เวลาเรามีความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ มาถึงวันสุดท้ายของทริปแล้วครับ เรายังมีเวลาเที่ยวถึงช่วงเย็นๆ ก่อนจะเดินทางกลับไทยตอน 19.00 แพลนของวันนี้
- Taipei Fish Market
- Xingtian Temple
- Sun Yat Sen Memorial Hall
- Ximending Walking Street
สำหรับแพลนของวันอื่นๆ เริ่มตั้งแต่วิธีเดินทางเข้าเมือง แลนด์มาร์คที่ไม่ควรพลาด แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งภูเขาและทะเล รวมถึงลิสต์เมนูที่ต้องกิน มีให้ครบแล้วครับ :)
EP1: https://th.readme.me/p/45899
- Zhongzheng District
- Yongkang Street
- Miramar Ferris Wheel
- Fuzhoushan Hiking Trail
- Tonghua Night Market
EP2: https://th.readme.me/p/45985
- Jiufen Old Street
- Songshan Ciyou Temple
- Raohe Night Market
EP3: https://th.readme.me/p/46048
- Dadaocheng Old Street
- Jiantanshan Hiking Trail
- Shilin Night Market
EP4: https://th.readme.me/p/46101
- Maokong Gondola
- Xi Xi Nun Cun Village
- Xiangshan Hiking Trail
- Ningxia Night Market
EP5: https://th.readme.me/p/46147
- Beitou Hot Spring Museum
- Beitou Thermal Valley
- Tamsui Old Street
- Tamsui Fisherman’s Wharf
EP6: https://th.readme.me/p/46212
- Bopilial Historical Block
- Longshan Temple
- Huaxi St Tourist Market
- C.K.S. Memorial Hall
เช้าวันอาทิตย์ในไทเปเงียบสงบมาก เราเช็คเอ้าท์แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน ค่อยมารับก่อนไปสนามบิน
ระหว่างรอให้ตลาดปลาเปิด ก็มาเดินเล่นรอบๆ สถานีหลักไทเป
เดินมาเจอจุดขึ้นรถบัสสำหรับนั่งชมวิวเมืองไทเป อยู่ใกล้กับทางออก M4
Taipei sightseeing bus เป็นรถบัสสองชั้นที่ขับผ่านสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในไทเป มีให้เลือก 2 เส้นทางคือ Red route, Blue route อีกตัวเลือกในการชมวิว
เช้านี้เรากินแซนวิช (三明治 / ซันหมิงจื้อ) อีกเมนูอาหารเช้ายอดนิยมของคนไต้หวัน
>> https://goo.gl/maps/j78hmZWfxG3WKkZu9
แซนวิชไส้แน่นๆ มีให้เลือกหลายอย่าง เช่น ไข่ทอด หมูทอด หมูย่าง บางร้านใช้หมั่นโถวแทนขนมปัง เราสั่งไส้ไข่ดาวกับไก่ทอด (35 NTD) กินคู่กับชาร้อนก็อร่อยดี
การเดินทางจากสถานีหลักไทเปไปตลาดปลามีหลายวิธี
1. รถไฟฟ้าไปที่สถานี Xingtian temple นั่งแท็กซี่ต่อหรือเดินต่อก็ได้
2. รถบัสสาย 49 ลงที่ป้าย The Second Wholesale Fruit and Vegetable Market
เปลี่ยนบรรยากาศมานั่งรถบัสบ้าง เรามารอบัสสาย 49 ที่หน้าห้าง Shin Kong Mitsukoshi ป้ายรถบัสที่ไทเปทันสมัยมาก บอกสายรถและเวลาที่จะมาถึง
>> https://goo.gl/maps/79C9HkCSwK5AJk9u7
รถบัสเป็นอีกตัวเลือกในการเดินทาง สะดวกและราคาถูก เช็คป้ายรถและเส้นทางผ่านแอฟ Bus Tracker Taiwan หรือจาก Google map ได้เลยครับ
บนรถมีหน้าจอบอกชื่อป้ายที่จะจอด ให้ลงที่ 2nd fruit and vegetable market แล้วเดินต่อ 200 เมตร
ก่อนถึงตลาดปลา จะเดินผ่านตลาดสดที่ขายผักและผลไม้
Addiction Aquatic Development หรือที่เราคุ้นเคยกับชื่อตลาดปลาไทเป แหล่งรวมอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน สร้างขึ้นโดยบริษัท Mitsui Food & Beverage ฮิตมากในกลุ่มนักท่องเที่ยว(ไทย)
>> https://goo.gl/maps/5ajAKEE34uxzFiAL6
ก่อนเข้าด้านในจะมีพนักงานพ่นสเปรย์แอลกอฮอลล์ให้ที่มือ เมื่อเข้ามาแล้วจะเจอโซนที่ขายอาหารทะเลแบบสดๆ
สดจริงๆ แบบที่ยังว่ายในบ่อ มีทั้งปูยักษ์, ล็อบสเตอร์, กุ้ง, หอยงวงช้าง
ถึงจะเป็นโซนขายอาหารทะเลสดๆ แต่ก็จัดการเรื่องความสะอาดดีมาก ทั้งบ่อและพื้น รวมไปถึงกลิ่น
อยากได้บ่อไหนก็สั่งกับพนักงานที่บ่อได้เลย คิดราคาตามน้ำหนัก แถมมีบริการปรุงเป็นอาหารให้ด้วย
ถัดมาเป็นซุปเปอร์มารเก็ตขนาดใหญ่ ขายทั้งซาซิมิและซูชิแบบที่จัดเป็นเซทไว้แล้ว
แนะนำให้มาหลัง 10.00 จะมีเมนูให้เลือกหลากหลายกว่า
ความสดอาจจะไม่เท่าโซนที่เป็นซูชิบาร์ แต่ก็ถือว่าสดและราคาถูกกว่าไทย
เมนูอาหารปรุงสำเร็จก็มีให้เลือกเยอะเช่น ปลาหมึกย่าง ปลาไหลย่าง ข้าวผัด และซุปต่างๆ
ที่นี่รับเฉพาะเงินสดเท่านั้นนะครับ จ่ายเงินเสร็จก็มายืนกินที่โต๊ะด้านนอก
เราสั่งกุ้งย่างด้วย...ไม่อร่อยเลย กุ้งไม่ค่อยสดแถมต้องจิ้มกับโชยุซึ่งไม่แซ่บเหมือนน้ำจิ้มซีฟู้ด
อีกโซนคือ ซูชิบาร์ (Li Tun) เชฟจะแล่ซาซิมิและปั้นซูชิกันสดๆ ราคาจะแพงกว่าแต่คุณภาพก็ดีกว่า
ซูชิบาร์จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 10.30-22.30 ถ้าคิวยาวก็เขียนชื่อ-เบอร์โทรจองไว้ จะมีพนักงานโทรแจ้งถ้าถึงคิว
หยิบตอนหิวก็จะประมาณนี้ 555 ไม่หมดค่อยห่อกลับ
เซทซาซิมิ 3 อย่าง ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาไท่ (385 NTD)
ดูความหนาของซาซิมิแต่ละชิ้น เต็มปากเต็มคำมาก
เซทซูชิรวม (480 NTD) ถาดเดียวได้ครบทั้งแซลมอน ทูน่า อูนิ มันปู และไข่แซลมอน
เชฟจะป้ายวาซาบิที่ข้าวมาให้เหมือนที่ญี่ปุ่น
ส่วนเซทนี้มี กุ้งหวาน ปลาไหล (อานาโกะ) และเอนกาวะ (250 NTD)
กินเกลี้ยง 555 ยังอร่อยเหมือยเดิมเพิ่มเติมที่ราคา (แพงขึ้นกว่าครั้งก่อน) จากตลาดปลามีรถบัสหลายสายที่วิ่งผ่านสถานีรถไฟฟ้า แต่เราขอเดินดีกว่า อยากเดินย่อย !!!
ระหว่างทางก็แวะ 7-11 ซื้อชานมยี่ห้อฉุนชุ่ยเฮอ (Just drink) สักหน่อย
แพคเกจจิ้งใหม่ดูหรูหราขึ้น ส่วนรสชาติก็ยังอร่อยเหมือนเดิม จะขนกลับไทยสัก 20 ขวด :)
เดินประมาณ 10 นาที ก็ถึงวัดซิงเทียน เราตั้งใจมาไหว้พระขอพรก่อนเดินทางกลับ
วัดซิงเทียน (Xingtian temple) วัดที่มีชื่อเสียงอีกแห่งในไทเป สร้างขึ้นในปี 1967 เพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้ากวนอู และยังประดิษฐานเทพเจ้าองค์อื่นตามความเชื่อของลัทธิขงจื้อเช่น เทพหลี่ต้งปิน, เทพจางตัน
>> https://goo.gl/maps/5xL4NmS8Z35ergUbA
การตกแต่งของวัดก็เรียบง่ายแต่สวย เป็นศิลปะแบบจีนโดยใช้สีแดงตัดกับสีเทา มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปได้
ประตูหน้าวัดมีตุ่มสีทองทั้งหมด 108 อัน เป็นตัวแทนของเทพเจ้า 108 องค์ที่คุ้มครองวัดแห่งนี้ ด้านข้างประตูมีเสามังกรและรูปปั้นกิเลน เป็นสัญลักษณ์ของความเงียบสงบ ต่างจากวัดอื่นที่เป็นรูปปั้นสิงโต
วัดนี้เป็นที่เดียวในไทเปที่ไม่อนุญาติให้เผากระดาษไหว้เจ้า งดการแสดงมหรสพและงดรับเงินบริจาค
ชาวไต้หวันนิยมมาขอพรทั้งเรื่องหน้าที่การงาน การเงิน และโชคลาภ ซึ่งส่วนใหญ่จะสมหวังตามที่ขอ
บรรยากาศในวัดเงียบสงบมากๆ
มีคนไต้หวันมานั่งสวดมนต์และทำสมาธิที่ลานด้านในวัด
ที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ไม่ค่อยเจอนักท่องเที่ยวไทย
เราไปถึงช่วงสายๆ ของวันอาทิตย์ กำลังมีพิธีสวดมนต์ในวิหารเทพเจ้ากวนอูพอดี ถือโอกาสรับพรไปด้วยเลย
อีกไฮไลท์คือ ถนนแห่งการทำนาย (Street of Fortune Telling) แหล่งรวมร้านหมอดูที่อยู่บริเวณทางเดินใต้ดินด้านหน้าวัด
มีให้เลือกหลายร้าน บางร้านก็สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้
จากสถานี Xingtian Temple เรานั่งรถไฟฟ้าไปที่สถานี Sun Yat Sen memorial hall
ออกที่ทางออก 4 เดินต่ออีกนิดก็ถึงทางเข้าของอนุสรณ์สถานซุนยัดเซน (Sun Yat Sen memorial hall)
>> https://goo.gl/maps/5SeV23UduBBWKN426
อนุสรณ์สถานซุนยัดเซนสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงท่าน ดร. ซุนยัดเซน ผู้นำการปฏิวัติซินไฮ่ที่ล้มล้างระบบกษัตริย์ได้สำเร็จในปี 1972 ชาวไต้หวันจึงยกย่องให้ท่านเป็นบิดาแห่งชาติ
ภายหลังที่ล้มล้างราชวงศ์ชิงได้ ก็ทำการก่อตั้งสาธารณรัฐจีน (ROC: Republic of China) และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคก๊กมินตั๋งร่วมกับท่านเจียงไคเชก
อนุสรณ์สถานตั้งอยู่ในสวนสาธารณะจงซาน ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนและเป็นพื้นที่ให้กลุ่มวัยรุ่นจัดกิจกรรมต่างๆ
ตัวอาคารออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชวังจีนโบราณผสมกับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ หลังคาเป็นรูปปีกนกอินทรีเพื่อสื่อถึงความมีอำนาจและทรงพลัง
ด้านหน้ามีลานกว้างสำหรับจัดการแสดงหรืองานเทศกาลต่างๆ เมื่อปี 2023 ก็ใช้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลโคมไฟ เรามาเจอช่วงที่กำลังซ่อมแซมพื้นที่พอดี ซ่อมอีกแล้ว 555
ด้านในมีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ของท่านซุนยัดเซนอยู่ในท่านั่ง
ด้านข้างมีทหารยืนรักษาการณ์เหมือนที่อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก
มีการผลัดเปลี่ยนเวรทุกต้นชั่วโมงของทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00
แนะนำให้มาที่นี่เพราะคนน้อยกว่าที่ C.K.S. memorial hall จะได้ดูแบบใกล้ชิดและไม่ต้องเบียดใคร
ภายในอาคารหลักมีโรงละคร หอประชุม (Zhongshan lecture hall) และห้องสมุดขนาดใหญ่ (Dr. Sun Yat-Sen library) ที่มีหนังสือมากกว่า 300,000 เล่ม
อีกไฮไลท์ที่อยากให้มาชมคือ หอนิทรรศการที่ออกแบบให้เหมือนธงของไต้หวัน ด้านบนมีพระอาทิตย์ 12 แฉกแทนเดือนทั้ง 12 เดือน ตกแต่งด้วยผ้าสีน้ำเงินแทนท้องฟ้าสีครามและผ้าสีแดงแทนของเลือดนักปฏิวัติผู้เสียสละ
ในนิทรรศการจัดแสดงเรื่องราวของท่านซุนยัดเซน ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา การศึกษา
อีกฝั่งจัดแสดงเรื่องของสังคม ศิลปะ และวัฒนธรรม
ไฮไลท์สุดท้ายของที่นี่คือ เป็นจุดชมวิวตึกไทเป 101 โดยเฉพาะคืนสิ้นปีจะมีคนจำนวนมากมารอดูพลุที่จุดจากตึก ถึงเวลาบอกลาคุณไทเป 101 กันแล้ว ไว้จะมาหาอีกนะ :)
เรานั่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมาแวะที่สถานี Nangang ก่อนจะไปที่สถานี Ximen
ความพิเศษของสถานีนี้อยู่ที่การตกแต่งภายในสถานีและชานชาลา มีการนำผลงานศิลปะของคุณ จิมมี่ เหลียว มาเป็นลวดลายบนผนัง
เป็นผลงานจากเรื่อง "Sound of Colors" ใครเป็นแฟนของจิมมี่ เหลียวก็แวะมาถ่ายรูปกันได้นะครับ
มาถึงเช็คลิสต์สุดท้ายของทริปที่ซีเหมินติง จริงๆ ก็แวะมาหลายรอบแล้วแต่รอบนี้ขอเดินเที่ยวแบบเต็มๆ
เริ่มที่ Rainbow 6 ถนนสีรุ้งที่เป็นสัญลักษณ์ของความหลากหลายทางเพศ เพื่อส่งเสริมให้สังคมเปิดกว้างและยอมรับกลุ่ม LGBT มากขึ้น
>> https://goo.gl/maps/G3Z869KShddXSvqu6
ถนนสีรุ้งตั้งอยู่ที่ทางออก 6 ของสถานี Ximen กลายเป็นจุดเช็คอินที่มีนักท่องเที่ยวมารอถ่ายรูปทั้งวัน
ข้ามถนนไปที่ The Red House อาคารอิฐแดงที่สร้างในยุคอานานิคมญี่ปุ่น เป็นโรงภาพยนต์เก่าเพียงแห่งเดียวที่ถูกอนุรักษ์ไว้และได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในปี 1997
>> https://goo.gl/maps/vJAWEQhsU873tLHH6
ตึกด้านหน้าเป็นทรงแปดเหลี่ยม หมายถึงความมั่นคงและเป็นเลขมงคลตามความเชื่อของจีน ส่วนตึกด้านหลังเป็นรูปไม้กางเขนสัญลักษณ์ของการอวยพรในศาสนาคริสต์
เมื่อเข้ามาด้านในจะเจอห้องโถงจัดแสดงประวัติของ Red House มีร้านกาแฟอยู่ทางขวามือ ชั้น 2 มีโรงหนังขนาดเล็กที่เปิดฉายในโอกาสพิเศษ
มีศูนย์รวมสินค้าครีเอทีฟ (Creative Boutique Shop) ที่ศิลปินรุ่นใหม่มาเปิดร้านขายงานฝีมือต่างๆ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า
เจอร้านขายกล่องดนตรีที่ดีไซน์น่ารักมาก
ทุกวันเสาร์-อาทิตย์จะมีตลาดนัดด้านหน้าตึกแดง ขายผลงานศิลปะ สินค้าทำมือและโปสการ์ดลายสวยๆ
มาที่ถนนคนเดินซีเหมิน เริ่มต้นในยุคอาณานิคมญี่ปุ่น (ปี 1922) ช่วงแรกเป็นที่ตั้งของโรงหนังและร้านค้า ปัจจุบันกลายสถานที่รวมตัวของวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ แหล่งรวมเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ ห้างสรรพสินค้าและร้านอาหาร
สายกินแบบเราไม่ถนัดการช็อปปิ้ง 555 ขอพาไปสำรวจของกินแทนละกันครับ เริ่มต้นที่โซนเสาเขียว
1. ร้านบะหมี่อาจง (Ay-Chung flour-rice noodle) ต้าฉางเหมี่ยนเสี่ยนเจ้าดังในซีเหมิน คิวยาวถึงปากซอยแต่รอไม่นานเพราะเค้าตักเร็วมาก
>> https://goo.gl/maps/rfiFn7hHq5y2KS3S8
ร้านเล็กๆ ไม่มีโต๊ะให้นั่งกิน ซื้อเสร็จก็ยืนกินที่หน้าร้านเลย
บะหมี่เส้นเล็กในซุปข้นที่ทำจากหอยเชลล์อบแห้ง ใส่ไส้หมูและเนื้อไก่ (ถ้วยเล็ก 60 NTD/ถ้วยใหญ่ 75 NTD)
2. Xing Fu Tang (พื้นที่แห่งความสุข) ร้านชาไข่มุกแบรนด์ดังของไต้หวัน ตอนนี้มีสาขาที่ไทยแล้ว
>> https://goo.gl/maps/sybxi1PxKf9fHKry8
ไข่มุกแบบทำสดเคี่ยวด้วยน้ำตาลทรายแดง นอกจากรสหวานก็จะได้กลิ่นหอมของน้ำตาลทรายแดงด้วย
เมนูขายดีอันดับ1 คือ brown sugar boba milk (100 NTD) นมสดกับไข่มุก ราดด้วยฟองนมและเกล็ดน้ำตาลทรายแดงที่มาจากการเบริ์นไฟ
รสชาติหวานมัน ไข่มุกอร่อย เราชอบไข่มุกของร้านนี้ที่สุด
เลยจากร้านชาไข่มุกไปอีกนิด มีร้านขายเสี่ยวหลงเปาของ Xing Fu Tang อีกด้วย
>> https://goo.gl/maps/Gi7QGevRStMFm3Tz6
3. Like Tea Shop ร้านชาที่เปิดตั้งแต่ปี 1980 เราสั่งเมนู Jasmine green milk tea (50 NTD) ได้กลิ่นหอมจากชาและดอกมะลิ เข้ากับความนัวของนมสด
>> https://goo.gl/maps/ZgcHnM9K6h...
ข้ามมาอีกฝั่งของโซนเสาเขียว มีซอยเล็กๆ ด้านหลังร้าน Uniqlo เป็นแหล่งรวมร้านค้าสตรีทฟู้ดให้อารมณ์เหมือนตลาดกลางคืนเล็กๆ
4. ร้านขายไส้กรอกไต้หวัน (เซี่ยงฉาง) และฮอทดอกสไตล์ไต้หวัน (ต้าฉางเปาเสี่ยวฉาง)
>> https://goo.gl/maps/wMjtk9Xd3g2HFdKa8
5. Roasted rice cake ร้านขายโมจิย่าง (45 NTD) เรายืนรอประมาณ 20 นาที เจ้าของร้านค่อยๆ ปิ้งโมจิอย่างใจเย็น
>> https://goo.gl/maps/bGprhRicVn2wgpYQ8
แป้งโมจิด้านนอกกรอบด้านในหนึบ ชิมแล้วจืดมาก !! ต้องราดซอสซึ่งมีให้เลือกหลากหลายทั้งคาวและหวาน
- ผงถั่ว, นมข้นหวาน, บราวน์ชูก้า, งาดำ, ช็อคโกแลต, ชาเขียว
- Soy sauce, Barbecue sauce, Thai spicy sauce
6. ร้านรถเข็นขายโมจิปั้นสด (Mochi) แป้งโมจิเหนียวนุ่ม คลุกผงถั่วลิสงหวานๆ มันๆ กล่องละ 55 NTD
7. ร้านรถเข็นอีกร้านขายเหลียงหยวน (วุ้นไต้หวัน)
ด้านนอกเป็นแป้งใสๆ เหนียวนุ่มคล้ายไข่มุก ส่วนไส้ตรงกลางจะมีสีและรสชาติที่แตกต่างกัน
ถนนใหญ่ด้านหลังห้าง DONKI มีร้านขายชานมแบรนด์ดังเรียงติดกัน 3 ร้าน เหลือแค่ Milk shop ที่ยังไม่ได้กิน
8. เราสั่งเมนูแนะนำ Taro Milk (70 NTD) อร่อย !!! นมสดหวานมัน ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเผือก
9. โซนเสาเหลืองมีร้านอาหารไต้หวันที่ดังในกลุ่มนักท่องเที่ยวคือ Tian Tian Li Restaurant
>> https://goo.gl/maps/iow212QRXgEqv1EWA
ขายอาหารไต้หวันสูตรต้นตำรับ ข้าวหมูตุ๋นพะโล้ ขนมผักกาด ไข่เจียวหอยนางรม ซุปลูกชิ้นปลา
10. King of bitter melon น้ำมะระขาวปั่นกับแตงกวาและน้ำผึ้ง (105 NTD) ขนาดนี้แล้วก็ต้องวัดใจหน่อย
>> https://goo.gl/maps/tq3R7YsT1b1RZj3c6
แปลกๆ แต่ก็พอกินได้ ทันทีที่เข้าปากจะได้กลิ่นและรสของแตงกวากับน้ำผึ้ง ตามด้วยรสขมของมะระที่ติดอยู่ในคอ
11. ขอปิดท้ายที่ร้าน Original tofu pudding ขนมหวานสไตล์ไต้หวัน
เราสั่งเต้าฮวยเย็นใส่น้ำเชื่อม (55 NTD) เลือกท็อปปิ้งได้ 2 อย่าง หวานอร่อย กินแล้วสดชื่น
นอกจากเป็นแหล่งรวมร้านอาหารก็ยังเป็นเวทีให้บรรดาศิลปินมาแสดงความสามารถกัน เช่น ดนตรีเปิดหมวก
ร้านนี้ขายผลงานภาพวาดจากสีสเปรย์
ถ้าชอบความตื่นเต้นและหวาดเสียว แนะนำให้มาดูโชว์ที่ลานกว้างใกล้กับ Rainbow hotel โชว์จะเริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ จนถึงช่วงค่ำ
ไฮไลท์คือการแสดงกายกรรมผาดโผน (Acrobat street performance)
มีทั้งต่อตัว ตีลังกา โหนห่วง ซึ่งทุกโชว์เรียกเสียงปรบมือได้อย่างท่วมท้น
ปิดท้ายด้วยการหามุมถ่ายรูปสวยๆ เอาใจสายอาร์ตกันบ้าง
Wuchang Street (American street) ถนนที่เป็นแหล่งรวมผลงานกราฟฟิตี้สไตล์อเมริกัน เป็นพื้นที่ให้ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานบนผนังได้อย่างถูกกฎหมาย
>> https://goo.gl/maps/Dpit3WRc7WodpVfLA
เดินอีกนิดก็ถึง Taipei Cinema Park สวนสาธารณะที่มีอาร์ตแกลลอรี่ซึ่งดัดแปลงจากอาคารเก่าในย่านซีเหมิน
>> https://goo.gl/maps/CoEiwE6tbh56vnvw8
ชิ้นนี้เป็นผลงานศิลปะจากวัสดุที่เหลือใช้ กลายเป็นรูปปั้นไดโนเสาร์ขนาดใหญ่
เดินเล่นสักพักก็ถึงเวลากลับแล้ว สำหรับคนที่มีเวลาน้อยแต่อยากช็อปปิ้ง กินของอร่อย และได้รูปสวยๆ ขอแนะนำให้มาที่ซีเหมินติง มาที่เดียวได้ครบทุกอย่าง
กลับมารับกระเป๋าที่โรงแรม สายการบินที่เราจองไว้ ไม่มีบริการ check in town ต้องลากกระเป๋าไปสนามบินเอง
มีแค่ 3 สายการบินที่มีบริการ Check in town คือ EVA air, Starlux airline, China airline กระเป๋าจะถูกส่งไปที่สนามบิน เที่ยวเสร็จก็ถือบอร์ดดิ้งพาสเข้าเกทได้เลย
- จุดให้บริการอยู่ที่สถานี A1 ของ Airport MRT
- เปิดให้บริการตั้งแต่ 06.00-21.30 ของทุกวัน
- ต้องเช็คอินก่อนเวลาบิน ไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง
- กระเป๋าที่เช็คอินแล้วจะได้รับที่สนามบินปลายทาง
ไปขึ้น Express train โดยใช้บัตรใน Tourist package ที่ซื้อตอนเข้าเมือง
ระหว่างทางผ่าน New taipei metropolitan park สวนสาธารณะขนาดใหญ่คลอบคลุมพื้นที่ 4 เฮกเตอร์
เหมาะกับการมานั่งชิล แพลนเผื่อทริปหน้าไว้เลย 555
ใช้เวลาแค่ 38 นาที ก็ถึงสนามบินนานาชาติเถาหยวน ไปให้ถูกอาคารผู้โดยสารด้วยนะครับ
- Station A12 : Airport Termial 1
- Station A13 : Airport Termial 2
เจอตู้กดกาชาปองยักษ์ (100 NTD) ข้างในเป็นโมเดลของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของไต้หวัน
ไฟลท์กลับของเราคือวันอาทิตย์เย็น แถวที่รอโหลดกระเป๋ายาวมาก แนะนำให้เผื่อเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
เช็คเกทให้ดีเพราะสนามบินใหญ่มาก ถ้าเดินไปผิดฝั่งแบบเราอาจจะวิ่งกลับมาไม่ทัน โบ๊ะบ๊ะจนวินาทีสุดท้าย 555
สนุกมากๆ จุใจทั้งกินและเที่ยว เหมือนได้ชาร์ตแบตตัวเองจนเต็ม ทริปนี้คงไม่ใช่ทริปสุดท้ายที่ไต้หวัน เราต้องกลับมาอีกแน่นอน :)
ขอบคุณที่อยู่เที่ยวด้วยกันจนจบทริป หวังว่าประสบการณ์และข้อมูลที่เรามาแชร์จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังแพลนมาเที่ยวไต้หวันนะครับ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าครับ ❤
CALL ME KG
วันพฤหัสที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2566 เวลา 06.41 น.