็นเป็นประจำคือการพาทัศนศึกษาโบราณสถานของประเทศ

ภาพหมู่น่ารักๆ

คงเพื่อปลูกฝังการความรักชาติและความภาคภูมิใจในชาติให้แก่เด็กๆ กระมัง

สำหรับเด็กอนุบาลหรือประถมต้นแบบที่เราพบนี้

นอกจากคุณครูแล้วก็จะมีผู้ปกครองอาสาสมัครมาช่วยดูแลเด็กๆ ด้วย

เพราะการพาเด็กออกมาจำนวนมากต้องช่วยกันดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ

แต่เท่าที่เห็นเด็กๆ เขาก็ค่อนข้างมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยกันดี

เขาจะมีวิธีสอนให้เด็กดูแลกันเองด้วยการจับมือเป็นบัดดี้กัน

มีทีมต้อนรับแบบนี้

แบบนี้ด้วย

เดินเข้าไปด้านในกันดีกว่า

ปราสาท Ueda สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1583 โดยผู้บัญชาการกองทัพนาม Sanada Mazayuki

ซึ่งนำทัพเข้าโจมตีป้อมปราการของกองทัพของโชกุน Tokugawa ในช่วงสงครามกลางเมืองของญี่ปุ่น

เราไม่ได้เสียค่าธรรมเนียมเพื่อเข้าชมปราสาท แค่เพียงเดินในสวนกันเท่านั้น

หลังจากเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจปล่อยอารมณ์ไปกับบรรยากาศเก่าๆ กันจนได้เวลาพอสมควรแล้ว

พวกเราก็เริ่มออกเดินทางสู่เป้าหมายที่แท้จริงของวันนี้ นั่นคือ วัด Zenkoji พุทธศาสนสถานอันเก่าแก่ของ Nagano

ว่ากันว่าถ้าใครมา Nagano แต่ไม่มาเยือนวัดนี้ ก็ถือว่ายังมาไม่ถึง

โดยเฉพาะพุทธศาสนิกชนอย่างเราๆ ยิ่งไม่ควรพลาดที่จะสักการะสักครั้งหนึ่งในชีวิต

ชมทิวทัศน์สองข้างทางสู่วัด Zenkoji

ภูเขาลูกนี้รูปร่างเหมือนพีรามิด

ระหว่างทางมีดอกไม้สวยๆ ให้เห็น

เห็นบ้านเมืองแบบนี้เริ่มเข้าใกล้เป้าหมายแล้ว

เราไปถึงบริเวณวัดราวๆ บ่ายโมงแล้ว จึงหิวได้ที่ ร้านที่เขาแนะนำกันว่าควรมาลิ้มลองสักครั้ง

เป็นร้านโซบะที่บริเวณปากประตูทางเข้าวัด ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ดั้งเดิม

เราจึงไม่รีรอที่จะไปต่อแถวเช่นเดียวกันนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ

ร้านนี้เลย

เท่าที่ดูแล้ว อาจเป็นเพราะคนที่นี่เขามีวัฒนธรรมที่ดี คนที่นั่งรับประทานจะไม่มัวละเลียดนั่งเล่น

อิ่มแล้วเขาก็รีบลุกกัน เพราะเห็นว่ายังมีคนรอคิวเข้ามาใช้บริการกันอีกมาก ทำให้แถวที่รออยู่ยาวๆ นั้นสั้นลงเร็วมาก

พวกเรารอกันเพียงประเดี๋ยวเดียวก็ได้ลิ้มลองของอร่อยกันแล้ว

ทำเส้นโซบะกันให้เห็นๆ

ดูหน้าตาและราคาระหว่างรอเข้าแถวได้เลย

ไม่นานก็มาวางอยู่ตรงหน้า

ถ้ามา Nagano สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือการกินโซบะแบบเรานี่ล่ะ

เพราะ Nagano ตั้งอยู่บนที่ราบสูงซึ่งเหมาะกับการเจริญเติบโตของต้นโซบะมาก

นอกจากเนื้อดินแล้วยังได้รับน้ำจากภูเขาที่บริสุทธิ์สะอาดมากมาย

และความบริสุทธิ์ของอากาศทำให้ผลิตแป้งโซบะที่มีรสชาติอร่อยได้

โซบะ (Soba) ทำมาจากแป้งบักวีค (Buckwheat) เส้นมีสีน้ำตาลอ่อน รสชาติอร่อยเพราะไม่ผสมแป้งชนิดอื่นลงไปมากนัก

โดยทั่วไปจะเสิร์ฟพร้อมวาซาบิและสาหร่ายโนริ

หากเสิร์ฟแบบเย็นบนถาดไม้ไผ่จะเรียกว่า "ซารุโซบะ" (Zaru Soba) ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมในฤดูร้อน

ร้านค้าบริเวณหน้าวัด

เมื่อท้องอิ่มทีนี้ก็ได้เวลาไปเที่ยววัด Zenkoji กันได้เสียที

Zenkoji เป็นวัดเก่าแก่ที่ว่ากันว่าก่อตั้งก่อนที่จะมีพุทธศาสนาเข้ามาเผยแพร่ในญี่ปุ่นเสียอีก

สร้างขึ้นราวๆ ศตวรรษที่ 7 หรือประมาณปี ค.ศ.642

ชุมชนโดยรอบพัฒนาขึ้นมาจากการมีวัดเป็นศูนย์กลาง

จนกระทั่งมีการก่อร่างสร้างเมือง Nagano กันขึ้นมาอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1897

ทางสู่วัด Zenkoji

วัด Zenkoji เป็นวัดพุทธที่สำคัญแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เป็นวัดที่นำพระพุทธรูปมาประดิษฐานเป็นแห่งแรกของญี่ปุ่น

เป็นวัดศูนย์กลางการเติบโตของเมืองที่ต่างจากเมืองอื่นที่มักเติบโตจากปราสาท

ที่สะดุดตาแต่แรกเห็นก็คงเป็นประตูขนาดใหญ่ที่เห็นได้แต่ไกล Nimon Gate

Nimon Gate

ใบเซียมซีถูกฝากไว้เต็มต้น

Nimon Gate แบบชัดๆ

ทั้งสองข้างจะมีรูปปั้นยักษ์ขนาดใหญ่เป็นผู้พิทักษ์

รองเท้าฟาง

รองเท้าฟางที่แขวนเรียงรายไว้เต็มไปหมดทั้งสองด้านเป็นสัญลักษณ์ของความมานะและอดทนของพระญี่ปุ่น

ที่จะสานรองเท้าฟางนี้มอบให้ไว้แก่กันสำหรับเดินลุยหิมะในฤดูหนาว จึงไม่ใช่ของต่ำอย่างรองเท้าทั่วๆ ไป

เมื่อเดินผ่าน Nimon Gate เข้ามาทั้งสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านขายขนม อาหาร ไอศกรีม และของที่ระลึกต่างๆ

จากนั้นจะเจอสะพานข้ามห้วยเล็กๆ ที่หากไม่สังเกตให้ดีก็อาจจะไม่ทันรู้สึกว่ามันคือสะพาน

ตรงจุดนี้มีเรื่องเล่าว่าเมื่อปี ค.ศ.1197 โชกุน Minamoto Yoritomo ได้ขี่ม้ามายังวัดแห่งนี้

พอมาถึงบริเวณนี้เกือกม้าเกิดเข้าไปติดในรูที่พื้นทำอย่างไรก็ไม่ออก

ทำให้โชกุนต้องเดินเท้าจากจุดนี้เข้าไปในวัดไม่สามารถขี่ม้าเข้าไปได้

จุดที่โชกุนต้องเดินเท้าเข้าไป

นับตั้งแต่นั้นไม่ว่าโชกุนหรือจักรพรรดิ์องค์อื่นๆ เสด็จมาก็จะต้องลงจากม้าหรือพาหนะอื่นๆ ที่บริเวณนี้แล้วเดินเท้าเข้าไป

เมื่อเดินผ่านเข้ามาด้านข้างจะมีเทวรูปนั่งเรียงรายกันอยู่ 6 องค์ (Rokujizo)

เทวรูปทั้งหกองค์

เป็นตัวแทน 6 สิ่งของความเป็นจริงบนโลกนี้ นั่นคือ มนุษย์ สวรรค์ นรก ความหิวโหย สัตว์เดรัจฉาน และการเบียดเบียน

เมื่อเดินต่อมาจะพบกับประตูชั้นที่ 2 คือ Sanmon Gate

Sanmon Gate

ประตูชั้นที่ 2 นี้มีทางขึ้นให้ไปชมข้างบนได้โดยมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย

หากไม่ประสงค์จะขึ้นก็สามารถเดินต่อเข้าไปด้านในได้เลย

ตรงกลางลานจะมีกระถางธูปรูปสิงห์ขนาดใหญ่สำหรับให้จุดธูปไหว้พระ

ในขณะเดียวกันผู้คนก็พากันไปยืนเอามือโกยควันเข้าหาตัว

เพราะเป็นความเชื่อของคนญี่ปุ่นว่าจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ตัว

หนูเล็กกับพี่ใหญ่ไม่พลาดแน่กับกิจกรรมแบบนี้พากันไปยืนโกยควันเข้าหาตัวกันอยู่เป็นนานสองนาน

ส่วนศาสนสถานหลักของวัดนี้ก็คือ Zenkoji Hondo ซึ่งเป็นอารามไม้ขนาดใหญ่อันเก่าแก่งดงาม

Zenkoji Hondo

สำหรับพระประธานหลักแห่งวัดนั้นคือ Hibutsu หรือรู้จักกันในนามว่า Secreat Buddha

ที่ได้ชื่อเช่นนี้เพราะเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ถูกห้ามให้ใครเห็นเป็นอันขาดแม้กระทั่งเจ้าอาวาสวัด

ภายหลังได้มีการสร้างพระพุทธรูปองค์จำลอง Maedachi Honzon ขึ้น

ซึ่งองค์นี้สามารถแสดงต่อที่สาธารณะได้

ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกๆ 6 ปี เรียกว่างาน Gokaicho นั้น

จะมีการนำพระพุทธรูปดังกล่าวออกมาทำพิธีเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่

เขาจะนำเชือกสีทองผูกที่ข้อมือขวาของพระพุทธรูปและโยงเชือกไปผูกที่เสาหน้าโบสถ์ที่มีความสูง 10 เมตร

ชื่อว่า Ekobashira ผู้เข้าชมที่สัมผัสกับเสาที่โยงด้ายทองมาก็เหมือนกับการได้สัมผัสพระพุทธรูปองค์จริง

ถือว่าได้บุญมาก ครั้งล่าสุดก็คือในปีนี้ ค.ศ.2015

ภายในวิหารหลักของวัดเขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป

ส่วนไฮไลต์อีกอย่างที่นักท่องเที่ยวบางคนต้องการจะมาสัมผัสก็คือการลงไปเดินใต้วิหาร

ซึ่งจะเป็นทางเดินที่มืดมาก เป็นการสอนเชิงปรัชญา นักท่องเที่ยวจะเหมือนคนตาบอดที่ต้องเดินไปภายในโลกมืด

ต้องใช้มือคลำทางผ่านกำแพงไปเรื่อยๆ จนถึงทางออก

นอกจากตัวพระอารามหลัก บริเวณรอบๆ ยังมีสิ่งก่อสร้างอีกหลายอย่าง

อย่างเจดีย์ที่ด้านหลังนั้นก็เป็นที่ตั้งของ Zenkoji History Museum

ทางเดินสู่เจดีย์ด้านหลัง

เจดีย์ซึ่งจัดแสดงสิ่งของล้ำค่ารวมไปถึงพระพุทธรูปปางต่างๆ

สวนที่ซากุระยังคงบานสะพรั่ง

งามขนาดดดด

เมื่อเดินย้อนออกไปที่ด้านหน้ายังมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ อีกมากมาย

รอยพระพุทธบาทจำลอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าของชาวพุทธ

มีมาสคอตเป็นพระด้วยยยย

เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว

พริกป่น สินค้าเลื่องชื่อของ Nagano

ไอศกรีมรสแอปเปิ้ล อย่าลืมชิม

หลังจากใช้เวลาที่วัดกันอย่างเต็มที่พวกเราก็ต้องออกเดินทางไปยังที่พักสำหรับค่ำคืนนี้กันเสียที

ที่พักวันนี้อยู่ที่บริเวณ Yudanaka Onsen ซึ่งเป็นบริเวณที่มีประวัติอันยาวนานเกี่ยวกับรีสอร์ท

เพื่อสุขภาพคู่กันกับบริเวณที่เรียกว่า Shibu Onsen ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาแช่ออนเซ็นกัน

เพียงแต่ว่ารีสอร์ทที่อยู่ในพื้นที่ของ Yudanaka Onsen ค่อนข้างจะมีบรรยากาศน่าพักกว่า

เพราะได้รับการปรับปรุงให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น

และการเดินทางมาก็ไม่ยากนักเพราะอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Yudanaka

และนอกจากจะมีบ่อน้ำร้อนตามรีสอร์ทต่างๆ แล้ว ยังมีห้องอาบน้ำสาธารณะใกล้ๆ

สถานีรถไฟให้นักท่องเที่ยวสามารถลองไปใช้บริการได้ด้วย

ซึ่งนักท่องเที่ยวที่อ่อนล้าจากการเดินทางด้วยรถไฟมาเป็นระยะทางไกลๆ ก็สามารถไปผ่อนคลายได้สบายๆ เลย

เราเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 292 ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง

สองข้างทางจะผ่านถนนเส้นหนึ่งซึ่งปลูกต้นแอปเปิ้ลไว้เป็นจำนวนมาก

นั่นเป็นเพราะ Nagano มีภูมิประเทศแบบที่ราบสูงและมีภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโต

ทำให้ผลผลิตได้สีดี รสชาติหวาน กรอบ อร่อย ชื่อเสียงเลื่องลือ

Nagano เป็นจังหวัดที่ผลิตแอปเปิ้ลได้มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น

(อันดับ 1 คือจังหวัด Aomori) สำหรับแอปเปิ้ลพันธุ์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัด Nagano คือ Tsugaru และ Fuji

คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานแอปเปิ้ลกันมากเนื่องจากเป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยลดคลอเลสเตอรอล ลดความดัน

และยังช่วยบำรุงหัวใจด้วย แอปเปิ้ลของจังหวัด Nagano นั้นจะมีช่วงการเก็บเกี่ยวตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงเดือนมกราคม

ยังไปตามทางหลวงหมายเลข 292 ต่อไป

เทือกเขายังล้อมเราไว้ตลอดเส้นทาง

รอยต่อระหว่างฤดู ทำให้ยังคงได้ชมซากุระตลอดการเดินทาง

ใกล้ถึงล่ะ Yudanaka

Yudanaka Seifuso

Yudanaka Seifuso ( http://www.yudanaka-seifuso.com/english/)

เป็นที่พักแบบเรียวกัง (ryokan) ที่หนูเล็กนึกอยากมาพักเป็นพิเศษ

เพราะเท่าที่หาข้อมูลมา เขาจัดที่พักได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นดีจริงๆ

หลังจากติดต่อแจ้งว่าเราจองที่พักมาเรียบร้อยแล้ว หนุ่มเจ้าของก็พาเราไปดูห้องพักที่เตรียมไว้

บริเวณที่จัดไว้ให้นั่งเล่น

ห้องอาบน้ำ

ที่วางเสื้อผ้าข้าวของต่างๆ

เขาแนะนำด้วยว่ามีที่อาบน้ำกลางแจ้งด้วย สามารถไปใช้บริการได้ แต่เสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย

ดังนั้น เมื่อเก็บสัมภาระเข้าที่เรียบร้อย เราก็ต่างแยกย้ายกันไปจัดการกับตัวเอง

หนูเล็กและพี่ใหญ่เลือกใช้ห้องอาบน้ำในที่พัก มีแต่หนุ่มผู้ร่วมเดินทางที่ไปใช้บริการกันสองคน

และเราก็มาร่วมจัดการกับมื้อเย็นราคาย่อมเยากัน

แค่นี้ก็อร่อยแล้ว

สาเหตุที่เราเลือกมาพักที่นี่เพราะเรามีโปรแกรมการเดินทางไปเที่ยวสถานที่ใกล้ๆ นี้ในวันพรุ่งนี้เช้า

โปรแกรมวันพรุ่งนี้เป็นสิ่งที่หนูเล็กใจจดจ่อรอคอยและอยากได้มาสัมผัสบรรยากาศจริงๆ เสียที

หลังจากที่เฝ้าดูบรรยากาศผ่านจอคอมพิวเตอร์มาตลอดหลายเดือนก่อนหน้านี้


แวะทักทายพูดคุยและชมภาพถ่ายเรื่องเที่ยวของคนคอเดียวกันได้ค่ะ

https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/

Piyai&Noolek

 วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.45 น.

ความคิดเห็น